ป้ายชื่อของเด็กหญิงพัคจินอู และป้ายชื่อของเด็กชายชเวกียุลยังคงติดอยู่ที่เสื้อชุดนักเรียนประถม และมิหนำซ้ำพวกเขาสองคนยังเอาแต่นั่งพากันกอดเข่าเจ่าจุกตรงมุมทางแถวบันไดหนีไฟไม่ยอมลุกไปไหนมือเล็กๆ ของพัคจินอูที่ยังคงนั่งปาดน้ำตา แต่ทว่าชเวกียุลในวัยเด็กยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ใกล้ๆ
"พี่แจอิน เขาจะไม่เปลี่ยนไปใช่หรือเปล่า " เสียงสั่นกลัวระริกของพัคจินอูในวัยเด็กเต็มไปด้วยความกลัว
เมืองเล็กๆ ซึ่งอยู่ท่ามกลางหุบขาวอันหนาวเย็นและแห้งแล้งเป็นหนึ่งเมืองชนบทที่ห่างไกล
ตุบ !
ถุงเงินกองใหญ่ถูกนำมาวางภายในห้องของนางโลมผู้เลอโฉมที่สุดของเมือง
"ข้าไม่ยักรู้เลยว่า เมืองที่แสนอาภัพเช่นนี้จะมีอะไรให้ท่านแม่ทัพอย่างท่านสนใจ " นางโลมผู้เลอโฉมและงดงามราวกับเทพธิดาจำแลงพยายามเล่นหูเล่นตาเย้ายวนข้าหลวงใหญ่จากเมือง และก็เสียงวางจอกเหล้าแสนนุ่มนวลหลังจากฟังคำป้อยอของหญิงงามเมือง
หึ ๆ เสียงหัวเราะในลำคอของข้าหลวงหนุ่มไว้เคราบางๆ ยังคงยิ้มแย้ม
" อีกไม่นาน ไม่แน่เมืองๆ นี้ก็อาจจะกลายเป็นสวรรค์ของพวกเจ้า "
" หรือนรกกันแน่ ใครจะไปหยั่งรู้ได้กันเล่าเจ้าค่ะ ท่านข้าหลวง " นางโลมเจ้าของหอคณิกาตัดบทเล่นลิ้น และหล่อนก็ยังพยายามเย้ายวนเข้าหาข้าหลวงใหญ่อย่างแนบชิด
" นรกของใครกันละ " โจแทซอบในวัยใกล้ๆ เลขสามไม่ได้มีท่าทีเขอะเขินต่อหญิงคณิการ้อยเล่
" นรกเป็นยังไง ข้าเท่านั้นที่รู้ดี " โจแทซอบวางจอกเหล้าเบาๆ และคอยชำเลืองมองคณิกาที่ยั่วยวนเขา
" ท่านนะ เป็นถึงพระอาจารย์ของฝ่าบาทตั้งแต่ยังไม่เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ " หญิงคณิกาขยับสะโพกอันอวบอิ่มอันมีน้ำมีนวลแทรกลงจนถึงตักของโจแทซอบได้ง่ายๆ
" และอีกไม่นานก็จะได้เป็นมหาเสนบดีอำมาตย์ " หญิงคณิกายังคอยยิ้มยั่วยวน
" หึๆ " โจแทซอบหัวเราะอย่างมีความสุข เขาใช้มือปัดแก้วเหล้าออกจากโต๊ะอาหารและอุ้มหญิงคณิกาขึ้นมาประหนึ่งว่าเป็นอาหารคาว
ย่านตลาดการค้าของเมืองกลางหุบเขา คังกุกชอลกำลังออกตามหาใครบางคนไปทั่วทั้งตลาดจนกระทั่งเขาเดินไปจนถึงหน้าหอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้
" ท่านแม่ทัพ ! " คังกุกชอลเห็นฮงซอกดูแม่ทัพที่เพิ่งจะเดินออกมาจากหอคณิกา
" ท่านหานางเจอหรือเปล่า " ท่าทางเป็นกังวลของคังกุกชอลที่ราวกับว่าพวกตนกำลังจะเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว
"เป็นไปได้ที่นางจะไม่ได้อยู่ที่นี้ " ฮงซอกดูเอาแต่ส่ายหัวไปๆ มาๆ และชวนฮงซอกดูกลับค่ายทหารที่อยู่นอกเมืองอย่างร้อนใจ พวกเขาสองคนกลับมาถึงที่ค่ายทหารนอกเมือง และคังกุกชอที่ยังคอยเดินตามฮงซอกดูไปจนถึงที่กระโจมบัญชาการทหาร
" นี่เจ้า !! "
" คุณหนู ! " ฮงซอกดูกับคังกุกชอลต่างคนก็ต่างพูดไม่ออกที่อยู่ๆ เห็นจางอูรินสนใจอยู่กับแผนที่และบันทึกรายงานต่างๆ บนโต๊ะทำงานของพวกเขา
" กลับมากันไวกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ซะอีก ! " จางอูรินยังคงก้มหน้าก้มตากางแผนที่
"บังอาจเกินไปแล้ว ! " ฮงซอกดูหงุดหงิดเมื่อเห็นหน้าของนางแต่ก็รีบเดินเข้าหา
" คำๆ นั้นข้าควรจะพูดกับพวกเจ้ามากกว่า " จางอูรินสบตาของฮงซอกดู
" คุณหนูหรือเปล่าว่า พวกเราเป็นห่วงท่านกลัวว่าจะเกืดอันตรายขึ้นกับท่านอีกนะ ! " คังกุกชอลพยามห้ามพวกเขาทั้งสองคน แต่ฮงซอกดูยังคงชักสีหน้าต่อหน้าจางอูริน แต่อีกฝ่ายกลับชวนพวกเขาดูแผนที่ตามเทือกเขา และชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เมืองกลางหุบเขาแห่งนี้
" พวกท่านคงจะรู้สึกแปลกใจใช่ไหมละว่า ทำไมเมืองที่แห้งแล้งแบบนี้ กลับมีพวกต่างถิ่นเข้ามาอาศัยกันอยู่มากมาย " จางอูรินค่อยๆ อธิบาย และชี้ไปทางเข้าออกของประตูเมือง
" ข้าแอบเห็นพวกสาวใช้ของหอคณิกาแอบพาคนส่งเสบียงจำนวนมากไปที่หุบเขาใกล้ๆ "
" แต่ที่น่าแปลก คือพวกเขาขนทั้งยาและพวกสมุนไพรแปลกๆ ที่ข้าไม่รู้จักไปที่นั่นด้วย " จางอูรินอธิบายถึงรายละเอียดที่พวกนางพยายามตามสืบหาคนที่วางยาจนเกือบจะถูกลักพาตัวเมื่อคราวก่อน
" แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่า นางคณิกาพวกนั้นเป็นคนจัดหายาสมุนไพรพวกนี้ " ฮงซอกดูแม้จะยังไม่พอใจนางแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จางอูรินยิ้มกริ่ม
" ข้าก็แค่ไปช่วยพวกนางเรื่องความสวยควางงามมานิดๆ หน่อยๆ "
" ยังไง ! " ฮงซอกดูยังไม่เข้าใจจางอูรินแม้แต่นิดเดียว
" ได้ยินว่า คุณหนูจางช่ำชองเรื่องเครื่องหอม เพราะชนเผ่าทางใต้อุดมไปด้วยดอกไม้ " คังกุกชอบอธิบายแทนให้จนจางอูรินอดยิ้มและชื่นชมไม่ได้
" รายะเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต้องยกให้เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้จริงๆ " จางอูริรินยกยอคนสนิทของเขาจนฮงซอกดูยิ่งพาลหงุดหงิดนางมากขึ้นเรื่อยๆ
