เสียงของบุรุษเทพปีศาจเรียกนางจึงส่งยิ้มหวานกลับไป นางเดินออกจากหลังต้นไม้เพื่อเข้าไปยืนประจันหน้ากับสองบุรุษเทพ พร้อมพยัคฆ์อัคคีของนาง
เทพฮ่าวหรานมีความคิดบางอย่างขึ้นมาโดยไม่มีใครล่วงรู้ ของท่านสะบัดชายอาภรณ์เบา ๆ ด้วยท่าทีทรงสง่า ในมือขวาปรากฏขวดแก้วสีดำสนิท คล้ายกับว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยเวทหยิน
"เจ้ามาก็ดี... ข้ากำลังจะไปตามเจ้า"
"มีอะไรให้ข้าช่วยหรือ? ท่านพ่อ"
ฮ่าวหรานหัวเราะเมื่อสตรีตรงหน้านั่งลงบนพื้นหญ้าด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์
"เจ้า... เรียกข้าว่าท่านพ่อ?"
"ข้าไม่แน่ใจว่าเทพผู้เฒ่าจันทราได้บอกเรื่องบางอย่างกับท่านหรือไม่ แต่ข้าสมควรเรียกท่านพ่อท่านแม่ เพื่อให้เกียรติคู่พรหมลิขิตของข้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม"
มีผู้หนึ่งไม่พึงพอใจนางเพราะเรื่องที่นางไม่ควรพูด! วันนี้นางจะมาไม้ไหนอีก นัยน์ตาสีแดงปรากฏอารมณ์เกรี้ยวกราดอันนับเป็นเรื่องปกติ
อาเป้ยพร้อมเข้าร่วมการฝึกในฐานะศิษย์อีกคน นางชินชากับหน้าตาคร่ำเครียดของเทพอู่เฉินไปเสียแล้ว นางรู้อีกด้วยว่าระยะเวลาเพียงไม่นานของการสนทนาคงเป็นกำไรให้ท่านได้พักสักหน่อย
การต่อสู้ของบิดามังกรมิใช่เป็นเพียงการใช้กำลัง จำต้องใช้สติแก้ไขด้วย เหนื่อยล้าทั้งกายใจ จิตวิญญาณ พลังเวทก็อ่อนกำลังลงมากกว่าวันแรก ๆ
"ข้ายินดีรับเจ้าเป็นบุตรสาวอีกหนึ่งคน แต่เรื่องท่านแม่ของเจ้า เกรงว่าเจ้าคงจะต้องคุยกับนางเอง"
"เจ้าถูกเผาเป็นผุยผงแน่อาเป้ย... ถามข้าสิ ข้าเคยเห็นมาก่อนว่านางชื่นชอบการทรมานทั้งเทพและปีศาจ นางหัวเราะร่าเริงเสียงดังลั่นฟ้า นางชอบใจนักหากผู้ใดเจ็บปวดเพราะนาง"
พยัคฆ์อัคคีบัดนี้โตเป็นหนุ่มเต็มวัย มันมีร่างกายอันใหญ่โตกว่าพยัคฆ์เจ้าป่าบนโลกมนุษย์ เมื่อมันเดินย่องมาหมอบนอนข้างนาง เทพฮ่าวหรานขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย
"เจ้าเคยพบนางด้วยหรือ? เหลียนเหลียน"
"เพียงครั้งเดียวท่านฮ่าวหราน ข้าแอบมองนางอยู่ไกล ๆ พอนางมองกลับมาทางข้าด้วยเนตรอัคคี ข้าก็รีบหนีไปเสียแล้ว เวลานั้นข้ายังเล็กนัก นางจะต้องจับข้าไปเป็นเครื่องบันเทิงใจนางแน่" พยัคฆ์อัคคียังหันไปบอกกับนางว่า "เจ้าเลิกล้มความคิดเป็นบุตรสาวนางเสียเถอะอาเป้ย ข้าได้ยินมาจากท่านแม่ของข้าว่ามีเพียงสองเทพบนเทวโลก... ที่นางจะไม่มีวันทำร้าย..."
ฮ่าวหรานมีสีหน้าเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับบุตรชายเมื่อต่างฝ่ายสบตามองกันอย่างสับสนภายในจิตใจ ก่อนที่บิดาจะเลื่อนสายตาเศร้าหมองไปจากบุตรชาย มองขวดโหลวิเศษในมือ
"พิษจากตะขาบราตรี... แม้กระทั่งดอกบัวสีทอง น้ำเต้าวิเศษแก้พิษได้ทุกอย่างก็ไม่สามารถนำพิษออกจากโลหิตได้ เจ้าพร้อมหรือไม่?"
