จางอูรินเดินจ้ำๆ ถือตระกร้าสานจากใบไม้และยังมีดอกไม้จนเกือบเต็มตระกร้า และยังรีบเดินจ้ำๆ เดินนำหน้าฮงซอกดูอย่างเร่งรีบ
" เจ้ารีบเดินราวกับว่า กำลังหนีพวกทหาร" ฮงซอกดูตะโกนถาม ในขณะที่ยังจัดแจงสวมเสื้อผ้าที่หล่อนเพิ่งจะซักให้มา และเขายังคอยชำเลืองมองดาบของตัวเองในมือของจางอูริน
หล่อนเงียบไม่อยากพูดจาอะไร เพราะรู้สึกน้อยใจเขาที่เอาแต่ใช้ให้ซักผ้าทั้งๆ ที่ใจก็อยากจะพักผ่อนเงียบๆ อยู่บริเวณริมแม่น้ำตรงนั่นบ้าง และไหนก่อนหน้านี้ยังจะโยนดาบมาให้ช่วยถืออีก
" เจ้าอย่าบอกนะว่า กำลังน้อยใจข้าอยู่อย่างนั้นใช่หรือเปล่า " เขาในขณะที้เดาใจของหล่อนจนเผลอแอบยิ้มตามท่าทีสะบัดสะบิ้งของจางอูริน
" เอาดาบของท่านคืนไป ! " และหล่อนก็เลยหันมาและยื่นดาบคืนให้ แต่ทว่าสายตาของหล่อนกลับแสดงความไม่พอใจออกมาเข้าจนได้
" ฮ่า ๆ " เขาหัวเราะชอบใจ และคอยแต่จะเดินนำหน้าหล่อนไปซะดื้อๆ
" ท่านแม่ทัพ ท่านจงใจจับตาดูข้า ! " หล่อนอดทนไว้ไม่ได้จริงๆ ที่จะไม่ถาม เพราะว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่รู้ประวัติตื่นลึกหนาบางของตนเองดี
ฮงซอกดูเลยก้าวเท้าช้าลงและก็ถึงกับหยุดเดินในที่สุด แต่ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าที่จะหันหลังกลับมาและเผชิญหน้าของจางอูรินภายในทันที เพราะเขาเพียงต้องการฉุกคิดสักครู่หนึ่ง
" ท่านจงใจจับตาดูความเคลื่อนไหวของข้า นับตั้งแต่ออกจากวังหลวง " และหล่อนก็เหมือนจะรู้ทันเขาจริงๆ
" เวลานี้ ! เจ้าเป็นคนของฝ่าบาทแล้ว " เขาหันกลับมา
" ที่ข้าจับตาดูเจ้า เพราะว่าข้ามีเหตุผลของข้า " เขายอมรับ และถึงแม้ยังไม่กล้าสบตาของหล่อนเท่าไหร่หนักก็ตาม
แต่ทว่าสายตาของหล่อนกลับสั่นไหวเข้าแล้ว
" ท่านกลัวว่า ข้าจะฆ่าโจแทซอบใช่หรือเปล่า " เพราะฉะนั้นหล่อนถึงต้องยอมรับกลับบ้าง
" ใช่เจ้าค่ะ ! "
" ข้าอยากฆ่าเขา "
" แม้ว่าโจแทซอบจะจำข้าได้หรือไม่ก็ตาม "
" จางอูริน ! " เขาขึ้นเสียงใส่หล่อนขึ้นมาทันทีที่เอ่ยชื่อออกมา
" แต่เพราะข้า " มิหนำซ้ำหล่อนแม้ถึงจะมีสายตาสั่นไหวมากขึ้นๆ
" ยึดมั่นในคำสัญญา "
" นี่เจ้า ! " เขายังคงเผลอเรียกชื่อหล่อนซ้ำๆ และแม้ว่าจะเริ่มรู้สึกสงสารและเห็นใจ และอาจจะมีความรุู้สึกพิสดารมากกว่านั้น
" ท่านอัครเสนบดี ไม่ใช่คนที่คนอย่างเจ้าจะรับมือได้ง่าย ๆ " และเขายังเริ่มแนะนำ
" แม้กระทั่งฝ่าบาท ก็ทรงตัดสินพระทัยอย่างอยากลำบาก แต่เพราะพระสนมทรงกำลังจะมีพระโอรสให้พระองค์ "
" ตำแหน่งอัครเสนบดีของเขา สักวันเจ้าก็จะรู้เองว่า ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยถูก " เขายังคงแนะนำ และป้องกันความวู่วามของจางอูริน
" และข้าก็จะทำตามสัญญาของข้าเช่นกัน " เขาไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือหล่อนเช่นกัน และคราวนี้กลับเป็นตัวเองที่เริ่มมีสายตาเปลี่ยนไป
หล่อนที่ยังคงสบตาของเขาด้วยความรู้สึกสงสัย และยังคงนึกภายในใจด้วยว่า ฮงซอกดูที่เขาทำเช่นนี้เพื่อรักษาระยะห่าง หรือว่าความสงสารกันแน่ และหล่อนยังเหมือนรู้สึกราวกับว่า เขากำลังเดินเข้ามาหา
"ช่วยด้วย !!! " เสียงผู้หญิงกรี๊ดร้องขอความช่วยเหลือจากภายในป่า
" ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!! " เสียงกรี๊ดร้องขอความช่วยเหลือดังใกล้เข้ามาทุกที
" จองซูวอน !"
