Chereads / ONMYOJI องเมียวจิ / Chapter 10 - 09 - คาไมทาจิ

Chapter 10 - 09 - คาไมทาจิ

- คาไมทาจิ -

"แล้วนี่เราต้องซื้ออะไรกันบ้างเหรอ"

"ไม่รู้สิ"

"อ้าว"

"ก็ไปดู ๆ เอา อยากได้อะไรก็หยิบมาแล้วกัน"

คำตอบแบบปัด ๆ ที่ได้รับทำให้อัลฟ่าได้แต่หันไปเลิกคิ้วมองหน้าคนพูดที่ตอนนี้กำลังใช้ไม้ค่อย ๆ ดันภูตตัวหนึ่งหลบเข้าข้างทางอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมันเผลอกลิ้งตัวออกมานอนขวางอยู่กลางทางเดิน

"แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าต้องหยิบอะไรบ้าง ฉันยังไม่เคยไปฮอกไกโดเลย"

"ก็..."

พูดได้แค่นั้นชิโนบุก็หยุดไป เมื่อดันให้เจ้าภูตตัวจิ๋วกลิ้งกลับเข้าข้างทางได้เป็นผลสำเร็จ กิ่งไม้ที่ใช้เมื่อครู่ถูกโยนทิ้งในพงหญ้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับมาหาอัลฟ่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันอีกครั้ง

"ก็อะไร"

"ก็...มันหนาว"

"ตอนนี้ที่นี่ก็หนาวนะ"

"หมายถึงที่ฮอกไกโดมันค่อนข้างหนาวกว่าที่นี่สิ"

พูดจบชิโนบุก็ใช้มือฟาดแขนคนที่เริ่มติดนิสัยช่างแหย่ไปทีหนึ่งข้อหากวนประสาท หากแต่คนถูกฟาดกลับทำเพียงหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างพอใจ ที่แกล้งให้คนขี้โมโหลงไม้ลงมือได้

เป็นเพราะตอนนี้ที่โรงเรียนกำลังจะมีการจัดไปเข้าค่ายที่ฮอกไกโด ทั้งอัลฟ่าและชิโนบุก็เลยต้องพากันออกมาซื้อของเพื่อไปจัดกระเป๋า ซึ่งความจริงแล้วจะให้คนที่บ้านจัดการก็ได้ แต่เพราะชิโนบุบอกว่าอยากออกมาเดินดูความเรียบร้อยแถว ๆ นี้พอดี อัลฟ่าก็เลยขอตามมาด้วย

"นายเอาเสื้อกันหนาวมาเยอะไหม"

"ก็พอตัวนะ"

"เสื้อหนา ๆ ล่ะ"

"เหมือนกัน"

"แล้วผ้าพันคอ?"

"ไม่มีแหะ"

"นี่ไง มีของที่ต้องซื้อแล้ว"

ระหว่างที่พูดไปดวงตาคู่สวยก็กวาดมองไปทางนั้นที ทางนี้ที เพื่อหาความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น ทางด้านอัลฟ่าที่แม้จะเห็นว่าคู่สนทนาไม่ได้หันมาสนใจตัวเองสักนิดก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพียงแค่เดินอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ และคอยระแวดระวังให้เจ้าตัวด้วยอีกที

"....."

ดวงตาคู่คมเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างกันเป็นบางครั้ง ถ้าให้พูดกันตามตรงเขาก็ค่อนข้างแปลกใจกับนิสัยของชิโนบุอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ มีเงินทอง คนรับใช้มากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพวกนั้นสักเท่าไร

หากเป็นคนอื่นมีเรื่องแบบนี้คงสั่งให้คนที่บ้านจัดการไปแล้ว หรือไม่อย่างนั้นก็คงให้คนรถไปส่งเวลาจะไปไหนมาไหน ไม่ต้องมาลงแรงเดินเองให้ต้องลำบากแบบนี้

แล้วพอลองแกล้งท้วงไป คำตอบที่ได้ก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกสนใจเจ้าตัวมากขึ้นกว่าเดิม

ชิโนบุบอกว่า...

