ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น หานเหม่ยก็มองมาที่เขา หลี่ชิงรีบหลบสายตาและพูดว่า "ยังไม่ทันสุกเลย คงต้องอีกสี่ห้าวันกว่าจะสุกสมบูรณ์!"
"วันนี้ฉันเจอครอบครัวหยางซวยหลานที่ทุ่งนา พวกเขาบอกว่าปีนี้ข้าวสาลีสุกไม่พร้อมกัน เลยจ้างเครื่องจักรไม่ได้ ขอให้ฉันช่วย ฉันก็เลยไปช่วยเก็บเกี่ยวสักพัก"
"ถ้าช่วยเพื่อนบ้านได้ก็ควรช่วยนะ"
"เกาหลีเป็นคนขี้เกียจชอบกิน งานทั้งในและนอกบ้านแทบจะเป็นหยางซวยหลานคนเดียวที่ทำ ปีก่อนๆ ยังพอมีเงินจ้างเครื่องจักรได้ แต่ปีนี้ข้าวสาลีสุกไม่พร้อมกัน เกาหลีก็ขี้เกียจ หยางซวยหลานคนเดียวคงเก็บเกี่ยวลำบากแน่ๆ"
หานเหม่ยพยักหน้าพูด
หลี่ชิงพยักหน้าเห็นด้วยและพูดอย่างมีนัยว่า "ไอ้ขี้เกียจอย่างเกาหลี ไม่รู้ไปได้เมียสวยขยันอย่างหยางซวยหลานมายังไง น่าอิจฉาจริงๆ"
"เขามีวาสนาแบบนั้น แต่ชิงจื่อของบ้านเราก็ไม่ได้แย่ไปกว่าใคร แน่นอนว่าจะไม่..." หานเหม่ยพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดกะทันหัน เม้มริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อเบาๆ
พอเริ่มหัวข้อนี้ หลี่ชิงก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
เขารู้ว่าพี่สะใภ้ไม่ได้โกรธเรื่องเมื่อคืน แต่ก็อยากได้ยินความในใจของพี่สะใภ้ให้ชัดเจนกว่านี้
แต่หานเหม่ยพูดมาถึงตรงนี้กลับหยุดไป
เธอมองด้วยแววตาซับซ้อน ยิ้มน้อยๆ พูดว่า "ในเมื่อหยางซวยหลานขอให้เธอช่วย บ่ายนี้ก็ไปช่วยเขาอีกหน่อยสิ ตอนนี้พี่สะใภ้ก็ไม่มีงานด่วนอะไร"
เห็นหานเหม่ยตั้งใจเลี่ยงหัวข้อนี้ หลี่ชิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เขารับคำเบาๆ แล้วก้มหน้าก่อไฟต่อ
หลังกินข้าวเสร็จ หลี่ชิงอาสาล้างจาน แต่หานเหม่ยไล่เขาออกไป
"ผู้ชายตัวโตแล้วจะมาล้างจานทำไม รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ บ่ายยังต้องลงไปทำงานในทุ่งอีก" หานเหม่ยเร่งเขา
หลี่ชิงเงยหน้าพูดว่า "ผมอยากพักที่บ้านพี่สะใภ้"
"ไม่ใช่ว่าพี่เสียดายที่จะให้ที่นอนกลางวัน แต่ชาวบ้านจะนินทาเอานะ" หานเหม่ยสบตากับหลี่ชิง ใบหน้าแดงขึ้นมาทันที
"ก็ปล่อยให้เขาพูดไปสิ" หลี่ชิงรู้สึกอึดอัดในใจ พูดเสียงดังว่า "พี่สะใภ้ก็บอกแล้วว่าชอบผม ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้หน่อยได้ไหม?"
หานเหม่ยถอนหายใจเบาๆ สีหน้าซับซ้อนพูดว่า "ชิงจื่อ เธอ...คิดดีแล้วเหรอ?"
"ผมจะต้องคิดอะไรอีก ผมชอบพี่สะใภ้ อยากอยู่กับพี่สะใภ้ไปตลอดชีวิต" หลี่ชิงพูดอย่างหนักแน่น
"แต่เธอ...ไม่กลัวเหรอ? พี่เป็นหม้าย แล้วก็แก่กว่าเธอตั้งเยอะ" หานเหม่ยบิดผ้ากันเปื้อนด้วยความกังวล ใบหน้าแดงระเรื่อ ในดวงตามีความหวังเล็กๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นความกังวล
เธอก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่น้องเขยคนนี้ได้ผูกใจเธอไว้แน่น
เธอทั้งกลัว แต่ก็ชอบจริงๆ
หลี่ชิงเห็นท่าทางของหานเหม่ยแล้วก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที "ผู้หญิงแก่กว่าสามปีเหมือนได้ทองคำ ผมชอบจนอยากได้เลย ส่วนเรื่องเป็นหม้ายนั่นเป็นเรื่องเหลวไหล! ถ้าพี่สะใภ้ยอมอยู่กับผม ต่อให้ผมตายผมก็ยอม"
หานเหม่ยได้ยินแล้วก็รีบเอามือปิดปากหลี่ชิงทันที "พูดอะไรเรื่อยเปื่อย ถ้าเธอเป็นแบบนี้ พี่ก็จะไม่...ไม่อยู่กับเธอแล้ว"
หลี่ชิงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากจมูก ตาเบิกโตขึ้นทันที
เขาคว้ามือหานเหม่ยไว้ พูดด้วยความดีใจว่า "แสดงว่าพี่สะใภ้ตกลงแล้วใช่ไหม?"
