ผู้เฒ่าจันทราส่ายหน้าไปมา "เป็นคู่ครองกันมาทุกภพชาติ ทุกภพภูมิ สวรรค์ นรก มิอาจแยกจาก มีเพียงความตายเท่านั้นอาจพรากจากพวกท่านไปชั่วขณะหนึ่ง ข้ามิได้เลือกให้ท่านจำเป็นต้องมีวาสนาต่อกัน ข้าเพียงจดเอาไว้ให้จดจำ..."
ตำราเก่าแก่โบราณในมือขวา เปิดเผยให้นางดูอย่างไม่ปิดบัง นางมองเห็นว่าตัวอักษรเหล่านั้นเล็กเกินกว่าที่นางจะอ่านออกยังเป็นภาษาที่นางไม่รู้จัก ทว่าบุรุษข้างกายนางทำชะโงกมองเหมือนกับว่าเข้าใจมัน นางจึงคาดการณ์ว่าคงเป็นภาษาของเทพบนเทวโลก
"ตำราของท่านทั้งเล่มใหญ่และหนา ท่านเคยลืมบ้างหรือไม่ หรือว่าผูกให้ใครผิด ผิดคู่ผิดคน"
"ข้าไม่เคยลืมแม้สักครั้งเดียว และก็อย่างที่ข้าบอกกับเจ้าอาเป้ย หากมีบุพเพสันนิวาสต่อกันจะได้พานพบกันอย่างแน่นอน"
อาเป้ยได้สติของตนกลับคืนมา ก้มหน้าลงมองมือที่กำมือของนางแน่นและด้ายสีแดง ปลายอีกด้านหนึ่งนั้นซ่อนอยู่ใต้อาภรณ์สีดำสนิทบริเวณข้อเท้า
"มิน่าเล่า ข้าถึงได้... รู้สึกคุ้นตาท่านนัก... เทพอู่เฉิน ข้าเคยพบท่านมาก่อน"
นางพึมพำแต่บุรุษเทพสูงวัยกลับหัวเราะนาง เป็นเสียงหัวเราะที่แสนใจดี หาใช่เย้ยหยันนางผู้มาอยู่ในเทวโลกได้อย่างไรก็หาได้รู้ต้นสายปลายเหตุ
เทพอู่เฉินกำลังสับสนกับสิ่งที่รับรู้ ก้มหน้าลงมองใบหน้าขาวใสด้วยอารมณ์อันมากหลาย
อย่างหนึ่งแน่คือไม่มีวันที่จะปล่อยมือนางไปอีกเป็นอันขาด!
นัยน์ตารุธิระประกายดุดันก้าวร้าวเมื่อมองนางมีข้อโต้แย้งมากมาย จึงบีบข้อมือเล็ก ๆ จนนางรู้สึกเจ็บ นางโวยวายใส่ก็ยังไม่ปล่อยนาง ผู้เฒ่าจันทราจำเป็นต้องขัดทั้งสอง ด้วยรอยยิ้มอันเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา ทว่าคมกริบราวใบมีดกระบี่อาบยาพิษ
"ข้าขออภัยที่ขัดจังหวะ เทพอู่เฉิน แต่ก่อนท่านจะกลับเรือนของท่าน ต้นไม้ใบหญ้าในภพภูมินี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิต เรื่องนี้ก็ยังไม่ถึงหูเบื้องบน เหล่านักบำเพ็ญเพียรในภพภูมิลับแลรบกวนท่าน ช่วยทำให้พวกมันกลับมางดงามดังเดิมด้วย"
มีเพียงผู้เดียวในทุกภพภูมิเทวโลก ชื่นชอบการทำลายล้างทุกสิ่งด้วยไฟกัลป์ ทว่านางเฟยอี๋ไม่ได้มาเหยียบเยือนลับแลภูมิ ที่พำนักอาศัยของฤๅษี เซียนปราชญ์นักทำนายทั้งหลายมาร่วมพันปี เมื่อนางได้รับการอิสรภาพจากการจับกุมตัวครั้งที่สอง ทำสัญญากับท่านราชาปีศาจเอาไว้ว่านางจะอยู่ในอาณาเขตของนาง ทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในสัญญาแห่งเทพและปีศาจ
การที่ต้นไม้มากมายตายไปเสียเกือบครึ่งหนึ่ง ไม่มีทางที่เทพอู่เฉินจะทำให้พวกมันฟื้นคืนมา หากว่าทำได้ ก็คงเนิ่นนานนับหลายร้อยปี ความผิดนี้อาจถูกยกให้เป็นความผิดของมารดาปีศาจก็ย่อมได้
และด้วยเหตุว่าการจะไปขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าแห่งสายน้ำอีกครา อาจเสียหน้าพอสมควร ร่างอสรพิษโจนทะยานขึ้นบนนภากว้าง หันไปขอความช่วยเหลือจากบิดาผู้เป็นมังกรสวรรค์ โดยไม่ลืมใช้อุ้งมือขนาดใหญ่มหึมาจับกุมสองตัวปัญหา ทั้งขาไปและขากลับมาด้วยกัน
นภาลัยอันกว้างใหญ่ไพศาลในลับแลภูมิบัดนี้มีหนึ่งเทพอสรพิษและมังกรฟ้า มังกรแห่งเทวโลกชั้นฟ้ามีเกล็ดเป็นสีเดียวกับนทีสีมรกต ทอประกายระยิบระยับ
พฤกษชาติสีดำสนิทจากการถูกเผาไหม้กลับมาอุดมสมบูรณ์ราวกับว่าไม่เคยถูกเผาผลาญมาก่อน เพียงบิดามังกรผงาดกรงเล็บผ่าน เมื่อบุรุษเทพมังกรเหยียบย่างลงบนพื้นดิน หญ้าเขียวชอุ่มยิ่งสดใสงอกงาม บุษบันกลับมาเบ่งบาน สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ล้วนฟื้นคืนชีวัน
"เทพอู่เฉินลูกชายข้า ได้ยินข่าวคราวของเจ้ามาเรื่องเผาผลาญบ่อบัวอันงดงามของใต้เท้าจีกงเพื่อช่วยเหลืออสูรน้อยตนหนึ่ง อ้อ... เป็นเจ้านี่เอง..."
