กัปปะ
"พวกคาถาก็ต้องจำให้แม่น ถ้าท่องผิดหรือออกเสียงเพี้ยนไปแค่นิดเดียวก็ใช้การไม่ได้แล้ว"
เสียงพูดคุยที่ได้ยินจากทางด้านหลังทำให้ชิโนบุเหลือบตาไปมองเล็กน้อย บนใบหน้าน่ารักในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ดี ๆ รับเช้าวันใหม่เหมือนกับคนอื่นปรากฏอยู่เลยสักนิด นอกจากหัวคิ้วทั้งสองข้างจะกดแน่นจนแทบรวมเป็นเส้นเดียวแล้ว เจ้าตัวยังหันไปพูดกับสองคนที่เดินตามมาด้วยน้ำเสียงกึ่งเหวี่ยงกึ่งรำคาญอีกต่างหาก
"จะคุยแต่เรื่องนี้กันอีกนานไหม"
"อีกนานเลย เพราะฉันยังเล่าให้อัลฟ่าฟังได้ไม่ถึง 20% จากทั้งหมดเลยนะสิ"
คำตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนและไม่สะทกสะท้านต่อความรำคาญที่เขาตั้งใจมอบให้ ทำให้ชิโนบุส่งเสียงขึ้นจมูกดัง 'หึ' ยิ่งเหลือบมองไปทางใครอีกคนที่ยืนส่งยิ้มอยู่ข้างแบล็กก็ยิ่งนึกหงุดหงิด จนได้แต่เร่งฝีเท้าของตัวเองเพื่อทิ้งห่างอีกสองคนที่เดินตามหลังมาให้ไกลขึ้น
อัลฟ่ามองดูท่าทีของชิโนบุแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ หลังจากที่เมื่อวานตอนเช้าเขาบังเอิญตื่นขึ้นมาแล้วมองเห็นพวกภูตผี จากนั้นก็เลยได้มานั่งจับเข่าคุยกันสามคนอย่างตรงไปตรงมา แบล็กก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกระทั่งคุณปู่ของทั้งคู่กลับมา ก็เลยได้คุยถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจังอีกที
ท่านบอกว่าไหน ๆ ก็เห็นไปแล้ว งั้นก็ให้เรียนรู้เรื่องพื้นฐานจากชิโนบุและแบล็กเพื่อเอาตัวรอดไปเลยก็แล้วกัน ซึ่ง...
หลังจากที่มีคำสั่งมาแบบนั้น ท่าทีของชิโนบุก็เปลี่ยนไป
ไม่ได้หมายถึงในทางที่ไม่ดีหรอกนะ เอิ่ม...โอเค จริง ๆ ก็อาจจะแปลกไปจากเดิมค่อนข้างเยอะหน่อย เพราะก่อนหน้านี้สำหรับเขาแล้ว ชิโนบุเป็นคนใจดีที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา เรียกได้ว่าน่ารัก น่าเอ็นดูเลยล่ะ แต่หลังจากที่ไม่ต้องปิดบังเรื่องภูตผีแล้ว เจ้าตัวก็เริ่มแสดงอารมณ์อื่น ๆ ออกมามากขึ้น
ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ก็ดูได้จากเหตุการณ์เมื่อกี้ที่เจ้าตัวแสดงความหงุดหงิดออกมาตรง ๆ เพราะเห็นว่าเขากับแบล็กคุยกันไม่จบสักที
ซึ่ง...
ขอสารภาพตามตรงว่าเขาชอบชิโนบุที่เป็นแบบนี้มากกว่าเมื่อก่อนมากเลย เพราะมันทำให้รู้สึกว่า เส้นแบ่งเขตระหว่างเราเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันยิ่งขึ้น
เอ่อ...
แม้ว่าต้องแลกด้วยความใจดีของเจ้าตัวที่ลดลงเกือบครึ่งเลยก็ตาม
"ถ้าจะคุยกันแล้วเดินช้าขนาดนี้ก็ไม่ต้องคุย"
เห็นไหมล่ะ?
อัลฟ่าเพียงแค่กระพริบตาปริบ ๆ ตอบกลับไป เมื่อเห็นคนที่เดินนำหน้าหันมาบ่นใส่ด้วยสายตาดุ ๆ ขณะที่แบล็กกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
ชิโนบุยิ่งถลึงตาใส่ทั้งคู่อีกรอบอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันกลับมาหยิบขวดน้ำออกจากกระเป๋า แล้วเทราดลงไปบนพื้น...
