และบรรดาผู้คนชายหญิงนับร่วมร้อยๆ ชีวิตที่กำลังคอยยืนออต้อนรับชายชราผู้ถือไม้เท้าที่ดูคล้ายกับเสือนั้น
" ยินดีต้อนรับผู้อาวุโส ! " ชายร่างผอมสวมสูทดูดีแลดูมีฐานะกำลังก้มหัวโค้งคำนับชายชราคนนั้นท่ามกลางเหล่าบรรดาผู้คนที่สวมเสื้อผ้าหลากหลายอาชีพทั้งหมอ พยาบาล ตำรวจ ทหาร หรือแม้กระทั่งแบบฟอร์มของพนักงานโรงงานรถยนต์ยี่ห้อหรูไปจนถึงฟอร์มของพนักงานร้านสะดวกซื้อ
" พวกเราคืออาซาลา " ชายชราผู้ถือไม้เท้ายังคงยิ้มอย่างมีเมตตาให้กับบรรดากลุ่มคนในห้องโถงใหญ่ภายในพิพิธภัณฑ์ใจกลางกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทย
" สวัสดีชาวอาซาลาทุกๆ คน " คำทักทายของชายชราผู้ถือไม้เท้ายิ่งทำให้ผู้คนในห้องโถงใหญ่ต่างก็ปลาบปลื้มตื้นตันใจ และพอไปสักครู่หนึ่งโปรเจคเตอร์ยักษ์ในห้องโถงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ก็เริ่มปรากฏตรงบริเวณพนังกำแพง และภาพบันทึกวิดีโอของห้องแล็ปลับก็เริ่มแสดงผลการทดลองไวรัสต่อมนุษย์ตั้งแต่ทารก เด็กเล็ก วัยรุ่นหนุ่มสาวและวัยชรา " น่าทึ่งจริงๆ " ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวด้วยสูทหรูหราดูภูมิฐานยืนอยู่ใกล้ๆ กับชายชราถึงกับโพล่งความในใจในขณะที่ทุกคนกำลังมองเห็นผู้คนที่กรี๊ดร้องด้วยความทรมาณภายในสถานที่ทดลองเชื้อโรค และแม้ว่าผู้ทดลองเชื้อโรคบางรายร่างกายจะเต็มไปด้วยตุ่มน้ำใสๆ พองเต็มร่างกาย บางคนมีเลือดไหลซึมผ่านทางเล็บมือเล็บเท้า และบางคนก็มีอาการคล้ายลักษณะของคนโดนมดรุมกัดทั่วทั้งตัวจนเนื้อตัวมีแผลเหวอะหวะจากการใช้มือเกาผิวหนังทั่วร่างกาย และที่พวกคนในห้องโถงต่างให้ความสนใจมากที่สุดก็คงจะเป็นห้องทดลองของทารกแรกเกิดกับหญิงชราอายุร่วมร้อยที่พวกเขาทั้งคู่เหมือนจะสลับผิวพรรณตามร่างกายของกันและกัน และทารกที่ผิวหนังหย่อยคล้อยและนอนหายใจเหมือนคนใกล้ตายในตู้อบ แต่ทว่าหญิงชรากลับมีผิวพรรณราวกับเด็กทารก
" เราจะไม่ลืมบุญคุณพวกเขาที่เสียสละเด็กทารก " และน้ำเสียงราวกับว่าชายชราสำนึกบุญคุณพวกเขาทุกๆ คนในนี้
" และแม่ผู้ให้กำเนิดแก่การทดลองของมวลมนุษย์" คำพูดเหมือนการแสดงคำปลอบประโลมแก่ผู้คนในห้องโถงของชายชราที่ใช้ไม้เท้าค้ำเดิน
ณ ท่าเทียบเรือบริเวณเกาะเล็กๆ ของจีน และบรรดาเรือของชาวประมงที่กำลังจอดเทียบท่าอีกหลายสิบลำ และอยู่ๆ ที่รองเท้าส้นสูงสีดำก็เพิ่งจะเหยียบขึ้นฝั่ง
"ถ้าจะมาตามหาผู้ป่วยก็หัดเตรียมตัวให้ดีกว่านี้สักหน่อย " เสียงของพัคแทซันบ่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลคุณหมอสาวชาวไทยที่ๆ พวกเธอแต่งตัวไม่ค่อยจะถูกกาลเทสะเท่าไหร่ แต่ว่าถึงยังไงเธอกับพวกของเธอราวๆ 3 คน ผู้ช่วยของเธอที่เป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวพี่สาวแม่ และผู้ชายวัยกระเตาะรูปร่างดีและกับชายแก่ๆ และพวกเขาเป็นชาวจีนและคนเกาหลี พวกเธอทุกคนยังคงขมักเขม้นขนกระเป๋าใบใหญ่ขนกันไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอบนฝั่ง บริเวณเกาะเล็กๆ แถวชายฝั่งตะวันออกของจีน แม้ที่นี้จะเป็นเกาะขนาดเล็ก แต่กลับมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และธุระกิจอาหารทะเลหลากหลายแห่งทีเดียว