Chapter 3 - 2-1 บุตรสาวผู้ดี 贵族女儿

'เป็นรางวัลความขยันมุมานะของเจ้า ศิษย์ไป๋...'

'เก่งมาก เจ้าไป่ไป๋'

ทั้งน้ำเสียงทุ้มละมุนหู แววตาเปี่ยมไปด้วยเมตตาของท่านอาจารย์ยังคงอยู่ในห้วงคะนึงของไป๋เหม่ยหลาน นางเฝ้าโหยหาอาลัยนับตั้งแต่จำความได้ตอนอายุสักห้าขวบ ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาราวสายน้ำที่มิอาจหวนคืน นางจดจำทุกสิ่งได้ทีละเล็กละน้อยจนเติบใหญ่

นัยน์ตาคู่สวยเอ่อคลอจ้องมองหยกสลักลายบุปผา เปล่งประกายแสงระยิบระยับ ปรากฏชื่อ 白 อันหมายถึงสีขาว ความบริสุทธิ์ 慧 หมายถึงฉลาดปราดเปรื่อง นางเคยได้รับสมญานามจากการฝึกฝนเวทวิชาหลายแขนง ท่านอาจารย์เชยชมนางว่าฉลาดหัวไว เก่งฉกาจกว่าศิษย์คนไหน

ถึงบางวันนางอาจทำตัวเปล่าประโยชน์ หากนางเหน็ดเหนื่อยกับการฝึกฝนปานร่างจะแตกเป็นเสี่ยง นางมักนอนนิ่ง ๆ บนฟูกนอนในห้องพัก อาจารย์ยินเฟิงมาปลุกเรียกไปไป๋ ลุกขึ้นมาฝึกวิชาของเจ้าซะ อย่าเป็นเซียนที่เกียจคร้านไม่สู้งาน ไม่อดทนบากบั่นต่ออุปสรรค ความเกียจคร้าน

'ท่านอาจารย์... ขอให้ข้าพักสักหน่อย'

'ไม่ เจ้าลุกขึ้นมา'

'ข้าเหนื่อยนะ เกิดข้าดับสลายไปเพราะลมปราณแตกซ่าน ธาตุไฟเข้าแทรก ท่านจะอยู่กับใคร'

'ไป๋เหม่ยหลาน!'

แล้วนางก็ถูกโยนออกจากฟูกนอน เมื่อสำนักเซียวเหยาไม่ต้อนรับเซียนผู้เกียจคร้าน ไหนจะร่างทิพย์ในเมืองเทพล้วนอิ่มสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องหลับนอนก็มีชีวิตอยู่ได้ การกินอาหารหรือหลับใหลในบางครั้งเป็นเพราะร่างทิพย์อ่อนพลังลงเท่านั้น ซึ่งนางแทบไม่ได้ทำเรื่องเหน็ดเหนื่อย ท่านอาจารย์ยินเฟิงให้นางฝึกฝนเฉพาะวิชาที่เหมาะสมกับพลังกายของนาง

ดวงตาสีนิลสนิทเหม่อมองกระจกบานสูงใหญ่ ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงาม นางมิใช่เซียนอีกต่อไป นางไม่มีร่างทิพย์ รังแต่จะโรยราไปตามวัย

ในห้องนอนกว้างขวางในเรือนไม้ซึ่งนางอาศัยกับบิดาตามลำพัง ยามนี้ไม่มีใคร สาวใช้ออกไปเสียหมด หลังจากที่เข้ามาช่วยเหลือนางเกล้าผมดำขลับยาวพ้นสะโพก หวีผมให้นาง ประดับใบหน้าขาวผ่องและปิ่นหยกงดงาม หยิบชุดฮั่นฝูสีสันสดใสราวสีของดอกบ๊วย นางห้อยหยกไว้ใต้ผ้าคาดอก ปัดมือเบา ๆ ให้มันกลายเป็นหยกสลักลายดอกโบตั๋นธรรมดา

เศษหินจากดวงดาราทำให้ตราเทพนี้พิเศษกว่าเซียนอื่นในสำนักเซียวเหยา ไป๋เหม่ยหลานได้รับความเอ็นดูจากอาจารย์ยินเฟิง ผู้สอนวิชาเวทให้นางกว่าหมื่นปี อยู่มาวันหนึ่งนางก็ได้รับตราเทพจากท่านผู้ยิ่งใหญ่ อาจารย์ยินเฟิงถือโอกาสทำให้มันเป็นเครื่องรางวิเศษ เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นตราหยกของนาง

'ไป่ไป๋...'

นางได้ยินเสียงท่านอาจารย์อีกแล้ว...

