กระเป๋าทางการแพทย์สะพายด้วยเจ้าหน้าที่ที่สวมใส่ชุดคล้ายกับเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข และพวกเขายังใช้ตราสัญลักษณ์รูปกากบาทสีแดงติดกระเป๋าเสื้อสีขาวกระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพ และหมู่เกาะต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
ตุ้บ !
นักท่องเที่ยวชาวเอเชียคนหนึ่งอยู่ๆ ก็ล้มตึงภายในห้างสรรพสินค้า และช่วงเวลาไล่เลี่ยกันยังมีนักท่องเที่ยว และคนไทยบางกลุ่มบริเวณหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงต่างก็ทยอยเป็นลมหมดสติไปโดยไม่มีสาเหตุ แต่ทว่าในขณะที่เกิดเหตุการณ์คนทยอยหมดสติ เจ้าหน้าที่ที่สวมชุดคล้ายเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขก็เหมือนจงใจอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ
บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมในตัวเมืองจังหวัดภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปคู่รักนั่งเล่นอยู่บริเวณโซฟา จนเมื่อภรรยาของเขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และปล่อยให้แฟนของเธอนั่งรอ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานเมื่อแฟนสาวของเขาเดินกลับมาและเห็นแฟนของเธอนั่งพล่อยหลับไป เพราะฉะนั้นแฟนสาวจึงได้เดินเข้าไปปลุก แต่ว่าแฟนสาวปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นจนเธอเริ่มตกใจ และเริ่มเขย่าตัวของแฟนให้แรงขึ้น จนกระทั่งแฟนหนุ่มร่วงจากเก้าอี้
" ช่วยด้วย ! ใครก็ได้ช่วยเราที !! " เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากแฟนสาวดังลั่นล็อบบี้จนผู้คนเริ่มทยอยเข้ามามุงดู
" กรุณาถอยไปก่อน !! " ฮวังอินซองรีบเข้ามาช่วยเหลือและบอกให้แฟนสาวของผู้ชายคนที่หมดสติบอกให้ช่วยจับตัวของผู้ชายให้นอนหงาย และส่วนเขาก็เริ่มคลำจับชีพจรที่ลำคอ
" เขายังไม่ตาย แต่ชีพจรเต้นเร็วมาก "
" เขามีโรคประตำตัวหรือเปล่า" ฮวังอินซองถามพวกเธอเป็นภาษาอังกฤษ แต่พวกเธอก็ยังเอาแต่ร้องไห้และส่ายหน้า
จนเขาต้องรีบล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูทสีดำและรีบกดสายโทรออก
" รีบส่งคนมาที่นี้ ตอนนี้เลย !! " และท่าทีที่ดูตกอกตกใจไปไม่น้อยของพวกเขา
" เกิดอะไรขึ้น ! " ซอเยอึนที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์จนต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วย
" นี่มันเกิดอะไรขึ้น เขามีอาการอย่างไง " และซอเยอึนที่เข้าไปช่วยตรวจตามร่างกายของผู้ชายที่หมดสติ
" ตามร่างกายไม่มีบาดแผลถูกทำร้าย " ฮวังอินซองปรึกษากันอย่างตื่นตระหนก
