" สัตว์ประหลาดอะไรกัน ! " ฝ่าบาททรงถามฮงซอกดูให้แน่ใจ และยังทรงทอดพระเนตรพวกเหล่าทหารที่พากันวิ่งวุ่นบริเวณที่ตั้งกระโจมล่าสัตว์ และโจแทซอบก็ยังจะพาพระสนมมาเข้าเฝ้าถึงที่กระโจมของพระมเหสี
" ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีหรือไม่พะยะค่ะ " โจแทซอบรีบนำน้องสาวเข้าเฝ้า และพระสนมเอกยังทรงมีท่าทางหวาดกลัวจนคล้ายจะเป็นลมอยู่ร่อมร่อ
" หมอหลวง ๆ " และฝ่าบาทก็เลยต้องทรงเรียกหาหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการพระสนม แต่ว่าพระมเหสีที่ยังทรงรีบเข้าไปช่วยประคองน้องสาวของโจแทซอบเอาไว้ และบรรดาซังกุลที่เข้ามาห้อมล้อม
โจแทซอบยังได้นำทหารยามเข้ามาถวายรายงานต่อหน้าพระพักตร์โดยที่ทหารเล่าว่า ในความมืดนั้น พวกตนได้เห็นสัตว์ประหลาดผมยาวรุงรังตามเนื้อตัวตะปุ่มตะป่ำและบริเวณหน้าตา และมือยังเป็นสีดำ และมิหนำซ้ำสัตว์ประหลาดยังมีเสียงร้องที่โหยหวนน่ากลัวเสียเหลือเกิน โจแทซอบเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ได้รีบหันไปขอร้องฝ่าบาท
" ที่นี้ไม่ปลอดภัย เห็นทีฝ่าบาทจะต้องรีบพาพระมเหสีและพระสนมเสด็จไปที่หัวเมืองที่ใกล้ที่สุดเพื่อความปลอดภัย " โจแทซอบพยายามเหลือเกินคอยโน้มน้าวฝ่าบาท
และฝ่าบาทที่เหมือนยังทรงลังเล
" พวกเจ้าแน่ใจได้ยังไงว่า มันคือสัตว์ประหลาด ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนที่ติดโรคร้ายก็เป็นได้ "
" ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดจริง ข้าก็จะเป็นคนตัดหัวมันเอง ! "ฝ่าบาทยังทรงมีดำริสอบถาม แต่ทว่าเหล่าทหารรวมถึงแม่ทัพอย่างฮงซอกดูในขณะนี้ยังไร้ซึ่งคำตอบ
หมอหลวงจองทันทีที่เข้ามาดูอาการของพระสนมโจก็ยังต้องหันไปขอร้องฝ่าบาทให้รีบพาพระสนมไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัย เพราะว่ากลัวว่าจะเกิดปัญหาต่อพระครรภ์
" ทำตามคำแนะนำของท่านอัครเสนบดีก็ไม่เสียหายอะไรนะเพค่ะ "
" อีกอย่าง ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่า สิ่งที่เหล่าพวกทหารเห็นจะเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ หรือว่า เป็นพวกทหารของเมืองอื่น หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนพื้นที่ที่เจ็บป่วย" หมอหญิงจองให้คำแนะนำ และฝ่าบาทก็ทรงเห็นด้วยกับหมอหญิงทุกอย่าง
ฝ่าบาทที่มีรับสั่งให้เหล่าข้าราชบริการที่ติดตามที่มีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และเหล่าบัณฑิตให้รีบออกเดินทางไปยังหัวเมืองที่ใกล้ที่สุดในทันที
" ฝ่าบาท !! " หมอหลวงจองซูวอนตกใจมากที่คนมาตามนัดหมายไม่ใช่พระมเหสี แต่เป็นฝ่าบาทจนนางต้องคุกเข่า