หานเหม่ยพยักหน้าอย่างเขินอาย ท่าทางที่กำลังจะพูดแต่ยังอายอยู่นั้นเหมือนดอกกุหลาบที่บานในสายฝน
งดงาม น่าทะนุถนอม
"แต่ พี่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง" เธอพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หลี่ชิงดีใจจนแทบจะกระโดด รีบรับปากว่า "พี่สะใภ์พูดมาเลย กี่ข้อผมก็ยอมทั้งนั้น"
"พี่ยอมอยู่กับเธอ แต่เธอห้ามค้างที่นี่ ห้ามบอกคนอื่น แล้วก็...ตอนนี้ยังห้ามแตะต้องพี่" หานเหม่ยหน้าแดง ก้มหน้าพูด
หลี่ชิงทำหน้าเหี่ยวทันที "พี่สะใภ้ครับ แบบนี้มันต่างอะไรกับไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะครับ?"
"เธอไม่ได้อยากอยู่กับพี่ แต่แค่อยากทำอะไรพี่ใช่ไหม?" หานเหม่ยขมวดคิ้ว ถามอย่างโกรธๆ
"ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน" หลี่ชิงตกใจ รีบพูดว่า "พี่สะใภ้สวยขนาดนี้ อยู่ด้วยกันแล้ว ผมก็ต้องคิดเรื่องพวกนั้นบ้างสิ..."
"เอาไว้ทีหลังได้ไหม? ให้เวลาพี่อีกหน่อย" น้ำเสียงของหานเหม่ยอ่อนลง
"ได้ครับ" หลี่ชิงตอบ
เมื่อได้รับคำตอบตกลงจากหานเหม่ย หลี่ชิงตื่นเต้นราวกับได้กินโสมเจ็ดแปดราก กลับบ้านด้วยความดีใจ
กลับถึงบ้านก็กอดผ้าห่มหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
หลังเที่ยงวันไม่นาน ฝนตกพรำๆ ท่ามกลางแสงแดด เสียงฝนกระทบหน้าต่างดังกรอบแกรบ ทำให้จิตใจของหลี่ชิงสงบลงไปมาก
แม้จะมีเงื่อนไขบางอย่าง แต่ขอเพียงต้นไม้เหล็กของพี่สะใภ้ออกดอก เรื่องที่เหลือค่อยๆ จัดการไปทีละอย่าง
หลี่ชิงเงยหน้ามองท้องฟ้า แม้ฝนไม่ตกหนัก แต่การเกี่ยวข้าวสาลีคงต้องเลื่อนออกไป
คิดแล้วหลี่ชิงก็เตรียมตัวงีบหลับด้วยความสุขใจ
แต่พอเริ่มง่วงนอนเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
หลี่ชิงไม่เคยปิดประตูใหญ่ตอนกลางวัน ใครมาก็เดินเข้ามาถึงห้องโถงได้เลย
เขาเพิ่งเงยหน้าขึ้นจะดูว่าใครมา ก็เห็นร่างอวบอิ่มของหยางซวยหลานยืนอยู่ข้างเตียง
"เธอ...มาเร็วจังเลย? ไม่ใช่ว่าจะมาตอนค่ำหรอ?" หลี่ชิงลุกพรวดถามขึ้น
หยางซวยหลานหัวเราะเบาๆ พลางชำเลืองมองหลี่ชิง "คิดแต่จะทำอะไรฉันทั้งวันใช่ไหม? ฉันมาหาเธอมีธุระอื่น ไม่ได้มาให้เธอรังแกหรอก"
"ฉันก็แค่คิดนะ จนถึงตอนนี้ก็แค่ได้ใช้มือเท่านั้น" หลี่ชิงพูดอย่างหงุดหงิด แล้วรวบรวมความกล้าดึงหยางซวยหลานมานั่งในอ้อมกอด มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปตามเนินอกอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
"เจ้าคนใจร้าย รู้แต่จะรังแกฉัน"
หยางซวยหลานไม่ได้ปฏิเสธ จ้องมองหลี่ชิงด้วยแววตาเยิ้ม บีบเอวเขาเบาๆ "ก็เพราะเห็นว่าเจ้าหนุ่มคนนี้โตป่านนี้แล้วยังไม่เคยลิ้มรสผู้หญิง พี่สะใภ้เลยอยากดูแลหน่อย ไม่งั้นคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายหรือไง?"
