Chereads / ONMYOJI องเมียวจิ / Chapter 5 - 04 - กัปปะ

Chapter 5 - 04 - กัปปะ

กัปปะ

"พวกคาถาก็ต้องจำให้แม่น ถ้าท่องผิดหรือออกเสียงเพี้ยนไปแค่นิดเดียวก็ใช้การไม่ได้แล้ว"

เสียงพูดคุยที่ได้ยินจากทางด้านหลังทำให้ชิโนบุเหลือบตาไปมองเล็กน้อย บนใบหน้าน่ารักในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ดี ๆ รับเช้าวันใหม่เหมือนกับคนอื่นปรากฏอยู่เลยสักนิด นอกจากหัวคิ้วทั้งสองข้างจะกดแน่นจนแทบรวมเป็นเส้นเดียวแล้ว เจ้าตัวยังหันไปพูดกับสองคนที่เดินตามมาด้วยน้ำเสียงกึ่งเหวี่ยงกึ่งรำคาญอีกต่างหาก

"จะคุยแต่เรื่องนี้กันอีกนานไหม"

"อีกนานเลย เพราะฉันยังเล่าให้อัลฟ่าฟังได้ไม่ถึง 20% จากทั้งหมดเลยนะสิ"

คำตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนและไม่สะทกสะท้านต่อความรำคาญที่เขาตั้งใจมอบให้ ทำให้ชิโนบุส่งเสียงขึ้นจมูกดัง 'หึ' ยิ่งเหลือบมองไปทางใครอีกคนที่ยืนส่งยิ้มอยู่ข้างแบล็กก็ยิ่งนึกหงุดหงิด จนได้แต่เร่งฝีเท้าของตัวเองเพื่อทิ้งห่างอีกสองคนที่เดินตามหลังมาให้ไกลขึ้น

อัลฟ่ามองดูท่าทีของชิโนบุแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ หลังจากที่เมื่อวานตอนเช้าเขาบังเอิญตื่นขึ้นมาแล้วมองเห็นพวกภูตผี จากนั้นก็เลยได้มานั่งจับเข่าคุยกันสามคนอย่างตรงไปตรงมา แบล็กก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกระทั่งคุณปู่ของทั้งคู่กลับมา ก็เลยได้คุยถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจังอีกที

ท่านบอกว่าไหน ๆ ก็เห็นไปแล้ว งั้นก็ให้เรียนรู้เรื่องพื้นฐานจากชิโนบุและแบล็กเพื่อเอาตัวรอดไปเลยก็แล้วกัน ซึ่ง...

หลังจากที่มีคำสั่งมาแบบนั้น ท่าทีของชิโนบุก็เปลี่ยนไป

ไม่ได้หมายถึงในทางที่ไม่ดีหรอกนะ เอิ่ม...โอเค จริง ๆ ก็อาจจะแปลกไปจากเดิมค่อนข้างเยอะหน่อย เพราะก่อนหน้านี้สำหรับเขาแล้ว ชิโนบุเป็นคนใจดีที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา เรียกได้ว่าน่ารัก น่าเอ็นดูเลยล่ะ แต่หลังจากที่ไม่ต้องปิดบังเรื่องภูตผีแล้ว เจ้าตัวก็เริ่มแสดงอารมณ์อื่น ๆ ออกมามากขึ้น

ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ก็ดูได้จากเหตุการณ์เมื่อกี้ที่เจ้าตัวแสดงความหงุดหงิดออกมาตรง ๆ เพราะเห็นว่าเขากับแบล็กคุยกันไม่จบสักที

ซึ่ง...

ขอสารภาพตามตรงว่าเขาชอบชิโนบุที่เป็นแบบนี้มากกว่าเมื่อก่อนมากเลย เพราะมันทำให้รู้สึกว่า เส้นแบ่งเขตระหว่างเราเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันยิ่งขึ้น

เอ่อ...

แม้ว่าต้องแลกด้วยความใจดีของเจ้าตัวที่ลดลงเกือบครึ่งเลยก็ตาม

"ถ้าจะคุยกันแล้วเดินช้าขนาดนี้ก็ไม่ต้องคุย"

เห็นไหมล่ะ?

อัลฟ่าเพียงแค่กระพริบตาปริบ ๆ ตอบกลับไป เมื่อเห็นคนที่เดินนำหน้าหันมาบ่นใส่ด้วยสายตาดุ ๆ ขณะที่แบล็กกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

ชิโนบุยิ่งถลึงตาใส่ทั้งคู่อีกรอบอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันกลับมาหยิบขวดน้ำออกจากกระเป๋า แล้วเทราดลงไปบนพื้น...

