ผู้หญิงสวมชุดดำและสวมแจ็กเก็ตสวมหมวกอำพรางใบหน้ากำลังเดินปะปนกับผู้คนในโรงพยาบาลบนเกาะทางตอนใต้ของจีน และเธอกำลังเดืนเลี้ยวตรงมุมทางเดินที่มีป้ายบอกทางไปแผนกจิตเวชซึ่งเป็นทางเดินยาวเชื่อมตึกที่เหมือนสร้างยังไม่แล้วเสร็จดี จนกระทั่งเห็นประตูเหล็กบานใหญ่และมีข้อความเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ตึกผู้ป่วยแผนกจิตเวช " พัคจินอูขยับหมวกเล็กน้อยก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป และเธอยังเดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลและผงกหัวเล็กน้อยให้กับเหล่าพยาบาลสาว แต่พวกเธอกลับซุบซิบอะไรบางอย่างเมื่อเห็นพัคจินอูที่รีบร้อนเดินผ่านไป เสียงประตูห้องผู้ป่วยชายถูกเปิดออกอย่างช้า และเสียงฝีเท้าของพัคจินอูก็ทำให้ชายวัยกลางคนที่ผมเผ้ารุงรังรู้สึกตัวและฟื้นขึ้นมา แต่ทว่ามือและเท้าของชายคนนั้นกลับถูกมัดไว้ติดกับเตียง และเสียงแหบพร่าของเขา กับแววตาจงเกลียดจงชังทุกคนในโลกใบนี้
" เชื้อไวรัสจะถือกำเนิดบนโลกใบใหม่ที่พวกเธอเป็นคนสร้าง ! " เสียงแหบพร่าของผู้ชายวัยกลางคนที่ตอนนั้นเขาคนนี้น่าจะมีอายูประมาณสี่สิบปลายๆ
พัคจินอูสะดุ้งตื่นภายในห้องพักโรงแรมหลังจากที่พวกเธอมาถึงประเทศไทยเมื่อคืนนี้ และเสียงโทรศัพท์ที่ดังใกล้ๆ
" ค่ะ! " เธอรับสายโทรศัพท์ และสีหน้าเริ่มเป็นกังวล
" พี่ไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ " และเธอที่กำลังพูดคุยอยู่กับพัคแทซันที่พวกเขากำลังอยู่บนเกาะๆ หนึ่งของจีน
" ระวังตัวด้วยนะคะ " และน้ำเสียงที่ดูกังวล
" ฉันก็จะระวังตัวเหมือนกันคะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง " แต่คราวนี้น้ำเสียงของพัคจินอูที่เริ่มสั่นๆ
" ฉันรู้ว่าพี่ต้องหามันเจอแน่ " แต่ก็อย่างว่าที่เธอพยายามสกัดกลั้นความเจ็บปวดบางอย่างเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครรู้ พัคจินอูค่อยๆ ขยับลุกขึ้นจากเตียง และเดินตรงไปที่หน้าต่างกระจก เธอค่อยๆ ดึงม่านสีฟ้าบางๆ ออกจนเห็นแสงแดดรำไรในตอนเช้า " อย่าทิ้งฉันไป ! .พัคจินอู !! อย่าทิ้งฉันไป " เสียงร่ำร้องของเด็กชายชเวแจอินในตอนนั้นที่ดังกึกก้องจนทำให้เธอนึกย้อนอดีตไป คืนนั้นเด็กหญิงพัคจินอูถูกพ่อบังคับให้มาเรียนต่อที่ประเทศไทยอย่างกะทันหัน ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุแค่สิบสามๆ ปีเท่านั้นเอง แต่ก็คงเป็นเพราะเธอเป็นต้นเหตุให้แม่แท้ๆ เลือกที่จะฆ่าตัวตายเพียงเพราะแม่ของเธอที่เชื่อว่า เด็กผู้หญิที่ตัวเองคลอดได้กลายเป็นปีศาจหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุฟ้าผ่าบนเรือ และพ่อที่ตัดสินใจส่งมาที่นี้เหตุผลอยากให้เธอย้ายโรงเรียนมันก็แค่เรื่องบังหน้า แต่จริงๆ คือมารักษาอาการที่พวกเขาเชื่อว่าเธอได้รับผบกระทบกระเทือนทางสมองจนทำให้เห็นภาพเลอะเลือนและพูดจาไร้สาระ และเหมือนจะบังเอิญที่เมืองไทยพอจะมีหมอจิตแพทย์ที่พ่อเชื่อว่าจะรักษาอาการของเธอให้หายขาด
" พัคจินอู !! เธออย่าทิ้งฉันไป " เสียงของเด็กผู้ชายอย่างชเวแจอินที่รีบร้อนวิ่งไล่ตามรถแท็กซี่ของเธอกับพ่อที่หน้าบ้าน
" เธออย่าทิ้งฉันไปอีกคนได้ไหม " เด็กผู้ชาอย่างชเวแจอินที่ร้องไห้กระจองอแง และเธอที่ได้แต่หันหลังมองผ่านกระจกรถคันนั้น เพราะเธอเองที่เป็นฝ่ายผิดคำสัญญาระหว่างพวกเขา
" ฉันขอโทษ ! " เสียงสะอื้นของเด็กน้อยพัคจินอูที่กำลังเหลียวมองเด็กผู้ชายที่พยายามวิ่งไล่ตามรถแท็กซี่จนลับสายตา
