บิดาจากไร่ส้มไปสักเค่อหนึ่งกับทหารองครักษ์สามนาย ไป๋เหม่ยหลานยังคงนั่งอยู่บนยอดไม้ต้นที่สูงที่สุด เอนแผ่นหลังพิงพฤกษาพรรณสูงตระหง่าน หลังขจัดความฟุ้งซ่านจากนิมิตในวันวานด้วยการนั่งกินผลส้ม
ชาวนาชาวไร่ไม่ได้รับความเป็นอยู่ที่ดีเช่นนาง บุตรสาวท่านโหวผู้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ชั้น 'โหว [1] '
ชาวนาส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่นา พวกเขารับจ้างทำนา นำเงินไปจุนเจือครอบครัว ด้วยความเป็นชนชั้นล่างของสังคมที่ยากจนข้นแค้น ถึงแม้ว่าจะมีฮ่องเต้รวบรวมดินแดนแว่นแคว้นให้กลายเป็นหนึ่งแผ่นดิน ชนชั้นแรงงานกลับมีความเป็นอยู่ย่ำแย่กว่าขุนนางและเหล่าชนชั้นสูงหลายเท่า
แม้ในยามที่บ้านเมืองแบ่งแยกอีกครั้งหนึ่ง ก็ยังไม่ต่างไปจากเดิม นางได้ยินว่าชาวบ้านที่อดอยากยากจนต่างพากันหนีลงใต้ หลังจากที่ฮ่องเต้ทำการอวยยศให้แม่ทัพผู้ร่วมกันก่อตั้งราชวงศ์ ให้ครองแคว้นรอบนอกเรียกท่าน 'อ๋อง [2] '
โชคดีของไป๋เหม่ยหลานได้เกิดเป็นสตรีสูงศักดิ์ ถึงนางจำต้องอยู่เงียบ ๆ ในเรือนบิดา ไม่ทำตัวโดดเด่น นางเก็บตัวพอสมควรไม่เข้าสังคมกับบุตรสาวขุนนางทั้งหลาย นางแทบไม่เดินทางไปที่ไหนไกลจากไร่ส้ม อย่างมากนางก็ไปซื้อของในตลาดบ้าง เพราะถึงนางไม่คบหาใครมากนักนางชื่นชอบหลงใหลในความงาม นางสวมผ้าแพรต่วน [3] ซึ่งสวยงามเป็นอย่างมาก หญิงสาวผู้ดีมีเงินต่างสวมใส่มัน นางดูแลคนงานของบิดา ไม่เช่นนั้นก็อยู่แต่ในเรือนบิดา
"ไป๋เหม่ยหลาน ๆ ข้ามีของมาฝากเจ้า!" เสียงตะโกนปลุกร่างบางในชุดฮั่นฝูถักด้วยลวดลายนภาสีคราม ไป๋เหม่ยหลานสะดุ้ง มองตามปีกสีขาวสะอาดโผลงมา ยื่นมือออกไปรับหยกเปล่งแสงจากจะงอยปากนกนางนวล
"ขอบใจเจ้าสำหรับของฝาก อี้เจ๋อ ถึงข้าจะไม่ต้องการมันอีกก็ตาม"
ปักษาส่งเสียงหัวเราะร่าเริง "โธ่ ๆ ไป๋เหม่ยหลาน รับของเจ้าคืนไปเถิด เผื่อเจ้าจะนึกถึงความงดงามของเทวโลก"
"ยามนี้ข้าเป็นเพียงมนุษย์เดินดิน บุตรสาวท่านโหว เจ้าของไร่ส้มไร่นา ปลูกข้าว ทำเกษตร"
"ท่านพ่อของเจ้าเป็นต่างหาก"
"ข้าก็เป็นผู้ดูแลที่ดินทั้งหมดนี้"
"เพราะบารมีจากข้าต่างหากเล่า ถ้าหากว่าข้าไม่ให้ความช่วยเหลือเจ้า คงได้ไปเกิดเป็นโสเภณีในสนามรบตามโทษแห่งกามารมณ์ของเจ้า"
ปักษาพูดจาเจื้อยแจ้วเกาะอยู่บนเรียวแขนซึ่งปกปิดด้วยผ้าแพรนุ่มลื่น แถมชาญฉลาดเลือกที่จะไม่วางกรงเล็บแหลมคมบนไหล่ของนางให้นางรู้สึกเจ็บ
อี้เจ๋อทวงบุญคุณนางวันที่เขาไปสลับเปลี่ยนดวงวิญญาณแหลกสลายถึงหุบเหวมาร ให้เหล่าผู้อาวุโสสำนักเซียวเหยาเข้าใจผิดว่าเป็นนางเพื่อที่จะนำพานางไปรับโทษทัณฑ์ในภพชาติต่อไป แท้จริงแล้วนางถูกนำพาดวงวิญญาณไปโยนลงไปในบ่อแห่งการจุติอีกแห่งหนึ่ง วาสนานำพานางจึงได้มาเป็นบุตรสาวของบิดาผู้รักใคร่นางปานฉะนี้ ฉางผิงโหวเลี้ยงดูฟูมฟักนางเป็นอย่างดี
ด้วยความเป็นมิตรสหายมาเนิ่นนานนับหลายหมื่นปี ปักษาตนนี้มาพบไป๋เหม่ยหลานเมื่อไร มักมีเรื่องราวข่าวสารในเทวโลกมาแจ้งแก่นาง
"พวกเขารู้เรื่องเจ้าแล้ว"
"อ้อ... งั้นหรือ? คงรู้สึกผิดบ้างกระมัง"
"หยาดน้ำตาของท่านอาจารย์ท่วมสวรรค์ เพราะเจ้า…"
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
"ข้ามิใช่สัตว์โลก ท่านอาจารย์มิใช่สัตว์โลก เอ๊ะ… เจ้าหมายถึงใครรึ?"
มุกตลกขบขันบนใบหน้าป้ำเป๋อของนกน้อยช่างน่ารัก นกนางนวลเอียงคอส่งเสียงโวยวาย ทำไป๋เหม่ยหลานหัวเราะ เคาะหัวอี้เจ๋อเบา ๆ อย่างเอ็นดู
"เดิมทีเจ้าเป็นเทพปักษามิใช่หรือ ข้าจะไปหมายถึงเจ้าได้ยังไงกัน เจ้าใช่นกหน้าตาโง่เง่าอย่างนกทั่วไปที่ไหน เจ้าสำเร็จเป็นเซียน" นางพูดจบ นางก้มลงมองหยกเปล่งแสงในมือ ด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง นางไม่มีโอกาสได้บำเพ็ญตนบนเทวโลกอีกต่อไป นางถูกทรมานจนตายอย่างน่าอนาถในฐานะศิษย์ทรยศ ต่างจากอี้เจ๋อ ขณะปีกสีขาวของนกนางนวลทำให้หวนคิดถึงอดีต
"ท่านอาจารย์ยินเฟิงรักษาพิษเหมันต์จนหายดีแล้ว ท่านแตกหักกับสำนักเซียวเหยา ไปเข้าฝ่ายมารสักระยะ... พวกอสรพิษ…"
"เจ้าพูดจาเหลวไหล ท่านเกลียดชังปีศาจยังกับอะไรดี"
"ข่าวลือจากแดนจิ้งจอกว่ามีเซียนระดับปรมาจารย์เดินทางไปฝึกวิชามาร เขากลืนลูกแก้วปีศาจอสรพิษเข้าไปจนร่างเซียนสลาย กลายเป็นมารครึ่งหนึ่ง"
"…จึงได้เรียกว่าข่าวลือ"
"ท่านเรียกเจ้าภรรยา เรียกเจ้าไป่ไป๋ของท่าน..."
"ยิ่งฟังดูไม่เข้าท่า มีสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว ข้าก็เมา ท่านก็เมาพิษปีศาจ จะเป็นสามีภรรยาไปได้อย่างไร?"
ไป๋เหม่ยหลานมาจุติบนโลกมนุษย์แม้เพียงสิบแปดปี เทียบเท่าระยะเวลาร่วมเก้าพันปีในเทวโลก นางหรือจะรู้ร้อนรู้หนาว นางลืมเลือนเรื่องราวระหว่างนางและท่านอาจารย์ไปเสียหมด ถึงระลึกขึ้นมาได้โดยบังเอิญและในความฝันมากมายของนาง ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่านางจะลืมมันให้ได้อีกครั้ง
"การรับโทษทัณฑ์เพราะผิดประเวณีบนเทวโลก นับว่าถูกต้องสมควร ผู้บำเพ็ญตนล้วนมิใช่มนุษย์ เมื่อมีสัมพันธ์ลึกซึ้งแล้วจึงต้องแต่งงาน"
"ไป๋เหม่ยหลาน อันที่จริงเจ้าจะโกรธแค้นพวกเขาบ้างก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้กระทำผิด"
"ไยต้องโกรธเคืองกัน ข้าตัดสินใจไปแล้ว สิ่งที่ข้าต้องทำ เพียงเดินไปข้างหน้า" ใบหน้าสดสวยแลดูผ่อนคลาย นางปิดตาลงนอน นางคงไม่ใส่ใจไยดีผู้ใดหรอกนอกเสียจากชาวนาชาวไร่
"เรื่องก็ผ่านมาเนิ่นนาน ข้าไม่อยากจดจำ"
แล้วนางก็ห้อยหยกไว้เหนือผ้ารัดเอวไว้กับชุดฮั่นฝูสีคราม สะบัดมือร่ายเวทให้มันกลายเป็นหยกธรรมดา
[1] บรรดาศักดิ์ชั้น 'โหว' 侯 ได้รับยศจากการสืบสกุล หรือได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ เนื่องจากมีความดีความชอบ
[2] อ๋อง (จีน: 王; พินอิน: wáng หวัง หรือ หวาง) [1] เป็นพระราชอิสริยยศสูงสุดของจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์เซี่ยจนถึงราชวงศ์โจว ซึ่งสมัยนั้นจีนยังไม่รวมเป็นจักรวรรดิที่เป็นปึกแผ่น แต่ละแคว้นจะมีอ๋องเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น
[3] ในยุคที่ผ้าถักทอได้รับความนิยม คนมีเงินจะสวมใส่ผ้าแพรต่วน