ที่อัลฟ่าเห็นว่ามีตัวอะไรบางอย่างยืนอยู่ตรงนั้น

"นั่นกัปปะ"

คำอธิบายจากคนที่เดินอยู่ข้างกัน ทำให้อัลฟ่าหันไปสบตากับเจ้าตัวครู่สั้น ๆ ก่อนจะหันกลับมามองภาพที่เห็นตรงหน้าอีกครั้ง

ตอนนี้ชิโนบุเทน้ำจนหมดขวดแล้ว เขาเห็นเจ้าภูตที่แบล็กบอกว่าเป็นกัปปะดูสดชื่นขึ้นมาก มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาตบหัวตัวเองเบา ๆ ไป 2-3 ที ก่อนจะเปลี่ยนมาโบกมือยิ้มแฉ่งอย่างขอบคุณให้ชิโนบุ หากแต่คนได้รับคำขอบคุณกลับทำเพียงเดินจากไปอย่างไม่สนใจ

"ชิโนบุเทน้ำให้มันทำไม"

"กัปปะเป็นปีศาจน้ำ ถ้ามันขาดน้ำเป็นเวลานานก็จะอ่อนแรงลง"

จังหวะที่แบล็กพูดจบพวกเขาก็เดินผ่านเจ้ากัปปะไปพอดี อัลฟ่ามองภูตที่สูงประมาณหัวเข่าของตัวเองกำลังเดินสวนไปก็ได้แต่อมยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าแบล็กเหมือนเดิมเมื่อได้ยินประโยคต่อมา

"เจ้าตัวนี้ชอบหลงทางจนกลับไปที่แม่น้ำไม่ถูก ฉันกับโนบุจังเจอมันทุกวันแหละ"

"แล้วปกติมันทำยังไงล่ะถ้าขาดน้ำ"

"ก็ได้น้ำจากโนบุจังไง"

อัลฟ่าได้แต่ส่งคำถามไปทางสายตาเมื่อลองนึกย้อนถึงช่วงที่ผ่านมา เขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นชิโนบุหยุดราดน้ำลงพื้นแบบนี้เลยสักครั้งตั้งแต่เดินไปโรงเรียนด้วยกัน

"ตอนที่นายยังมองไม่เห็น โนบุจังจะปล่อยให้นายเดินนำไปก่อน แล้วค่อยเปิดฝา วางขวดน้ำไว้ข้าง ๆ เจ้ากัปปะตัวนั้น"

คำตอบที่ได้รับทำให้อัลฟ่าพยักหน้าเบา ๆ ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเขาเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วยอย่างอดไม่อยู่ ทุกความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาผ่านเนื้อเสียง ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่แบล็กมีต่อชิโนบุได้อย่างชัดเจน

แค่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนนั่น ก็รู้ได้ทันทีว่าแบล็กรักชิโนบุมากขนาดไหน

"โนบุจังเป็นเด็กดีมากนะ ทั้งใจดี ทั้งอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร...แต่ว่าชอบทำเป็นดุไปงั้นแหละ"

ประโยคหลังฟังดูเหมือนจะแหย่ซะมากกว่า เพราะเจ้าตัวเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นจนคนที่เดินนำหน้าได้ยินอย่างชัดเจน และดูเหมือนการแหย่จะได้ผลซะด้วย เพราะใบหน้าน่ารักยิ่งดูบึ้งตึงหนักตอนที่หันกลับมาตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงติดจะเหวี่ยงนิด ๆ

"ฉันได้ยินนะแบล็ก!"

เจ้าของชื่อหลุดขำออกมาอย่างชอบใจ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะเริ่มล่ามไปหาอัลฟ่าที่เดินอยู่ข้าง ๆ จนทำให้ชิโนบุยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม ดวงตาคู่สวยถลึงมองใส่ทั้งคู่อย่างดุ ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินแว่ว ๆ ว่าสองคนนั้นกลับไปคุยถึงเรื่องภูตกันอีกแล้ว

เฮ้อ...

พอได้ยินถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดนึกถึงที่คุยกับปู่เมื่อวานไม่ได้เลย

ปู่นะปู่

ยิ่งคิดถึงมุมปากทั้งสองข้างก็ยิ่งเบะคว่ำลงอย่างงอแง เมื่อวานตอนปู่กลับมาเขาก็อุตส่าห์รีบเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพราะความรู้สึกผิดแท้ ๆ แต่ดันกลับกลายเป็นว่า...

'กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยนะ'

'ขอโทษนะครับ ทั้ง ๆ ที่ปู่กำชับว่าให้ดูแลอัลฟ่าดี ๆ แต่ผมกลับปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น'

'นั่นสิ'

อาคาวะคนหลานได้แต่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด หลังจากที่ปู่บอกให้อัลฟ่าและแบล็กออกไปก่อนเพราะมีเรื่องจะคุยเขา ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่ชิโนบุและเจ้าของห้องเพียงเท่านั้น

'ปู่ ผมขอโทษนะ'

สีหน้าสำนึกผิดของหลานชายทำให้คนเป็นปู่หลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะไพล่ถามไปถึงอีกเรื่องที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด

'หลานไม่ได้เข้าไปในห้องหนังสือของปู่นานแค่ไหนแล้วนะ'

'ครับ?'

'ในห้องหนังสือของปู่มีเรื่องราวของตระกูลอวี้อยู่'

จากที่ตอนแรกกำลังรู้สึกผิด แต่พอได้ยินประโยคนั้นชิโนบุก็ชะงักไปทันที ความสงสัยและไม่เข้าใจฉายชัดอยู่ในดวงตา ยิ่งเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ที่ส่งมาก็ยิ่งทำให้นึกสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่ถูกต้อง

'ปู่'

'ว่าไง'

'เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมครับ'

หลังจากร้อยเรียงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ในหัว ชิโนบุก็ตัดสินใจถามออกไปด้วยความสงสัย และเขามั่นใจว่าตัวเองต้องคิดไม่ผิด ยิ่งเห็นว่าคุณปู่ไม่ยอมตอบแต่กลับย้ำขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก็ยิ่งทำให้เขาแน่ใจยิ่งกว่าเดิม

การที่อยู่ ๆ ปู่ก็หายไปมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...แต่มันคือการจงใจ

'อย่าลืมไปเอามาอ่านนะ'

'ปู่ ทำไมจะทำอะไรแล้วไม่บอกผม'

'มีหลายเล่มเลยด้วยนะ ดูดี ๆ ล่ะ'

'ผมอ่านภาษาจีนไม่ออก'

'ตระกูลเรามีคนอ่านภาษาจีนไม่ออกด้วยเหรอ'

'ถ้าจะขนาดนี้ทำไมปู่ไม่บอกผมมาเลยล่ะ'

น้ำเสียงที่เริ่มงอแงของหลานชาย ทำให้คนเป็นปู่หัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ดวงตาคมกริบอย่างคนผ่านโลกมามากหยีลงจนแทบปิดเพราะรอยยิ้ม จนมองเห็นริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน

'แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร หลานก็รู้ว่าสำหรับตระกูลเรา การได้สืบเองมันสนุกและท้าทายกว่า'

'ผมไม่เห็นจะสนุกด้วยเลย'

'อ้อ อีกอย่าง...'

ดูเหมือนคำบ่นของหลานชายจะไม่ได้รับความสนใจ เมื่ออาคาวะคนปู่ยังคงพูดขึ้นมาอีก

'หลานต้องย้อนไปไกลหน่อยนะ ถึงต้นตระกูลโน้นเลย'

ใครก็ได้ช่วยด้วย!!

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"ช้าจังน้า"

"บ่นมากนักก็กลับไปก่อนเลยไป"

"ไม่กลับ"

คำปฏิเสธที่มาพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ทำให้ชิโนบุได้แต่หันไปถลึงตาใส่ ก่อนจะยิ่งทำเสียงฟึดฟัดอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าอัลฟ่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แบล็กก็กำลังส่งเสียงหัวเราะออกมากับการเถียงกันประจำวันของพวกเขาสองคน

"เดี๋ยวทิ้งขยะเสร็จก็กลับได้แล้วนะ"

เสียงตะโกนของเพื่อนในห้องที่เป็นเวรทำความสะอาดด้วยกัน ทำให้ชิโนบุหันไปพยักหน้ารับ ก่อนจะกลับมาชี้กระเป๋าตัวเองเป็นเชิงว่าเก็บให้ด้วย ซึ่งแบล็กเองก็เข้าใจเลยลุกไปเก็บของใส่กระเป๋าให้โดยมีอัลฟ่านั่งดูอยู่ข้าง ๆ

ชิโนบุใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงที่ทิ้งขยะ ขณะที่กำลังจะยกถังขึ้นก็ต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง

สิ่งมีชีวิตสีเขียว ๆ ตัวเท่าเข่าที่เพิ่งจะเจอกันไปเมื่อเช้า ตอนนี้กำลังเดินโซซัดโซเซอยู่ตรงพุ่มไม้ใกล้ ๆ ที่ทิ้งขยะ

"เจ้ากัปปะจอมหลง"

เสียงเรียกที่ได้ยินทำให้เจ้ากัปปะจอมหลงทางเงยหน้าขึ้นมองทันที พอสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่แสนคุ้นเคยก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ ก่อนจะฟุบตัวลงนอนแผ่อยู่ที่พื้นอย่างอ่อนแรงเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานาน

"นี่หลงยังไงจนมาโผล่ที่โรงเรียนเนี่ย"

ชิโนบุได้แต่บ่นอย่างอ่อนใจ ถึงแม้องเมียวจิอย่างเขาจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกภูตผี แต่กับเจ้าพวกที่ไม่มีพิษมีภัยแบบนี้เขาก็ไม่ใจดำพอจะทำร้ายมันลงเหมือนกัน

"แล้วนี่อะไร หลงคนเดียวไม่พอยังพาเพื่อนมาหลงด้วยอีก"

พูดแล้วก็หันไปมองเจ้ากัปปะอีกตัวที่นั่งหมดแรงอยู่ข้าง ๆ ชิโนบุได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะหันไปเทขยะให้เรียบร้อย แล้วกลับมาหาเจ้ากัปปะหลงทางทั้งสองตนใหม่

"รออยู่นี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปเอากระเป๋าแล้วจะมาพาไปส่งแม่น้ำ"

เจ้ากัปปะทั้งสองได้แต่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ทำเอาชิโนบุได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาทางนี้

"เอ๋?"

เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้ชิโนบุส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ เขาพอจะจำหน้าได้เพราะเคยเจอกับอีกฝ่ายตอนไปรออัลฟ่าที่ห้อง เหมือนจะชื่อว่าจิมมี่ นะ ถ้าจำไม่ผิด เห็นอัลฟ่าบอกว่าเจ้าตัวเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกันแต่มาจากคนละที่

ระหว่างทั้งสองคนไม่มีบทสนทนาใดเป็นพิเศษ เพราะถึงจะเคยเห็นหน้ากันแต่ก็ไม่เคยได้คุยกัน หลังจากที่ส่งยิ้มพอเป็นพิธีแล้ว ชิโนบุจึงขยับหลบให้อีกฝ่ายได้เข้ามาเทขยะบ้าง แต่แล้ว...

"เฮ้ย!"

เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับเสียงถังขยะตกลงพื้น ทำให้ชิโนบุรีบหันกลับมามองด้วยความตกใจ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังชี้มือไปตรงพื้นข้าง ๆ ที่ทิ้งขยะ...

ตรงที่เจ้ากัปปะสองตัวนั้นกำลังนอนแผ่หลาอยู่

นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย!

"นั่นมันตัว--อื้อ!"

จิมมี่ยังโวยวายไม่ทันจบประโยค ชิโนบุก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเอามือปิดปากไว้ทันที ดวงตากวาดมองไปโดยรอบอย่างตกใจ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ถึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เป็นอย่างนั้นได้ไม่นานก็ต้องกลับมาขมวดคิ้วอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเจ้ากัปปะสองตัวนั้นเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแฉ่งในตอนที่คุยกับเขา มาเป็นใบหน้าดุร้ายแล้วทำท่าจะพุ่งเข้ามา

"หยุด!"

คำสั่งนั้นทำให้เจ้ากัปปะทั้งสองรีบหยุดตัวเองไว้ทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแสดงท่าทีระแวงระวังและแผ่ไอสังหารออกมาเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าใส่จิมมี่ตลอดเวลา

อันที่จริงเจ้ากัปปะสองตนนี้แต่เดิมก็มีนิสัยดุร้าย แต่เพราะคุ้นเคยกับชิโนบุดีมันจึงทำตัวน่ารักว่าง่ายมาโดยตลอด พอคราวนี้ตกใจเพราะถูกพบเห็นโดยคนแปลกหน้า แถมชิโนบุยังพุ่งตัวเข้าไปปิดปากแบบนั้น มันเลยคิดว่าชิโนบุจะจัดการจิมมี่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู

ชิโนบุเป็นผู้มีพระคุณของพวกมันที่คอยช่วยให้น้ำเวลาหลงทางเสมอ มันเลยคิดจะช่วยจัดการให้เพื่อเป็นการตอบแทน

"อย่าร้องอีกนะ ฉันจะปล่อยมือ"

พอสั่งให้เจ้ากัปปะหยุดได้แล้วชิโนบุก็กลับมาพูดกับจิมมี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเพื่อให้เจ้าตัวคลายความตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยมือออกเมื่อได้รับการพยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับมา

ชิโนบุสังเกตอาการของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ยังคงมีสีหน้าตื่น ๆ ขณะจ้องเขม็งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไปที่กัปปะตัวหนึ่ง

ทั้ง ๆ ที่มีอยู่สอง แต่กลับจ้องแค่ตัวเดียว...

