บ่าวรับใช้ผู้ดูแลบุตรสาวท่านโหวรู้ดีกว่านางมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ เช่นตัวที่มาเกาะแกะบ่อยที่สุดเป็นนกนางนวลที่มีขนสีขาวสะอาดเป็นเงามัน พุงเล็กกลมของมันแลดูน่ากอด เห็นจะชื่ออี้เจ๋อ
นกนางนวลนี้เริ่มชินชากับการลูบจับหัวของมนุษย์ ดีกว่าพวกเด็กตัวเล็ก ๆ ชอบนำหินขว้างปาหรือเข้ามากลั่นแกล้ง ด้วยนิสัยของเด็ก อี้เจ๋อปล่อยให้ทุกคนเข้าใจว่าตนเป็นนกนางแอ่นที่น่ารัก ได้รับการฝึกฝนจากไป๋เหม่ยหลานจนเชื่อง เมื่อใดนางยื่นอาหารให้เขาใช้จะงอยปากจิกกิน แถมแสร้งกินอย่างเอร็ดอร่อย
คราวนี้อี้เจ๋อไม่อยู่บนโลกมนุษย์นาน การเดินทางข้ามภพภูมินั้นกินเวลามาก เขารวบรวมของกระจุกกระจิกเท่าที่จะนำไปได้ ไม่ให้เป็นการรบกวนไป๋เหม่ยหลานมากนัก
"อี้เจ๋อล่ะ เขาไปแล้วหรือ? ลูกสาว"
บิดาเรียกหาบุตรสาวทว่าชะโงกคอมองหานกนางนวล ไป๋เหม่ยหลานส่งของให้บ่าวรับใช้นำไปเก็บในห้องพัก ปิดประตูห้องรับรองมิดชิดเพื่อพูดคุยกับบิดาตามลำพัง
"ไปแล้วเจ้าค่ะ เขาว่าเดินทางไกล ใช้เวลาพอสมควร"
"ข้าก็อยากติดสินบนเทพบ้าง เผื่อจะได้รับคำอวยพร มีเหล่าเทพปกปักรักษาคุ้มกันภัย"
มีเพียงบิดาผู้รู้เรื่องราวจากบุตรสาวซึ่งเคยพูดมันเมื่อนานมาแล้ว ในทีแรกเขาไม่เก็บมาใส่ใจ กระทั่งนางอายุสิบขวบได้ เหล่าขุนนางและผู้สูงศักดิ์เริ่มหันมาบูชาเทพ ตัวเขาได้พบเทพปักษาอี้เจ๋อกลับคืนร่างบุรุษรูปงาม ปกป้องบุตรสาวของเขาจากรถเกวียนให้ตกใจครั้งหนึ่งก่อนจากไปสักพักใหญ่ ๆ
บุตรสาวเล่าให้ฟังว่าสี่สิบปีเทวโลกอาจผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งเดือนในโลกมนุษย์ ฉางผิงโหวตั้งใจฟัง ก่อนจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ บ่าวรับใช้นำชาเข้ามาวางไว้ให้และออกไป ไม่มีใครคิดอยากรู้ความลับของเจ้านาย
"ข้าว่าจะคุยกับเจ้าเรื่องชายหนุ่มผู้จะมาสู่ขอเจ้า"
"เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านเลี้ยงดูข้ามาเป็นอย่างดี ข้ามิให้ท่านเดือดร้อนเป็นอันขาด" นางตอบรับบิดาด้วยใจยินดี รู้หน้าที่ตนในฐานะบุตรผู้มีคุณธรรม เป็นหญิงก็ต้องมีสามีแต่งงานเมื่ออายุสิบห้าปีแล้วด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยความงามของนางมีผู้มาทาบทามให้ไปคัดเลือกนางสนม เป็นเพราะบารมีของบิดา นางจึงได้อยู่ติดเรือนทำตัวเปล่าประโยชน์ไปวัน ๆ
"... ข้าไม่อาจมีข้อโต้แย้งเรื่องออกเรือน หากท่านพ่อเห็นสมควร ข้าเชื่อใจท่าน ย่อมเลือกชายที่ดีที่สุดให้ลูกสาว แต่ข้าขอเสียมารยาทถามหน่อยเถิด เหตุใดเจ้าบ่าวข้าถึงได้รีบร้อนมาสู่ขอ ข้าเคยพบหน้าเขามาก่อนหรือไม่เจ้าคะ?"