" ท่านหมอหญิง ! " ฮอกซอกดูกับหล่อนที่รีบวิ่งออกไปตามหา
หมอหญิงจองกับสาวใช้ในสำนักหมอหลวงอีกสองคนต่างพากันวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรจ์มีผ้าปิดหน้าปิดตา และยังคอยถือดาบไล่ลาภายในป่า และพวกนางต่างคนก็ต่างชวนกันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทว่าฝีเท้าของเหล่าสตรีก็คงไม่อาจชนะผู้คนติดอาวุธไปได้ จนกระทั่งพวกเหล่าหมอหญิงถูกต้อนและตกอยู่ในวงล้อมในที่สุด แต่ว่าเหล่านักฆ่าชายฉกรรจ์ก็ไม่รอช้าง้างดาบขึ้นมาหมายจะเอาชีวิตปลิดชีพพวกนางในทันทีทันใด
ฉับ !
ทันใดนั้นเกิดเสียงดาบปะทะกันรัวๆ ระหว่างกลุ่มของชายฉกรรจ์กับฮงซอกดู !
" ซูวอน ! เจ้ารีบหนีไป " ฮงซอกดูตะโกนให้เหล่าหมอหญิงรีบหนีไป
ให้ได้ และบรรดาพวกหมอหญิงพอตั้งสติได้ก็ต่างรีบทำตามพยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
ฮงซอกดูในขณะที่พยายามจะต่อสู้กับกลุ่มคนร้าย จางอูรินก็หลบอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ
" ท่านหมอหญิง ! " หล่อนรีบกวักมือเรียกพวกนางที่กำลังวิ่งหนี และ
จองซูวอนที่พอเห็นจางอูรินก็นำบรรดาหมอหญิงอีกสองคนรีบวิ่งเข้าไปหลบบริเวณหลังพุ่มไม้
จางอูรินรีบพาจองซูวอนกับหมอหญิงฝึกหัดเหล่านั้นพากับหลบอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ใกล้ไม่ไกล และพวกนางที่ต่างพากันหลบและแอบดูฮงซอกดูกำลังต่อสู้กับคนร้านสี่ห้าคนกลางป่า
"ซอกดู !!! " จองซูวอนยิ่งมองเห็นฮงซอกดูตกอยู่ในอันตรายก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วง เพราะฉะนั้นนางถึงได้หันไปสั่งหมอหญิงฝึกหัด และให้พวกนางรีบออกไปตามหาคนมาช่วย และในระหว่างที่หมอหญิงฝึกหัดรับคำสั่งและกำลังรีบวิ่งหนีออกไปหาความช่วยเหลือ แต่เพียงคล้อยหลังพวกนางกลุ่มคนร้ายก็ทยอยเพิ่มขึ้นจากในป่ารกทึบ
" ซอกดู ! ท่านแม่ทัพ !! " จองซูวอนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และกระวนกระวายเพราะกลัวว่า เขาอาจจะพลาดพลั้งเสียที
ตุบ !
จองซูวอนล้มตึงและหมดสติไป แต่ในตอนนั้นจางอูรินรีบเข้ามาขยับและประคองร่างของจองซูวอนแอบซ่อนไว้บริเวณพุ่มไม้
ฉับ !
หนึ่งในกลุ่มคนร้ายถูกดาบของฮงซอกดูฟันเข้าที่กลางหลังและกำลังจะล้มลงไปกองที่พื้น
" จางอูริน ! " ฮงซอกดูตะโกนเรียกหล่อนทันทีที่เห็น
แต่ทว่ามิหนำซ้ำหล่อนยังหลบหลีกปลายดาบปลายกระบี่ของกลุ่มคนร้ายได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็วปานสายฟ้า
หมับ !