เปลือกตาร้อนผ่าวปิดลง ส่ายหน้าไปมาแรง ๆ หากยังไม่ห่างหายจากสัมผัสอ่อนหวานราวปุยเมฆของบุรุษเทพ สายตาแสนเอ็นดูราวกับว่านางเป็นหญิงสาวที่น่ารักใคร่ นางหรือจะลืมเลือน กระทั่งค่ำคืนพลาดพลั้งติดกับเวทมาร น้ำเสียงแหบพร่าและแววตาหลงใหลใต้แสงดาราก็ไม่ได้ต่างไป

ทว่านางไม่เคยเสียใจที่ยอมรับความผิดเพื่อรักษาเกียรติของท่านอาจารย์ ปกป้องศักดิ์ศรีท่านโดยไม่สนว่าใครจะมองนางด้วยสายตารังเกียจชิงชัง แม้นท่านอาจารย์ประกาศกร้าวต่อทั่วเทวโลกว่าไป๋เหม่ยหลานมิใช่ศิษย์สำนักเซียวเหยา มิใช่ศิษย์ของหลิวยินเฟิงอีกต่อไป นางเป็นหญิงสกปรกคิดทรยศต่ออาจารย์ นางใช้พิษกามารมณ์ของปีศาจอสรพิษหยดใส่ชาเพื่อมอมเมาอาจารย์ยินเฟิงให้สานสัมพันธ์สวาทกับนาง

"เจ้าจะไปหรือยัง? ข้ารอนานแล้วนะ เจ้าสางผมจนจะหมดหัวของเจ้าแล้ว"

ไป๋เหม่ยหลานไม่ได้สางผมแต่ยืนมองกระจกด้วยแววตาเหม่อลอยจนอี้เจ๋อบินเข้ามาทางหน้าต่าง

"วันนี้ข้าเป็นหญิงโสด หน้าตาสะสวย บิดาร่ำรวย มีอำนาจและเงินทอง ข้าจะซื้อของทั้งตลาด ย่อมไม่ใช่ปัญหา เงินบิดาเปรียบเหมือนเงินข้า"

ไป๋เหม่ยหลานแสร้งทำเป็นไม่สนใจอี้เจ๋อ นางเดินนำหน้าไป ถุงกำมะหยี่สีแดงในกระเป๋าผ้าห้อยอยู่บนเรียวแขน สวมชุดเปิดอกนวลเนียนตามยุคสมัย เกล้าผมด้วยปิ่นสีทอง ดูอย่างไรก็เป็นเศรษฐินี อี้เจ๋อเตรียมหีบเวทใบเล็กมาใส่ของในตลาดด้วย แม้เป็นเซียนก็ยังชื่นชมงานฝีมือของมวลมนุษย์

"ถ้าหากว่าข้าไม่ช่วยเจ้า คงได้ไปเกิดเป็นนางบำเรอในสนามรบตามโทษแห่งกามารมณ์ของเจ้า"

"เจ้าทวงบุญคุณข้ารอบที่ล้านได้ อี้เจ๋อ..."

"เผื่อว่าข้าจะได้อะไรตอบแทน"

"เอาสิ เจ้าอยากได้อะไร?"

"ของเล็กน้อย ไม่มาก แล้วก็สุรา..."

"ข้าผู้มีจิตใจดีจะมอบของขวัญให้เจ้าเท่าที่เจ้าต้องการ เจ้าอยากได้อะไรให้ส่งสัญญาณบอกข้า"

"ดีล่ะ ข้าจะนำของเหล่านี้ไปฝากสหาย เพื่อมิตรภาพอันแน่นแฟ้นเนิ่นนาน"

ปีกสีขาวโผบินมาเกาะเมื่อนางผายมือออกต้อนรับอี้เจ๋อ เล็บแหลมคมบนอุ้งมือนกนางนวลทำให้เสื้อผ้าของนางเป็นรอยเล็กน้อย นางมิได้เอ่ยว่าอี้เจ๋อ ขณะสองเท้าก้าวเดินผ่านระเบียงเรือนกว้าง นางพูดจากับนกนางนวลซึ่งไม่มีใครได้ยินเสียงของเทพ เพียงได้ยินเสียงนางพร่ำพูดลำพัง

"หากมีของฝากไปให้ท่านอาจารย์ด้วย... คงจะดี"

"น่าเสียดาย ไม่มีใครพบท่านอีกเลย มีแต่ข่าวลืออย่างเจ้าว่า ข้าไม่กล้าไปเที่ยวเล่นในนรกภูมิตามลำพังด้วย ที่นั่นสถานการณ์ไม่สงบสุขแม้สักวัน"

"ช่างเถอะ..."

"ใช่... ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดที่ต้องโกหก เจ้าคิดถึงท่านอาจารย์อยู่เสมอ ช่างเถิด"

อี้เจ๋อปลอบใจนางทั้งในร่างนกนางนวล เขาเลือกที่จะไม่ปรากฏตัวเป็นบุรุษเทพให้เป็นที่สงสัย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้างามเศร้าหมองลง ด้วยใจเวทนานางนัก หากเมื่อใดนางเกิดคิดถึงอาจารย์ยินเฟิงขึ้นมา