Chereads / Fusion World / Chapter 7 - รางวัลเล็กสู่รางวัลใหญ่

Chapter 7 - รางวัลเล็กสู่รางวัลใหญ่

หลังจากต้องเสียค่าอาหารเพราะความอ่อนด้อยของตัวเอง ทุกเช้าชีฟจะออกไปอยู่บนตึกสูง แล้วเล็งยิงพวกสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่วิ่งเร็วอย่างเช่นหนู เพื่อฝึกฝนความแม่นยำของตนเอง บางครั้งชีฟก็ต้องใช้ซากสัตว์ใหญ่ที่ตายแล้วเพื่อล่อหนูตัวเล็ก ๆ ออกมา บางวันชีฟก็เปลี่ยนไปไล่ยิงแมลงปอหรือแมลงวันที่กำลังบินอยู่ จนนักล่าที่ผ่านไปผ่านมาสงสัยว่าเด็กคนนี้บ้าหรือเปล่า

หลายสัปดาห์ต่อมาชีฟพบว่าเขาสามารถยิงหนูที่วิ่งอย่างรวดเร็วได้อย่างง่ายดาย ง่ายจนตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาควรจะเปลี่ยนเป้าหมายได้แล้ว ในขณะที่กำลังเบื่อหน่ายชีฟก็เห็นรถฮัมวี่กำลังถูกรถกระบะที่มีคนอยู่เต็มรถสองคันวิ่งไล่มา หญิงสาวผมสั้นสีทองโผล่ออกมาจากหน้าต่างรถ แล้วเล็งปืนกลไปทางกระบะหลังสองคัน แต่พวกที่อยู่หลังกระบะก็พากันกราดยิงใส่เธอ ทำให้หญิงสาวคนนั้นต้องหดหัวกลับเข้าไปในตัวรถ

คนบนหลังรถกระบะอีกคันเอาปืนยิงจรวดมาประทับบ่า ก่อนจะยิงใส่พื้นให้ใกล้เคียงกลับรถฮัมวี่มากที่สุด ลูกจรวดกระทบกับพื้นดินก่อนจะเกิดการระเบิด คลื่นกระแทกจากการระเบิดกระแทกใส่รถฮัมวี่จนเสียหลักและล้มตะแคงไถลไปกับพื้น พวกบนรถกระบะพากันส่งเสียงเฮฮากันเป็นการใหญ่ แล้วรถกระบะก็พากันไปจอดข้าง ๆ รถฮัมวี่

หญิงสาวผมทองรีบปีนหน้าต่างรถออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เธอพยายามจะดึงเพื่อนที่อยู่ฝั่งคนขับขึ้นมาด้วยชายร่างกำยำก็เข้าไปจับกุมตัวเธอเอาไว้

หญิงสาวผมดำอีกคนรีบปีนขึ้นมายืนบนตัวรถ ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อน

"แคท"

เมื่อเห็นเพื่อนโดนจับไปเธอก็ตั้งปืนขึ้นทำท่าจะยิงใส่พวกที่มากับรถกระบะ

ชายร่างกำยำเอาตัวหญิงสาวที่ชื่อแคทมาบังเอาไว้ ก่อนจะเลียแก้มบาง ๆ แล้วข่มขู่หญิงสาวที่อยู่บนรถ

"แน่จริงก็ลั่นไกเลยสิจ๊ะ พวกเราจะได้ไปสวรรค์พร้อม ๆ กัน"

หญิงสาวบนรถมองอย่างเจ็บใจ แต่เธอก็ยังไม่ยอมลดปืนลง

"ไอ้พวกสารเลว พวกแกต้องการอะไร"

"แหม ๆ ของมันรู้กันอยู่"

ชายร่างกำยำเอามือซ้ายขย้ำหน้าอกของแคท

หญิงสาวผมทองพยายามดิ้นขัดขืนแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ ถึงเธอจะไม่รอดแต่เพื่อนเธอยังมีโอกาสรอด เธอจึงตะโกนบอกเพื่อนว่า

"ยิงมันเลยเร็กไม่ต้องสนใจฉัน"

หญิงสาวที่ชื่อเร็กลังเลอย่างหนัก ยังไงเธอก็ไม่กล้าที่จะเหนี่ยวไก

คำสอนของฮิกแล่นเข้ามาในหัวของชีฟที่ซุ่มอยู่บนตึก ดวงตาอันสดใสของเด็กหนุ่มมืดมนลงเล็กน้อย เขาปรับการซูมของกล้องออกมา เพื่อให้ระยะการมองเห็นผ่านกล้องเล็งนั้นกว้างที่สุด จากนั้นตรวจสอบว่าปืนมีการปรับไปใช้โหมดการยิงทีละนัดอยู่หรือไม่ เมื่อแน่ใจ นิ้วเล็ก ๆ ก็เหนี่ยวไก

กระสุนเจาะกะโหลกชายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด เสียงปืนทำให้ชายเหล่านั้นตกใจและหันมองไปรอบทิศทาง กระสุนนัดที่สองติดตามมาอย่างรวดเร็ว เจาะเข้าใส่กะโหลกของชายร่างกำยำที่จับสาวผมทองเอาไว้ เร็กไม่รอช้าสาดกระสุนใส่พวกที่เหลือทันที จากชายสิบกว่าคนตอนนี้เหลือรอดแค่เจ็ดคน พวกมันแต่ละคนพากันวิ่งไปหลบตามซอก เร็กและแคทกระโดดหลบไปอีกด้านของรถ แล้วเริ่มทำการยิงต่อสู้

เมื่อมีโอกาสได้พักหายใจ ชีฟก็หอบหายใจอย่างแรง มือของเขาสั่นเป็นอย่างมาก เขาพึ่งจะฆ่าคนเพิ่มไปอีกสองคน ชีฟวางปืนเอาไว้ ก่อนจะพยายามนั่งสงบอารมณ์ของตัวเอง

สองสาวพยายามต่อสู้อย่างหนักกับชายเจ็ดคน ตอนนี้คนที่ช่วยพวกเธอเมื่อครู่ได้หายไปแล้วซึ่งพวกเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

เร็กหันไปถามแคท

"คนที่ช่วยเราไปไหนแล้ว"

"อาจถูกเก็บไปแล้ว สงสัยเราคงต้องช่วยตัวเองแล้วละ"

แคทและเร็กพยายามยิงสกัดกั้นชายเจ็ดคนอย่างเต็มที่ โชคดีของสองสาวที่พวกโจรอยากได้ร่างกายพวกเธอ ทำให้พวกโจรเหล่านี้ไม่ได้เล็งกะหมายเอาชีวิต ทำเพียงแค่พยายามจะให้พวกเธอหมดกระสุน หรือให้พวกเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ปุก โจรคนหนึ่งล้มลงพื้น เมื่อกระสุนเจาะเข้าที่หลังศีรษะจากมุมสูง

ชีฟอยู่บนตึกสูง นั่นทำให้ได้เปรียบในการเล็งเป้า ชีฟเริ่มกลับมายิงใส่พวกโจรอีกครั้ง และคราวนี้เขาตั้งเป้าว่าจะเก็บพวกโจรให้หมด

ด้านล่างเร็กหันไปพูดกับแคท

"ความช่วยเหลือกลับมาแล้ว รอจังหวะนะ"

เมื่อโจรที่เหลือพากันหันหลังกลับไปยิงใส่ชีฟที่อยู่บนตึกสูง เร็กและแคทก็อาศัยจังหวะนั้นโผล่ออกมากราดยิงใส่พวกโจรอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจ ด้วยการโจมตีจากสองทิศทาง พวกโจรก็ถูกจัดการจนหมด

สองสาวเงยหน้ามองขึ้นไปยังชั้นห้า ก่อนจะเห็นนินจาตัวเล็กนั่งเล็งปืนอยู่ด้านบนแคทโบกมือให้

"ขอบใจนะ"

เร็กจ้องมองนินจาตัวเล็กอย่างเพ่งพินิจ ที่เธอเห็นอีกฝ่ายตัวเล็ก ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายอยู่ไกล แต่เป็นเพราะเขาตัวเล็กจริง ๆ

"ตัวเล็กมาก เป็นเด็กหรือเปล่า"

ในขณะที่สองสาวกำลังคุยกัน ชีฟก็มองไปยังรถกระบะอีกสามคันที่กำลังแล่นเข้ามา เขาลดปืนลงแล้วรีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สองสาวนั้นก็ยกปืนขึ้นและจ้องมองผู้มาใหม่อย่างระแวดระวัง

รถกระบะจอดใกล้กับตัวตึกที่ชีฟอยู่ เป็นคริสและฮิกที่ลงจากรถมาและตามด้วยพรรคพวก ก่อนที่ชีฟจะเปิดฉากโจมตี ชีฟได้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือทั้งสองคนไว้ก่อนแล้ว

ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นในขณะที่เดินเข้าไปหาสองสาว

"ผมชื่อไจโร ไม่ทราบว่าพวกคุณสังหารพวกเขาไปกี่คน"

ตามธรรมเนียมแล้ว หากจัดการกลับพวกโจรที่มีค่าหัวได้ ก็มักจะมีการแบ่งรางวัลกันอย่างเป็นธรรม

ชายอีกคนที่กำลังตรวจสอบใบหน้าของเหล่าโจรที่เสียชีวิตตะโกนขึ้นมา

"มีสามคนค่าหัวสูงใช่เล่นเลย อุปกรณ์บนรถก็ยังสมบูรณ์ไม่ถูกทำลาย"

ไจโรหันไปมองก่อนจะหันกลับมามองสองสาวอีกครั้ง แคทและเร็กลดปืนลง เมื่อเห็นว่าพวกเขาน่าจะไว้ใจได้ เมื่อเห็นพวกเธอใจเย็นลงไจโรก็พูดขึ้น

"เราจะแบ่งกันยังไงดี เด็กคนนั้นช่วยพวกคุณได้มากน้อยแค่ไหน"

แคททวนคำ

"เด็ก"

เร็กพูดขึ้นบ้าง

"เป็นเด็กจริงด้วย"

แคทมองชีฟที่วิ่งลงมาจากบันไดไปหาคริสและฮิก ก่อนจะพูดว่า

"เด็กคนนั้นเป็นพวกของคุณ"

"จะว่างั้นก็ใช่"

"เขาช่วยเราไว้มาก เรายินดียกรางวัลทั้งหมดให้พวกคุณ"

ชายที่ยืนคุยกับสองสาวยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วหันกลับไปหาพวกพ้อง

"ขอบคุณ เราก็ยินดีเช่นกัน"

ชายหกคนรวมฮิกและคริสด้วยก็พากันสำรวจของที่พวกโจรมี การที่ชีฟสังหารคนพวกนี้ได้เร็ว นั่นทำให้มีกระสุนหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก

ชายคนที่สำรวจศพขึ้นไปบนรถก่อนจะตะโกนเสียงดัง

"แจ็คพ็อตหวะ เครื่องยิงจรวดแบบประทับบ่าเจ็ดกระบอก"

เขาหยิบเครื่องจริงจรวดขึ้นมาโชว์ แต่ละกระบอกมีค่าถึงห้าแสนพ็อย หรืออาจสูงกว่านั้นหากมันมีระบบการเล็งยิงที่ดี

สองสาวเดินเข้าไปหาชีฟที่กำลังยืนคุยอยู่กับคริสและฮิก เขากำลังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขายิงโจรพวกนี้อย่างตื่นเต้น

เร็กดึงชีฟเข้ามากอดแนบอกของเธอแบบไม่ให้ทันตั้งตัว

"ขอบคุณนะ"

ฮิกอ้าแขนออกแล้วเดินเข้าไปหาแคทด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

"ยินดีช่วย"

แคทหลบฉากไปด้านข้างปล่อยให้ฮิกกอดอากาศที่อยู่ด้านหลังเธอแทน ฮิกบ่นอย่างเจ็บใจ

"ไม่ยุติธรรมเลย"

ฮิกมองชีฟด้วยความอิจฉา เพราะตอนนี้เร็กกอดชีฟไว้ไม่ปล่อยเลย ยังกับว่าชีฟเป็นตุ๊กตาของเธอ

ไจโรเมื่อสำรวจของเสร็จ ก็เดินเข้ามาหาชีฟที่อยู่ในอ้อมกอดของเร็ก

"ค่าหัวและสิ่งของมีราคาที่ดี แต่บางส่วนมีสภาพเก่าแล้ว เราให้เธอสามล้านได้ในตอนนี้ ตกลงหรือไม่"

"ตกลง"

ฮิกเอามือลูบคางแล้วครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า

"หรือเราจะเพิ่มมูลค่าให้มันดี"

สองสาวแยกตัวจากไป โดยได้รับความช่วยเหลือจากไจโรในการยกรถให้ตั้งขึ้นและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย ส่วนทั้งเจ็ดคนก็พากันเดินทางต่อจนมาตึกร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกที่คริสฮิกและชีฟเคยมาขนเอาฮาร์ดดิสก์ไป พวกเขาจอดรถห่างจากตัวตึกหนึ่งกิโลเมตร เพราะหน้าตึกนั้นมีงูยักษ์เกล็ดสีแดงเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่ ขนาดของมันนั้นใหญ่เกือบเท่ากับรถหกล้อ ส่วนความยาวนั้นไม่ต้องพูดถึง มันยาวจนสามารถเลื้อยพันรอบตึกได้สบาย

งูตัวนี้เล็ดลอดจากนักล่าเก่ง ๆ ที่อยู่ไกลตัวเมืองออกไปเข้ามาได้ มันเป็นงูที่เหล่านักล่ามากฝีมือชอบล่ากัน ด้วยค่าหัวที่สูงถึงสามสิบล้าน แต่สำหรับฝีมืออย่างพวกของคริสแล้ว เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก

ฮิกมองงูตัวนี้จากระยะไกลแล้วพูดว่า

"ลองกันหน่อยมั้ย ฉันเคยเห็นพวกนักล่าระดับสูงฆ่ามันด้วยจรวดสามลูก"

ไจโรมองแล้วคิดตาม ก่อนจะถามว่า

"แล้วจะรับมือกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมันยังไง"

ฮิกเสนอความคิด

"ลานจอดรถใต้ดิน ในนั้นแคบมากสำหรับมัน หากเราล่อมันลงไป เราอาจจะลดความเร็วของมันลงได้"

ไจโรแย้ง

"ในนั้นหากลึกเข้าไปแสงจะส่องไม่ถึง พวกวานรน่าจะอยู่ที่นั่น เราอาจจะโดนตลบหลังได้"

ฮิกยิ้มและหันไปมองที่ชีฟ

ทั้งเจ็ดคนจอดกระบะสองคันที่ยึดมาได้ทิ้งไว้ ก่อนจะเอาอีกสามคันพากันอ้อมไปด้านหลังตึก แล้วขับลงไปในลานจอดรถใต้ดิน ทั่วลานเป็นลานโล่ง ๆ มีรถเก่าเกรอะจอดอยู่ไม่กี่คัน ทางเข้าออกของลานจอดรถแห่งนี้มีทั้งหมดสามทาง พวกเขาเลือกเส้นทางที่อยู่ด้านหลังตึก ซึ่งเจ้างูไม่ได้เฝ้าอยู่ เมื่อเข้ามาด้านใน พวกเขาก็พบเจอกับซากกระดูกของวานร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวานรที่ชีฟเคยจัดการไป ทั้งเจ็ดคนพากันคุยเสียงดังและทุบรถเพื่อเรียกความสนใจ จนในที่สุดชีฟก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พากันทยอยเข้ามาใกล้พวกเขา แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชีฟก็สามารถจัดการกับวานรล่องหนได้จนหมด

ทั้งเจ็ดคนเริ่มวางแผนการที่จะจัดการเจ้างูยักษ์ จากที่ฮิกเคยเห็นมา ต้องใช้ปืนยิงจรวดประทับบ่ายิงใส่จุดเดิมถึงสามลูก สองลูกแรกทำเพื่อทำลายเกล็ดอันแข็งแกร่งของมัน และนัดสุดท้ายคือระเบิดเนื้อส่วนนั้นให้เป็นจุณ โดยจุดที่จะมั่นใจได้ว่ามันจะตายแน่นอนก็คือส่วนหัว ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว พวกเขาจะจับคู่สองคน คนหนึ่งอยู่ท้ายกระบะและอีกคนขับรถเพื่อหลบหนี โดยมี ฮิกกับคริส ไจโรกับอลาสก้า และสุดท้ายสตาร์คกับแจ็คเกอร์ ส่วนชีฟนั้นมีหน้าที่ระวังวานรล่องหน เผื่อจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง

กระบะคันหนึ่งถอยหลังออกจากลานจอดรถ โดยทางที่ออกมานั้นเป็นเส้นทางที่เจ้างูยักษ์มันป้วนเปี้ยนอยู่ รถคันนี้ไจโรเป็นคนขับ ส่วนอลาสก้านั้นอยู่ท้ายกระบะคอยยิงจรวด

เจ้างูยักษ์ชูคอขึ้นและแลบลิ้นสองแฉกของมันออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาหารอันโอชะ หัวของมันสะบัดหาที่มาของกลิ่น อลาสก้าที่เห็นท่าทีของงูก็ก้มดมกลิ่นรักแร้ซ้ายขวาของตน ก่อนจะทำหน้าเหยเกแล้วพูดว่า

"เอ่อ กลิ่นแรงจริงด้วยหวะ"

ไจโรที่ได้ยินคำพูดของอลาสก้าผ่านเครื่องมือสื่อสารก็พูดเสริมว่า

"รู้ยัง ทำไมเราเอานายเป็นเหยื่อ อาบน้ำซะมั่งนะโว้ย"

จบคำพูดคนอื่น ๆ ที่ได้ยินการสนทนาครั้งนี้ผ่านเครื่องมือสื่อสารก็พากันหัวเราะคลื่น ส่วนอลาสก้าก็ได้แต่บ่นอุบ

"หุบปากไปเลยพวกแก"

เจ้างูยักษ์ติดตามกลิ่นของมันอย่างรวดเร็ว อลาสก้าเคาะรถแรง ๆ แล้วตะโกนบอกเพื่อน

"ไปเร็ว! มันมาแล้ว"

รถกระบะรีบกลับเข้าไปในลานจอดรถใต้ดิน เจ้างูยักษ์เมื่อมาถึงหน้าทางเข้า มันก็ชูคอจ้องมองรูตรงหน้าที่เป็นทางเข้าโรงจอดรถ ก่อนจะก้มลงแล้วเลื้อยตามเหยื่อของมันเข้าไป หัวอันใหญ่โตของมันพอดีกับทางเข้าลานจอดรถอย่างที่ฮิกกล่าวไว้

เมื่อส่วนหัวของงูเข้ามาในลานจอดรถ แจ็คเกอร์ก็เซอร์ไพร์ด้วยจรวดลูกแรกทันที หัวรบขนาดเล็กอัดเข้ากลางแซกหน้าของเจ้างูยักษ์อย่างจัง เกล็ดบริเวณที่โดนระเบิดหงิกงอเล็กน้อยจากแรงระเบิดและความร้อนสูง เจ้างูยักษ์สะบัดหน้าอย่างแรงและส่งเสียงขู่ฟ่อฟ่อ ดวงตาของมันจ้องเขม่นไปที่แจ็คเกอร์บนท้ายกระบะด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแจ็คเกอร์

สตาร์คออกรถอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้างูยักษ์พุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง มันอ้าปากและพุ่งเข้าหารถกระบะจากด้านข้าง สตาร์คเหยียบสุดคันเร่งเพื่อให้รถของเขารอดพ้นจากคมเขี้ยวของมัน เจ้างูยักษ์พลาดเป้างับใส่ความว่างเปล่า แต่มันก็ไม่ลดละมันเลื้อยอ้อมเสาแล้วเริ่มติดตามแจ็คเกอร์อีกครั้ง ความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้มันบ้าคลั่ง และเลื้อยด้วยความเร็ว จนในไม่ช้าก็จี้ตามรถกระบะจนทัน

แจ็คเกอร์นำเครื่องยิงจรวดประทับบ่าอีกครั้ง แล้วยิงออกไป เจ้างูยักษ์ไม่ได้โง่ มันเรียนรู้และเลื้อยหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็วให้หัวรบกระแทกเข้าที่ผิวหนังตรงลำคอของมันแทน

แจ็คเกอร์สบถออกมา

"แม่งมันหลบได้"

ฮิกที่ได้จังหวะเมื่อเจ้างูเลื้อยมาทางเขา หัวรบพุ่งออกไปทันที เจ้างูยักษ์หักหลบอย่างรวดเร็ว และใช้ผิวหนังใต้ตาของมันรับหัวรบไว้แทน แม้จะไม่โดนจังจัง แต่ความร้อนสูงก็เผาตาของมันจนเกือบบอดมันหันตาอีกข้างจ้องเขม่นไปที่ฮิก

คริสมองเหตุการณ์ผ่านกระจกมองหลังแล้วคิดว่าพวกเขาพลาดซะแล้วที่มาหาเรื่องเจ้างูยักษ์ตัวนี้ มันไม่ได้ใช้แค่สัญชาตญาณในการต่อสู้ แต่มันคิดเป็น คริสเหยียบมิดคันเร่งพาฮิกหนีสุดชีวิต

รถของไจโรวิ่งมาตีคู่กับรถของคริส อลาสก้าประทับเครื่องยิงจรวดขึ้นบ่า

ชีฟที่มองดูเหตุการณ์อยู่รีบพูดหยุดอลาสก้าเอาไว้ก่อนที่จะเปลืองหัวรบไปมากกว่านี้

"ต้องรอให้มันอ้าปากแล้วยิงใส่ใต้เหงือกของมัน ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ ตรงนั้นจะใกล้กับสมองของมันที่สุด"

อลาสก้าทวนคำ

"อ้าปากเหรอ"

ด้วยกลิ่นตัวอันรุนแรง ตอนนี้เจ้างูยักษ์เปลี่ยนเป้าหมายมาทางเขาเป็นที่เรียบร้อย

ชีฟย้ำคำพูดของตน

"ใช่อ้าปาก"

อลาสก้าถามกลับทันที

"ตอนไหนมันถึงจะอ้าปากวะ"

ไจโรลดความเร็วลงเพื่อให้งูไล่ตามพวกเขาทัน แล้วพูดว่า

"ก็ตอนที่มันจะเขมือบนายไง"

อลาสก้าตื่นตระหนกจนเห็นได้ชัด เมื่อเจ้างูยักษ์ใกล้เข้ามา อลาสก้าตะโกนสุดเสียง

"นี่เชื่อแผนเด็กกันเหรอวะเนี่ย"

"เชื่อไม่เชื่อก็ต้องลองดู มันเร็วขนาดนี้ออกไปข้างนอกยังไงเราก็เสร็จมัน"

อลาสก้านำเครื่องยิงจรวดประทับขึ้นบ่าอีกครั้ง แม้ในใจจะกลัวแค่ไหน แต่เขาก็เคยเป็นทหารมาก่อน เขาไม่ขี้ขลาด อลาสก้าจ้องมองหัวใหญ่ ๆ ของเจ้าสัตว์เลือดเย็นตรงหน้า แล้วพูดเรียกความกล้าให้กับตัวเอง

"ตายเป็นตายวะ"

เจ้างูยักษ์เมื่อเข้าระยะกระโจนใส่ของมัน มันก็ย่นคอลงเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งไปข้างหน้าสุดกำลังพร้อมปากที่อ้าออก

"ตายซะ!"

อลาสก้าปล่อยหัวรบออกไปในระยะประชิด พร้อมกับปากอันใหญ่โตที่งับรถกระบะเข้าไปเกือบทั้งคัน

คริสและสตาร์ครีบขับรถเข้าไปดูเจ้างูยักษ์ที่นิ่งสนิท แม้ม่านตาของมันจะยังคงเปิดกว้างแต่ดวงตาอันใหญ่โตก็ไร้ซึ่งชีวิตชีวา มันตายแล้ว

ไจโรที่ฟื้นสติจากอาการมึนหัวเพราะแรงกระแทกค่อย ๆ ขับรถออกจากปากของเจ้างูยักษ์

เมื่อกระบะพ้นจากปากงูออกมา อลาสก้าก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเมือกเหนียว ๆ ที่เปรอะอยู่ตามตัว แล้วพูดว่า

"ขอเห็นหน้าแม่ของไอ้เด็กนั่นหน่อยได้มั้ย"

ไจโรลงจากรถแล้วยิ้มให้อลาสก้าอย่างขบขัน พร้อมกับปล่อยคำเหน็บแนมเพื่อนของเขาซะหน่อย

"อย่างน้อยกลิ่นนายก็ยังแย่เหมือนเดิม"

อลาสก้ามองเพื่อนเขา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์

"หุบปากไปเลย"

หลังจากนั้นไจโรก็ติดต่อกลับไปยังทีมเก็บกู้ของตัวเมือง เนื่องจากสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์เหล่านี้ไม่ได้มีค่าแค่ค่าหัวกับผลึก แต่ร่างกายของมันยังมีคุณค่าอีกมาก ทั้งการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์หรือเนื้อย่างรสชาติเยี่ยม

นอกจากนั้นในตึกแห่งนี้ยังมีฮาร์ดดิสก์หลงเหลืออยู่อีกมากมาย นั่นทำให้ทีมเก็บกู้ที่มาถึงต้องจ่ายเงินพวกเขาถึง 70 ล้านพ็อยสำหรับการล่าในวันนี้

สองสาวนักล่าขับรถฮัมวี่มันจนถึงตึกเก่า ๆ สองหลังที่ตั้งอยู่ติดกัน ก่อนจะพากันลงจากรถแล้วเข้าไปในตัวตึก เร็กชะโงกหน้าแอบมองเข้าไปในห้องที่มีสาวสวยผมสีน้ำตาลแดงยาวกำลังหั่นชิ้นเนื้ออยู่ในห้อง จากนั้นเร็กก็หันไปหาแคทแล้วเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองเป็นเชิงให้เงียบ ๆ ไว้ เร็กค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้องแล้วมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดง

หมับ มือสองข้างของเร็กขย้ำเข้าที่อกคู่โตจากด้านหลังแบบเต็มกำมือจนอีกฝ่ายกรี๊ดลั่น จากนั้นเร็กก็เอ่ยทักทายเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงอันสดใส

"ใหญ่เหมือนเดิมเลยนะเนี่ย"

ชิซูกะหันขวับกลับมาพร้อมกับมีดในมือ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เมื่อหายตกใจชิซูกะก็เรียกชื่อเพื่อนทั้งสองด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

"เร็กซี่ แคทเทอลีน"

แคทเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนสาวของเธอที่ไม่ได้พบกันนาน แต่เมื่อเร็กซี่จะกอดบ้างชิซูกะก็ชี้นิ้วห้ามแล้วพูดใส่

"ไม่ต้องเลยย่ะ"

ชิซูกะและแคทเทอลีนนั้นรู้ดีในรสนิยมของเพื่อนสาวของตัวเอง นั่นทำให้ชิซูกะรู้สึกเหมือนถูกลวนลามทุกครั้งที่เพื่อนสาวคนนี้หาโอกาสกอดเธอได้

เร็กซี่ทำหน้ามุ่ยแล้วพูดว่า

"ใจร้าย"

แคทเทอลีนร้องว้าวออกมาเมื่อเห็นอาหารที่ชิซูกะกำลังทำ จากนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น

"เนื้อ นมสด แล้วก็ซอสรสชาติดีพวกนี้ เดี๋ยวนี้รวยใหญ่เลยนะ"

ชิซูกะหันไปเปิดตู้เย็น แล้วเอาเนื้อที่ตุนไว้ออกมา

"ไม่หลอก เด็กที่รู้จักขอให้ทำอาหารให้น่ะ เลยซื้อวัตถุดิบพวกนี้มาให้"

ชิซูกะพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นแล้วเอาเนื้อออกมาเพิ่ม จากนั้นก็หันไปหาเพื่อนสาวทั้งสอง

"สนใจจะช่วยกันมั้ย"

บ่ายสามยามที่พระอาทิตย์กำลังคล้อยลงต่ำ นักล่าเจ็ดคนก็พากันกลับเข้ามาในเมือง ก่อนจะพากันไปร้านอาหารที่พวกเขาไปกันเป็นประจำ วันนี้ชีฟพยายามที่จะกินอาหารให้น้อยที่สุด เพราะเดี๋ยวเขาจะต้องกลับไปกินอาหารที่ทำจากฝีมือของใครบางคน

ห่างจากโต๊ะของทั้งเจ็ดคนไม่ไกล หญิงสาวที่ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารรีบโทรติดต่อเพื่อนสาวของเธอ เมื่อเห็นว่าโต๊ะอาหารที่มีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ ได้ขอใช้บริการจากสาว ๆ ของทางร้านด้วย

"นี่ รีบมาเลยนะ พวกตาลุงมันเอาสาว ๆ มาเต็มโต๊ะเลย"

อลาสก้าที่กำลังเมาได้ที่หันมามองชีฟที่เอาแต่นั่งเงียบ แล้วชวนอีกฝ่ายคุย

"เฮ้ ไอ้หนูชีฟ ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว"

ชีฟก้มนับนิ้ว ก่อนจะตอบ

"สิบสามจะสิบสี่แล้ว"

อลาสก้าได้ฟังก็หันไปถามเพื่อนในวง

"สิบสามสิบสี่นี่มันโตยังวะ"

ฮิกกระดกเบียร์ทีหนึ่งก่อนจะตอบคำถามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

"สิบสามมันก็แข็งได้แล้ว เรียกอีหนูมายั่วมันดูเดี๋ยวก็รู้"

คริสได้ฟังทั้งสองคนคุยกันก็พยายามที่จะเข้ามาห้ามปราม

"หยุดเลย พวกแกสองคน อย่าไปสอนอะไรไม่ดีให้เด็กมันจะได้มั้ย"

พูดจบคริสก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ก่อนจะหลับไปคนแรก อลาสก้าโบกมือไปมาอย่างไม่สนใจ แล้วหันมาพูดกับชีฟ

"ไม่ดงไม่ดีอะไร มันเป็นนักล่าแล้วนะโว้ย เอานี่"

อลาสก้ายื่นธนบัตรใบหนึ่งให้กับชีฟที่กำลังนั่งฟังอย่างอยากรู้ถึงเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกัน แล้วพูดต่อ

"ครั้งแรกฉันเลี้ยงเอง เอาใบนี้ไปยื่นให้พี่สาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านใน แล้วบอกว่าผมกำลังขาดความอบอุ่น ช่วยพาผมไปเพิ่มความอบอุ่นหน่อย"

แต่ก่อนที่ชีฟจะได้ยื่นมือมารับเงิน มีดอีโต้เล่มใหญ่ก็สับลงกลางโต๊ะของทั้งเจ็ดคน ผู้ใหญ่ห้าคนในโต๊ะที่ยังไม่หลับก็พากันสะดุ้งตื่นและสร่างเมาในทันที ส่วนชีฟก็ตกใจไม่แพ้กัน ทั้งโต๊ะพากันเงียบสนิท สายตาทุกคู่หันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของชีฟ ซึ่งเธอก็คือชิซูกะนั่นเอง

ชิซูกะเหลือบมองดูคริสที่หลับไปแล้ว ชายคนนี้เคยรับปากว่าจะไม่พาชีฟไปทำอะไรที่ไม่ดี แต่เหมือนเธอจะไว้ใจไม่ได้เสียแล้ว เธอกวาดสายตามองรอบโต๊ะด้วยดวงตาที่เย็นชา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชีฟจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง แล้วพูดว่า

"วันนี้นัดกินข้าวเย็นกันไม่ใช่เหรอ มีแขกมาด้วยรู้มั้ย"

ชีฟพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ ชิซูกะชักมีดออกจากโต๊ะแล้วเดินนำออกไป โดยมีชีฟเดินตามต้อย ๆ

อลาสก้าที่ยังคงเมาอยู่เล็กน้อยมองทั้งสองคนแล้วพูดออกมาว่า

"หวงขนาดนี้เลี้ยงไว้กินเอ.."

ไจโรที่นั่งข้าง ๆ รีบปิดปากเพื่อนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มีดอีโต้เล่มใหญ่มันจะนึกอยากลอยมาทางพวกเขา

ชิซูกะพาชีฟกลับมาทันอาหารค่ำพอดี สองสาวแคทเทอลีนและเร็กซี่ ต่างพากันดีใจและเข้ามากอดมาหอมชีฟกันเป็นการใหญ่ เพราะเด็กที่ช่วยพวกเธอไว้ คือเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เคยมาเล่นกับพวกเธอสมัยก่อน เร็กซี่จับชีฟหมุนไปหมุนมาเพื่อดูชุด แล้วเอ่ยอย่างชื่นชม

"นินจาตัวเล็กน่ารักจังเลย ชุดเกราะจากบริษัทไหนเนี่ย เนื้อผ้าเป็นแบบกันกระสุนได้ด้วย ตาลุงพวกนั้นซื้อให้เหรอ"

ชีฟส่ายหัว

"ไม่ใช่ แต่มาจากคาเรร่าอินดัสตี้"

แคทเทอลีนเอามือจับคางแล้วทำท่านึกอะไรบางอย่างพร้อมกับพึมพำออกมา

"คาเรร่าเหรอ เหมือนเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว"

แต่ไม่ว่ายังไงแคทเทอลีนก็นึกไม่ออกว่าคือบริษัทอะไร ก่อนจะเลิกสนใจ

ชิซูกะเดินถืออาหารชุดใหญ่เข้ามาวางที่โต๊ะอาหารในห้องของเธอ ก่อนที่เธอกับแม่ของชีฟจะช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร

เร็กซี่เอาชีฟมากอดแนบอกของเธอ ก่อนจะมองไปทางชิซูกะด้วยสายตาอันออดอ้อนแล้วพูดว่า

"ขอชีฟไปกับพวกเรานะ"

ชิซูกะปฏิเสธทันที

"ไม่ได้! ชีฟไม่ใช่สิ่งของนะ เลิกล้อเล่นแล้วมากินข้าวกันได้แล้ว"

ชิซูกะแย่งชีฟคืน ก่อนจะพากันไปนั่งโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร พฤติกรรมเมื่อกี้ของชิซูกะ ทำให้แคทเทอลีนกับเร็กซี่หันมามองกันอย่างมีเลศนัย แม้ท้ายประโยคจะดูเหมือนพูดเล่น แต่ตอนขึ้นต้นประโยคนั้นน้ำเสียงของชิซูกะฟังดูหนักแน่นมาก