" เจ้าเป็นคนนัดพระมเหสีอย่างนั้นหรอกเหรอ " ฝ่าบาทเสด็จเดินเข้ามาหมอหลวงจอง และในพระหัตถ์ยังถือสารม้วนกระดาษเล็ก ๆ ติดมือมา และยังทรงมองซ้ายมองขวาใต้ต้นไม้ใหญ่ในยามดึก
" เหตุใดเจ้าถึงนัดแนะพระมเหสี " ฝ่าบาทตรัสถามและสายตาที่ผิดหวังให้กับหมอหลวงหญิง
นางสำนึกผิดจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองพระพักตร์
" เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หม่อมฉันขอยอมรับผิดคนเดียวเพค่ะ แต่ว่า " จองซูวอนอ้ำอึ้งอยู่นานสองนาน
" แต่ว่าอะไร ทำไมคนเยี่ยงเจ้าถึงมีลับลมคมในกับข้า " ฝ่าบาทตรัสถามซ้ำ และทรงเริ่มมีสายตาที่ไม่ไว้ใจต่อนางมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
" เจ้า ! คืออีกหนึ่งคนที่ข้าไว้ใจมาตลอด จองซูวอน "
" สมัยที่ข้าเป็นพระราชาได้ไม่นาน เจ้าเคยขอให้ข้าละโทษให้กับบุตรของพวกกบฎ "
" และเหตุใดวันนี้ เจ้าถึงทำให้ข้าต้องมาคอยหวาดระแวงกับคนที่ข้าไว้ใจ " ฝ่าบาททรงตรัสถามซ้ำๆ แต่ก็ก็ยังทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปให้ และยังทรงช่วยประคองนางให้ลุกขึ้น
นางที่ไม้กล้าแม้แต่สบพระเนตรของฝ่าบาทได้เลยจริงๆ
" ที่หม่อมฉันทำไปทั้งหมด ก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาทเพค่ะ " น้ำเสียงปนสะอื้นน้อยๆ ของนางที่สามารถทำให้พระพักตร์ของฝ่าบาททรงเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย
" เพราะข้าอย่างนั้นรึ ! " และยังทรงครุ่นคิด
" หม่อมฉันเฝ้าถวายการรักษาพระสนมตั้งแต่ทรงพระครรภ์ แต่ว่า " นางนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อทบทวน และจึงยอมเงยหน้าขึ้นมามองพระพักตร์ และแววตาก็ดูลังเล
"ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับลูกข้า ! " ฝ่าบาททรงตรัสถามอย่างร้อนพระทัย และเห็นนางที่กำลังค่อยๆ นำสิ่งของบางอย่างออกมา
จองซูวอนนำถุงผ้าไหมสีแดงปักลวดลายคล้ายยันต์และยื่นถวาย
" หม่อมฉันเจอของสิ่งนี้ในขณะที่ตรวจพระอาการของพระสนมโจเพค่ะ "
" และหม่อมฉันจะตั้งใจนำมันไปถวายให้พระมเหสีทรงทราบ " นางกล่าวรายงานทูลถวาย และยังคงมีน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ และยังผิดกับฝ่าบาทที่ทรงนำสิ่งของในถุงผ้าเล็ก ๆ สีแดงนั้นออกมา
ฝ่าบาทรงจ้องมองสิ่งของที่เหมือนกับกิ่งไม้ที่เหลาปลายแหลม และยังมีผ้าสีเหลืองทองห่อหุ่มมันอยู่ และพอทรงคลี่คลายม้วนมันออกมา อยู่ๆ สีหน้าสีพระพักตร์ก็ดูเหมือนจะตกพระทัยมากแต่ก็ยังทรงพยายามไม่พลีผลามยังทรงระงับความโกรธไว้ และยังทรงรีบม้วนเก็บมันไว้ในถุงผ้านั้นตามเดิมและทรงถือไว้
" เจ้าทำดีแล้วละนะ ซูวอน " และฝ่าบาทที่ทรงชม
" เรื่องนี้ มีใครรู้ใครเห็นอีกบ้าง นอกจากเจ้า " และยังทรงตรัสถามเพื่อให้แน่ใจ