และหล่อนกระโจนคว้าดาบที่ฮงซอกดูแย่งชิงจากคนร้ายได้อย่างง่ายดาย หล่อนและฮงซอกดูต่างคนก็ต่างช่วยกันระวังหลังให้กันและกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งในเดียวด้วยศิลปะการต่อสู้อย่างเหนือชั้นกว่าพวกกลุ่มคนร้ายมากนัก และในระหว่างที่พวกกลุ่มคนร้ายถูกทยอยฆ่าตายด้วยน้ำมือจากพวกเขาไปทีละคน และก็มีกลุ่มคนร้ายบางคนพยายามจะหลบหนี
" ข้าจะไปตามจับคนพวกนัั้นมาให้ได้ ! " จางอูรินตะโกนบอกฮงซอกดู และยังรีบร้อนถือดาบกำลังไล่ตามจับพวกคนร้าย
" จางอูริน ! " ฮงซอกดูรั้งแต่จะคอยถือดาบ และกำลังจะไล่ตาม
" หมอหญิงจอง ! นางกำลังตกอยู่ในอันตราย " แต่หล่อนก็เลือกหันมาปฏิเสธ
" ท่านควรจะรีบกลับไปช่วยนาง ! " เมื่อบอกกล่าวกันจบ จางอูรินก็ตัดสินใจรีบถือดาบและไล่ตามคนพวกนั้นไปติดๆ
" ซอกดู ! " แต่ว่าจองซูวอนก็ส่งเสียงและเรียกใกล้เข้ามา
ฮงซอกดูชะงักทันที
" ซูวอน ! "
" เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ! " และเขายังรีบเข้าไปช่วยประคองจองซูวอนเอาไว้
" เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า " เขาเข้าไปถามอาการของจองซูวอนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยนางจริงๆ
จองซูวอนแม้จะยังตระหนกตกใจ แต่ว่านางก็โล่งอกที่เห็นเขาปลอดภัย
" ข้าไม่เป็นอะไร แต่ว่า ! " และยังทำหน้าตาละม้ายคล้ายกับทำหน้าสงสัยอยู่ตลอดเวลา
" เมื่อครู่ข้ากับจางอูรินถูกลอบทำร้ายจนสลบไป แต่พอข้าตื่นขึ้นมา "
" จางอูรินนางกลับหายตัวไป ข้าว่า นางอาจจะถูกคนพวกนั้นจับตัวไปก็ได้ " จองซูวอนยิ่งพูดนางก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงสาวใช้ของฮงซอกดูมากยิ่งขึ้น
ฮงซอกดูจำเป็นต้องหลบสายตาของนาง
" เจ้าไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว "
" แต่ว่าจางอูริน ถึงนางจะเป็นสาวใช้ของท่าน แต่ว่าตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในอันตราย ! " จางซูวอนไม่เห็นด้วย
ฮงซอกดูก็เลยต้องจำใจพยักหน้า
" ข้าจะรีบพาเจ้ากลับที่พัก และจะสั่งให้พวกทหารออกไปตามหานางทันที " แต่ว่าเขาก็ต้องรับปากจองซูวอนเช่นเดียวกัน
จองซูวอนพยักหน้าพอใจกับวิธีของเขา แต่ว่าสีหน้าของนางที่กลับดูไม่สบายใจเอาซะเลย
" ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า ! " และแววตาที่ขลาดกลัวเหลือเกินของจองซูวอน !