บุรุษเทพรูปงามยังดูเยาว์วัยไม่ต่างจากบุตรชาย อาเป้ยจ้องมองทั้งบิดาและบุตรชายสลับไปกันมา เพราะหน้าตาละม้ายคล้ายกัน เหมือนจะเป็นพี่ชายน้องชายเสียมากกว่า หลังได้ปรับความเข้าใจกันแล้วว่านางจะไม่หนี นางก็คงไม่รอดพ้นมือเทพปีศาจ บัดนี้ยังคงบีบข้อมือแดงช้ำของนางแน่น ไม่ต่างจากว่านางเป็นนักโทษ
เทพฮ่าวหราน บิดาแห่งมังกรชั้นฟ้าเป็นเทพผู้แสนจะอ่อนน้อมถ่อมตน กำลังให้ความสนใจพยัคฆ์อัคคีตัวเล็ก จึงนั่งยองลงบนพื้นดินให้มีความสูงเท่ากับมัน เพื่อพูดคุยกับมัน
"ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไร? เจ้าตัวเล็ก"
"ข้าชื่อเหลียนเหลียน อาเป้ยตั้งให้ข้า... ท่านแม่ของข้าไม่เคยตั้งชื่อให้ข้า..."
"อ้อ เหลียนเหลียน เจ้าช่างน่ารักน่าเกรงขามเสียจริง ข้าไม่ได้พบเห็นพยัคฆ์อัคคีมานานเท่าไรกัน ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า แล้วเจ้า..." ฮ่าวหรานลุกขึ้นยืนยิ้มให้แม่นางในอาภรณ์สีดำ กลางหน้าผากนางมีสัญลักษณ์ซึ่งทำให้รู้ได้ในทันทีว่านางเป็นสมบัติของเทพปีศาจ
"เจ้าคงจะเป็นอาเป้ย ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นศิษย์ของเซียนพรตฮุ่ยหมิง ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า แม่นางช่างงดงามสมคำเล่าลือ"
เพียงได้ยินคำว่า 'งาม' เปลวเพลิงในดวงตาของเทพอู่เฉินลุกโชติช่วงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดว่าเกิดไฟริษยา! ถึงแม้ว่าผู้เป็นบิดาจะสบมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความเอ็นดูเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน หาได้คิดล่วงเกินนาง อาเป้ยก้มศีรษะลงคำนับอย่างนอบน้อม
"คารวะท่านเทพมังกร ข้าขออภัยที่ทำให้เกิดปัญหา ข้าเป็นเหตุให้ท่านต้องลำบาก..."
"เรื่องเพียงเท่านี้เล็กน้อยนัก ห่างไกลคำว่าลำบากสำหรับข้าผู้เป็นมังกรแห่งการฟื้นฟู"
"ท่านพ่อโปรยปรายเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต ร่ายเวทฟื้นฟูในร่างมังกรสีฟ้าครามของท่าน ท่านไม่ได้จำแลงกายเป็นมังกรมานานแล้ว สักประมาณห้าพันกว่าปีได้ ก็คงไม่ใช่เพราะข้าผู้เดียว..."
"เทพอู่เฉิน เจ้าไม่ควรกล่าวโทษนาง เจ้าเป็นผู้เผาต้นไม้ดอกไม้เหล่านั้น แม้แต่วิหคตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะออกไข่ ฝูงมัจฉามากมายในลำธาร ทั้งหมดหาใช่ฝีมือของนางไม่ นั่นล้วนเป็นโทสะของเจ้า"
"ข้าขออภัยท่านพ่อ เป็นความผิดของข้าแต่เพียงผู้เดียว"
เทพอู่เฉินก้มศีรษะให้บิดาอย่างรวดเร็ว อาเป้ยเงยหน้าขึ้น หลังถูกโยนความผิดให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางรู้สึกว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่ความผิดของนาง นางเพิ่งตระหนักได้ด้วยสติ เมื่อบิดามังกรสั่งสอนบุตรชายด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
"ลูกชายข้า แค่มองตาเจ้า ข้าก็รู้ว่าเจ้ามีใจให้นาง เจ้าถึงได้หวงแหนนางนัก แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าใช่เทพเหลวไหลเสียเมื่อไร เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะใช้เพลิงอัคคีจากเนตรปีศาจเผาผลาญเทวโลกไปครึ่งภพภูมิเช่นนี้ เอาล่ะ พวกเจ้าควรไปพักผ่อนที่เรือนของข้าก่อน ข้ามีเรื่องจะอบรมสั่งสอนลูกชายข้า โดยเฉพาะเรื่องของสตรี..."