Chapter 38 - 13-2 恶魔的眼泪 น้ำตาปีศาจ

ยามท้องนภาอึมครึมมืดหม่น แสงสีนวลสาดส่องเข้ามาในห้องพักเพียงเล็กน้อยจนต้องจุดตะเกียงส่องสว่าง อาเป้ยไม่มีกะจิตกะจิตใจหลับใหลแม้ราตรีมาเยือน นางไปเอ่ยขอตำราจากบ่าวในเรือนเทพบิดามังกรมานั่งอ่านฆ่าเวลาบนเก้าอี้ไม้สีแดงกลางห้อง ลุกขึ้นไปจัดแจงอาภรณ์สีขาวปักทอด้วยเวทเซียนงานประณีตหน้ากระจกบานใหญ่ รวบผมดำขลับเอาไว้ครึ่งศีรษะ ปักด้วยปิ่นมุกทะเลทักษิณ ก่อนเดินไปเดินมา ทำตัวไร้แก่นสารใด ๆ

นางจะนอนเข้าไปได้อย่างไร งูตัวเบ้อเริ่มอยู่บนเตียงของนาง! นอนพาดขวางอยู่ครึ่งหนึ่งหนึ่ง วางหัวไว้บนหมอน ยื้อแย่งผ้าห่มของนางไป

นางขมวดคิ้วมุ่นมองอสรพิษเลื้อยไปมา ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อปลุกท่านเทพ ส่งเสียงเรียกเท่าไรก็ไม่ฟื้นตื่นจากนิทรา ในที่สุดนางจึงล้มตัวลงนอนเคียงข้างอย่างถือวิสาสะ ในเมื่อท่านยังขึ้นมาบนที่นอนของนาง

"ท่านดูไม่เป็นสุขนักเทพอู่เฉิน ไยท่านระส่ำระสายถึงเพียงนั้น ท่านมีความฝันด้วยหรือ? ข้าว่าท่านน่าจะฝันร้ายแน่ ๆ ล่ะ"

ใต้เกล็ดนิลละเอียดงดงาม อาเป้ยซ้อนมือทั้งสองวางลงบนหมอน คว่ำหน้ามองอสรพิษปิดตาสนิทแน่น นางพูดของนางอยู่คนเดียว พึมพำไปสารพัดเรื่องราว กระทั่งสามารถมองเห็นนัยน์ตาสีโลหิตเบิกกว้าง

ร่างอสรพิษพลันสะดุ้งมองสตรีเบื้องหน้า หลังผ่านพ้นราตรีมืดมนหม่นหมอง แสนเจ็บปวดรวดร้าวดวงใจ นัยน์ตาอันน่ากลัวเอ่อคลอหยาดน้ำใส แลดูเศร้าหมองอย่างสังเกตเห็นได้ชัด

"ตัวข้าไม่สามารถข่มตาลงนอนได้ เห็นท่านยังวนเวียนอยู่ที่เดิม มุดไปมุดมาใต้ผ้าห่มของข้า ท่าน... ทำให้ข้านึกถึงงูเขียวท้ายกระท่อมของข้า"

"งู... ท้ายกระท่อมของเจ้า?"

"ใช่แล้วท่านเทพ แถมไม่ได้มีแค่งู..."

เมื่อบุรุษเทพปีศาจดึงสติสัมปชัญญะกลับมาให้ความสนใจกับบทสนทนาของนาง ผู้บอกเล่าเรื่องสัตว์ร้ายทั้งหลายมาสร้างความรำคาญใจให้นางอยู่เป็นประจำ ในกระท่อมตีนเขาวัดเทียนหลงอยู่ติดกับป่าอันสมบูรณ์ นางต้องคอยไล่พวกมัน ตีพวกมันตายไปก็หลายตัวโดยเฉพาะงู นางนำซากศพของพวกมันมาประกอบอาหารรสชาติดี นางกินของนางคนเดียวเพราะเหล่านักพรตเคร่งในศีลไม่แม้จะลงมือฆ่าสัตว์หรือให้ผู้ใดลงมือจึงไม่กินพวกมันไปด้วย