จองซูวอนเงยหน้าขึ้นมา และชำเลืองไปทางด้านหลังของพระองค์ แต่ว่าฝ่าบาทที่ทรงรีบหันหลังกลับไปมองตามในทันที
" ซอกดู ! " ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเห็นฮงซอกดูยืนถวายอารักขาให้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
" เพราะหม่อมฉันคิดว่า แม้จะเป็นเรื่องใหญ่ " แต่นางก็ยังต้องรีบทูลให้ทรงทราบว่า เหตุใดจึงเลือกที่จะนำสิ่งของอัปมงคลนี้มาทูลถวายแก่พระมเหสี
" แต่พระมเหสีที่ทรงจัดการเรื่องวังหลัง หม่อมฉัน ! "
" ข้ารู้แล้ว ! " ฝ่าบาททรงหันมา
" ถ้าไม่มีพวกเจ้า ข้าก็คงไม่มีทางรู้ว่า คนที่จะให้กำเนิดลูกของข้าเป็นคนเยี่ยงไรกันแน่ ! " ถ้อยคำดำรัสที่แสนจะเกลียดและแค้นในพระทัยลึก ๆ ของฝ่าบาท และสายพระเนตรที่เคียดแค้นเสียยิ่งกว่าที่ทรงได้เห็นสิ่งของที่แสนต่ำช้าและอัปมงคล
ค่าเฟ่ 123 มีพนักงานชุดใหม่เข้ามาทำเนินงานกิจการ และมีลุงฮวังเข้ามาช่วยดูแลในฐานะผู้จัดการคาเฟ่ และยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าผู้คนและลูกค้ายังคงเนืองแน่น แต่บรรยากาศของพนักงานใหม่ที่ค่อนข้างจะดูเขร่งขรึม
" เห้อ !! " เสียงถอนหายใจซ้ำแล้วก็ซ้ำอีกของลุงฮวังจนแทบอยากจะถอดผ้ากันเปื้อนทิ้ง แต่อยู่ๆ เขาก็ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอก และเดินจ้ำๆ ขึ้นบันไดไปที่ดาดฟ้าของคาเฟ่ และเมื่อเขาไปถึงชั้นดาดฟ้า
ลุงฮวังยืนจ้องประตูและรีบผลักเข้าไป
" นี่ ! ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ "
" แทซัน !! " เขาเข้าไปยืนจ้องพัคแทซันที่ ๆ กำลังวิดีโอคอลผ่านแล๊ปท๊อปกับพัคจินอู
" จินอู !! " ลุงฮวังอยากจะเข้าไปคุยด้วย แต่ทว่าแทซันก็รีบตัดสายของพัคจินอูไปซะดื้อๆ
" นี่ ! นายจะให้ฉันได้คุยกับจินอูบ้างไม่ได้เลยหรือยังไงกัน !! " และลุงฮวังยังหัวเสียใส่เขา
" ตอนนี้ ฉันก็ทำตามที่นายขอทุกอย่างแล้วนะ แทซัน ! ขอร้องละ ฉันก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน !! " มิหนำซ้ำลุงฮวังยังพยายามเข้าไปขอร้อง
พัคแทซันทำได้เพียงนั่งฟัง และแม้ว่าจะมีผ้าพันแผลตามร่างกายอยู่บ้าง
" ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัยของพวกเขาทั้งคู่ " เขาบอกลุงฮวัง
" คนของอาซาลา ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่า ทางหน่วยข่าวกรองหาข้อมูลคนพวกนั้นได้มากน้อยแค่ไหน "
" พวกเขาดูคล้ายจะเป็นลัทธิที่อยากจะฆ่าคนด้วยอาวุธชีวภาพ แต่ว่า " และท่าทีที่หนักอกหนักใจของแทซัน
" อาวุธชีวภาพของพวกเขา ดูจะร้ายแรงมากว่าซีดีห้าศูนย์ " และยิ่งพูดให้ลุงฮวังฟังความน่ากลัวต่างๆ ก็มีแต่จะผุดขึ้นมา