"ไม่มีทางหรอก!" หลี่ชิงรีบพูด "รู้อยู่แล้วว่าพี่สะใภ้ทั้งสวยทั้งใจดี ถึงได้ดูแลผมแบบนี้"
หยางซวยหลานหัวเราะคิกคัก "เจ้าคนใจร้าย จู่ๆ ก็พูดจาคล่องแคล่วขึ้นมา"
"อย่าลงไปข้างล่างนะ แค่ลูบๆ ข้างบนก็พอ เดี๋ยวค่ำๆ ฉันจะหาโอกาสมาอีก"
หลี่ชิงกำลังจะสำรวจสวนดอกไม้ลับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ถูกหยางซวยหลานห้ามไว้
หยางซวยหลานรู้ดีว่าตัวเองไวต่อความรู้สึก ถ้าปล่อยให้หลี่ชิงปลุกเร้าจนเกิดไฟราคะ ตอนนั้นจะหยุดก็ไม่ได้ ไม่หยุดก็ไม่ได้
อีกอย่าง นี่ก็ยังกลางวันแสกๆ เธอไม่กล้าขนาดนั้น
"พี่สะใภ้ที่รัก ตอนนี้ฝนยังตกอยู่เลย เหมาะกับการนอนที่สุด" หลี่ชิงถูกยั่วจนเลือดขึ้นหน้า ตอนนี้อยากจะดึงกางเกงหยางซวยหลานลง กดเธอลงแล้วลองดูความลึกตื้น
หยางซวยหลานเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากอิ่มแดง ส่งเสียงจุ๊ปากเบาๆ พูดว่า "เกาหลีใช้ให้ฉันมาบอก ไอ้คนไร้ค่านั่น หน้าด้านจริงๆ ให้ฉันมาขอให้เธอช่วยเกี่ยวข้าวสาลีอีกช่วงบ่าย"
"ผมก็ตั้งใจจะช่วยพี่สะใภ้เกี่ยวข้าวต่อบ่ายนี้อยู่แล้ว เกาหลีเป็นคนยังไงเราก็รู้กัน เขาไม่สงสารพี่สะใภ้ แต่ผมสงสารนะ!" หลี่ชิงพูดพลางนวดคลึงหน้าอกอวบอิ่มที่ใหญ่เกินกว่ามือเดียวจะกำได้หมด
แววตาของหยางซวยหลานเริ่มพร่าเลือน เธอพลิกตัวกอดศีรษะหลี่ชิงไว้ทันที "เจ้าคนใจร้าย ทำไมฉันไม่เจอเธอเร็วกว่านี้นะ แค่คำพูดนี้ พี่สะใภ้ก็พอใจแล้ว พี่สะใภ้จะให้เธอชิม"
องุ่นที่ส่งมาถึงปาก หลี่ชิงจะไม่กินได้อย่างไร อ้าปากงับเข้าไปแน่น
ลิ้นดูดเลีย ดูดอย่างแรง
รสเค็มอมหวานเจือกลิ่นหอมอ่อนๆ แผ่ซ่านบนลิ้นและจมูกของหลี่ชิง
สมองของหลี่ชิงว่างเปล่าในทันที โดยสัญชาตญาณกอดร่างอวบอิ่มของหยางซวยหลานแน่น กดลงบนเตียงอย่างแรง
มือข้างหนึ่งแอบสอดเข้าไปในกางเกง
หยางซวยหลานใบหน้าแดงระเรื่อ ครางเบาๆ รีบหุบขายาวเรียวเข้าหากัน
เธอหรี่ตาลง ขนตายาวสั่นระริก
ใบหน้าที่ดูแลอย่างดีนั้น ความแดงระเรื่อแผ่ซ่านจากแก้มไปถึงใบหู จนสุดท้ายแม้แต่ลำคอก็แดงขึ้นมา
หลี่ชิงเห็นท่าทางของหยางซวยหลานแล้วใจเต้นระรัว สติหายไปในทันที
เขาเอื้อมมือลงไป ยื่นมือจะถอดกางเกงหยางซวยหลาน
ในตอนนั้นเอง หยางซวยหลานก็ได้สติขึ้นมาทันที
เธอกอดศีรษะหลี่ชิงแน่น กระซิบข้างหูด้วยเสียงหอบ "เจ้าคนใจร้าย อดทนก่อนนะ ตอนค่ำ ตอนค่ำได้ไหม?"