'ฉันไม่อยากไปกวนคนอื่น แค่ต้องดูแลบ้านพวกเขาก็เหนื่อยกันมากพอแล้ว อะไรที่ทำเองได้ก็ทำ ๆ ไปเถอะไม่เสียหายอะไรหรอก ส่วนเรื่องรถ ที่ฉันไม่ใช้ก็เพราะชอบเดินมากกว่า เวลาได้เดินไปเรื่อย ๆ มองนั่น มองนี่ตามข้างทางมันผ่อนคลายจะตาย ถ้าไม่จำเป็นต้องรีบหรือมีเรื่องเร่งด่วนอะไรก็เดินเอาดีกว่า รถน่ะ เอาไว้ใช้กับทางที่มันไกล ๆ หรือเดินไม่ไหวเอาเถอะ'

และก็เพราะอย่างนั้น ตอนนี้พวกเราก็เลยต้องมาเดินกันอยู่สองคน เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ แล้วก็นั่งต่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่จะไปเลือกซื้อของด้วยกัน

ซึ่ง...ความจริงมันก็ดีนะ แม้ทางจะไม่ใกล้แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก การได้เดินไปเรื่อย ๆ แบบนี้ก็ไม่เลวร้ายอะไร

สายลมเอื่อย ๆ ที่พัดผ่านมา ทำให้รู้สึกเย็นจนขนลุกบ้างเป็นบางครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างที่ชิโนบุบอก ระหว่างทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก บรรยากาศเงียบสงบเข้าโอบล้อมทั้งสองคนไว้ ถึงแม้จะไม่มีบทสนทนาใดแต่กลับไม่มีความอึดอัดเจือปนอยู่เลย

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครรู้ที่บรรยากาศเงียบ ๆ ยังคงดำเนินไป ก่อนที่เสียงย่ำเท้าของคนสองคนจะถูกกลบด้วยเสียงของอัลฟ่าที่บังเอิญนึกถึงเรื่องที่ติดใจขึ้นมาได้พอดี

"ช่วงนี้แบล็กไม่อยู่บ่อยจังนะ"

พอได้เดินกันเงียบ ๆ สองคน อัลฟ่าก็เพิ่งนึกได้ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะแบล็กไม่อยู่ ลองถ้ามีเจ้าตัวอยู่ด้วยในเวลานี้ ก็คงจะได้เดินคุยกันไปตลอดทางแล้ว

"โดนเรียกตัวไปช่วยน่ะ"

พูดแล้วชิโนบุก็นึกถึงแบล็กที่ระยะนี้มักจะถูกเรียกตัวไปช่วยเรื่องกำจัดภูตผีอยู่บ่อย ๆ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเจ้าตัวคงปฏิเสธไปแล้วเพราะไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียว แต่คราวนี้เห็นบอกว่ามีอัลฟ่าอยู่ด้วยเลยไม่ต้องห่วงอะไรมาก ก็เลยตกปากรับคำไป

อีกอย่างคือ...

เหมือนแบล็กจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติก็เลยอยากออกไปตรวจสอบดู

เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้เริ่มมีภูตผีออกอาละวาดค่อนข้างบ่อย จะเรียกว่าเยอะกว่าปกติเกือบเท่าตัวเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่สาขาไหนก็มีงานยุ่งกันจนล้นมือไปหมด เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณพ่อกับคุณแม่ก็เพิ่งโทรมาบอกด้วยเหมือนกันว่า ต้องเลื่อนกำหนดกลับออกไปอีกเพราะมีงานด่วน ในขณะที่ปู่ก็ยังคงหายตัวไปบ่อย ๆ ในช่วงนี้เหมือนเดิม

"เดี๋ยวเรา--"

โครม!

".....!"

อัลฟ่ายังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงโครมครามดังขึ้น ทั้ง ๆ ที่แค่ข้ามถนนไปก็จะถึงสถานีรถไฟแล้ว หากแต่เสียงดังสนั่นจากทางด้านหลังก็ทำให้ทั้งเขาและชิโนบุต้องหันกลับไปมอง

ภาพที่เห็นคือจักรยานคันหนึ่งที่ล้มอยู่บนพื้น ใกล้ ๆ กันนั้นมีหนึ่งในเพื่อนร่วมห้องของชิโนบุกำลังนั่งโอดครวญอยู่ ตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาดจนเลือดไหลซิบออกมาหลายรอย แม้แต่เสื้อผ้าเองก็ยังถูกกรีดขาดไปด้วยเหมือนกัน

"โอคาว่า--"

"ระวัง!"

เพราะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้น อัลฟ่าจึงรีบดึงชิโนบุหลบออกมาจากทางลมที่กำลังจะพัดผ่าน ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาชั่วขณะ พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่กระจายออกไปอย่างรุนแรง จนกระแสลมหมุนที่ยังไม่ทันก่อตัวได้อย่างสมบูรณ์ สลายหายไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เฮือก!

"....."

จิตสังหารที่แม้จะไม่ได้รับโดยตรงแต่เกิดขึ้นในระยะประชิด ทำให้ชิโนบุเผลอเกร็งตัวขึ้นฉับพลัน ไอความเย็นแล่นผ่านตามไขสันหลังลงไปถึงปลายนิ้ว จนต้องกำมือแน่นให้เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เพื่อเรียกสติกลับมาจากความรู้สึกเจ็บ

"อัลฟ่า..."

ดวงตาคู่นั้นเพียงหันกลับมาสบโดยไม่พูดอะไร แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้ชิโนบุรับรู้ได้...

แววตาเปลี่ยนไป

บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป

กลิ่นอายก็เปลี่ยนไป

หรือว่าจะถูกกระตุ้น?

อาจเป็นเพราะตอนนี้แบล็กไม่อยู่ และตัวเขาเองก็ไม่ได้มีสัมผัสที่ดีขนาดอัลฟ่า การที่เจ้าตัวได้รับรู้และตื่นตัวว่ามีอันตรายก่อนใครเตือน เลยทำให้สัญชาตญาณดั่งเดิมในการป้องกันตัวหลุดออกมาชั่วขณะ

แบบนี้แย่นะ

เกิดวันไหนหลุดจนคุมไม่อยู่ขึ้นมาคงได้กลายเป็นเรื่องแน่ แม้จะยังไม่รู้ว่าเจ้าตัวเป็นอะไร แต่จากจิตสังหารที่ปล่อยออกมาอย่างรุนแรงจนทำให้ภูตสายลมไม่อาจรวมตัวเป็นลมหมุนได้เมื่อกี้ ก็สัมผัสได้แล้วว่าต้องไม่ธรรมดา

"....."

ดวงตาสองคู่ยังคงสบกันนิ่งท่ามกลางความเงียบเมื่อไม่มีใครคิดจะพูดอะไร ก่อนที่ชิโนบุจะยกมือขึ้นตบลงไปบนต้นแขนของอีกฝ่ายเบา ๆ เหมือนที่เคยทำกับแบล็ก...

ในตอนที่แบล็กเคยเกือบคลั่งจนแทบหลุดควบคุมเมื่อในอดีต

"ไม่เป็นไร ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ทั้งฉันทั้งนายพวกเราปลอดภัย"

เพียงสัมผัสเบา ๆ ที่ต้นแขนก็เรียกสติของอัลฟ่าให้กลับคืนมา ยิ่งได้ยินประโยคที่ดังขึ้น จิตสังหารรุนแรงที่เผลอปล่อยออกไปโดยไม่รู้ตัวก็สลายหายไปในทันที

บรรยากาศรอบตัวที่กลับเป็นปกติทำให้ชิโนบุลอบถอนหายใจเบา ๆ ยิ่งเห็นว่าแววตาของเจ้าตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ยิ่งใจชื้นขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ต้องหันไปมองทางด้านหลังซะก่อน เมื่อได้ยินเสียงโอดครวญดังแว่วมา

"โอคาว่า"

"อ้าว ชีจัง"

คนถูกเรียกร้องทักกลับไปด้วยความแปลกใจ โอคาว่าเงยหน้าขึ้นมองคนสองคนที่รีบวิ่งเข้ามาช่วยตัวเองแล้วก็ได้แต่พูดขอบคุณด้วยรอยยิ้ม เด็กหนุ่มลุกขึ้นตามการช่วยเหลือ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อได้ยินน้ำเสียงดุ ๆ จากเพื่อนร่วมห้องที่ชอบทำเป็นโหดอยู่เสมอ ทั้งที่ความจริงแล้วใจดียิ่งกว่าอะไร

"เลิกเรียกชีจังที"

"แบล็กยังเรียกโนบุจังได้เลย"

"เว้นหมอนั่นไว้สักคน ขอคนอื่นยังเรียกฉันว่าอาคาวะแบบปกติเถอะ"

"งั้นก็ซ้ำกับแบล็กสิ หมอนั่นก็คนจากอาคาวะเหมือนนายนะ"

"งั้นเรียกชิโนบุก็ได้"

ยิ่งได้ยินแบบนั้นโอคาว่าก็ยิ่งหัวเราะออกมาดังขึ้น แม้แต่อัลฟ่าเองก็ยังแอบอมยิ้มให้กับสีหน้าปุเลี่ยน ๆ ที่เห็น หากแต่ชิโนบุไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของทั้งคู่ ดวงตากลม ๆ กวาดตามองทั่วทั้งตัวของเพื่อนร่วมห้องอย่างสำรวจ ก่อนจะถามออกมาอย่างค่อนข้างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าจนตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังใช้มือคลึง ๆ อยู่ที่สะโพกเหมือนเดิม

"เป็นไงบ้าง"

"ก็เจ็บสะโพกแหละ เมื่อกี้ฉันล้มกระแทกไปแรงอยู่เหมือนกัน"

พูดไปโอคาว่าก็ปัดเนื้อปัดตัวไป แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าตามแขนและมือของตัวเองมีรอยแผลเลือดซิบอยู่หลายรอย แม้แต่เสื้อก็ยังขาดเหมือนโดนของมีคมกรีด

"นี่ฉันไปได้แผลพวกนี้มายังไงล่ะเนี่ย"

ระหว่างที่โอคาว่ากำลังงงกับบาดแผลบนร่างกาย ชิโนบุและอัลฟ่าเองก็หันมามองหน้ากันอย่างรู้ดีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของภูตลม คาไมทาจิ แน่นอน

เจ้าลมหมุนย่อม ๆ นี่มีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางครั้งก็หายเงียบไปไม่ปรากฏตัว แต่บางครั้งพอนึกอยากจะก่อเรื่องก็ออกมาไล่ฟันคนไม่เลือกหน้า โดยจะปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของลมหมุนขนาดย่อมพัดผ่านตัวคนไป หากแต่ภายในอึดใจสั้น ๆ กลับสร้างบาดแผลมากมายไว้จนคนถูกทำร้ายก็ไม่ทันรู้สึกตัว

คาไมทาจิหรือเจ้าภูตลมนี่จะประกอบไปด้วยภูตสามตนที่มีรูปลักษณ์คล้ายตัวเพียงพอน แต่ละตัวก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งตัวที่ทำให้ชิโนบุไม่ชอบใจที่สุดก็คือตัวที่รับหน้าที่สร้างบาดแผลนี่แหละ เพราะบางครั้งมันก็ลงมือเกินเหตุจนคนถูกแกล้งบาดเจ็บหนักเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยก็มี

โชคดีที่เมื่อครู่จิตสังหารของอัลฟ่ารุนแรงมากจนพวกมันไม่กล้าก่อตัวขึ้นมาโจมตีพวกเรา แต่กลับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่อย่างนั้นตัวเขาเองก็ไม่รู้จะรับมือกับคาไมทาจิยังไงเหมือนกัน

"ลมเมื่อกี้คงหอบเอาเศษแก้วเศษทรายมาด้วย นายก็เลยโดนมันบาดเอา"

ประโยคที่ถูกพูดขึ้นโดยอัลฟ่าทำให้โอคาว่าหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยโดยไม่มีท่าทีติดใจสงสัยอะไร

"คงงั้นแหละมั้ง แต่ลมเมื่อกี้แรงมากจริง ๆ นะ ทำเอาฉันกับจักรยานล้มได้เนี่ย ยังกับพายุเลย"

ทั้งอัลฟ่าและชิโนบุเพียงแค่พยักหน้ารับกับคำบ่นนั้น ทั้งสามคนคุยอะไรกันอีกเล็กน้อยก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเองต่อ

หลังจากมองส่งเพื่อนร่วมห้องปั่นจักรยานไปจนลับสายตา ชิโนบุก็ถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่ง ทั้งยังขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะรวมเป็นเส้นเดียว

"ช่วงนี้พวกภูตผีอาละวาดหนักข้อขึ้นจริง ๆ"

อัลฟ่าไม่มีความเห็นอะไรกับเรื่องนี้ เลยทำเพียงรับฟังเงียบ ๆ ขณะที่ในหัวก็เริ่มย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขายังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ เหมือนอยู่ ๆ ภายในร่างกายก็มีบางอย่างที่แปลกไป รู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังเดือดพล่านอยู่ข้างใน รู้สึกได้...