เลขามินโดฮยอนพร้อมกับบอร์ดี้การ์ดอีกสามสี่คนในขณะเดินออกมาจากเกทต์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย แต่ว่าพวกเขาก็ยังต้องพยายามคอยมองหาคนบางคนภายในสนามบินไปด้วย และพวกเขาก็เริ่มสังเกต ๆ คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา
" ท่านผู้อำนวยการกำลังรอพวกคุณ " สำเนียงเกาหลีของกลุ่มผู้ชายตัวสูงสวมสูทสีดำสนิทรีบเดินเข้ามาทักทายเลขามินโดฮยอน และคนกลุ่มนี้ก็ยังได้โค้งให้กันเล็กๆ น้อยๆ
เลขามินโดฮยอนจึงพยักหน้าตอบรับและรีบเดินตามกลุ่มคนเหล่านี้ไปที่ขบวนรถที่จอดรถอยู่บริเวณหน้าสนามบิน
กลุ่มเจ้าหน้าที่ๆ ไปรับเลขามินโดฮยอนลงมาช่วยเปิดประตูให้ในขณะที่รถจอดเทียบหน้าอาคารหน้าตาคล้ายลูกบาศก์ และบริเวณพนังด้านนอกที่เป็นกระจกและวัสดุคล้ายอะลูมิเนียมวางเรียงเป็นตารางรอบๆ ตัวอาคารลูกบาศก์
เลขามินโดฮยอนและผู้ติดตามของเขาต่างพากันเดินตามเจ้าหน้าที่ของที่นี้เข้าไปยังข้างในตึกรูปทรงแปลกตา และภายในตกแต่งด้วยสิ่งของล้ำสมัยภายในอาคารลูกบาศก์ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่สามารถตรวจจับอาวุธได้ทุกชนิด อาคารชั้นแรกดูคล้ายกับห้องพยาบาลอันกว้างขวางตกแต่งดูดีและมีแต่เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ และห้องพักประมาณสิบสองห้องในระดับวีไอพี และห้องฉุกเฉินคล้ายกับโรงพยาบาลทั่วไป แต่กลับมีป้ายเขียนกำกับเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษกำกับเอาไว้แค่ว่า " ห้องปฐมพยาบาล " ก็เท่านั้น และจนกระทั่งพวกเลขามินโดฮยอนพากันเดินตามเจ้าหน้าที่ไปจนถึงลิฟต์ภายในตึกที่ๆ พวกเขาที่นี้ใช้ระบบการจดจำลายนิ้วมือจึงจะสามารถเข้าออกลิฟต์ทุกตัวภายในอาคารของพวกเขาได้ แต่ว่าพวกเขาทุกคนกลับถูกพาลงลิฟต์ไปยังใช้ล่างสุดของอาคาร
ติ๋ง ! เสียงเตือนของประตูลิฟต์และประตูลิฟต์ก็ค่อยๆ เปิด ในขณะเดียวกันเลขามินโดฮยอนและพวกของเขายังคงต้องคอยเดินตามเจ้าหน้าที่ทั้งห้าคนที่ไปรับจากสนามบินก่อนหน้านี่ซึ่งได้พาพวกเขาเดินผ่านห้องแล็ปห้องต่างๆ เยอะแยะมากมาย และมิหนำซ้ำห้องแล็ปของที่นี้ยังดูทันสมัยและแบ่งสัดส่วนแต่ละแผนกได้ค่อนข้างเทียบเท่ากับห้องแล็ปของโครงการเชย์รีส
" เหลือเชื่อ ! " เพราะฉะนั้นเลขามินโดฮยอนถึงกับไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไงดี และยังไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้พวกมันกำลังทำให้เขาแปลกใจหรือตกใจกันแน่
ก๊อก ๆ เจ้าหน้าที่สูงโปร่งคนเดินทำหน้าที่เข้าไปหยุดเคาะประตูห้องบานใหญ่ และขออนุญาติพาพวกเขาเข้าไปทันที และดูเหมือนว่าภายในห้องๆ นี้เป็นห้องทำงานขนาดกลางๆ มีชุดรับแขกหรูหราราวกับโต๊ะประชุมขนาดหย่อม ๆ และถัดไปตรงหน้าของพวกเขาทุก ๆ คนก็คงจะเป็นโต๊ะทำงาน และมิหนำซ้ำยังเป็นโต๊ะทำงานสีขาวขนาดใหญ่เข้ากับสีของห้อง และที่สำคัญเก้าอี้หนังสีขาวของเจ้าของห้องนี้ก็คงจะใหญ่ไม่แพ้กัน
" สวัสดี ! " เลขามินโดฮยอนทักทายเป็นภาษาไทยคนที่นั่งหันหลังให้กับพวกเขาบนเก้าอี้สีขาวตัวใหญ่
" สวัสดี เลขามินโดฮยอน ! " และสำเนียงไทยปนอังกฤษที่ค่อนข้างชัดเจนก็ได้ทักทายกัน
" พวกเรายินดีที่ได้เจอกับคุณ ! "