นางขึ้นมาพักอาศัยบนเทวโลกแล้วนางไม่เคยคาดคิดว่าบนเตียงของนางจะมีงูขี้เซาตัวหนึ่ง ลักลอบมานอนปลายเตียง ซ่อนเร้นกายใต้ผ้าห่ม คอยเฝ้านางเอาไว้เพราะกลัวว่านางจะหนี

"... ท่านยังไม่ตอบคำถามข้าเสียทีเรื่องความฝันและนิมิตของท่าน อันที่จริงท่านไม่เคยตอบสิ่งใด ซ้ำร้ายยังชอบต่อว่าข้าวาจาร้ายกาจ ทั้งที่ตัวท่านเองก็ร้ายนัก"

"ข้ามีความฝันเฉกเช่นมนุษย์ในบางครา พลังเวทของข้ากล้าแกร่งจนสามารถสร้างโลกอีกใบหนึ่ง โลกเหล่านั้นล้วนไม่ใช่ความจริง นิมิตของปีศาจเป็นเพียงภาพลวง ข้าสามารถบังคับเจ้าให้ฝันถึงข้า จะทำอะไรเจ้าก็ย่อมได้..."

ยามอธิบายเรื่องราวให้นางฟัง สบตาใสแป๋วปรากฏอารมณ์หลากหลาย แก้มแดงซ่านในท่าทีเก้อเขินขึ้นมากะทันหัน เทพอู่เฉินดูผ่อนคลายลง ทว่าแววตาสลดเศร้าบอกว่ามีเรื่องราวบางอย่างในใจ

อาเป้ยจึงเอื้อมไปหยิบผ้านวมอุ่นขึ้นคลุมร่างอสรพิษด้วยท่าทีเอาใจใส่ ซุกตัวลงนอนแนบแก้มร้อนผ่าวบนร่างสีนิลใต้ผ้าผืนเดียวกัน

"ท่านบังคับจิตใจข้ามามาก ถึงคราวข้าบังคับท่านให้ทำตามใจข้าบ้าง..."

"แล้วถ้าข้าไม่ยินยอมตามใจเจ้า... จะว่าอย่างไร?"

"ข้าก็จะไม่ยอมเชื่อฟังท่านอีกต่อไป ท่านตามใจข้าเถิดเทพอู่เฉิน ราตรีนี้ข้าปรารถนาเพียงอิงแอบกายใต้เกล็ดอันงดงามของท่าน ปลอบประโลมใจท่านให้คลายหายจากความเศร้าหมอง ท่านจะไม่เป็นไร ข้าก็จะไม่เป็นไร หากท่านกลัวคำครหา ขอให้ท่านจงอยู่ในร่างอสรพิษ ข้ายังคงยึดมั่นในความรักใคร่ท่านอย่างมากมาย ทั้งด้านเทพและด้านปีศาจของท่าน ข้าขอร้องท่านครานี้... อย่าได้ปฏิเสธข้า"

ในน้ำเสียงเอาแต่ใจเอื้อนเอ่ยคำรัก หยาดน้ำตาอสรพิษพลันไหลหล่นลงผ่านแก้มแดงซ่านของนาง และด้วยความอับอายของเทพอู่เฉินผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น จึงขยับข้ามไหล่มนไปก้มหัวลงชิดเรือนผมนุ่มหอม เพื่อโอบกอดนาง กระทำต่อนางด้วยกิริยาอ่อนโยนตรงข้ามวาจา ก็ยังไม่ว่างเว้นการบริภาษนาง

"เจ้า... ช่างเป็นสตรีไร้ยางอาย รู้จักใช้จริตมารยาล่อลวงได้แม้กระทั่งปีศาจ..."