" ท่านประธาน ! "
เสียงร้องตกอกตกใจของเจ้าหน้าที่สวมชุดพีพีอีในห้องแล็ปหมายเลขสิบสี่ เพราะพวกเขาเห็นประธานชเวมินจุนกับลูกชายคนโตอยู่ๆ พวกเขาสองคนก็ปรากฏตัวภายในห้องทดลองของโครงการเชย์รีส
และประธานชเวกับลูกชายก็ยังดูปรกติแทบจะไม่เหมือนคนติดเชื้อไวรัส CD ห้าศูนย์
" ทุกคนตามสบายเลยนะ " ประธานชเวยังส่งรอยย้ิมให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครราวๆ สิบคนที่สมัครใจทดลองฉีดวัคซีนเชย์รีส
" ขอบใจๆ ที่ทุกคนทำงานอย่างหนัก เพื่อเชย์รีส " ประธานชเวหันไปบอกขอบอกขอบใจอาสาสมัครเตียงใกล้ๆ และพวกเขาก็พยักหน้ารับรู้แม้ว่า อาสาสมัตรบางคนจะมีสายยางให้น้ำเกลืออยู่บ้าง แต่อาสามัครบางคนก็ยังนอนอ่านหนังสือเหมือนคนปกติทั่วไป
" ท่านประธาน ! " เลขามินโดฮยอนร้องเสียงหลงและรีบร้อนเดินเข้ามาในห้องแล็ปหมายเลขสิบสี่
" ท่านประธานทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี้ได้ ! " เลขามินโดฮยอนตกอกตกใจที่เห็นประธานชเวกับลูกชายที่ดูไม่เหมือนคนติดเชื้ออย่างที่คิดเอาไว้
" แล้วอาการของคุณ ! มันเกิดอะไรขึ้น " และท่าทางดูกระสับกระส่ายของเลขามินโดฮยอน และคนอื่นๆ ที่ไม่เชื่อว่า ท่านประธานของพวกเขาและก็ลูกชายจะดูปรกติ
ชเวมินแจสังเกตสีหน้าทุกๆ คนจนต้องหันมายิ้ม
" เราสองคนถึงยังไงก็เป็นผู้ติดเชื้อ จริงหรือเปล่า " เขาบอกกับทุกคน เลขามินโดฮยอนที่ไม่ได้สวมชุดพีพีอีป้องกันเชื้อโรคถึงกับผงะคอยเดินถอยหลังออกมายืนอยู่ห่างๆ
" นี่มัน ! หมายความว่าอย่างไง " แต่เลขามินโดฮยอนก็รีบถอยมายืนอยู่บริเวณปากประตู และยังทำหน้าตาสงสัยพวกเขาสองคนไม่หยุด
" แต่ทำไมพวกท่านถึง ! " เลขามินโดฮยอนที่ดูตกอกตกใจมากจริงๆ
" เอาละๆ " ประธานชเวเหลียวมองสีหน้าเลขามินโดฮยอนครู่หนึ่ง
" จะมัวยืนมองอะไรกันอยู่ ไม่มีการงานทำกันหรืออย่างไง " แต่ประธานชเวกลับรีบหันไปออกคำสั่งพวกเจ้าหน้าที่ให้รีบทำตามที่สั่ง
" คุณก็ด้วยเลขามิน " มิหนำซ้ำประธานชเวยังหันไปย้ำๆ กับเลขาของเขาให้รีบกลับไปทำงานกันได้แล้ว
เลขามินโดฮยอนรีบกดโทรศัพท์หาพัคจินอูทันทีที่เดินออกจากห้องแล็ปเบอร์สิบสี่หลังจากเจอประธานชเวและลูกชายคนโตมาที่ศูนย์
" จินอู ! " น้ำเสียงและท่าทางกระสับกระส่ายของเลขามินโดฮยอนในขณะที่พูดคุยโทรศัพท์กับเธออยู่แทบตลอดเวลา
" นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ! "
" ทำไมพวกเขาถึงดูไม่เหมือนคนติดเชื้อ หรือว่า " เลขามินโดฮยอนหยุดคิดครู่หนึ่งก่อน เพราะอาการของคนติดเชื้อไวรัสชีวภาพอย่างซีดีห้าศูนย์ต้องนอนติดเตียงและระบบทางเดินหายใจจะต้องถูกทำร้ายอย่างช้าๆ
" พวกเขาจะไม่ใช่ผู้ติดเชื้อซีดีห้าศูนย์ " เสียงตระหนกตกใจมากขึ้นๆ ของเลขามินโดฮยอน
" แล้วตอนนี้เธอทำอะไรอยู่พัคจินอู ! " และยังมีน้ำเสียงไม่พอใจเธอขึ้นมาอีก แต่ทว่าปลายสายของเขายังคงปฏิเสธสิ่งที่พวกเขาพูดมาทั้งหมด
" ไม่แน่ว่า ท่านประธานชเวและพี่มินแจ อาจจะยังไม่มีอาการของผู้ติดเชื้อแสดงให้เห็น " และเสียงของพัคจินอูก็คอยบอกกับเลขามินโดฮยอนทางโทรศัพท์