" เจ้ายังเป็นหนี้ชีวิตข้าอยู่ ! " ฮงซอกดูหาเรื่องต่อว่าจางอูรินที่กำลังอวดดีอยู่ตรงหน้า
" เพราะฉะนั้นจงทำตามที่ข้าสั่งเท่านั้น เพื่อครอบครัวและชนเผ่าของเจ้า ! " และฮงซอกดูก็เดินหนีกลับออกไปนอกกระโจม
" พวกสมุนไพรแปลกๆ ที่ว่า คุณหนูพอจะรู้ไหมว่า มันเป็นยาอะไร และพวกเขานำมันมาที่นี้ทำไม " แต่ว่าคังกุกชอลก็ยังคงสงสัยเรื่องที่พวกเขากำลังตามสืบ จางอูริหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
" ข้าจะต้องตามสืบให้ได้ "
" ไม่ว่าจะยังไง ข้าก็ต้องรู้คนที่พยายามจะลักพาตัวข้ามาให้ได้ ! " จางอูรินบอกกับลูกน้องของฮงซอกดู
บริเวณหุบเขาด้านหลังเมืองเล็กๆ ภายในหุบเขามีพื้นที่ราบและน้ำตกสายหย่อมๆ กลางหุบเขา และยังมีพวกคนงานสร้างที่พักหลายต่อหลายหลัง และก็ยังมีกรงขังนับร้อยประกอบกับเสียงร้องโหยหวนอย่างทรมาน แต่ทว่าบรรดาหมอนับสิบๆ คนกลับเมินเฉยต่อเสียงร้องโหยหวนของคนไข้และมิหนำซ้ำบรรดาหมอเหล่านั้นยังคงขะมักเขม้นสนใจกับหม้อต้มยาสมุนไพรนับสิบๆ หม้อในโรงต้มยาขนาดใหญ่ และตำราการแพทย์จากตะวันตกแดนไกลรวมถึงภาพวาดอันน่าสยดสยองในตำราการแพทย์ที่น่าสะพรึงกลัวที่บางภาพวาดตัดเอาแขนขาและผ่าเอาหัวใจมนุษย์ในขณะที่ยังมีชีวิต
" ข้าอยากจะให้เจ้ารับนางเอาไว้ " โจแทซอบนั่งสูบยาอยู่บนเตียงไม้อันสลักเสลาอย่างปราณีต และหญิงคณิกานางคนเดิมที่ยังคงคลอเคลียอย่างแนบสนิทและชิดเชื้อเสื้อผ้าของโจแทซอบที่หลุดรุ่ยไปบ้างพอทำให้เห็นแผ่นหน้าอกอันกำยำ และชุดสวมโพรกเพรกและเบาบางยังคงกรีดนิ้วเรียวยาวไปตามเนื้อตัวของเขา
"ถึงท่านไม่บอกข้าๆ ก็รู้ว่านางพอมีประโยชน์ " หญิงคณิการแอ่นร่างช้าๆ และงับบ้องยาสูบหินอ่อนที่โจแทซอบยื่นมันให้กับนางทันที
" แต่ข้าว่าบุตรีของพวกชาวใต้จะยอมหลงกลข้าง่ายๆ หรอกนะเจ้าค่ะ " คณิกาสาวถึงกับเผลอแววตาประหม่า
" เจ้าลืมไปหรือเปล่า " โจแทซอบหันมองหญิงคณิการด้วยสายตาแกมบังคับขู่เข็ญไปพร้อมๆ กัน
" เจ้ามีของดีที่สามารถทำให้ผู้ชายหลงใหลเสน่หาในตัวของพวกเจ้ามานักต่อนัก " โจแทซอบช้อนตัวคณิกาขึ้นาคร่อมบนตัก
" ใช้ยาเสน่ของเจ้าและพาตัวจางอูรินมาให้ข้า "
" หลังจากที่ข้ากลืนกินนางจนหนำใจ ข้าถึงจะส่งนางไปที่ถ่ำ " คำสั่งของโจแทซอบพลอยแต่จะทำให้หญิงคณิกาสงสัย