และในขณะพัคแทซันกับพวกของหมอสาวชาวไทยกำลังกันนั่งรถไปยังที่พักของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็ยังคงสังเกตไปรอบๆ เกาะ ทั้งถนนหนทางที่ใหญ่โต ชุมชนหมู่บ้านของพวกคนงานที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับสวัสดิการที่ดีจากโรงงานอาหารอุตสหกรรมของที่นี้ และอีกทั้งพวกเขาที่เพิ่งจะขับผ่านโรงพยาบาลขนาดใหญ่โตเอามากๆ ทีเดียวสำหรับเกาะที่อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ราวๆ เกือบ 1,500 กิโลเมตรแบบนี้
" ไม่ต้องเสียเวลาถ่ายรูปเก็บไว้หรอก " พัคแทซันที่มองกระจกหลังและเห็นคุณป้าที่มากับเธอกำลังถ่ายรูปโรงพยายาล เพราะฉะนั้นหมอสาวก็เลยต้องพยักหน้าบอกกับพวกตัวเอง พัคแทซันเลี้ยวรถเข้าไปในตรอกแคบๆ บริเวณด้านหลังโรงน้ำชาที่อยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลบนเกาะ
"พวกเราจะพักกันที่นี้ " พัคแทซันจอดรถและรีบลงไปขนกระเป๋าสัมภาระของตัวเองทันทีในขณะที่ทุกๆคนต่างก็เร่งมือช่วยกันขนของและรีบเดินตามพัคแทซันเข้าไปเช็คอินที่ร้านน้ำชา แต่ว่าพวกของหมอสาวคนไทยดูจะแปลกใจกับการตกแต่งของโรงน้ำชาที่เป็นโฮสเทลของที่นี้ไม่น้อย จนเด็กหนุ่มที่มาด้วยถึงขนาดหยิบกล้องมาถ่ายรูปร้านน้ำชาที่ดูราวกับพระราชวังจีน
" สุโค่ย ! " เด็กหนุ่มชาวจีนที่ดูตื่นเต้นมากกว่าใครเพื่อน
" ทำไมนายถึงไม่ใช่คำอื่น " ป้าร่วมงานเพิ่งจะหันมาชักสีหน้า
" สุโค่ยงั้นเหรอ ! " ป้าร่วมงานบ่นแล้วบ่นอีก
พัคแทซันที่ไม่ได้สนใจพวกเขาสักเท่าไหร่ และเขาก็แค่ถือกุญแจและเดินขึ้นบันไดนำหน้าพวกเขาขึ้นไปบนห้องพักชั้น 3
" หมอแซม ! ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเราต้องยอมมากับผู้ชายเกาหลีนั่น " ผู้ช่วยของเธอที่กำลังจัดข้าวของในห้องพักยังไม่หยุดบ่นเธอตั้งแต่เข้าห้องมา แต่ว่าหมออย่างเธอก็ยังไม่ยอมหันมาสนใจผู้ช่วยและเดินตรงไปเปิดประตูกระจกที่ระเบียงและเดืนออกไป เธอเดินตรงไปที่ขอบราวกั้นและมองตรงไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ ได้อย่างชัดเจน พวกเธอเห็นรถพยาบาลที่วิ่งวนเวียนเข้าออก และเห็นดาดฟ้าของโรงแรมที่มีแม้กระทั่งเฮลิคอปเตอร์ราคาแพงจอดนิ่งอยู่บนนั้น
" นี่หมอยิ้มงั้นเหรอค่ะ " ผู้ช่วยของเธอที่เดินตามกันมาติดๆ เห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของหมอแซมเข้าให้
" ฉันยิ้มงั้นเหรอค่ะ " เธอก็ดูจะประหลาดใจอยู่เหมือนๆ กัน
" หมอแซม ป้ากำลังคิดว่า "
" ทำงานกันเถอะคะ " แต่เธอก็ดันตัดบทผู้ช่วยตัวเองไปซะดื้อๆ
" เมื่อไหร่แกจะหยุดถ่ายรูปสักที ลูคัส ! " ชายเกาหลีรุ่นพ่อที่ได้แต่บ่นเด็กผู้ชายร่วมห้องที่ยังคงถ่ายรูปที่พักของพวกเขาไม่ยอมหยุด ในขณะที่พวกเขากำลังตระเตรียมเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์แล็ปท๊อป กระบอกเก็บของเหลวขนาดต่างๆ เอาออกมาเตรียมไว้บนโต๊ะภายในห้องพักที่เหมือนห้องนอนของพระราชวัง
" นี่คุณลุงคิม ! อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า " เด็กหนุ่มชาวจีนแต่ดันพูดเกาหลีอย่างคล่องปาก
" เอาเถอะ ! " คิมนักดูหัวเสียเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำ