" คัท ! " เสียงของผู้กำกับซีรีย์ดังผ่านอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเตือนเหล่านักแสดงของพวกเขาระหว่างการถ่ายทำซีรีย์ย้อนยุคท่ามกลางหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองฝูเจี้ยนประเทศจีน และฉากที่ประกอบไปด้วยรถม้าของพระราชา และม้าของขุนศึกและยังมีนักแสดงหลักอื่นๆ อย่างนางเอกหน้าใหม่สาวน้อยที่อาจดูผิวเผินช่างดูไร้เดียงสา นักแสดงหลักหลายต่อหลายคนยังต้องคอยฝึกควบคุมม้าระหว่างการถ่ายทำไปด้วย และนักแสดงเอ็กส์ตร้าที่ยังคงซ้อมคิวบู๊วิธีการใช้กระบีก็เพื่อไม่ให้ผิดคิว
" จินอู ! " เสียงผู้กำกับผู้หญิงอายุราวๆ น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอตะโกนเรียกพัคจินอูที่เดินอยู่กับนักแสดงหลักคนหนึ่งซึ่งเป็นดาราอาวุโสจนเธอได้ยินเสียงเรียกและถึงหันมาพยักหน้าและเดินไป
ผู้กำกับหญิงคนนั้นใช้คำพูดคำจาคล้ายกับพวกเธอกำลังคุยกันเหมือนๆ กับเพื่อนผู้หญิงคุยหยอกล้อกันทั่วๆ ไป และผู้กำกับหญิงยังให้เธอแก้บทของชเวมินแจอีกสักหน่อย เพราะอยากให้บทโรแมนติกระหว่างพระเอกและนางเอกมีความละมุนละม่อมขึ้นมาอีกนิด
" จริงๆ จะให้ฉันเติมความหวานมากกว่านี้ "
" เห็นที ! " พัคจินอูมองทั้งหน้าผู้กำกับและแอบเหลียวมองหน้าของนางเอกหน้าใหม่ดาวรุ่งที่ ๆ เธอกำลังฉอเลาะเอาอกเอกใจนักแสดงหลักรุ่นใหญ่
" ก็คงจะมีใครสักคนได้ปรี๊ดแตกแน่ " พัคจินอูที่หันมายิ้มให้กับผู้กำกับ และไม่นานพวกเธอต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับไปทำงานของใครของมัน
พัคจินอูรีบร้อนเดินออกมารอรถบริเวณหน้าโรงพยาบาลภายในเมืองฝูเจี้ยน เพราะสาเหตุเกิดจากนักแสดงรองคนหนึ่งมีอาการป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุหลังจากที่ถ่ายทำฉากสงครามเสร็จ และไม่นานเท่าไหร่รถยนต์เอสยูวีคันสีดำก็ค่อยๆ เข้ามาจอดเทียบ
และฮวังอินซองก็รีบร้อนเดินลงมาจากรถด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล
" พี่แทซัน กำลังไปตามหาคนพวกนั้น แต่ว่า " ฮวังอินซองบอกเธอ แต่ก็พยายามมองซ้ายมองขวา
" ตอนนี้ ประธานเอ็มดีชเวมินจุนกำลังเดินทางมารับลูกชายที่นี้ " และเขาพยายามบอกกับพัคจินอูและยังรีบร้อนกลับขึ้นรถและขับออกไปด้วยกัน
คังจูวอนกับคังมินจุนขับรถเอสยูวีสีดำกำลังเคลื่อนรถเข้ามาจอดเทียบที่ริมฟุตบาทบริเวณด้านข้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกภายในเมืองซานหมิง มณฑลฝูเจี้ยน และพวกเขาพยายามจะสังเกตรถลาและผู้คนที่เข้าๆ ออกๆ ภายในโรงงาน ทั้งรถบรรทุกที่ขนวัตถุดิบและรถขนส่งอื่นๆ ภายในเมืองซานหมิง และพวกเขาทั้งคู่ก็ยังพยายามช่วยกันสังเกตความผิดปกติรอบ ๆ บริเวณโรงงานแห่งนี้ และแม้ว่าจะเฝ้าสอดแนมโรงงานทั้งวันทั้งคืน พวกเขาทั้งคู่ก็แทบไม่เจอความผิดปกติ
คังมินจุนหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายหาพัคจินอูภายในรถ
" ที่นี้ไม่มีอะไรผิดปกติเลยครับพี่ " พวกเขากำลังรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นภายในโรงงาน และวางสาย และไม่นานพวกเขาสองคนก็ตัดสินใจเคลื่อนรถออกจากบริเวณโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก
" ทำไมนายถึงไม่บอกเรื่องนั้นให้พี่พัคจินอูรู้ " คังจูวอนกำลังหันหน้ามาถามด้วยความสงสัยกับพี่ แต่คังมินจุนเอาแต่ส่ายหน้าและดูอึดอัด
" พี่แทซัน คงอยากให้พี่จินอูปลอดภัย "
" ทำงานไปเถอะน่า นายนะ คังจูวอน ! " คังมินจุนพยายามบ่ายเบี่ยงน้องชายตัวเองเอง แต่สุดท้ายที่อย่างไง ๆ ซะเขาก็เอาแต่ส่ายหน้าไปๆ มาๆ อยู่ดี
ชเวกียุลอำพลางใบหน้าของเขาด้วยหมวกแก๊ปสีดำและสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีเดียวกัน และเขาก็พยายามจะเดินตรวจตราภายในตอกแคบๆ ภายในตลาดเมืองซานหมิงเมืองเล็ก ๆ ภายในมณฑลฝูเจี้ยน แต่ว่าเขาก็ยังพอมีผู้ติดตามอีกสองถึงสามคนที่เป็นผู้ร่วมทีมจากสหรัฐและพวกเขายังติดต่อกันผ่านหูฟังวิทยุสื่อสารไร้สายในขณะทีทุก ๆ คนพากันสำรวจไปทั่วทั้งเมืองซานหมิง จนกระทั่งกลางดึกพวกเขาสี่คนก็พยายามที่จะแฝงตัวเข้าไปภายในบาร์ค่อนข้างเสื่อมโทรมของเมือง
ชเวกียุลและเพื่อนต่างพากันนั่งดื่มล้อมวงอยู่ที่มุมๆ หนึ่งของบาร์ ซึ่งภายในบาร์เหล้าที่นี้ค่อนข้างมีลูกค้าท้องถิ่นและต่างชาติหนาแน่นจนดูผิดปกติกับสถานที่ ทั้งชาวฟิลิปปินส์ ไต้หวั่นและไทยก็ยังมีปะปนกับคนท้องถิ่น แต่พวกเขาสี่คนที่ยังพยายามทำตัวปกติเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป จนพวกเขาสังเกตเห็นผู้หญิงสาวสวยชาวไทยคนหนึ่งที่เดินควงคู่มากับผู้ชายเกาหลีรูปร่างสูงใหญ่และไว้ทรงผมสกินเฮด จนกระทั่งพวกเขาสังเกตเห็นรอยสักรูปวงกลมมีตัวเลขโรมันบอกเวลาและยังมีดาวหกแฉกภายในวงกลมรูปรอยสักพวกนั้นด้วย และพวกเขายังสังเกตเห็นผู้หญิงไทยคนนั้นกำลังจะเดินไปทางห้องน้ำ เพราะฉะนั้นชเวกียุลจึงได้พยายามจะเดินตามผู้หญิงไทยคนนั้นโดยไม่ให้เป็นที่สังเกต
และพัคจินอูที่กำลังเดินสวนออกมาจากห้องน้ำผู้หญิง ทั้งเธอและชเวกียุลที่ต่างพากันชะงักและต่างคนก็ต่างมองกันไปมา แต่ว่าชเวกียุลกลับสังเกตเห็นผู้หญิงไทยคนนั้นกำลังเดินตามเธอออกมาจากห้องน้ำ
" ขอโทษนะครับ " ชเวกียุลรีบเดินสวนพัคจินอูเข้าไปหาผู้หญิงไทยคนนั้นทันที