" แต่พวกเราต้องรีบหาต้นตอหรือไม่ "
" ก็ต้องหาคนที่ปล่อยเชื้อชีวภาพให้สำเร็จอีกครั้งให้ได้ "
" ครั้งที่แล้วก็เพราะความคึกคะนองของนักพยาธิวิทยาเพียงไม่กี่คน ! "
" ที่ทำให้คนทั่วโลกเกือบเอาชีวิตไม่รอด " พัคจินอูเสียงสั่นๆ ผ่านสายโทรศัพท์ จนกระทั้งพวกเธอต้องคอยนึกย้อนไปถึงเมื่อสี่ปีก่อน ในระหว่างที่พวกเธอกับชเวมินแจไปถ่ายทำซีรีย์ที่ซานหมิงและเกิดโรคระบาด และนั่นยังเป็นเหตุการณ์ครั้งที่สองที่การมองเห็นภาพในอนาคตได้ขาดหายไปบางช่วงบางตอนของเธอนั่งเอง
เลขามินโดฮยอนกดวางสายโทรศัพท์หลังจากที่พัคจินอูก็เพิ่งจะวางสายไป
มินโดฮยอนรีบร้อนเดินย้อนกลับไปที่ห้องแล็ปเบอร์สิบสี่ทันที่ที่วางสาย และเขาก็ยังแอบมองลอดช่องประจกสังเกตการณ์ของห้องแล็ปเบอร์สิบสี่และมองเห็นพวกเจ้าหน้าที่และหมอต่างช่วยกันเตรียมตรวจร่างกายของประธานชเวและลูกชายคนโตของเขา
บริเวณบ้านพักริมชายหาดและยังก่อสร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง และบ้านพักเหล่านี้ยังสร้างติดๆ กันใกล้กับหาดทรายสีขาวและน้ำสีฟ้าสดใส และน้ำทะเลที่ใสมากจนเห็นแม้กระทั่งประการังจนผู้คนนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติและคนไทยเองก็ต่างพากันลงไปแหวกว่ายเพื่อดำน้ำและดูปะการัง
เก้าอี้สำหรับนอนพักริมชายหาดที่ก็พอมีให้เห็นประปราย หรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปก็นอนลงไปอาบแดดบนหาดทรายได้อย่างชิลๆ และซอเยอึนก็เลือกใช้ผ้าลวดลายสีสันสวยงามที่ซื้อมาจากร้านค้าแถวๆชายหาดมาปูนั่งๆ นอน ๆ แถวๆ บริเวณที่มีนักท่องเที่ยวขวักไขว่
ซอเยอึนเลือกสวมชุดว่ายน้ำแบบทูพีชสีฟ้าสดใส และเธอก็ยังสวมแว่นกันแดดอันใหญ่จิบมะพร้าวน้ำหอมเฝ้าสังเกตผู้คนทั่วทั้งชายหาด แต่ว่าก็ยังคงใช้อุปกรณ์สื่อสารไร้สายแนบติดอยู่ในใบหูของพวกเธอ
" แน่ใจจริงๆ ใช่ไหมว่า พวกเราจะเจอคนของอาซาลาที่นี้ "
" ที่นี้คือเกาะที่สวยที่สุดของเมืองไทยก็จริง แต่ว่า " ซอเยอึนพูดคุยกับฮวังอินซองผ่านทางหูฟัง ในขณะที่เขายังคงเดินไปๆ มาๆ รอบๆ เกาะ
" แต่ว่าเท่าๆ ที่ฉันเห็น คนที่นี้ก็มีเห็นจะมีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้น " และซอเยอึนในขณะที่เฝ้ามองผู้คนเดินไปเดินมาและยังไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนจะมีพิรุธหรือว่าผิดสังเกต
ฮวังอินซองที่สวมเสื้อและกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะสีสันสดใสเพื่อให้กลมกลืนกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ และยังจะเดินเข้าไปที่บาร์ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สร้างเป็นอาคารครึ่งวงกลม และเขายังเห็นพวกนักท่องเที่ยวจากเกาหลีและจีนบางกลุ่มเข้ามาดื่มนั่งสังสรรค์กันตั้งแต่บ่ายคล้อยอยู่ราวๆ สี่ห้าคน แต่ว่าเขาก็เลือกที่จะเดินเข้าไปนั่งติด ๆ กับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี และยังสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาถือไว้เพื่อทำตัวให้เหมือนกับนักท่องเที่ยวราวอื่นๆ