"ท่านอ๋องกลัวจะพลาดฤกษ์งามยามดี สมควรจัดการตบแต่งให้เร็วที่สุด ท่านโหราในราชสำนักทำนายว่าเป็นปีมังกรทอง ฤกษ์งามยามดี แต่งงานมีบุตรได้ในปีนี้ ก็ยิ่งดี"
ถึงอยู่แต่ในเรือน ไป๋เหม่ยหลานได้ยินเรื่องการตบแต่งของผู้ดีในระยะนี้ บ่าวรับใช้กระซิบนินทากันว่าบุตรสาวบ้านไหนจะตบแต่งกับใคร ถึงนางไม่รู้จักใคร ก็อาศัยลอบฟังเอา นางรู้ตนว่าอายุครบสิบแปดปี ล่วงเลยเวลาแต่งงานมามาก นางควรแต่งงานตั้งแต่อายุสิบห้าปี นางลุกขึ้นไปรินชาใส่ลงในถ้วยให้บิดาอย่างกุลสตรี ด้วยกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ไม่แสดงท่าทีไม่พอใจแม้แต่น้อย
"ข้าจะทำหน้าที่ลูกสาวท่านฉางผิงโหวเป็นอย่างดี งานบ้านเรือนมิให้ขาดตกบกพร่องให้ใครมาต่อว่าได้ ท่านพ่ออย่าได้เป็นกังวล"
"เจ้าเป็นเด็กดี ลูกสาว" นัยน์ตาคู่คมเอ่อคลอหยาดน้ำใส เพียงคิดว่าจะต้องลาจากบุตรสาว ยอมให้นางไปอยู่กับชายหนุ่มผู้ซึ่งเขาไว้วางใจเป็นอย่างมาก
"ข้าคงคิดถึงเจ้า..."
"ข้าจะมาเยี่ยมเยียนท่านพ่อบ่อย ๆ หากเป็นไปได้ข้าก็... ขอให้ได้อยู่เรือนใกล้เคียงกัน"
"ไม่ไกล เดินเท้าก็ได้ รถม้าก็รวดเร็ว เจ้ามาหาข้าได้ทุกวันหากว่าเจ้าพอมีเวลาจากการดูแลงานบ้านงานเรือน งานดูแลสามี"
ฉางผิงโหวเอื้อมมือไปลูบศีรษะน้อยอย่างเอ็นดู พอตระหนักได้ว่าบุตรสาวจะต้องจากอกตนไปก็อดเศร้าหมองใจมิได้
จะว่าเศร้าก็แสนเศร้านัก แม้นไม่รู้ด้วยเหตุใด อยู่ดี ๆ เขากลับหัวเราะออกมา
"บุตรสาวผู้ดี ล้วนอยากตบแต่งกับเฉียนฟานอ๋อง ท่านมีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เก่งฉกาจเรื่องงานรบอย่างชายชาตรี วิชากระบี่ไม่เป็นรองผู้ใด ผู้คนต่างเล่าขานกันว่าเจ้าผู้ครองแคว้นนี้รูปงามหล่อเหลาปานหยักสลัก"
'ท่านอ๋องผู้นี้ อยู่ดี ๆ ก็ปลูกเรือนหอไม่บอกกล่าว แถมใกล้เรือนท่านพ่อเสียด้วย บทจะมาสู่ขอ กลับไม่เคยพบหน้าค่าตา ไม่มาพูดจากันเสียหน่อย ประหลาดนัก'
