รองเท้าแต่งงานปักทอด้วยด้ายทองลวดลายหงส์ขยับอย่างระมัดระวัง ชายกระโปรงเจ้าสาวที่ลากยาวบนพื้นไม้เป็นเงามันทำให้นางก้าวขาเดินไม่สะดวกนัก ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวยังค่อนข้างหนากว่าผ้าคลุมทั่วไป ทำให้ทัศนียภาพพร่าเลือนจนมองเห็นทุกสิ่งกลายเป็นสีชาดไปเสียหมด
"ท่านอ๋องเจ้าคะ..."
ไป๋เหม่ยหลานหันไปเรียกเจ้าบ่าวในชุดสีชาดข้างกายนาง ชายร่างสูงสง่าหันมาให้ความช่วยเหลือ ให้นางวางฝ่ามือบนท่อนแขน นำพานางก้าวเดินในเรือนไม้กว้างขวางเพื่อตรงไปยังห้องหอ
ขนาดว่าสายตาของนางมองสิ่งใดไม่ชัดเจน เห็นจะสมคำเล่าลือว่าอ๋องผู้นี้รูปงามปานหยกสลัก เป็นไปได้ว่าเขาอาจเป็นเทวดาเดินดิน ทั้งเค้าโครงของปลายจมูกโด่งเป็นสันคม คิ้วเข้มหนาที่โดดเด่นเหนือดวงตาเรียวรี ขณะสัมผัสถึงรอยยิ้มอบอุ่นผ่านใบหน้าหล่อเหลาแลดูคุ้นตานางเป็นอย่างมาก
ทุกสิ่งเป็นธรรมเนียมบนโลกมนุษย์ บุตรสาวที่ดี กตัญญูและเชื่อฟังบิดามารดาจำต้องก้าวผ่าน
ไป๋เหม่ยหลานเฝ้าปลอบใจตน นางนั่งลงบนฟูกนอนด้วยหัวใจตื่นเต้นสั่นไหว เมื่อถึงเวลาของเจ้าบ่าวจะใช้คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้า เพื่อส่งให้กับมารดาเจ้าสาว ในความหมายว่าทางเจ้าสาวเองและผู้ใหญ่มีใจที่ตรงกัน
ท่านอ๋องแลเห็นว่าเจ้าสาวมิได้มีมารดาเหมือนผู้อื่น นางมีเพียงบิดาจึงกล่าวอำลาผู้ใหญ่ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบสุขุม
"ไม่ต้องมากพิธี... รักษาน้ำใจนางเถิดท่านพ่อ ข้าเองก็มิได้มีท่านแม่เช่นเดียวกับนาง"
บิดายิ้มรับและจากไปในแววตาอาลัย จำต้องส่งบุตรสาวให้กับสามีของนางแล้ว เรือนหลังนี้ก็กำลังจะกลายเป็นบ้านหลังใหม่ของบุตรสาว
เจ้าสาวในชุดสีชาดปักเย็บอย่างประณีต เพียงนั่งนิ่งงัน นางกำมือเยียบเย็น หลังได้ยินเสียงทุ้มนุ่มละมุนหู ไม่มีสักวันหนึ่งที่นางจะลืมเลือนสักเศษเสี้ยวของความทรงจำ
"แม่นางไป๋"
มือเรียวสะบัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก ไม่รอให้เจ้าบ่าวเปิดผ้าคลุมหน้านางแม้รู้ดีว่าไม่ควรกระทำ
นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวสบประสานแววตาน่าหลงใหล นางตกใจจนมือสั่นปากสั่น
"ทะ... ท่านอาจารย์..."
"เรียกข้าสามี..." ในน้ำเสียงประกาศิต ยินเฟิงตัดสินใจเปิดเผยตัวตนกับนาง มือหนาโบกไปมาในอากาศ นัยน์ตาลุ่มลึกอย่างมนุษย์พลันกลับกลายเป็นสีชาด
กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ในเทวโลกคงมากกว่าเก้าพันปี ไป๋เหม่ยหลานหาได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านอาจารย์ เหตุใดเขาไม่เคยตามหานาง ทำไมดวงตาของเขาเป็นเช่นเดียวกับพวกปีศาจ ใบหน้าหล่อเหลาแลดูดุดัน มิใช่บุรุษเทพผู้เปรียบเสมือนแสงตะวัน นางเคยพบแสงสว่างปรากฏรอบกายท่านอาจารย์เสมอ บัดนี้ตัวเขากลับปกคลุมด้วยความมืดมนหม่นหมอง
"ท่านหายจากพิษเหมันต์แล้วหรือ ทำไมท่านเพิ่งมาพบข้า?"