"ข้าพร้อมทุกเมื่อท่านพ่อ"
"เจ้าต้องสลายพิษด้วยพลังแห่งการทำลายของเจ้า ใช้เวทหยินนำพิษออกจากร่างแล้วสลายมัน เจ้าจะต้องไม่สังหารอสูรตนนี้เพื่อดับพิษด้วยการปลิดชีวิตมัน เมื่อฝึกวิชาเสร็จให้ปล่อยตะขาบราตรีไปเสีย"
สิ้นคำสั่งนั้น สีหน้าเคร่งเครียดของบิดามังกรบ่งบอกชัดเจนว่าท่านเอาจริง! ขวดแก้วสีดำถูกเปิดออกด้วยการโบกสะบัดฝ่ามือเบา ๆ สัตว์อสูรพุ่งตรงไปตามทิศทางการบังคับของเวทสีฟ้าคราม หากมิใช่บนร่างของเทพอู่เฉิน
"โอ๊ย! ท่านพ่อ ทำไมท่านให้มันมากัดข้าเนี่ย"
"ก็ต้องใช้เจ้านี่แหละ จะทำให้ลูกชายข้าฝึกวิชาได้ดี เจ้าต้องควบคุมพลังหยินให้ได้โดยสมบูรณ์เทพอู่เฉิน ท่านแม่ของเจ้าทำได้ เจ้าย่อมทำได้"
ฮ่าวหรานคาดหวังในตัวบุตรชายนัก เทพอู่เฉินกลับยืนนิ่งงัน มองคนที่ถูกตะขาบราตรีกระโดดใส่ มันฝังคมเขี้ยวบนข้อเท้าเล็ก ๆ ซึ่งไม่เคยมีแม้กระทั่งรอยแผล
"น่าเสียดายที่นางเป็นจุดอ่อนของเจ้าไปเสียแล้ว ข้าเพิ่งไปเยือนเทวโลกชั้นฟ้ามา เหล่าเทพคอยแต่จะเข้ามาไถ่ถามข้าเรื่องเทพอู่เฉินแสนหวงแหนและทะนุถนอมนางนัก แม้แต่หยาดน้ำฟ้าสักเกล็ดหนึ่งยังไม่มีโอกาสได้แตะต้องตัวนางเลย นางชื่ออาเป้ย... ใช่หรือไม่?" ปลายเสียงหันไปเรียกนาง ซึ่งผลักตะขาบพิษออกไปด้วยเวทสีทองแล้วหนีมันไปอีกทางหนึ่ง เทพฮ่าวหรานค่อยหันมาบอกกับบุตรชาย ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
"อ้อ... ข้าได้ยินว่าอสูรตนนี้มีร่างเป็นบุรุษรูปงาม หากเจ้าถอนพิษไม่ได้ในสามราตรี มีโอกาสเป็นไปได้ว่า... มันอาจบังคับจับนางไปเป็นแม่พันธุ์ตะขาบ..."
"โอย ๆ เช่นนั้นไม่ต้องถอนพิษให้ข้า เผื่อข้าจะได้เป็นแม่พันธุ์ตะขาบพันปี พ่อตะขาบรูปงาม"
"อาเป้ย!" เสียงตวาดกร้าวดัง ใบหน้าปานหยกสลักบัดนี้แดงก่ำด้วยแรงโทสะ ฝ่ามือกางออกพร้อมเวทสีดำ นัยน์ตาสีแดงปรากฏเปลวเพลิง
"เจ้าสมควรตายเพราะพิษตะขาบราตรี เจ้าสมควรตายไปเสีย! เจ้าเพิ่งประกาศคำรักต่อข้า เจ้าสาบานต่อฟ้าดิน สาบานต่อหน้าสัตว์อสูรตนนี้ แต่เจ้า... เจ้า! ข้าควรเผาเจ้าทิ้งไปเสียตั้งแต่ในภพภูมิลับแล!"
"โธ่... เทพอู่เฉิน ข้าเพียงหยอกท่าน อย่าปล่อยให้ข้าสิ้นใจตายเพราะตะขาบเลยนะ ท่านอาจารย์ต้องตามมาเอาเรื่องข้าแน่ ๆ ได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย โอย ๆ"
อาเป้ยก็เป็นอาเป้ย นางไม่อยากให้เทพอู่เฉินเป็นกังวลเพราะนางจึงแสร้งทำตัวหาแก่นสารใดไม่ได้ ทว่าเทพปีศาจผู้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดแทบจะสังหารนางไปพร้อมตะขาบราตรีด้วยหรืออย่างไร คงไม่มีผู้ใดรู้ เมื่อนางกระโดดหลบเวทหยินซึ่งมาพร้อมเปลวไฟสีแดงลูกใหญ่ ทำให้พื้นหญ้าไหม้เกรียมเป็นวงกว้าง นางถูกบริภาษว่าเป็นสตรีหลายใจ ไม่รักษาคำสาบานตน