ที่อัลฟ่าเห็นว่ามีตัวอะไรบางอย่างยืนอยู่ตรงนั้น
"นั่นกัปปะ"
คำอธิบายจากคนที่เดินอยู่ข้างกัน ทำให้อัลฟ่าหันไปสบตากับเจ้าตัวครู่สั้น ๆ ก่อนจะหันกลับมามองภาพที่เห็นตรงหน้าอีกครั้ง
ตอนนี้ชิโนบุเทน้ำจนหมดขวดแล้ว เขาเห็นเจ้าภูตที่แบล็กบอกว่าเป็นกัปปะดูสดชื่นขึ้นมาก มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาตบหัวตัวเองเบา ๆ ไป 2-3 ที ก่อนจะเปลี่ยนมาโบกมือยิ้มแฉ่งอย่างขอบคุณให้ชิโนบุ หากแต่คนได้รับคำขอบคุณกลับทำเพียงเดินจากไปอย่างไม่สนใจ
"ชิโนบุเทน้ำให้มันทำไม"
"กัปปะเป็นปีศาจน้ำ ถ้ามันขาดน้ำเป็นเวลานานก็จะอ่อนแรงลง"
จังหวะที่แบล็กพูดจบพวกเขาก็เดินผ่านเจ้ากัปปะไปพอดี อัลฟ่ามองภูตที่สูงประมาณหัวเข่าของตัวเองกำลังเดินสวนไปก็ได้แต่อมยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าแบล็กเหมือนเดิมเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
"เจ้าตัวนี้ชอบหลงทางจนกลับไปที่แม่น้ำไม่ถูก ฉันกับโนบุจังเจอมันทุกวันแหละ"
"แล้วปกติมันทำยังไงล่ะถ้าขาดน้ำ"
"ก็ได้น้ำจากโนบุจังไง"
อัลฟ่าได้แต่ส่งคำถามไปทางสายตาเมื่อลองนึกย้อนถึงช่วงที่ผ่านมา เขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นชิโนบุหยุดราดน้ำลงพื้นแบบนี้เลยสักครั้งตั้งแต่เดินไปโรงเรียนด้วยกัน
"ตอนที่นายยังมองไม่เห็น โนบุจังจะปล่อยให้นายเดินนำไปก่อน แล้วค่อยเปิดฝา วางขวดน้ำไว้ข้าง ๆ เจ้ากัปปะตัวนั้น"
คำตอบที่ได้รับทำให้อัลฟ่าพยักหน้าเบา ๆ ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเขาเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วยอย่างอดไม่อยู่ ทุกความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาผ่านเนื้อเสียง ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่แบล็กมีต่อชิโนบุได้อย่างชัดเจน
แค่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนนั่น ก็รู้ได้ทันทีว่าแบล็กรักชิโนบุมากขนาดไหน
"โนบุจังเป็นเด็กดีมากนะ ทั้งใจดี ทั้งอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร...แต่ว่าชอบทำเป็นดุไปงั้นแหละ"
ประโยคหลังฟังดูเหมือนจะแหย่ซะมากกว่า เพราะเจ้าตัวเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นจนคนที่เดินนำหน้าได้ยินอย่างชัดเจน และดูเหมือนการแหย่จะได้ผลซะด้วย เพราะใบหน้าน่ารักยิ่งดูบึ้งตึงหนักตอนที่หันกลับมาตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงติดจะเหวี่ยงนิด ๆ
"ฉันได้ยินนะแบล็ก!"
เจ้าของชื่อหลุดขำออกมาอย่างชอบใจ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะเริ่มล่ามไปหาอัลฟ่าที่เดินอยู่ข้าง ๆ จนทำให้ชิโนบุยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม ดวงตาคู่สวยถลึงมองใส่ทั้งคู่อย่างดุ ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินแว่ว ๆ ว่าสองคนนั้นกลับไปคุยถึงเรื่องภูตกันอีกแล้ว
เฮ้อ...
พอได้ยินถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดนึกถึงที่คุยกับปู่เมื่อวานไม่ได้เลย
ปู่นะปู่
ยิ่งคิดถึงมุมปากทั้งสองข้างก็ยิ่งเบะคว่ำลงอย่างงอแง เมื่อวานตอนปู่กลับมาเขาก็อุตส่าห์รีบเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพราะความรู้สึกผิดแท้ ๆ แต่ดันกลับกลายเป็นว่า...
'กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยนะ'
'ขอโทษนะครับ ทั้ง ๆ ที่ปู่กำชับว่าให้ดูแลอัลฟ่าดี ๆ แต่ผมกลับปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น'
'นั่นสิ'
อาคาวะคนหลานได้แต่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด หลังจากที่ปู่บอกให้อัลฟ่าและแบล็กออกไปก่อนเพราะมีเรื่องจะคุยเขา ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่ชิโนบุและเจ้าของห้องเพียงเท่านั้น
'ปู่ ผมขอโทษนะ'
สีหน้าสำนึกผิดของหลานชายทำให้คนเป็นปู่หลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะไพล่ถามไปถึงอีกเรื่องที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด
'หลานไม่ได้เข้าไปในห้องหนังสือของปู่นานแค่ไหนแล้วนะ'
'ครับ?'
'ในห้องหนังสือของปู่มีเรื่องราวของตระกูลอวี้อยู่'
จากที่ตอนแรกกำลังรู้สึกผิด แต่พอได้ยินประโยคนั้นชิโนบุก็ชะงักไปทันที ความสงสัยและไม่เข้าใจฉายชัดอยู่ในดวงตา ยิ่งเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ที่ส่งมาก็ยิ่งทำให้นึกสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่ถูกต้อง
'ปู่'
'ว่าไง'
'เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมครับ'
หลังจากร้อยเรียงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ในหัว ชิโนบุก็ตัดสินใจถามออกไปด้วยความสงสัย และเขามั่นใจว่าตัวเองต้องคิดไม่ผิด ยิ่งเห็นว่าคุณปู่ไม่ยอมตอบแต่กลับย้ำขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก็ยิ่งทำให้เขาแน่ใจยิ่งกว่าเดิม
การที่อยู่ ๆ ปู่ก็หายไปมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...แต่มันคือการจงใจ
'อย่าลืมไปเอามาอ่านนะ'
'ปู่ ทำไมจะทำอะไรแล้วไม่บอกผม'
'มีหลายเล่มเลยด้วยนะ ดูดี ๆ ล่ะ'
'ผมอ่านภาษาจีนไม่ออก'
'ตระกูลเรามีคนอ่านภาษาจีนไม่ออกด้วยเหรอ'
'ถ้าจะขนาดนี้ทำไมปู่ไม่บอกผมมาเลยล่ะ'
น้ำเสียงที่เริ่มงอแงของหลานชาย ทำให้คนเป็นปู่หัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ดวงตาคมกริบอย่างคนผ่านโลกมามากหยีลงจนแทบปิดเพราะรอยยิ้ม จนมองเห็นริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
'แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร หลานก็รู้ว่าสำหรับตระกูลเรา การได้สืบเองมันสนุกและท้าทายกว่า'
'ผมไม่เห็นจะสนุกด้วยเลย'
'อ้อ อีกอย่าง...'
ดูเหมือนคำบ่นของหลานชายจะไม่ได้รับความสนใจ เมื่ออาคาวะคนปู่ยังคงพูดขึ้นมาอีก
'หลานต้องย้อนไปไกลหน่อยนะ ถึงต้นตระกูลโน้นเลย'
ใครก็ได้ช่วยด้วย!!
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
"ช้าจังน้า"
"บ่นมากนักก็กลับไปก่อนเลยไป"
"ไม่กลับ"
คำปฏิเสธที่มาพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ทำให้ชิโนบุได้แต่หันไปถลึงตาใส่ ก่อนจะยิ่งทำเสียงฟึดฟัดอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าอัลฟ่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แบล็กก็กำลังส่งเสียงหัวเราะออกมากับการเถียงกันประจำวันของพวกเขาสองคน
"เดี๋ยวทิ้งขยะเสร็จก็กลับได้แล้วนะ"
เสียงตะโกนของเพื่อนในห้องที่เป็นเวรทำความสะอาดด้วยกัน ทำให้ชิโนบุหันไปพยักหน้ารับ ก่อนจะกลับมาชี้กระเป๋าตัวเองเป็นเชิงว่าเก็บให้ด้วย ซึ่งแบล็กเองก็เข้าใจเลยลุกไปเก็บของใส่กระเป๋าให้โดยมีอัลฟ่านั่งดูอยู่ข้าง ๆ
ชิโนบุใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงที่ทิ้งขยะ ขณะที่กำลังจะยกถังขึ้นก็ต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
สิ่งมีชีวิตสีเขียว ๆ ตัวเท่าเข่าที่เพิ่งจะเจอกันไปเมื่อเช้า ตอนนี้กำลังเดินโซซัดโซเซอยู่ตรงพุ่มไม้ใกล้ ๆ ที่ทิ้งขยะ
"เจ้ากัปปะจอมหลง"
เสียงเรียกที่ได้ยินทำให้เจ้ากัปปะจอมหลงทางเงยหน้าขึ้นมองทันที พอสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่แสนคุ้นเคยก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ ก่อนจะฟุบตัวลงนอนแผ่อยู่ที่พื้นอย่างอ่อนแรงเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานาน
"นี่หลงยังไงจนมาโผล่ที่โรงเรียนเนี่ย"
ชิโนบุได้แต่บ่นอย่างอ่อนใจ ถึงแม้องเมียวจิอย่างเขาจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกภูตผี แต่กับเจ้าพวกที่ไม่มีพิษมีภัยแบบนี้เขาก็ไม่ใจดำพอจะทำร้ายมันลงเหมือนกัน
"แล้วนี่อะไร หลงคนเดียวไม่พอยังพาเพื่อนมาหลงด้วยอีก"
พูดแล้วก็หันไปมองเจ้ากัปปะอีกตัวที่นั่งหมดแรงอยู่ข้าง ๆ ชิโนบุได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะหันไปเทขยะให้เรียบร้อย แล้วกลับมาหาเจ้ากัปปะหลงทางทั้งสองตนใหม่
"รออยู่นี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปเอากระเป๋าแล้วจะมาพาไปส่งแม่น้ำ"
เจ้ากัปปะทั้งสองได้แต่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ทำเอาชิโนบุได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาทางนี้
"เอ๋?"
เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้ชิโนบุส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ เขาพอจะจำหน้าได้เพราะเคยเจอกับอีกฝ่ายตอนไปรออัลฟ่าที่ห้อง เหมือนจะชื่อว่าจิมมี่ นะ ถ้าจำไม่ผิด เห็นอัลฟ่าบอกว่าเจ้าตัวเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกันแต่มาจากคนละที่
ระหว่างทั้งสองคนไม่มีบทสนทนาใดเป็นพิเศษ เพราะถึงจะเคยเห็นหน้ากันแต่ก็ไม่เคยได้คุยกัน หลังจากที่ส่งยิ้มพอเป็นพิธีแล้ว ชิโนบุจึงขยับหลบให้อีกฝ่ายได้เข้ามาเทขยะบ้าง แต่แล้ว...
"เฮ้ย!"
เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับเสียงถังขยะตกลงพื้น ทำให้ชิโนบุรีบหันกลับมามองด้วยความตกใจ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังชี้มือไปตรงพื้นข้าง ๆ ที่ทิ้งขยะ...
ตรงที่เจ้ากัปปะสองตัวนั้นกำลังนอนแผ่หลาอยู่
นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย!
"นั่นมันตัว--อื้อ!"
จิมมี่ยังโวยวายไม่ทันจบประโยค ชิโนบุก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเอามือปิดปากไว้ทันที ดวงตากวาดมองไปโดยรอบอย่างตกใจ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ถึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เป็นอย่างนั้นได้ไม่นานก็ต้องกลับมาขมวดคิ้วอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเจ้ากัปปะสองตัวนั้นเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแฉ่งในตอนที่คุยกับเขา มาเป็นใบหน้าดุร้ายแล้วทำท่าจะพุ่งเข้ามา
"หยุด!"
คำสั่งนั้นทำให้เจ้ากัปปะทั้งสองรีบหยุดตัวเองไว้ทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแสดงท่าทีระแวงระวังและแผ่ไอสังหารออกมาเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าใส่จิมมี่ตลอดเวลา
อันที่จริงเจ้ากัปปะสองตนนี้แต่เดิมก็มีนิสัยดุร้าย แต่เพราะคุ้นเคยกับชิโนบุดีมันจึงทำตัวน่ารักว่าง่ายมาโดยตลอด พอคราวนี้ตกใจเพราะถูกพบเห็นโดยคนแปลกหน้า แถมชิโนบุยังพุ่งตัวเข้าไปปิดปากแบบนั้น มันเลยคิดว่าชิโนบุจะจัดการจิมมี่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู
ชิโนบุเป็นผู้มีพระคุณของพวกมันที่คอยช่วยให้น้ำเวลาหลงทางเสมอ มันเลยคิดจะช่วยจัดการให้เพื่อเป็นการตอบแทน
"อย่าร้องอีกนะ ฉันจะปล่อยมือ"
พอสั่งให้เจ้ากัปปะหยุดได้แล้วชิโนบุก็กลับมาพูดกับจิมมี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเพื่อให้เจ้าตัวคลายความตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยมือออกเมื่อได้รับการพยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับมา
ชิโนบุสังเกตอาการของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ยังคงมีสีหน้าตื่น ๆ ขณะจ้องเขม็งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไปที่กัปปะตัวหนึ่ง
ทั้ง ๆ ที่มีอยู่สอง แต่กลับจ้องแค่ตัวเดียว...
หมายความว่าเห็นแค่ตัวเดียวเหรอ?
ชิโนบุมองสำรวจจิมมี่ดูอย่างละเอียดแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า เจ้าตัวคงไม่ได้มีญาณพิเศษมองเห็นภูตผีทุกตนเหมือนกันกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะมองเห็นเจ้ากัปปะได้ทั้งสองตัว แต่นี่เห็นแค่ตัวเดียว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่าคลื่นวิญญาณบังเอิญตรงกันพอดี
"นี่ตัวอะไร"
"กัปปะ"
"กัปปะเหรอ"
ใบหน้างง ๆ ของจิมมี่ทำให้ชิโนบุได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองทางกัปปะสองตัวที่ยังคงแสดงท่าทีดุร้ายใส่อีกฝ่ายก็เริ่มมุ่นหัวคิ้วเข้านิด ๆ
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เจ้ากัปปะทั้งสองอาจตามไปทำร้ายจิมมี่ทีหลังก็ได้
แต่ถ้าจะให้ตัดปัญหาด้วยการกำจัดพวกมันทั้งสองเขาก็ทำไม่ลงอีกเหมือนกัน...เพราะพวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด
"มันจะทำร้ายเราไหม"
"ไม่"
"หน้าแบบนี้คือไม่ทำร้ายเหรอ"
"มันแค่ตกใจ"
ได้ยินแบบนั้นจิมมี่เลยหันไปมองหน้าชิโนบุอย่างจะขอคำอธิบายเพิ่มเติม โดยที่ระหว่างนั้นก็ยังเหลือบกลับมามองเจ้ากัปปะตรงหน้าเหมือนยังคงระแวงว่ามันจะพุ่งเข้าใส่
"จริง ๆ มันไม่ได้ดุร้ายขนาดนั้น มันแค่ตกใจที่นายมองเห็นมัน"
"ฉันสิที่ต้องตกใจ"
"ก็ตกใจด้วยกันทั้งคู่แหละ"
พูดจบชิโนบุก็ย่อตัวลงข้าง ๆ เจ้ากัปปะที่รีบวิ่งมาเกาะชายแขนเสื้อของเขาทันที องเมียวน้อยอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปหาจิมมี่ที่พอเห็นแบบนั้นก็เริ่มคลายท่าทีหวาดระแวงลง
"มันไม่ทำร้ายนายเหรอ"
"ไม่ มันออกจะกลัวด้วยซ้ำ"
เพราะไม่อยากจะกำจัดเจ้ากัปปะทั้งสองและไม่อยากให้จิมมี่ต้องเป็นอันตราย สุดท้ายชิโนบุจึงเลือกจัดการกับปัญหานี้ด้วยวิธีของตัวเอง ด้วยรู้ดีว่ากัปปะพวกนี้จะเคารพรักผู้มีพระคุณของพวกมันมาก อย่างเจ้าสองตัวนี้ที่ว่าง่ายและเชื่อฟังขนาดนี้ ก็เพราะเขาคอยให้น้ำและพาไปส่งที่แม่น้ำอยู่บ่อย ๆ
"จริง ๆ มันไม่ได้อยากจะทำร้ายใคร มันแค่อยากจะกลับบ้าน"
"แล้วบ้านมันอยู่ที่ไหนล่ะ"
พอเห็นท่าทางที่เจ้ากัปปะเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังชิโนบุแบบนั้น จิมมี่ก็เริ่มถามขึ้นมาอย่างสนใจขณะย่อตัวตามลงไป แต่ยังคงทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร
"อยู่ที่แม่น้ำ"
"จะไปแม่น้ำแต่มาโผล่ที่โรงเรียนเนี่ยนะ"
"มันเป็นจอมหลงทางน่ะ"
จิมมี่เผลอหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เจ้ากัปปะ ที่จนตอนนี้ก็ยังจับปลายแขนเสื้อของชิโนบุไว้ไม่ปล่อย มองไปมองมาก็เริ่มรู้สึกว่ามันน่ารัก น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อยเลย
"นี่"
เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้จิมมี่ละสายตาจากเจ้ากัปปะไปมองที่ชิโนบุ แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมา พร้อมกับหัวคิ้วทั้งสองข้างที่มุ่นเข้านิด ๆ เหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนที่สุดท้ายจะ...
พยักหน้ารับ
"ตามมาสิ พาเจ้าตัวนี้ไปส่งบ้านกัน"
"อืม"
tbc...