หมายความว่าเห็นแค่ตัวเดียวเหรอ?

ชิโนบุมองสำรวจจิมมี่ดูอย่างละเอียดแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า เจ้าตัวคงไม่ได้มีญาณพิเศษมองเห็นภูตผีทุกตนเหมือนกันกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะมองเห็นเจ้ากัปปะได้ทั้งสองตัว แต่นี่เห็นแค่ตัวเดียว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่าคลื่นวิญญาณบังเอิญตรงกันพอดี

"นี่ตัวอะไร"

"กัปปะ"

"กัปปะเหรอ"

ใบหน้างง ๆ ของจิมมี่ทำให้ชิโนบุได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองทางกัปปะสองตัวที่ยังคงแสดงท่าทีดุร้ายใส่อีกฝ่ายก็เริ่มมุ่นหัวคิ้วเข้านิด ๆ

ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เจ้ากัปปะทั้งสองอาจตามไปทำร้ายจิมมี่ทีหลังก็ได้

แต่ถ้าจะให้ตัดปัญหาด้วยการกำจัดพวกมันทั้งสองเขาก็ทำไม่ลงอีกเหมือนกัน...เพราะพวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด

"มันจะทำร้ายเราไหม"

"ไม่"

"หน้าแบบนี้คือไม่ทำร้ายเหรอ"

"มันแค่ตกใจ"

ได้ยินแบบนั้นจิมมี่เลยหันไปมองหน้าชิโนบุอย่างจะขอคำอธิบายเพิ่มเติม โดยที่ระหว่างนั้นก็ยังเหลือบกลับมามองเจ้ากัปปะตรงหน้าเหมือนยังคงระแวงว่ามันจะพุ่งเข้าใส่

"จริง ๆ มันไม่ได้ดุร้ายขนาดนั้น มันแค่ตกใจที่นายมองเห็นมัน"

"ฉันสิที่ต้องตกใจ"

"ก็ตกใจด้วยกันทั้งคู่แหละ"

พูดจบชิโนบุก็ย่อตัวลงข้าง ๆ เจ้ากัปปะที่รีบวิ่งมาเกาะชายแขนเสื้อของเขาทันที องเมียวน้อยอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปหาจิมมี่ที่พอเห็นแบบนั้นก็เริ่มคลายท่าทีหวาดระแวงลง

"มันไม่ทำร้ายนายเหรอ"

"ไม่ มันออกจะกลัวด้วยซ้ำ"

เพราะไม่อยากจะกำจัดเจ้ากัปปะทั้งสองและไม่อยากให้จิมมี่ต้องเป็นอันตราย สุดท้ายชิโนบุจึงเลือกจัดการกับปัญหานี้ด้วยวิธีของตัวเอง ด้วยรู้ดีว่ากัปปะพวกนี้จะเคารพรักผู้มีพระคุณของพวกมันมาก อย่างเจ้าสองตัวนี้ที่ว่าง่ายและเชื่อฟังขนาดนี้ ก็เพราะเขาคอยให้น้ำและพาไปส่งที่แม่น้ำอยู่บ่อย ๆ

"จริง ๆ มันไม่ได้อยากจะทำร้ายใคร มันแค่อยากจะกลับบ้าน"

"แล้วบ้านมันอยู่ที่ไหนล่ะ"

พอเห็นท่าทางที่เจ้ากัปปะเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังชิโนบุแบบนั้น จิมมี่ก็เริ่มถามขึ้นมาอย่างสนใจขณะย่อตัวตามลงไป แต่ยังคงทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร

"อยู่ที่แม่น้ำ"

"จะไปแม่น้ำแต่มาโผล่ที่โรงเรียนเนี่ยนะ"

"มันเป็นจอมหลงทางน่ะ"

จิมมี่เผลอหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เจ้ากัปปะ ที่จนตอนนี้ก็ยังจับปลายแขนเสื้อของชิโนบุไว้ไม่ปล่อย มองไปมองมาก็เริ่มรู้สึกว่ามันน่ารัก น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อยเลย

"นี่"

เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้จิมมี่ละสายตาจากเจ้ากัปปะไปมองที่ชิโนบุ แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมา พร้อมกับหัวคิ้วทั้งสองข้างที่มุ่นเข้านิด ๆ เหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนที่สุดท้ายจะ...

พยักหน้ารับ

"ตามมาสิ พาเจ้าตัวนี้ไปส่งบ้านกัน"

"อืม"

tbc...