งูดำหน้าตาเฉยชาไร้พิษภัยเหมือนงูในทุ่งนา ทำให้จิตใจของอาเป้ยชุ่มชื้นมีชีวิตชีวา ความรู้สึกของนางเปรียบดังพื้นหญ้างดงามอันกว้างขวางยาวไกลในเรือนเทพมังกรนี้ ทว่าพอนางหันไปยิ้มให้งูดำที่ว่า ดันเมินหน้าหนีนาง ทำหูทวนลมใส่บิดาอีกต่างหาก
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางปรารถนาจะพบเทพอู่เฉินในทุกวันบนที่นอนของนาง แม้ว่านางแสนเอียงอายยามท่านอยู่ในร่างอสรพิษ และถึงแม้ว่าบิดามังกรพาลต่อว่านางไปด้วย นางยังคงนั่งยิ้มหวานอยู่บนพื้นหญ้าเคียงข้างพยัคฆ์อัคคี ในฝั่งตรงข้ามเทพบุรุษเทพทั้งสอง
"...เจ้าควรวางตัวให้สมกับเป็นสตรี ไยเจ้าจึงไม่ไล่เจ้างูดำตัวนั้นไปเสีย เอาไม้ตีมันให้ตายไปเลยก็ได้ ข้าอนุญาต"
"ท่านเทพมังกรไม่เคยนอนกับงูดำหรือ?"
คำถามของนางไม่เข้าหูเอาเสียเลย ทั้งสองบุรุษเทพไม่กล้าตอบความจริงว่าทันทีที่รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนางเฟยอี๋ เทพฮ่าวหรานรีบส่งสารแจ้งเบื้องบนอย่างทันท่วงที จากนั้นเทพมังกรทั้งชั้นก็บุกลงไปจับงูดำส่งกลับนรกภูมิอย่างพร้อมเพรียง
แม้ว่านางจะกำลังตั้งครรภ์...
นั่นเสียดแทงจิตใจของเทพมังกร ประหนึ่งกริชปักลงในอกก็ไม่ปาน เทพฮ่าวหรานจึงเบือนหน้าหนีทั้งสองไปอีกทาง
"เอาเถอะ ข้าหน่ายจะโต้เถียงกับเจ้า ยิ่งโตยิ่งหัวรั้นไม่เชื่อฟัง ข้าคงทำได้เพียงสั่งสอนเจ้าให้สามารถควบคุมได้ทั้งหยินและหยาง เพื่อประโยชน์ของเจ้าในกาลหน้า ข้าจะได้ลุล่วงสำเร็จงานของข้า"
เทพอู่เฉินจึงหันกลับมาฟังบิดา ถึงแม้ว่ากิริยามองด้วยหางตาเยี่ยงนั้นหมายความว่าบิดายังคงขุ่นเคืองใจ บุตรชายก็พอกัน ด้วยความเป็นปีศาจส่วนหนึ่ง เติบโตมากับปีศาจในนรกภูมิ อุปนิสัยยึดถือความคิดเป็นของตนเป็นที่ตั้งคงไม่ใช่เรื่องแปลก
"ข้าจะกลับมาในอีกสามชั่วยาม เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่กับนางก่อนเทพอู่เฉิน มีธุระอันใดให้เจ้าหยุดพักเอาไว้ งานของเจ้าทั้งหมดนั้นท่านราชาแห่งสวรรค์ยกให้เป็นภาระหน้าที่ของใต้เท้าจีกง"
"ข้าจะรอท่านกลับมา ท่านพ่อ..."
บุตรชายรับรู้หน้าที่ของตน ก้มศีรษะยกมือคำนับ มังกรสีครามผงาดขึ้นฟ้า วาดกรงเล็บอันสวยงามพาแสงระยิบระยับไปพร้อมกับร่างกายใหญ่โตโอฬาร
อาเป้ยเงยหน้าขึ้นมองนภาลัยอันกว้างขวาง เปล่งประกาย เมื่อบิดาเทพมังกรลับหายไปในกลุ่มเมฆาอึมครึม ไม่สดใสเหมือนวันแรกที่นางมาเหยียบเยือนที่แห่งนี้ นางยื่นมือออกไปรับหยาดน้ำฟ้ามากมายร่วงหล่นลงมาเป็นหยดหย่อมด้วยสีหน้าฉงน
"แปลกเสียจริง เหตุใดอากาศไม่กลับมาแจ่มใส ข้าพึ่งพบเหล่าเทพในเรือนท่านพ่อ บอกว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในเทวโลกชั้นดิน"
"ข้าไม่รู้... คงไม่เกี่ยวกับข้าล่ะมั้ง รึจะเกี่ยว... เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?"