" คุณเป็นใครค่ะ " เด็กหญิงพัคจินอูในวัน 11 ขวบกำลังยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนประถม แต่ว่าพัคจินอูในตอนนั้นที่กำลังตั้งใจยืนมองผู้ชายใส่แว่นสายตาส่วนสูงน่าจะหกฟุตครึ่งรูปร่วงท้วมห้อยป้ายที่เขียนเหมือนบัตรประจำตัวนักสังคมสงเคราะห์แต่ทว่าเธอก็อ่านชื่อของผู้ชายคนนั้นได้ไม่ทันเพราะว่าเขาเพิ่งจะจูงมือลูกสาวของเขาซึ่งก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอผ่านหน้าเธอไป แต่ก็เป็นเรื่องแปลกมากทีเดียวที่เธอแทบจะไม่ได้สบสายตาของผู้ชายคนนี้ แต่เพียงแต่หลังมือของเขาสะกิดโดนเบาๆ ที่ไหล่ของเธอเท่านั้น
" ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครค่ะ !" พัคจินอูพยายามทักทายผู้ชายคนที่เพิ่งจูงมือลูกสาวอีกครั้งในขณะที่ผู้คนวุ่นวายอยู่บริเวณหน้าประตูโรงเรียนประถม และจนกระทั่งผู้ชายคนนั้นหันกลับมา
" อะไรนะ นี่เธอกำลังคุยกับพวกเราใช่หรือเปล่า " ผู้ชายคนนั้นที่ก็เพิ่งจะหันหลังกลับมามองเด็กผู้หญิงและอ่านชื่อเสียงเรียงนามบนป้ายชื่อเธอ
" หนูชื่อพัคจินอูเองค่ะ " พัคจินอูเบิกตากว้างและรู้สึกประหม่ามากจริงๆ และผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มและมองเธออย่างเอ็นดู
"เมื่อกี้เธอถามว่า ฉันเป็นใครซินะ " ผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้มและจูงมือลูกสาวเปียผมสองแกะเข้ามาใกล้ จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเริ่มจะย่อตัวนั่งลงมา และในขณะเดียวกันก็ยังใช้มือหนึ่งจับที่บัตรประจำตัวที่ห้อยคออยู่เอาขึ้นมาให้เธอดู
" อีจีอัน !! "
" ฉันทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ว่าแต่เธอคงมีเรื่องอยากให้ฉันช่วยอยู่ใช่หรือเปล่า " ผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้มอย่างเอ็นดู และพัคจินอูเหมือนจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปและจับเข้าที่มือของผู้ชายคนนี้ที่จับป้ายชื่อของตัวเอง ผู้ชายคนนั้นรู้สึกแปลกใจแต่ก็คิดว่าเด็กคนนี้คงมีอะไรที่อยากจะบอกกับเขาแน่
" ว่าแต่ เธอมีอะไรอยากจะให้ฉันช่วยหรือเปล่า "
" เธอรู้จักใช่ไหมว่า. นักสังคมสงเคราะห์มีหน้าที่อะไรบ้าง " อีจีอันผู้ชายคนที่กำลังถูกเด็กหญิงพัคจินอูเอื้อมมือมาจับมือตัวเองยังคงเพ่งและสบตาของเด็กหญิงพัคจินอูตรงหน้า
" บอกมาเถอะว่าหนูอยากให้ฉันช่วยอะไร " อีจีนอันยังคงสงสัย พัคจินอูในตอนนี้ที่ก็เลยค่อยๆ ปล่อยมือของเขา แต่ก็ยังเผลอหันไปสบตาของลูกสาวของอีจีอันด้วย
" ลูกสาวของคุณกำลังจะแข่งเปียโนอย่างงั้นเหรอค่ะ " เธอหันมาคุยกับอีจีนน
" เธอจะชนะ แต่ว่า " เธอเงียบและคิดก่อนจะพูด
" คุณก็จะได้เป็นผู้นำของประเทศนี้เหมือนกัน " พัคจินอูคุยกับผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกที่หน้าประตูโรงเรียนประถมของเธอ แต่ว่าอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของพัคจินอูก็ดังขึ้นมา !
เด็กหญิงพัคจินอูกำลังรีบร้อนวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลหลังจากที่รับสายโทรศัพท์ที่หน้าประตูโรงเรียนประถม และ เธอก็รีบขึ้นแท็กซี่ตรงมาที่โรงพยาบาลของเอ็มดีทันที เธอรีบวิ่งแจ้นไปจนถึงหน้าห้องผ่าตัด แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือของเด็กผู้ชายมาดึงตัวเธอ และทั้งพัคจินอูกับเด็กผู้ชายคนนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ต่างพากันแอบอยู่กันอย่างเงียบๆ บริเวณมุมทางเดินข้างประตูของบันไดหนีไฟ