"แต่ว่า ชีพจรที่บางทีก็เต้นเร็ว และตอนนี้ชีพจรกลับช้าลง " และยังอธิบายให้ฟัง
ซอเยอึนที่ได้ยินจึงต้องรีบหันมาตรวจร่างกายของผู้ชายคนนั้นซ้ำอีกครั้ง พวกเธอทั้งคลำหาชีพจรที่ลำคอ ที่ข้อมือ และต่อจากนั้นก็หันมาถลกเสื้อยืดของผู้ชายคนนั้นขึ้นมา
" พระเจ้า !!! " ซอเยอึนถึงกับอุทาน และยังรีบหันไปสบตากันระหว่างฮวังอินซอง และแฟนสาวของเขาที่ร้องตกใจสุดขีดที่เห็นสภาพของผู้ชายคนนั้นที่มีร่องรอยเป็นจ้ำๆ สีเขียวคล้ำดำตรงบริเวณเนินหน้าอกข้างซ้าย
ถนนคลาคลั่งเต็มไปด้วยผู้คนกำลังจับจ่ายใช้สอยบริเวณศูนย์การค้าในเมืองซานหมิง และพวกคนสวมชุดสูทสีดำกลุ่มใหญ่พยายามวิ่งไปตามตรอกซ
อกซอยตามตึกสูงและร้านค้า และพวกเขาทุกคนยังช่วยกันสอดส่องมองไปตามถนน จนกระทั่งชายชาวจีนคนหนึ่งเอามือมาจับที่ใบหูของตัวเอง และพูดอะไรบางอย่างผ่านหูฟังสื่อสารไร้สาย และทันทีคนอื่นๆ ก็ต่างกรูพากันรีบวิ่งออกไปคนละทิศละทาง และพอคนกลุ่มนั้นวิ่งออกไปทั้งพัคจินอูและชเวกียุลก็รีบถือกระเป๋าบรีฟเคสสีเมทัลพากันหนีออกมาจากที่ซ่อนตัว
ชเวกียุลคอยชี้นิ้วไปที่รถยี่ห้อฟ้าขาวคันหรูจอดอยู่ริมถนนใกล้ๆ พัคจินอูพยักหน้าและรีบก้าวเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามหลังเขาไปติดๆ และพอพวกเขากลับขึ้นรถได้สำเร็จก็รีบขับออกจากบริเวณนั้นทันที
ชเวกียุลขับรถและยังต้องคอยชำเลืองกระจกมองหลังอยู่บ่อยๆ และยังไม่มีใครตามมา แต่พอชำเลืองมองพัคจินอูที่เอาแต่นั่งเงียบ ๆ
" ทำไมเธอถึงไม่ถามอะไรเลย ! " ชเวกียุลตั้งคำถามกับพัคจินอู ในขณะที่พวกเขากำลังขับรถหนีพวกทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่จากห้องทดลองอาวุธชีวภาพลับในเมืองซานหมิง แต่เธอกลับนั่งเงียบและก็คอยแต่จะถือกระเป๋าบรีฟเคสใบนั้นเอาไว้จนแน่น
" เธอไม่กลัวบ้างหรือยังไง "
" ฉันบอกให้เธอกลับเกาหลี หรือไม่ก็ไปห้องแล็ปเชย์รีสที่เมืองไทยสิ ! " เขาเอาแต่ตั้งคำถามพัคจินอู และยังเอาแต่สังเกตมือของพวกเธอกำลังสั่นแต่ก็ไม่ยอมวางกระเป๋านั่นลง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องประคองสติขับรถหนีพวกทหารยามเฝ้าแล็ปนั่นให้ได้
" นี่เธอ ! เป็นอะไรหรือว่าบาดเจ็บตรงไหน ! " เขาถามย้ำ และเริ่มจะเป็นห่วงเธอจริงๆ
พัคจินอูที่มือไม้ของเธอเริ่มมีอาการสั่นเพิ่มมากขึ้น แต่ว่าคราวนี้เธออาจจะสั่นไปทั้งตัวเลยก็ได้
"จินอู !! "
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เรียกซ้ำๆ แต่ว่าก็ยังจะเอื้อมมือเข้าไปจับมือของพัคจินอูที่สั่นเทิ้มตอนนี้ด้วย
"เราหนีไปพ้นแน่ๆ " เธอตอบเบาๆ เพราะริมฝีปากที่ก็กลัวจนไม่กล้าจะขยับเหมือนกัน จนเขาต้องดึงมือกลับยอมถอยออกมา