" แต่ที่น่าแปลก คนพวกนั้นต้องการตัวจินอู ไปทำอะไร !! " และยิ่งฟังจากน้ำเสียงของแทซันที่ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งน่ากลัว
แต่ว่าอยู่ๆ ก็ดันมีเสียงเคาะประตูห้องบนดาดฟ้า และพัคแทซันก็ยังบอกอนุญาตให้พวกเขาเข้ามา พนักงานคาเฟ่ผู้ชายตัดผมเกรียนหน้าตาหนุ่มแน่นร่างกายกำยำที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหยุดต่อหน้าลุงฮวัง และพัคแทซัน และมิหนำซ้ำเด็กหนุ่มยังโค้งแทบจะเก้าสิบองศาให้กับพวกเขา
" เลขามินโดฮยอน กำลังบินไปที่ประเทศไทยครับ หัวหน้า ! " และคำรายงานอย่างแข็งขันของเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัดต่อพัคแทซัน
พัคแทซันที่ดูไม่แปลกใจอะไร แต่กลับมองไปที่ลุงฮวังเพื่อขอเวลาส่วนตัวให้พวกเขา เพระาฉะนั้นลุงฮวังก็เลยต้องรีบออกจากห้องพักที่ดาดฟ้าคาเฟ่ทันที
ผู้คนและเหล่าทหารต่างพากันตระเตรียมย้ายที่ประทับของฝ่าบาทในเวลาดึกดื่น และอัครเสนบดีที่ยังคอยรบเร้าฝ่าบาทในกระโจมที่พักว่า ให้ทั้งฝ่าบาท พระมเหสีและเชื้อพระวงค์ และรวมถึงข้าราชการบริพารเหล่าบัณฑิตเสด็จไปยังหัวเมืองทางทิศตะวันตกติดกับเขตชายแดน
แต่ทว่าฝ่าบาทแม้จะทรงไม่เห็นด้วยกับอัครเสนบดี แต่ก็ทรงคิดและตรึกตรองจนระเอียดดีแล้วว่า ตอนนี้ที่อยู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดออกมเพ่นพ่าน และแม้ว่าจะเป็นคำบอกเล่าหรือข่าวลือ แต่ความปลอดภัยของคนในราชสำนักก็ถือเห็นสิ่งสำคัญ และแม้จะทรงติเตียนอัครเสนบดีโจแทซอบเรื่องที่เป็นคนต้นคิดให้ออกมาล่าสัตว์ในเวลานี้ และยังคะยั้นคะยอให้เหล่าบัณฑิตและเสนบดีต่างๆ มาร่วมงาน
" ไม่น่าเชื่อว่า คนอย่างเจ้า ท่านอัครเสนบดี !! " น้ำเสียงไม่พอพระทัยโจแทซอบของฝ่าบาทกำลังดังอื้ออึงทั่วทั้งกระโจมต่อหน้าพระมเหสี และยังจะมีฮงซอกดูกับจองคีนัมที่เฝ้าถวายอารักขา และก็หมอหลวงหญิงจองซูวอนที่คอยรับใช้
" จะไม่รู้เรื่องว่ามีสัตว์ประหลาดออกอาละวาด !! " และพระสุรเสียงที่เกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อยๆ ของพระองค์
โจแทซอบยังคงยืนนิ่ง และแม้แววตาจะพยายามต่อล้อต่อเถียง แต่เขาก็พยายามสะกลั้นเอาไว้อย่างดี
"เรื่องสัตว์ประหลาดนั่น เหตุใดจึงเอาแต่โทษหม่อมฉัน " และพูดจบ โจแทซอบยังคอยชำเลืองมองไปที่ฮงซอกดู
"การตรวจตราก็เป็นหน้าที่ของเหล่าองครักษ์ด้วย ไม่ใช่หรือพะยะคะ ! " โจแทซอบยังถวายรายงานต่อเนื่อง
ฮงซอกดูรู้สึกตัวว่ากำลังถูกเพ่งเล็งก็เลยยังไม่อยากปฏิเสธ เพราะฉะนั่นเขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ และโค้งถวายยอมรับความผิดร่วมกันไปก่อน
ฝ่าบาทที่ทรงเห็นจึงมีรับสั่งให้ทุกคนกลับออกไปเตรียมตัวเพื่อเดินทางในวันรุ่งขึ้น แต่ยังทรงมีรับสั่งให้ฮงซอกดูอยู่ต่อ