"เทพอู่เฉินถามข้า จะไปถามใคร?"
เมื่อนางเริ่มสงสัยไม่เลิกรา ผู้รู้เรื่องราวมากกว่าก็ไม่ยอมบอก ใบหน้าเคร่งเครียดเงยขึ้นมองกลุ่มเมฆามืดหม่น ด้วยความปากหนักเป็นนิสัย
เทพอู่เฉินไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกต่อนาง โดยเฉพาะเรื่องสภาพอากาศและความรู้สึกเศร้าหมองของตน ยังปล่อยให้นางเฝ้ามองท้องนภาตีความเอาเอง
ล่วงเลยเวลาไปสามชั่วยาม บิดามังกรยังคงไม่กลับเรือนเทพมังกรในเทวโลกชั้นดิน ก็คงจะมีธุระที่ใดสักแห่ง อาจปะทะกับปีศาจอสูรระหว่างทางก็เป็นไปได้ อาเป้ยพอเข้าใจว่าเทพมังกรของเรือนนี้ ถึงเป็นผู้รักสงบเพียงใด ไม่สามารถหลีกหนีปีศาจอสูร ผู้ช่างสรรหาเรื่องราว นางเองก็เคยพบเจอมาก่อน
"เทพอู่เฉิน... เรารอนั่งรอท่านฮ่าวหรานด้วยกันมาได้สักพัก ท่านรู้สึกหนาวหรือไม่?"
นัยน์ตาคู่คมเย็นยะเยียบยิ่งเสียกว่าเหมันต์อันขาวโพลน หันมองนาง
"เจ้าเคยเห็นข้าหนาวหรือไม่?"
"ไม่เลย... ข้าเห็นเนื้อกายท่านดูหยาบกร้าน ทนทานต่อความหนาวเย็นในเทวโลก ข้าเพียงถามเป็นมารยาท ข้าเป็นสตรีผู้มีมารยาท มารยาเช่นท่านเคยกล่าวหาข้า"
นางส่งอาภรณ์หนาสีดำสนิทให้เทพอู่เฉินอย่างเขินอาย เทพอู่เฉินกำลังแหงนหน้ามองท้องนภากว้าง รอบิดามังกรอยู่ จึงกลับมาสนใจนาง เสื้อคลุมตัวใหญ่ความยาวประพื้น บริเวณช่วงคอปกยกสูงทำมาจากขนสัตว์ มันดูอบอุ่นฟูฟ่อง ราบเรียบและไร้ลวดลายใด ๆ นางเสกมันออกมาจากการพลิกฝ่ามือเบา ๆ เท่านั้น
"ข้าทำสิ่งหนึ่งให้ท่านระหว่างวันของข้า... เนื้อผ้าอย่างดีชิ้นนี้สร้างขึ้นจากเวทมังกร เหมาะสำหรับอากาศเยียบเย็น ท่านฮ่าวหรานไม่ค่อยจะได้ใช้มันนักเพราะที่นี่ไม่มีฤดูเหมันต์..."
อาภรณ์สีดำลอยล่องอยู่ในอากาศ เมื่อนางโอ้อวด ผลงานของนาง
"ข้าได้รับขนห่านมาจากเทพในเรือน จึงนำมาเสริมกับอาภรณ์สีดำ ลำพังข้าโง่เขลานัก ไร้สติปัญญาด้านงานตัดเย็บ..."
"อื้ม... เจ้าเสกสรรค์อาภรณ์หน้าตาประหลาดนี้มาให้ข้าเพื่อการใด"
"เอ้อ... งั้นข้าขอของข้าคืนแล้วกัน..." นางมีสีหน้าซีดเจื่อน ทว่าบุรุษข้างกายนางรีบคว้าอาภรณ์ไปอย่างรวดเร็ว สะบัดมันขึ้นพาดคลุมบนบ่ากว้าง
"ไยเจ้าเอาของของเจ้าคืน ไม่มีผู้ใดให้ของผู้อื่นแล้วทวงกลับคืน แม้แต่ตัวข้าเอง ก็ยังไม่เคยทวงขอสมบัติมากมายที่ให้เจ้าคืนกลับมาสักชิ้นเดียว"