ชเวกียุลชักสีหน้ากลับมาทำท่าทีเรียบเฉยใส่กันตามเคย และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่คุยอะไรกันต่อทั้งนั้น
" ดารา ! " ผู้ชายชาวจีนตัวอ้วนสวมเสื้อเขิ้ตขาวกางเกงเสลคสีดำตะโกนเรียกชื่อผู้หญิงไทยในสถานที่คล้ายดูห้องแล็ป
เพี้ยะ !!! เธอคนนั้นเพิ่งถูกตบจนหน้าหันจากผู้ชายคนที่เพิ่งตะโกนเรียก มิหนำซ้ำพวกเขายังอยู่ท่ามกลางเจ้าหน้าที่เภสัชกร นักชีวะ และนักเคมีชาวจีน ชาวเตอร์กีสถานประปรายและชาวรัสเซียภายในห้องโถงใหญ่คล้ายห้องแล็ปที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว และภายในห้องทดลองของพวกเขาพวกเจ้าหน้าที่บางกลุ่มยังพากันมาเก็บหลอดทดลองที่มีของเหลว และก็เลือดจากตู้เก็บตัวอย่างกันให้วุ่นวาย
" ฉันห้ามเธอไปแล้ว ใช่ไหมว่า อย่าให้ฉันเห็นเธอทำตัวอะไรแบบนี้อีก !! " และคำสบทตะโกนต่อว่าเธอไม่หยุดจากเสียงของผู้ชายร่างท่วมคนเดิม
และเธอก็ทำแค่สะบัดหน้าเชิดเข้าไว้ และก็จัดแจ้งอาวุธปืนลูกกระสุนบนโต๊ะก็เท่านั้น
" ยังไงหนู ! ก็จะตามเอาไวรัสของเรากลับคืนมาให้แน่นอน " ดารากัดฟันพูดเพราะทั้งโกรธ และรู้สึกผิดที่ถูกชเวกียุลหลอกใช้
"หึๆ " แต่ว่าเสียงหัวเราะของผู้ชายร่างท้วมก็ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อใจกันอีกต่อไป
" ดารา !! เพราะความบ้าผู้ชายแท้ๆ "
" ฉันน่าจะปล่อยให้แกตาย ตั้งแต่วันที่แกตัดไข่ของแกทิ้ง !! " ผู้ชายคนนั้นยังคอยส่งเสียงดังเอะอะใส่กัน
" หนูเป็นผู้หญิง !! " ดาราเถียง และยังจ้องตาเขา
" ก็ไหน คุณพ่อ ! บอกให้หนูเข้าใกล้ชเวกียุล หนูก็ทำให้แล้วยังไง "
" แต่เพราะคนของคุณพ่อต่างหาก ที่ทำงานกันโง่เอง !! "
" อยากให้หนูวางยาชเวกียุล หนูก็ทำให้แล้ว แต่คนของคุณพ่อเองที่ไม่ได้เรื่อง !! " ดาราเถียงผู้ชายคนที่ตัวเองเรียกว่า คุณพ่อฉอดๆ จนพลอยทำให้คนอื่นๆ ภายในห้องแล็ปพากันไม่พอใจเธอไปด้วย
" แกนี่มันอวดดีๆ มากขึ้นจริงๆ " ผู้ชายคนนั้นยังจ้องตาเขม็ง
" แต่ถ้าแก...! เอาไวรัสกลับมาให้ฉันไม่ได้ !!! " และเขายังแย่งปืนในมือของเธอและถือขู่กันตรงหน้า
" ฉันจะรายงานพวกเขา !! " ปืนที่ใกล้จะจ่อที่หัวของดาราเข้าเต็มทีแล้ว
ดาราไม่สนคำขู่ และยังเผชิญหน้าสบตากันอย่างไม่แคร์ว่า คนๆ นั้นจะยิงเธอจริงๆ เพราะในหัวของตัวเองตอนนี้ก็แค่นึกไปถึงคืนที่ พวกเธอได้เจอกับชเวกียุลที่บาร์โสโครกนั่น และตอนที่ชเวกียุลชวนเธอไปที่โรงแรม พวกเธอก็แอบติดเครื่องดักฟักกับเครื่องติดตามไว้ที่รถของชเวกียุลไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังถูกชเวกียุลตลบหลังเข้าจนได้ !!