"พะยะค่ะ " ฮงซอกดูที่ยังโค้งตัวลงต่ำ และรอฟังเพียงรับสั่ง แต่ไม่นานเสียงทอดถอนพระหทัยของฝ่าบาทก็เริ่มหนักหน่วง
"เรื่องพระสนม หม่อมฉันจะรีบหาคนทำคุณไสยใส่พระมเหสีให้ได้โดยเร็ว " เขารับปากอย่างแข็งขัน
แต่ทว่าฝ่าบาทที่ทรงอยากเบือนหน้าหนีจากเรื่องนี้
"ข้าคิดแต่ว่า จะมีแต่ข้าที่เกลียดนางซะอีก *
"หึ!" รอยยิ้มแย้มพระโอษฐ์ที่มองไม่ออกจริงๆ ว่า ฝ่าบาทนั่นทรงเกลียดชังพระมเหสีหรือว่า ตนเอง
"นี่ขนาดว่า นางพยายามทำตัวราวกับคนโง่เขลาภายในวังหลวง "
"พัคซูยอน ก็ยังจะมีคนเห็นความฉลาดเฉลียวของนางเข้าจนได้ " รอยยิ้มแย้มพระโอษฐ์อีกครั้งของฝ่าบาทและสายพระเนตรที่ดูก็รู้ว่าที่ทรงยิ้มแย้มออกมานั่นก็คงไม่ใช่สำหรับตนเองเช่นกัน
"เจ้าช่างดื้อด้านหนัก! " ฝ่าบาทรงตัดพ้อ
"แล้วฝ่าบาท จะทรงจะทำอย่างไรกับพระสนม " ฮงซอกดูกล้าทูลถามอย่างตรงไปตรงมา
แต่ว่าเขากลับได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่ในพระศอ
ฝ่าบาทคราวนี้สายพระเนตรยิ่งดูน่ากลัวมากเสียกว่าคำรับสั่ง
"เจ้ารู้อะไรไหม ซอกดู! " และยังทรงรับสั่งถามตอบกับเขาอย่างเปิดเผย
" เพราะอะไร ข้าถึงต้องยอมมีลูกกับน้องสาวของโจแทซอบ "
ฮงซอกดูเงยหน้าขึ้นมาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจพร้อมๆ กับคาดการณ์ในสิ่งที่ฝ่าบาททรงกระทำกับครอบครัวของขุนนางที่ค่อนข้างมีอำนาจเรียกได้ว่าล้นฟ้า
และฝ่าบาทที่ยังทรงเหมือนจะมีสายพระเนตรเคียดแค้น
" โจแทซอบ รู้สึกเช่นไรต่อนาง เจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าข้า "
" หม่อมฉันสมควรตาย พะยะค่ะ ! " จนกระทั่งเขาต้องรีบร้อนกราบกรานคุกเข่าต่อฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับทรงเมินเฉย และไม่ดำริโทษ
" เพราะอดีตเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และนาง !"
" ข้าเคยบอกกับนางไว้ว่า ข้าจะไม่ยอมให้นางนั่งคู่บัลลังก์ แต่ว่า "
" ข้าจะให้นางอยู่เหนือบัลลังก์ ! "
" ฝ่าบาท !! " เขาที่ยิ่งฟังรับสั่งก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจและรับรู้ถึงความรู้สึกที่มีต่อพระมเหสี
ฝ่าบาทล้วงพระหัตถ์เข้าไปในชายเสื้อ และทรงล้วงเอาถุงผ้าไหมสีแดงที่รับมาจากจองซูวอนนำมันออกมาและถือไว้ แม้สายพระเนตรอยากจะรีบมีรับสั่งนำพวกนั้นเอามาตัดหัวซะให้รู้แล้วรู้รอด
" ซอกดู ! เจ้ารู้หรือไหมว่า ทำไม "
"ข้าถึงต้องยอมมากขนาดนี้!! " และสรุเสียงที่พยายามอดทนอดกลั้นต่อความรักต่อพัคซูวอนไม่ให้แสดงออกมาให้ใครเห็น
" บิดาของพระมเหสี เคยคิดก่อกบฏต่ออดีตพระราชา " เขาทูลถวายด้วยความเห็นใจและเข้าอกเข้าใจฝ่าบาท
" และแม้ว่าข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากครอบครัวตระกูลของพระมเหสีจะมีประโยชน์ และอีกทั้งพระมเหสียังช่วยเกลี่ยกล่อมเหล่าบัณฑิต "เขาที่ยังคงทูลถวาย