เลขามินโดฮยอนโค้งเล็กน้อย และจึงคอยเงยหน้ากลับขึ้นมา และพวกเขาก็ได้เจอกับผู้ชายเชื้อสายชาวสวีเดน รูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าเข็ม และบนป้ายชื่อสีทองบนโต๊ะทำงานเป็นภาษาอังกฤษตัวใหญ่ และป้ายชื่อภาษาไทยตัวเล็กคอยกำกับว่า " ไมเคิ้ล ดุกส์ " และตำแหน่งของเขาก็คือ
" เชย์รีส ! " เลขามินโดฮยอนพยายามอ่านซ้ำ ๆ อีกครั้งเพราะไม่มั่นใจ
" ผู้อำนวยการโครงการเชย์รีส ! " และพวกเขาที่ตกอกตกใจอย่างคาดไม่ถึ
" ฮ่าๆๆๆ " เสียงหัวเราะชอบใจกันสุดๆ ของผู้อำนวยการโครงการเชย์์รีสตัวจริงเสียงจริง
" ทำไมคุณถึงดูตกใจมากขนาดนี้กันนะ เลขามิน ! " ดุกส์พูดคุยกับพวกเขาด้วยการใช้ภาษาอังกฤษ
แต่เลขามินโดฮยอนกลับสงสัยมากกว่า
"ทำไม! คุณคิดว่าจะได้เจอใครแถวนี้งั้นเหรอ " ดุ๊กส์ให้ความสนอกสนใจกับเลขามินมากจนเป็นพิเศษ
แต่เลขามินก็เลยต้องทำทีแสแสร้งแกล้งยิ้ม
" เปล่า "
" ผมก็แค่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคุณก็เท่านั้น ดุ๊กส์ "
" ไม่ใช่สิ ท่านผู้อำนวยการเชย์รีสสิ ถึงจะถูก !! ฮ่าๆ " และแล้วเลขามินก็หัวเราะกลบเกลื่อนแก้อาการเสียหน้า
ดุกส์หัวเราะตามน้ำไป
" หลายวันก่อน วีไอพีได้ส่งคนมาที่นี้ "
" และยังมาตามหาใครกันน่า..." ดุกส์ที่แกล้งคิดให้นานขึ้นอีกนิด
" ตามหาอะไร " เลขามินเริ่มร้อนใจ
" อ่อๆ " และดุ๊กส์ก็นึกออกขึ้นมาทีละนิด
" ผู้ติดเชื้อ แต่ไม่ใช่ซีดีห้าศูนย์ "
" ไวรัสซีดี 52 พัคจินอูได้บอกกับคุณหรือยัง " ดุ๊กส์คราวนี้ปรับเปลี่ยนมาทำท่าทีเคร่งขรึม
เลขามินสีหน้าเปลี่ยนไปกลายเป็นความกังวล
" ซี ! ซี ดี !! " เสียงตอบตะกุกตะกักของคู่สนทนาก็พลอยที่จะทำให้ดุ๊กส์จับสังเกต
" ไวรัสซีดี 52 มันอาจจะเป็นเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ "
" หรือไม่ก็ถูกดัดแปลงจากซีดี 50 "
"หรือว่าจริงไม่จริง เลขามินโดฮยอน ! " ดุกส์พยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
" ก็อาจเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง " เลขามินต้องตอบคำถามนี้
" แต่ที่นี้กลายเป็นแหล่งผลิตวัคซีนไปได้อย่างไง "
" ก็ในเมื่อ ที่นี้ถูกใช้ให้เป็นห้องทดลองวัคซีนของเอ็มดี " เลขามินรู้สึกเหมือนโดนหักหน้า
" ฮ่าๆ " เสียงหัวเราะของดุ๊กส์เริ่มเสียงดังขึ้นอีก
"ผมไม่ยักรู้ว่า ท่านประธานชเวจะไม่บอกคุณเรื่องนี้ " ดุกส์เล่าไปด้วยพลางยิ้มกริ่ม ในขณะที่ตรงกันข้ามกำลังนั่งเสียหน้า
"แต่ก็คงจะเป็นเรื่องที่ท่านประธานชเวต้องรีบตัดสินใจเร่งด่วนจริงๆ "
"และท่านประธานกับลูกชายคนโตก็ยังกลายเป็นผู้ติดเชื้อไปอีก เห้อ.."
"ไหนจะเรื่องหน่วยงานข่าวกรองของไทย ที่พยายามจะตามหาคนติดเชื้อไวรัสซีดี 52 อยู่อีก " และดุ๊กส์ที่พยายามอยากจะพูดถึงความจริงที่เพิ่งจะเริ่มเกิดขึ้น
เลขามินโดฮยอนพอได้ยินได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้า เพราะระหว่างเขากับดุ๊กส์ !
" นี่ก็แสดงว่า ไวรัสซีดี 52 เริ่มต้นมาจากที่นี้ "
" หรือก็อาจจะไม่ใช่ ! " และดุ๊กส์เร่งรัดตัดบท และบางทีก็อาจเผลอใช้หางตามองเลขามินที่เอาแต่นั่งกุมไม้กุมมือแน่น และอยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นมา
" ผมมีธุระที่ต้องรีบไปจัดการให้ท่านประธาน " และท่าทีที่มึนตึงเต็มทีของเขา
ดุ๊กส์เอาจริงๆ ก็แค่ตอบรับและบอกลากันเป็นพิธี แต่ลึกๆ ก็แอบผิดหวังไม่เบาต่อเลขามิน !