คาเฟ่ 123 เพิ่งจะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามานั่งพักนั่งใช้บริการ และลูกค้ากลุ่มนั้นยังมีท่าทางแปลกๆ อย่างพวกที่เป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงชาวไทยตัวผอมๆ เล็กๆ ตัดผมสั้นและยังจะพูดภาษาเกาหลีได้คล่องแคล่วเหมือนๆ ผู้ชายเกาหลีที่มาด้วย มิหนำซ้ำพวกเขาสามคนนั่งจิบกาแฟคนละถ้วยนานเกินกว่าเกือบๆ สองชั่วโมงปาเข้าไปแล้ว ลุงฮวังอดไม่ได้จริงๆ จนต้องเดินไปที่บาร์ชงเครื่องดื่ม
" พวกเขาเป็นคนของวีไอพี " แทซันหันมาบอกทันที แต่มือยังคงตั้งใจวาดลาเต้อาร์ตรูปดอกแดฟโฟดิว
" ส่วนผู้หญิง เธอเป็นหมอ " แทซันชำเลืองมองเธอก่อน และก็เหมือนเธอจะหันมาสบตาด้วยจนต้องยอมละสายตาจากหมอสาวสวยคนไทย
" ว่ายังไงนะ !! " ลุงฮวังร้องลั่น แต่พอรู้ตัวก็เขถิบเข้าไปถามกันใกล้ๆ
" นี่อย่าบอกนะว่า พวกเขาจะมาตามจับนายไปอีกนะ ! " ลุงฮวังขนลุกซู่ไปหมดแล้ว จนเห็นพวกเด็กหนุ่มๆ ในร้านคอยเดินสลับผลัดเปลี่ยนมาพยักหน้าใส่กันให้ขวักไขว่
แทซันพาเจ้าหน้าที่ของวีไอพีสองคนและยังเป็นบอร์ดี้การ์ดของหมอหญิงชาวไทยขึ้นไปที่ห้องพักของเขาบนดาดฟ้าของคาเฟ่
" เชิญนั่งก่อน ! " เขาทักทายกันและเชิญหมอสาวนั่งลง และส่วนบอร์ดี้การ์ดคนหนึงก็ยืนเฝ้าประตูด้านหน้า
" ฉันแซมค่ะ ยินดีที่ได้เจอคุณ " หมอสาวแนะนำตัว และคอยนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาใหม่เอี่ยม
" ท่านประธานเอ็มดี เขาให้ฉันมาหาคุณที่นี้ " หมอสาวพยายามแนะนำตัว แต่ว่าเขาที่กำลังเดินไปหยิบเอามือถือข้างๆ แล็ปท๊อปบนโต๊ะทำงานรกๆ
" น่าแปลกจริงๆ ที่พวกเขาส่งคนอื่นมา แทนที่จะเป็นคนของเชย์รีส " เขาชำเลืองมองเธอ
" และยังให้คนของวีไอพีเป็นคนคอยคุ้มกัน " เขาตั้งขอสังเกต แต่หมอสาวคนนี้กลับมีท่าทีที่สบายไม่ดูกดดันอะไรทั้งนั้น แม้ว่าเธออาจได้รับคำสั่งจากใครมาก็ได้ และเขายังเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ ฝั่งตรงกันข้าม
" ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลก " หมอสาวที่ชื่อแซมและยังหมอบรอยยิ้มพิมใจ แต่เธอก็พอรู้ว่า แทซันก็แทบจะไม่ไว้ใจเธอเอาซะเลย
" ขนาดคนที่เรียนจบมาทางด้านเภสัช ! ก็ยังมาทำงานให้กับรัฐบาลได้นี่ " หมออมยิ้ม
" หึๆ " เขาอมยิ้มบ้าง และยังกล้าหันไปสบตาของหมอชาวไทยตรงๆ
" ท่านประธานชเว คงบอกทุกเรื่องเลยสินะ " เขาจ้องเธอ
" ท่านประธานชเว ไม่ได้บอกอะไรเรา " เธอจ้องตอบ
" แต่ชื่อเสียงของคุณ ! ค่อนข้างทำให้เราสนใจ " เธอตอบ
" ปลายปี 2024 ไวรัสซีดี 50 พัคแทซัน คุณเป็นคนตั้งชื่อไวรัส " และเธอก็ยังเอาแต่นั่งยิ้มๆ ให้เขา
แทซันพยักหน้า และยังเอาโทรศัพท์วางไว้ตรงโต๊ะกลางระหว่างพวกเขา
" ไวรัสซีดี 52 ต่างจากไวรัสเดิมๆ ที่พวกเรารู้จัก " และอธิบายผลเชื้อไวรัสที่เขาได้บันทึกการทดลองเอาไว้ในโทรศัพท์