"หายดี ราวกับได้ชีวิตใหม่"
ได้ยินเท่านั้น ไปเหม่ยหลานปล่อยให้หยาดน้ำตามากมายรินไหลผ่านกระบอกตาร้อนผ่าว นางยกมือป้องปากอย่างไม่เชื่อสายตาตน
นางตัดขาดจากชายผู้นี้ไปแล้วแท้ ๆ เหตุใดเขากลับมาปรากฏตัวต่อหน้านาง
"ทำไมเจ้ามัวแต่คร่ำครวญ เจ้าแต่งงานมาเพื่อทำหน้าที่ของเจ้าหรือไม่... ไปไป๋..."
"เจ้าค่ะ..." ในน้ำเสียงสั่นเครือ ไป๋เหม่ยหลานไม่รีรอ โผเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบรัดเอวของนางแน่นแฟ้น
ราตรีกาลแสนเร่าร้อนอ่อนหวานอบอวลด้วยกลิ่นราคะปีศาจ หากร่างกายรุ่มร้อนดั่งไฟ สามารถดับลงได้ด้วยโอบกอดและจุมพิตเสน่หา
ค่ำคืนแห่งไฟมารรุมเร้า ประตูไม้หน้าเรือนปิดแน่นหนาด้วยเวทหยิน ปีศาจทั้งสามกักขังศิษย์และอาจารย์ที่มีใจต่อกันไว้ด้วยไอพิษมหาศาล นางและเขาทำได้เพียงสานสัมพันธ์แห่งเยื่อใยรัก จวบจนรุ่งฟ้าสาง
ค่ำคืนนั้นนอกเสียจากว่าไป๋เหม่ยหลานจะช่วยชีวิตท่านอาจารย์จากไอพิษของปีศาจ มิให้เขาต้องทนทรมานลำพังบนฟูกที่กลายเป็นน้ำแข็งด้วยพิษเหมันต์ นางมิอาจลืมเลือนท่านอาจารย์แม้สักวัน เขากอดจูบลูบไล้ไปทั่วเรือนกายนาง น้ำเสียงอ่อนหวานเรียกขาน 'ไปไป๋' 'ไป่เหม่ยหลาน'
บัดนี้อาจารย์ยินเฟิงในชุดแต่งงาน เป็นสามีนางโดยถูกต้องตามธรรมเนียม เตียงสีชาดโรยด้วยดอกเหมยกุ้ยฮวา ต้อนรับบ่าวสาว เปลวเทียนวูบไหวส่องสว่างใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แลดูดุดันก้าวร้าวผิดเป็นคนละคน มิใช่ท่านอาจารย์ผู้มีเมตตาธรรม ผู้เคยพลาดพลั้งต่อปีศาจและหัวใจตน
ไป๋เหม่ยหลานประหลาดใจในตัวท่านอ๋อง ในคราบของอาจารย์ยินเฟิง ด้วยจิตเดิมของนางเคยเป็นผู้บำเพ็ญตน นางจ้องมองนัยน์ตาสีชาด รอบกายกำยำนั้นสัมผัสได้ถึงอารมณ์มากมาย มิใช่บุรุษเทพผู้นิ่งขรึมสง่างาม
"ท่านอาจารย์... ทำไมท่านมีกลิ่นปีศาจ?"
"ทำไมล่ะ เจ้ากลัวข้าหรือ?" สิ้นคำ ฝ่ามือหนาสะบัดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อปลดอาภรณ์และเกล้าผมนางด้วยเวทสีดำสนิท นางเหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าขาวสะอาด ผมนุ่มหอมทิ้งตัวลงส่งกลิ่นอบอวล ทว่าแววตาประกายมาดมั่นเปลี่ยนไปเป็นสั่นไหว สองมือยกขึ้นกอดกุมทรวงอกงาม
"กลัวรึไม่กลัว ท่านพ่อมอบเจ้าให้เป็นภรรยาข้าแล้ว ย่อมต้องทำหน้าที่ภรรยา"
ไป๋เหม่ยหลานถูกลบหลู่ดูหมิ่นด้วยเกียรติยศเต็มบ่า ซึ่งนางแบกมากับชุดสีชาด สองมือสั่นเทาจึงเลื่อนขึ้นปลดผ้ารัดเอวและอาภรณ์บุรุษร่างกำยำ