" ก็ที่นี้ละ ที่เหมาะที่สุด " ฮวังอินซองติดต่อซอเยอึนผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารชนิดเดียวกัน แต่ก็ไม่วายที่จะหันไปพยักหน้าให้กับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีคนอื่น ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
" เพราะนักท่องเที่ยวที่มีมาก การทำงานของพวกอาซาลาก็ยิ่งง่ายเหมือนปลอกกล้วยอย่างไง ! "
" พี่แทซันคงจะเฝ้าติดตามพวกเขามาสักพัก เพราะถ้าไม่อย่างนั้น "
" พี่แทซันคงไม่ให้พวกเรามาถึงที่นี้กันแบบนี้หรอก " เขาพูดพลางและหันไปยิ้มให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชายหญิงชาติเดียวกันไปด้วย
" ก็จริง ! " ซอเยอึนจำใจพยักหน้าและเฝ้ามองผู้คนนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมา และที่สำคัญพวกเธอยังต้องคอยสังเกตหารอยสักรูปกงล้อแห่งเวลาแบบโรมันกับดาวหกแฉก
" แต่ว่าก็ว่า เราจะมองเห็นรอยสักพวกนั้นได้อย่างไง ! " ทั้งซอเยอึนกับฮวังอินซองที่ต่างฝ่ายก็ยังต้องคอยผลัดเปลี่ยนสลับกันออกตามหาคนที่มีรอยสักไปทั่วเกาะที่เค้าว่ากันว่าน้ำใสที่สุดของเมืองไทย
ตึกสูงระฟ้าพากันเรียงรายอยู่เหนือพื้นดินของเมืองซานหมิงยามค่ำคืน และแสงไฟส่องสว่างจากยอดตึกต่างๆ ก็ยังสว่างเพียงพอให้เห็นตึกรางบ้านช่องและท้องถนนที่คับคั่งถ้าหากมองลงมาจากบนดาดฟ้าของโรงแรมใหญ่ใจกลางเมืองซานหมิง
และระหว่างชเวกียุลและก็พัคจินอู พวกเขาก็ยังคอยยืนจ้องมองกันและกันด้วยความสงสัย และชเวกียุลที่ยังได้เห็นความอ่อนแอของเธอขึ้นมา
" นายนะ รู้มาตลอดเลยใช่หรือเปล่า " พัคจินอูยังคงเสียน้ำตาและตั้งคำถามที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ และมือไม้ที่เริ่มสั่น ๆ เพราะความกลัว
" ฉันจะรู้หรือเปล่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว " เขาโต้ตอบพัคจินอูอย่างเย็นชา และยังแอบจ้องมองดูแววตากันอยู่ตลอด
" จริงๆ แล้ว ความจำของเธอนี่มันสั้นกว่าปลาทองซะอีก หึ ! " น้ำเสียงฟังดูเยาะเย้ยกันเล็กน้อยจากเขาที่มีให้เธอ
"รีบตามหาต้นตอของเชื้อไวรัสซีดีห้าศูนย์ ไม่ใช่สิ ! "
" ซีดีห้าสอง ! ต่างหาก !! " และเขากับเธอก็พูดคำๆ นี้ขึ้นมาพร้อมกัน
" ยังพอมองเห็นอยู่สินะ พัคจินอู !! " เขาตาเบิกโพลงแต่ใจหนึ่งก็แอบดีใจ แต่กับอีกใจหนึ่งก็อยากให้เธอคนนี้มองไม่เห็นอนาคตหรือว่าอะไรทั้งนั้น
" นายเองก็ด้วยงั้นซินะ !! " และน้ำเสียงฟังดูไม่แปลกใจอะไรของเธอก็เช่นเดียวกัน และมองชเวกียุลเหมือนว่าเธอกำลังเจอเพื่อนสมัยเด็ก
" ฉันพยายามที่จะ....ลืมเพื่อนคนแรกให้ได้ แต่ว่า ! " และเธอก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรมากสักเท่าไหร่
" ความแค้นในอดีตอย่างนั้นใช่ไหม" รอยยิ้มที่แสแสร้างของชเวกียุลมันช่างน่ากลัวสำหรับพัคจินอูเสียจริง
" ฮงซอกดู ! " ชเวกียุลเรียกชื่อนี้แทนที่ชื่อพัคจินอู !