Chapter 36 - 12-3 是真的 เป็นความจริง

"เทพอู่เฉิน...!" นางฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส พลันสลดเศร้าลงในทันทีที่พบความผิดของตน "ท่านพ่อดุว่าท่านหรือ? หน้าตาท่านซีดเซียวเช่นคนป่วยไข้ หรือว่าท่านไม่สบาย มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยเหลือท่านได้..."

"อ้อ... ไม่ เปล่าเลย ข้าไม่เป็นอะไรทั้งนั้น เจ้าล่ะ... เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?"

"ข้ารู้สึกสดชื่นแจ่มใสพอได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ สถานที่แห่งนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ข้าไม่ได้เห็นเกล็ดน้ำแข็งมานาน ข้าเพียงรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะข้าทำให้ท่านถูกท่านพ่อต่อว่า" นางกระเถิบเข้าไปยืนใกล้ ๆ บุรุษเทพปีศาจ เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่ง ไม่รู้ว่าบัดนี้ท่านกำลังคิดอะไร แต่ตัวนางน่ะหรือ? ก็แค่เป็นห่วงท่านบุรุษเทพตัวใหญ่ จะรู้จักคำว่าป่วยกับเขาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

"เทพอู่เฉิน ไยอาภรณ์อันงดงามของท่านถึงเปียกปอนขนาดนี้เล่า ข้าว่าท่านควรเปลี่ยนมันเสียก่อน ข้าเกรงว่าท่านจะไม่สบาย ท่านหายลงไปในน้ำตั้งหลายชั่วยาม"

นัยน์ตาคู่คมยังสบมองนาง ทั้งกายและใจหนาวเหน็บเมื่อก้มลงมองด้ายสีแดง มันยังคงอยู่บนข้อเท้าเช่นเดิมหลังจากที่เขาได้พบกับผู้เฒ่าจันทรา

'บัดนี้เจ้ายังมีเวลาอยู่กับนาง ก็ดูแลนางดี ๆ ลดทิฐิของเจ้าลงเสียหน่อย เมื่อใดที่เจ้าควรเงียบและฟังนาง เจ้าจงฟังนางให้มาก หากทำไม่ได้ ให้คิดถึงเรื่องเมตตา เวทนานางผู้มีช่วงเวลาแห่งการมีชีวิตน้อยกว่าเจ้า'

บิดามังกรได้ตามลงไปบอกสอนเรื่องราวมากมายแก่เทพปีศาจผู้ไร้ประสบการณ์เรื่องสตรีใต้บึงมรกต กว่าเทพอู่เฉินจะขึ้นมาจากน้ำ เพื่อพบหน้านางเสียหน่อย

อาเป้ยหรี่ตาเล็กลง ในสีหน้าสงสัย เหตุเพราะบุรุษร่างสูงใหญ่เอาแต่จ้องหน้านางไม่พูดจา นางจึงตั้งใจว่านางต้องปรับความเข้าใจกับเทพอู่เฉินเสียหน่อย

"ข้าว่า... ข้ากำลังนึกถึงเรื่องที่ข้าดันผิดคำพูดว่าข้าจะปล่อยให้ท่านสังหารข้า ข้าเกือบถูกย่างสดในป่ากับเจ้าเหลียนเหลียน เป็นฝีมือของท่านครั้งที่สาม"

"เจ้ายังโกรธข้าหรือ?"

"ข้าไม่โกรธท่าน ข้ายินดีให้อภัยท่าน ข้ายอมท่านในฐานะที่ข้ามีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าท่าน"

"เจ้า... เนี่ยนะ?" เทพอู่เฉินหัวเราะอย่างนึกขันนาง ผู้มั่นอกมั่นใจเหลือเกิน

"ใช่ ข้านี่แหละ"

"เจ้าอายุเพียงสิบแปดปี แต่ข้าเป็นเทพผู้มีอายุร่วมห้าพันกว่าปี"

"ข้าอยู่บนโลกมนุษย์สิบแปดปีก็จริง แต่ข้าอยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดีของท่านอาจารย์ นักพรตผู้มีปัญญาให้เหตุผลในการดำรงชีวิตกับข้าทุกอย่าง ถึงพวกท่านอาจใช้งานข้าหนักเสียหน่อย นั่นก็เพื่อประโยชน์แก่ตัวข้า ท่านอาจารย์เปรียบเสมือนบิดามารดาของข้า ส่วนผู้อื่นนั้นเปรียบดังญาติมิตร..."

"มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไรเล่าอาเป้ย ในเมื่อข้ามีอายุมากกว่าเจ้าอยู่ดี"

"เกี่ยวซีเทพอู่เฉิน ท่านอาจารย์เคยบอกกับข้าว่า ต่อให้นั่งหลับตาบำเพ็ญเพียรมากมายเท่าไรไม่เท่าฟังจากผู้มีประสบการณ์ อาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านนั่งหลับตาไปเถิด... อีกสักหมื่นปี ท่านอาจแก้ไขปัญหาไม่ได้เลยสักอย่างหากว่าท่านไม่ฟัง ท่านจะต้องฟังให้มาก ฟัง คิด วิเคราะห์ ท่านจึงจะเกิดปัญญา..."

เทพอู่เฉินหัวเราะประชดประชัน ลืมเรื่องความเศร้าหมองใจไปเสียสนิท เขาเริ่มที่จะรู้สึกขวางหูขวางตานาง!

"เทพอู่เฉิน ข้าขอเสียมารยาทเถิด ท่านโดดเดี่ยวเดียวดายมาหลายพันปี ท่านอยู่ผู้เดียวลำพัง ดังนั้นสิบแปดปีของข้าไม่สามารถเทียบเท่ากับห้าพันปีของท่านได้ ข้ามีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าท่าน ข้านี่แหละเป็นผู้มีเหตุผลมากกว่าท่าน อันที่จริงข้าก็สงสารท่านอยู่นะ... ท่านเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น..."

อาเป้ยยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา นางรู้สึกกระดากอายยิ่งนักกับการพูดจาเช่นนี้ นางว่านางไม่สมควรพูดแต่ว่านางจำเป็นต้องพูด เทพอู่เฉินถลึงตาชี้หน้านาง เตรียมเอาเรื่องนาง

"อาเป้ย... นี่... นี่เจ้า... กล่าวหาว่าข้าเป็นเด็กขาดความอบอุ่นจากบิดามารดา?"

"เทพอู่เฉิน... ขอให้ท่านให้อภัยข้า เพราะข้าพูดความจริง ข้าเห็นว่าท่านอยู่ผู้เดียวจริง ๆ ก็เท่านั้น"

"ข้ามีเจ้างูสอง... นั่นไง ท่านพ่อของข้าก็อยู่... ท่านแม่ของข้าก็อยู่... ที่ไหนสักแห่ง"

เทพอู่เฉินไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตัวเขานั้นมีครอบครัวจริง ๆ คราวนี้เขาคงจะต้องยอมฟังนาง...

"ไม่สำคัญว่าท่านมีผู้ใดหรือไม่มี นั่นเป็นเรื่องในอดีต บัดนี้ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะอยู่กับเทพผู้โดดเดี่ยวตราบจนข้าหมดลมหายใจ หากว่าข้าเสียใจเพราะท่านทำร้ายน้ำใจข้า ข้าจะปิดประตูร้องไห้ของข้าคนเดียวก็แล้วกัน จากนั้นข้าจะพูดคุยกับท่านเช่นเดิม ข้าจะตามตอแยท่านให้ท่านยอมใจอ่อนกับข้าให้ได้ทุกครั้ง"

"ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดมาตามตอแยข้า โดยเฉพาะเจ้า สตรีวาจาร้ายกาจ กิริยาก็น่าเกลียดนัก อาเป้ย"

ถึงถูกต่อว่าน่าเกลียด อาเป้ยกลับถือตนว่านางมีสติปัญญาการคิดวิเคราะห์มากกว่าเทพอู่เฉิน นางระลึกตนกลับมาได้โดยใช้ระยะเวลาอันสั้นกว่าเทพปีศาจเอาแต่ใจเสียอีก

พอเทพอู่เฉินจะต่อว่านาง จึงรีบแย่งท่านพูด ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้เทพปีศาจนิ่งงัน...

"ข้ารับรู้แล้วว่าหัวใจของข้ามีเพียงท่าน ข้าเจ็บปวดเวลาที่ท่านหมางเมินข้า ดวงตาของข้าส่ายมองหาแต่ท่าน ข้าคิดถึงท่านอยู่ทุกลมหายใจข้า ชีวิตสุดท้ายของข้าบนเทวโลกอันสวยงามแห่งนี้ และด้ายเส้นนี้... ขอให้เป็นของท่านเถิดเทพอู่เฉิน..."

อาเป้ยแสนกล้าหาญองอาจในการยอมรับความรู้สึกของนางเอง หรือนางแค่อวดดีจองหอง!

เทพอู่เฉินเบือนหน้าไปอีกทาง พลันแค่นหัวเราะออกมา นึกตลกขบขันความบ้าดีเดือดของนาง แม้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหัวใจอสรพิษสีดำสนิทเต้นระรัวแรง

เพราะคำสารภาพรักของนาง...