" ยาเสน่ของข้าๆ ยินดีหมอบให้ท่าน และท่านจะได้ใช้ตามอำเภอใจกับพระมเหสีก็ย่อมง่ายกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก " คำตอบของหญิงคณิกาที่ถึงกับให้โจแทซอบแสยะยิ้มขึ้นมาจนได้
"ยังไม่หายโกรธข้าอยู่อีกซินะ ท่านแม่ทัพฮงซอกดู " เสียงแว่วมาแต่ไกลของของอูรินจนทำให้ซอกดูคิดที่จะเดินหนีแต่ก็เปลี่ยนใจ
" ข้ารับปากท่านหัวหน้าเผ่าว่าจะต้องช่วยเจ้า และจะพาท่านอาวุโสกลับไปให้ได้ " เขาบอกกับจางอูรินแต่กลับพยายามไม่มองหน้าของนาง
" จริงอยู่ที่ข้าเป็นหนี้ชีวิตท่านๆ แม่ทัพ แต่ว่า " จางอูรินก็กับพยายามสบตา
" ที่ฝ่าบาทให้พวกท่านมาบังคับขู่เข็ญให้ชนเผ่าของเราคิดค้นยาอายุวัฒนะ เพื่อแลกกับการไม่เป็นเมืองขึ้น ข้าว่ามันก็น่าสนใจอยู่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น " จางอูรินแอบยิ้ม
" ทรงมีเมตตนต่างหากละ เพราะฉะนั้นพวกเจ้าก็จงใช้วิชาความรู้ในการปรุงยาเพื่อถวายต่อฝ่าบาท"
" แน่ใจนะว่า ยานั้นเพื่อองค์ฝ่าบาทเอง !" จางอูรินหันไปตัดบทและแววตาบีบคั้น
" พวกเจ้ามีหน้าที่น้อมรับพระบัญชา " เขาบ่ายเบี่ยง
" เพราะฉะนั้นพวกเจ้าควรจะรีบปรุงยานั้นให้สำเร็จโดยไว." เขาบ่ายเบี่ยงอีกครั้งและพยายามเดินหนีแต่ว่าก็ไม่สำเร็จ
" ก่อนที่ท่านจะยกทัพมา โจแทซอบ ! พระอาจายร์ของฝ่าบาทก็พยายามมาหนหนึ่งแล้ว " จางอูรินยังอยากให้ฮงซอกดูพูดความจริง
" คนที่เหี้ยมโหดอย่างเขา ! ฆ่าได้แม้กระทั่งคนแก่เพียงเพราะไม่ยอมทำตามคำสั่ง หึ! " จางอูรินยิ้มเจื่อนและสบตาเขาอีกครั้ง
"พวกข้าไม่รู้หรอกนะว่า พวกท่านและฝ่าบาทอยากจะได้ยาพวกนั้นไปทำไม แต่ว่า .." จางอูรินยังคงไม่ละสายตาและยังรู้แม้กระทั่งว่า ฮงซอกดูเองก็คงจะคิดลังอยู่ไม่น้อย
"บนโลกนี้มีคนที่พร้อมจะปรุงยาช่วยนับร้อย แต่ก็มีบางคนที่ก็พร้อมจะปรุงยาฆ่าคนนับเรือนหมื่นเรือนแสน ! " พอพูดจบจางอูรินเองที่เป็นฝ่ายเดินหนีไป และเขาที่ทำได้แค่มองตามอย่างรู้สึกสับสน
คังกุกชอลถือถาดกาน้ำชาเอาเข้ามาให้ภายในกระโจมของฮงซอกดู เขาค่อยๆ วางมันลงเพราะเห็นว่าแม่ทัพของพวกเขากำลังนั่งเขียนบันทึกประจำวันอย่างครุ่นคิด
"ทำไมท่านถึงชอบเขียนบันทึกพวกนี้ " คังกุกชอลคอยรินน้ำชาให้และนั่งลงใกล้ๆ
ฮงซอกดูยื่นมือหยิบเอาน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ
" วันนี้ชาของเจ้าดูรสชาตเปลี่ยนไปจากเดิม " คำชมของแม่ทัพฮงซอกดูทำให้ทหารชั้นผู้น้อยคังกุกชอลยิ้มกริ่ม