แต่ว่าตอนนั้นเธอก็พยายามจะแอบฟัง ชเวกียุลที่พยายามแกล้งบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นทำของหล่นเอาไว้และยื่นมันให้กับเธอ แต่ผู้หญิงไทยคนนั้นกลับปฏิเสธ แต่ว่าท่าทีและคำพูดจาของผู้หญิงไทยกลับดูท่าทางจะสนใจชเวกียุล
พัคจินอูเดินตรงเข้าไปนั่งบริเวณบาร์เครื่องดื่ม และสั่งเครื่องดื่มทันทีโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เพื่อนของชเวกียุลสองคนกำลังจะเดินเข้ามาและคอยนั่งประกบ และเพื่อนของเขาก็ยังทำท่าทีเข้ามาสั่งเครื่องดื่มก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับออกไป หนึ่งในสองคนก็พยายามกระซิบให้เธอรีบกลับออกไปจากที่นี้ แต่ว่าเธอก็ได้แค่รับฟังและรีบรับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เอามายกดื่มจนแทบจะหมดแก้ว และพอเธอวางแก้วเครื่องดื่มกลับลงไปที่บาร์ ในขณะเดียวกันผู้หญิงไทยคนนั้นก็ยังจะเดินเข้ามานั่งบริเวณบาร์พร้อมๆ กับชเวกียุล และเขาก็ยังพยายามจะมองไม่เห็นเธอที่ก็กำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ
ชเวกียุลที่พยายามจะทำเป็นมองไม่เห็นพัคจินอู ที่ ๆ ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ข้างหลังผู้หญิงไทยคนที่เขาพยายามจะตีสนิท จนกระทั่งผู้หญิงไทยคนนั้นหันไปสั่งเครื่องดื่มและมองเห็นเธอเข้า
" เจอกันอีกแล้วนะคะ " ผู้หญิงไทยทักทายพัคจินอูเพราะจำหน้าของเธอได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเธอเดินชนกันในห้องน้ำ
พัคจินอูยิ้มๆ
" กำลังจะกลับพอดีคะ " เธอบอกพร้อมกับกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้บาร์ตัวสูง แต่ว่าเธอกลับแกล้งสะดุดขาเก้าอี้ จนกระทั่งผู้หญิงไทยคนนั้นต้องรีบโผเข้ามาช่วยจับเอาไว้
และพัคจินอูที่แกล้งทำท่าเหมือนจะล้มจนต้องรีบเข้าไปจับมือของเธอเอาไว้
" ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ " เธอแสร้งทำทีข้อโทษพวกเธอ แต่ว่าก็ยังไม่ยอมปล่อยมือของผู้หญิงไทยคนนั้นลง จนกระทั่งเห็นสายตาของชเวกียุลที่พยายามจ้องมองพวกเธออยู่
พัคจินอูตัดสินใจปล่อยมือของผู้หญิงไทยคนนั้นและขอบคุณเธออีกครั้ง และรีบเดินออกมาจากบาร์ตรงนั้นไป และคังจูวอนและคังมินจุนที่กำลังจอดรถรอเธออยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งเห็นเธอเดินออกจากบาร์เหล้าโทรมๆ อย่างรีบร้อน และคังมินจุนก็รีบร้อนเปิดประตูรถและยังรีบเดินข้ามถนนไปรอรับเธอ
" ทีมของชเวกียุล พวกเขาก็อยู่ที่นี้ " คังมินจุนรีบร้อนอยากจะรายงานเรื่องนี้กับเธอ แต่ว่าพัคจินอูกลับรีบร้อนเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ทันที
พัคจินอูกลับขึ้นไปนั่งบนรถและบอกให้คังจูวอนออกรถทันที แต่เธอก็ไม่ได้ทันสังเกตสายตาของสองพี่น้องที่กำลังแอบมองเธอแปลก ๆ จากกระจกมองหลัง