นางคิดในใจ มิได้โตแย้งบิดาที่ยกย่องสรรเสริญท่านอ๋องอย่างออกหน้าออกตา ราวกับว่าอ๋องผู้นี้เป็นเทพบุตรกลับชาติมาเกิด เรื่องราวต่าง ๆ จากปากบิดาล้วนมีแต่เรื่องดี นางสิกำลังคิดว่าท่านอ๋องจะมาสู่ขอนางไปเป็นภรรยาเพื่ออะไร ไปเลือกบุตรสาวผู้อื่นไม่ดีกว่าหรือ แล้วพ่อม่ายอย่างฉางผิงโหวรึจะไม่หวงบุตรสาว เขาเลี้ยงดูนางมาลำพัง ทะนุถนอมเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน อะไรทำให้บิดาเข้าข้างชายแปลกหน้าถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นเรื่องการเมือง
"แล้วท่านอ๋องจะเมตตาข้าเท่ากับท่านพ่อไหมเจ้าคะ? เขาจะเฆี่ยนตีข้าหรือไม่ หากข้ากระทำความผิด"
"ดีสิ... ดี ต้องดีแน่..."
"ท่านอ๋องจะรับอนุไหม?"
"ท่านอ๋องชื่นชมเจ้ามาก เขารับปากกับข้าว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเสียใจเป็นอันขาด"
บิดาเบี่ยงประเด็น หัวเราะร่าเริงแล้วเดินจากไป บุตรสาวเก็บความสงสัยนั้นไว้ ตั้งใจจะไปถามบ่าวรับใช้ดีกว่าถามจากบิดาในเมื่อเขาไม่ยอมบอกนาง จึงเข้าไปในห้องครัว ถือโอกาสตระเตรียมอาหารเย็นให้บิดาและคนอื่น ๆ นึกขึ้นได้ว่าอาจไม่ได้ไปคุมงานชาวไร่ชาวนาอีก นางบอกให้แม่ครัวห่ออาหารสำรับใหญ่สำหรับทั้งครอบครัวไปให้พวกเขาด้วย ถือเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาจะมีกินกันมื้อใหญ่ อิ่มท้องกันทั้งบ้าน
"ลูกสาวคนเดียวได้ออกเรือนกับท่านอ๋องรูปงาม มีหน้ามีตาในราชสำนัก ท่านโหวเลยหัวเราะร่าเริง ท่านอารมณ์ดีทุกวันเลยนะเจ้าคะ คุณหนู..." สาวใช้พูดจาเอาใจนาง ยังตามมารับใช้นางด้วย ไป๋เหม่ยหลานหยิบอาหารใส่ปิ่นโตเรียบร้อย ส่งให้สาวใช้ทั้งสองคนละตะกร้าให้ครอบครัวของพวกนาง ก่อนจะตัดสินใจถามบ่าวรับใช้ทางด้านซ้ายมือนาง
"ตกลงว่า... ท่านอ๋องเขาเป็นคนอย่างไร ข้ามิได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลย"
"ท่านอ๋อง..."
"จางลี่!" เสียงตะคอกพร้อมการปรากฏตัวของบิดา มองไปทางบ่าวรับใช้เป็นนัยว่าห้ามพูด! สาวทั้งสองยกมือป้องปากตน ถอยหลังเดินไปไม่อยู่ให้รกสายตาท่านโหว มองพวกนางปานจะกินเลือดเนื้อ ก่อนหันไปพูดกับบุตรสาว
"ข้าว่าเจ้ารอพบเขาด้วยตัวของเจ้าเองจะดีกว่าลูกสาว อย่าได้ฟังความจากใครทั้งสิ้น จะเกิดเข้าใจผิดกัน อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งกับท่านอ๋อง"