" ชาของข้าน้อยไม่เคยเปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนคือรสมือต่างหากขอรับ " ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกรุ่มกริ่มของคนตรงหน้าเผลอทำให้ฮงซอกดูอมยิ้มตาม
" นางคงสอนวิชาความรู้แก่เจ้าอีกแล้วซินะ " เขาถาม
" คุณหนูจางอูริน ภายนอกนางอาจจะดูหันรั้นและหยิ่งทนงไปบ้าง แต่ความจริงแล้วนางช่างสังเกต อ่อนโยน และยุติธรรม " คังกุกชอลพลางอธิบายพลางยิ้มกับเหตุผลของตัวเอง
" งั้นเหรอ " สีหน้าประหลาดใจของฮงซอกดูแต่ก็ไม่วายลิ้มรสชาไม่ยอมหยุด
" ได้ข่าวว่า ก่อนที่เจ้าจะมารับใช้ข้า ครอบครัวของเจ้าเคยอพยพไปอาศัพอยู่กับพวกทางใต้ " การตั้งคำถามของเขาทำให้สีหน้าของคังกุกชอลเปลี่ยนไป และรอยหน้าเปื้อนยิ้มที่กลับกลายเป็นความขลาดกลัว
" ถ้าไม่ได้ท่านอาวุโสช่วยเหลือ ป่านนี้ข้าน้อยคงกลายเป็นโจรไปแล้ว" ความคิดที่มีเสียงของคังกุกชอลดังออกไปนอกกระโจม
ร่างกายอันบอบช้ำและเสื้อผ้าขาดรุดรุ่ยราวกับถูกปีศาจที่กลับชาติมาเกืดทารุณกรรม ริมฝีปากที่เคยมีสีแดงชาดฉาบเอาไว้ถูกกลบเอาไว้ด้วยเลือดสดๆ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงราวกับถูกคนใจทรามกระชากหัวซ้ำแล้วซ้ำเล้าและเสียงคร้ำครวญสะอื้นเพียงเบาๆ ของสาวงามอันเลอโฉมเจ้าของหอคณิกา แต่ทว่านางกลับปาดน้ำตารื้นๆ นั้นอย่างฉับพลันทันทีทันใดเมื่อเพียงได้ยินเสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาอีกครั้ง สายตาของหญิงคณิกาที่กำลังหมอบต่ำเนื้อตัวสั่นระริกแต่ก็อาจจะไม่ใช่แค่ความหวาดกลัว และน้ำเสียงของโจแทซอบที่ยังคงดังกึกก้องข้างๆ หู
" อย่าคิดว่าคนอย่างเจ้าจะเทียบนางได้ " เสียงขบริมฟังปากโจแทซอบแทบจะแนบชิดใบหน้าหญิงคณิกาเพราะมือของเขาที่ยังคงจิกผมของหล่อน
" ถ้าเจ้ายังเอ่ยชื่อของนาง คราวหน้าข้าจะตัดลิ้นของเจ้าซะ! " โจแทซอบผลักหัวหญิงคณิกาจนนางแทบจะหน้าขมำ มิหนำซ้ำเขายังแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องพักรับรองที่ใหญ่สุดของหอคณิกานี้ และในขณะเดียวกันแววตาของหญิงคณิกานางนั้นก็ได้เปลี่ยนไป
ห้องโถงโรงน้ำชาอันโออ่า และผู้คนยังใส่ชุดผ้าไหมราคาแพงพากันเดินเข้าออกหอคณิกาเป็นว่าเล่น และโดยเฉพาะบรรดาชายหนุ่มรุ่นวัยกลัดมันไปจนถึงแก่รุ่นจะเข้าฝาโลงก็ไม่เว้นยังพากันแห่มาใช้บริการของหอคณิกากลางหุบเขาไม่เคยขาด
"หอเทียนชุนลี่ของข้า ! ยินดีต้อนรับ "
" จางอูริน !! "