ฝ่าบาททรงแค่เพียงทรงพยักหน้ารับรู้
"เพราะสาเหตุนี้ ข้าถึงต้องการให้นางอยู่เหนือบัลลังก์อย่างไงละ "
"เพราะเรื่องการเมือง คือเรื่องของข้า " ฝ่าบาททรงรำพึงรำพัน แต่สิ่งที่มีพระประสงค์ในพระทัยและคงจะพูดให้ใครได้ยินไม่ได้ว่า
" ส่วนเรื่องไพร่ฟ้า คือเรื่องของเจ้า พัคซูยอน "
ฮงซอกดูที่ได้แต่แอบมองพระพักตร์ของฝ่าบาท และก็รู้ดีว่า พระองค์คงเจ็บปวดทรมานไม่น้อย และแม้ว่าตัวของเขาเองอยากทูลให้ฝ่าบาททรงทำตามพระทัยดูบ้างก็คงจะไม่เห็นเป็นไร
จางอูรินกำลังเข้าไปเก็บกวาดภายในบริเวณห้องสรงน้ำของฝ่าบาท หล่อนเก็บตระกร้าที่ใส่ยาสมุนไพรของหมอหญิงจองอย่างเรียบร้อย และก็จะเข้าไปก้มเก็บเศษดอกไม้ในตระกร้าข้างถังไม้สรงน้ำ แต่ทว่าหล่อนก็เลยเหลียวมองกลีบดอกไม้หอมนานาพันธุ์ที่กำลังเลื่อนลอยในถังสรงน้ำของฝ่าบาท และหล่อนก็ได้กลิ่นหอมนั้นจนเผลอคิดถึงเรื่องตอนไปเก็บดอกไม้ให้พระมเหสี และตอนที่ท่านแม่ทัพฮงซอกดูพาหล่อนเดินไปจนถึงลำธาร แต่ครั้นพอเหลียวหันไปอีกทีก็เห็นตระกร้าสานด้วยใบไม้ใบหญ้าในมือของเขา
" หน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรืออย่างไง " เขาถามเพราะเห็นว่ายื่นตระกร้าให้ แต่หล่อนกลับมีท่าทางแปลกใจในตอนนั้น
"เปล่าเจ้าค่ะ ! " หล่อนจึงรีบรับไว้ และนำตระกร้ามาใส่ดอกไม้จนเกือบเต็ม แต่เพราะทั้งหล่อนและเขาเดินผ่านแดดร้อนระอุ และดอกหญ้าที่ติดตามเสื้อผ้า หล่อนจึงได้เข้าไปชำระล้างไม้ล้างมือในลำธาร
หล่อนเดินเข้าไปใกล้ลำธาร และนั่งลงเอามือจุ่มน้ำอย่างชื่นใจ และก็ยังพอจะชำเลืองหันไปมองเห็นว่า ฮงซอกดูและเขาก็กำลังวางดาบลงบนโขดหินข้างๆ ริมธาร และมิหนำซ้ำยังจะถอดเสื้อหล่อนรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นแผ่นหลัง
" นั่งรอข้าอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ !! " เขาตะโกนขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าหล่อนจะเดินหนี
หล่อนชะงักแต่ก็ต้องแสร้งทำใจดีสู้เสื้อ แต่ว่าอยู่ๆ ฮงซอกดูกลับโยนเสื้อผ้ามาที่หล่อน
" ท่านแม่ทัพ ! " หล่อนหันกลับไปมองเขาทันทีที่ปาเสื้อผ้าเหล่านั้นให้ มิหนำซ้ำหล่อนต้องคอยรีบตามเก็บเพราะกลัวจะไหลตามน้ำ แต่พอเก็บเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาจากน้ำ หล่อนที่ก็แทบจะอ้าปากค้าง เพราะเห็นฮงซอกดูหันหลังเปลือยกายแม้จะมีโขดหินบดบังสายตาอยู่บ้าง
" ทำไม ! ปกติเจ้าก็เป็นคนจัดการให้ข้า " และน้ำเสียงคำสั่งที่ดังตามมาติดๆ ของฮงซอกดูตอนที่เขากำลังรื่นรมณ์กับการอาบน้ำ
"ก็ได้ ! เจ้าค่ะ!! "หล่อนจำใจรับคำสั่ง และรีบนั่งลงที่ริมลำธารและลงมือซักผ้าของเขาด้วยความรีบร้อน