คังจูวอนและคังมินจุนส่งพัคจินอูจนถึงห้องพักของโรงแรมภายในเมืองซานหมิง พวกเขาทั้งสามคนพักอยู่ในห้องพักขนาดใหญ่ของโรงแรม แต่คังจูวอนที่กลับสังเกตเห็นความผิดปกติของพัคจินอูที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จากับพวกเขา แต่ว่าอยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้าของคังมินจุนและยังรีบร้อนออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกห้องพัก จนกระทั่งคังจูวอนถึงกับต้องแอบเดินตามไป
" นายคุยกับใคร " คังจูวอนถามคังมินจุนในขณะคุยสายกับใครบางคนที่ระเบียงของโรงแรม และเขาก็ยังสังเกตว่า น้องชายทำท่าทางแปลก ๆ
" อ่อ ! " คังมินจุนตอบคำถามตะกุกตะกัก
" พี่อินซองนะ พอดีว่า เขาเป็นห่วงพวกเรามากก็เลยโทรมาถามก็แค่นั้นเอง "
" ไม่มีอะไร " คังมินจุนตอบและรีบเดินหนีกลับเข้าไปในห้องพักทันที แต่ว่าคังจูวอนก็พยายามจะมองตาม
คังจูวอนมองน้องชายด้วยความสงสัย แต่ก็ยังล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตและกดสายโทรออก
พัคจินอูกำลังยืนรออะไรบางอย่างอยู่ที่ระเบียงห้องพักของโรงแรม และเธอก็พยายามจะยืนจ้องมองไปที่ระเบียงห้องพักที่อยู่ถัดกับห้องพักของพวกเธอ แต่ว่าไม่นานเท่าไหร่ก็เหมือนจะได้ยินเสียงเลื่อนบานประตูของห้องพักที่อยู่ถัดไป เพราะฉะนั้นเธอถึงได้พยายามมองหาเจ้าของห้องพักห้องนั้นอยู่อย่างเงียบๆ และใจจดใจจ่อ
และก็เป็นชเวกียุลที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ว่ามิหนำซ้ำต่างคนก็ต่างมองจ้องกันไปๆ มาๆ
ชเวกียุลที่ไม่ได้แปลกใจที่เห็นเธอ และเขาก็กำลังคิดว่า พัคจินอูก็ไม่ได้แปลกใจเหมือนกัน
" CD 50 ! " เขาเริ่มพูดคุยและแอบกำมือแน่น
" ไวรัสซีดีห้าศูนย์ ถูกขโมยออกจากแล็ปของเอ็มดี " และเขาก็เริ่มมีรอยยิ้มเยาะมองพัคจินอู
" เรื่องนี้ พวกเราจะจัดการกันเอง "
" ส่วนเรื่องวีไอพี ฉัน ! " เขาสบตาพัคจินอูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธ
" ต้องการเจอพวกเขาทันทีที่กลับถึงเกาหลี " เขาย้ำกับพัคจินอูทุกๆ คำ
" ทำไม ! " พัคจินอูอยากจะพูดอะไรมากกว่านั้น
แต่ว่าเธอกลับต้องหยุดชะงักไปเพราะว่าพวกเธอกำลังได้ได้ยินเสียงของผู้หญิงเรียกชื่อของเชวกียุลกำลังออกมาจากห้องพักของเขา
และดูเหมือนว่า ถ้าหากว่าเธอจำไม่ผิดก็คงจะเป็นเสียงของผู้หญิงไทยคนนั้นที่ ๆ พวกเธอเจอที่บาร์ในเมือง
ชเวกียุลหันหลังให้พัคจินอูทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกหา และเขาก็ยังจะเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองช้าๆ เพราะจงใจอยากให้พัคจินอูได้ยินเสียงสนทนาระหว่างเขาและผู้หญิงไทยคนที่เพิ่งจะรู้จักกันที่บาร์