" พวกมันแพร่กระจายได้ในอากาศเหมือนไวรัสซาร์ก็จริง.แต่ว่า " เขาเงียบและคิดชั่วขณะหนึงก่อนที่จะตอบเธอ
" ที่น่ากลัวกว่านั้น พวกมันมีดีเอ็นเอคล้ายกับไข้ black death มากทีเดียว ! " เขานิ่งเงียบ และเอื้อมมือไปกดมือถือ เปิดภาพบันทึกการทดลองของไวรัสที่ชื่อซีดีห้าสอง และลักษณะกายภาพคล้ายๆ แกลบลมที่มีลักษณะเปลี่ยนจากทรงกระบอกเป็นทรงกลม และมีขาด้านหน้า
" น้องสาวผมส่งภาพพวกนี้มาให้ หลังจากเข้าไปขโมยไวรัสที่แล็ปของชาวเตอร์กีสถาน " เขาเปิดภาพถ่ายสภาพห้องทดลองไวรัสที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการคล้ายกันมีจุดคล้ำดำบริเวณหน้าอก ตาแดงและบางคนก็มีตุ้มน้ำเหลืองร้องแสบร้อนอย่างทรมารให้กับคุณหมอสาวแสนสวยชาวไทย และเธอยังคงนั่งฟังด้วยความตั้งใจ
"ทีนี้ คุณมีอะไรจะถามก็เชิญถามมาได้ " เขาหลบสายตาและยังทำเป็นไม่สนใจเธอ
หมอสาวส่ายหน้า และยังจะคอยเอื้อมมือดันโทรศัพท์ของเขาคืนให้
" หมายความว่ายังไง " จนเขาเริ่มไม่มั่นใจว่าจริงๆ แล้วที่เธอมาที่นี้หรือเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
" เมื่อหกเดือนก่อน ที่แอฟริกาใต้ " จนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายเริ่มแนะนำตัวกันก่อนอีกครั้ง
"นักฟิสิกส์ชาวอุยกูร์ 2 คน ถูกจับได้เพราะแอบขโมยไวรัสต้องห้ามออกจากสถาบันวิจัยของเรา " และเธอยังคงอธิบาย แต่คราวนี้สีหน้าและแววตาที่เริ่มเห็นความกังวล
" ในปี 2020 เกิดโรคระบาดผู้คนตายนับล้าน เพราะความคึกคะนองของนักวิจัยบางกลุ่ม และต้นตอ ! " เธอถึงกับต้องผ่อนลมหายใจแรง
" จริงๆ แล้ว พวกเขากำลังแค่นึกอยากจะตัดต่อพันธุกรรมของกลุ่มไวรัสซาร์ส เพื่อนำมาใช้ผลิตวัคซีน"
" แต่เกิดข้อผิดพลาดในขณะที่อาสาสมัครที่เป็นเพียงชาวบ้านยากจน และการตรวจคัดกรองไม่ดีพอ เพราะฉะนั้น ! " และแล้วจนในที่สุดเธอต้องพลอยหลบสายตาของพัคแทซัน
" มีอาสาสมัครบางคนป่วยเพราะการตัดแต่งพันธุกรรม " และก็ยังคาดเดาตามเหตุการณ์ตามที่พวกเธอเล่ามา
" การวิจัยดำเนินไป ในขณะที่อาสาสมัครบางคนล้มป่วย และที่สำคัญพวกเขายังมีครอบครัว " หมอสาวเล่าและเก็บกดความโกรธเอาไว้
" หึๆ " เขายิ้มเยาะ
"กะจะใช้วิธีพิษแก้พิษ ! เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าสินะ " เขาประชด
" เปล่า ! " หมอสาวได้แต่ส่ายหน้า
" พวกเขาทำสำเร็จได้ดีทีเดียว " และเธอที่ยังคงหลบสายตาของพัคแทซันจนต้องแอบนั่งกำมือเอาไว้แน่น
" ท่านประธานชเวกับซุปตาร์ลูกชายยังปลอดภัยดี "
" ผมรู้ !! " จนกระทั่งเขาต้องหันมาตัดบท
" คนหน้าไหว้หลักหลอกอย่างเขา ขนาดไวรัสก็คงไม่อยากติดหนึบนักหรอก ! " และเขายังคอยนั่งแสยะยิ้มให้คุณหมอแสนสวยให้เห็นกันอยู่เรื่อย
เอี๊ยดด !!!
รถตู้มีตราสัญลักษณ์ภาษาอังกฤษว่า Chryses กำลังขับเข้ามาจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูในตัวเมืองจังหวัดภูเก็ต และบรรดาเจ้าที่ๆ ลงมาจากรถตู้ก็ยังต้องสวมชุดพีพีอีรีบนำเปลลงมารับผู้ป่วยเป็นชายชาวยุโรปที่กำลังหมดสติจากฮวังอินซอง และซอเยอึนที่ช่วยกันปฐมพยาบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว
" เราฉีดวัคซีนไปแล้ว ! " ซอเยอึนรีบบอก
" เราต้องส่งผู้ชายคนนี้ไปที่แล็ปทันที" และฮวังอินซองยังมาช่วยกำชับ แต่ว่าพวกเขายังต้องพาแฟนสาวของผู้ชายที่มีอาการหมดสติไปกับพวกเขาด้วย
และรถตู้ของพวกเขาก็ยังขับตรงไปที่สนามบินภูเก็ต
เฮลิคอปเตอร์ของโครงเชย์รีสค่อยๆ ลดระดับมาจนถึงอาคารลูกบาสก์ของเชย์รีส ฮวังอินซองกับเจ้าหน้าที่พยาบาลได้ช่วยหันนำเปลของผู้ชายที่หมดสติกลับลงไปที่ห้องปฐมพยาบาล และซอเยอึนก็ยังช่วยพาแฟนสาวของเขาเข้าไปรอที่ห้องรับรองบริเวณชั้นที่สองของอาคารฝั่งทิศตะวันออก
" ผู้อำนวยการ ! " ฮวังอินซองกับซอเยอึนหลีกทางให้ไมเคิ้ล ดุ๊กส์ทันทีที่เข้ามาภายในบริเวณห้องแล็ป และแม้ว่าพวกเขากับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จะคอยเฝ้าสังเกตุการณ์หลังห้องกระจกของห้องปลอดเชื้อที่ๆ ห้องปลอดเชื้อตอนนี้เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อไวรัสต้องสงสัยราวๆ สิบสามเตียง และยังสามารถรับรองผู้ติดเชื้อได้ทั้งอาคารราวๆ 100 เตียงสำหรับงานวิจัย ทดลองการรักษา
แต่สีหน้าของดุ๊กส์ก็ไม่ได้ดูวิตกกังวลน้อยลงถึงแม้ว่าจะนำผู้ติดเชื้อเข้ามารักษาที่นี้ได้เกือบทั้งหมด
" มีอะไรที่น่ากังวลอยู่หรือเปล่า " ซอเยอึนสงสัย และฮวังอินซองก็คิดเหมือนๆ กัน
ดุ๊กส์ยังเอาแต่สายหน้าไปๆ มาๆ
" นี่เราขาดการติดต่อกับพวกเขาไปนานเท่าไหร่ " และดุ๊กส์ก็เอาแต่พูดลอยๆ ขึ้นมา จนทำให้พวกเขาสองคนที่ยืนฟังยิ่งนึกสงสัย
" พวกเขา ! นั่นใคร ! " ฮวังอินซองรีบเดินแทรกเข้ามาถาม แต่ว่าดุ๊กส์ก็เอาแต่ถอนหายใจกับส่ายหน้า และก็ยังจะเดินหนี
แต่ว่าก่อนจะเดินหนี ดุ๊กส์ก็เกือบลืมบอกทั้งซอเยอึนแล้วก็ฮวังอินซองจนต้องหันหลังกลับมา
"เลขามินโดฮยอน กับ " และสีหน้าที่ปรับเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นทันทีที่พวกเขาเอ่ยชื่อ
" คนของอาซาลาอยู่ที่นี้ !" ดุ๊กส์พูดจบก็ยังจะเดินหนีพวกเขาไปอีก
" คนของอาซาลา อยู่ที่นี้งั้นเหรอ ! " ฮวังอินซองเริ่มไม่เข้าใจ จนกระทั่งต้องรีบควานหาโทรศัพท์โทรหาพัคจินอู แต่ว่าเธอกลับไม่ยอมรับสาย !