แต่...ก็แค่รู้สึกได้ เหมือนอย่างที่แบล็กเคยพูดไว้

'แค่รู้สึกได้อย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ'

'นายหมายความว่ายังไง'

'นายอาจจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อาจจะรู้สึกได้ว่ามีอันตราย สัญชาตญาณอาจจะดีกว่าคนทั่วไป แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอกนะ จำไว้ว่าตอนนี้นายมองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ก็เท่ากับว่านายถูกดึงเข้ามาอยู่ในโลกใบเดียวกับฉันและโนบุจังแล้ว'

'.....'

'นายคงได้เห็นในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมาว่ามันอันตรายขนาดไหน และเพราะมันอันตราย ฉันจะขอย้อนไปที่ประโยคแรกอีกครั้งว่า...แค่รู้สึกได้อย่างเดียวมันไม่พอ'

บทสนทนาในครั้งนั้นอัลฟ่ายังจำได้ดี และแน่นอนว่าเขาก็ยังจำสิ่งที่แบล็กย้ำได้ขึ้นใจอีกเหมือนกัน

'นอกจากความรู้สึกไวและรู้เรื่องพวกนี้อย่างดีแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือนายจะต้องเก่ง…เก่งขึ้นเรื่อย ๆ เก่งขึ้นไปในทุก ๆ วัน เก่งมากพอที่จะปกป้องตัวเองได้ เก่งกว่าใครจนสามารถปกป้องสิ่งสำคัญของตัวเองได้'

'ปกป้องสิ่งสำคัญเหรอ...'

'ใช่...รู้ไหมว่าการมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องนี่แหละ คือเคล็ดลับความเก่งเลยล่ะ'

เคล็ดลับความเก่ง...งั้นเหรอ?

"อัลฟ่า"

"....."

"อัลฟ่า"

"....."

"อวี้อันฉี!"

".....!"

เสียงเรียกที่ดังขึ้นข้าง ๆ ทำให้อัลฟ่าหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เหลือบตากลับมามองเจ้าของเสียงก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วมองกลับมาด้วยท่าทางเป็นกังวล

"เหม่ออะไรของนายน่ะ"

"เปล่า"

คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้ชิโนบุขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม ด้วยไม่รู้ว่านี่เป็นอาการแปลก ๆ ที่เกิดจากผลข้างเคียงของเหตุการณ์เมื่อครู่นี้หรือเปล่า ดวงตากลม ๆ ยังคงมองสำรวจท่าทางของคนตรงหน้าด้วยความคาใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจ เพราะการจะเอาเรื่องพวกนี้มาพูดกลางถนนก็คงไม่ดีสักเท่าไร

กลับถึงบ้านเมื่อไร ต้องบอกให้แบล็กสอนเรื่องควบคุมสัญชาตญาณในตัวก่อนเรื่องอื่นซะแล้วล่ะมั้ง

"จะข้ามถนนกันแล้วนะ ตั้งสติหน่อย"

"อา โทษที"

อัลฟ่าตอบไปง่าย ๆ แค่นั้น ซึ่งชิโนบุก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่ค่อยวางใจสักเท่าไรว่าคนที่เหม่อลอยจนแทบไม่รับรู้อะไรเมื่อครู่จะเรียกสติกลับมาได้แล้วจริง ๆ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจจับแขนไว้แล้วลากให้เดินตามไปด้วยกัน

อัลฟ่าก้มลงมองมือที่จับแขนตัวเองไว้ ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองชิโนบุที่ตอนนี้กำลังเดินนำอยู่ข้างหน้า มุมปากทั้งสองข้างเผลอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จู่ ๆ คำพูดที่เคยคุยกับแบล็กจะย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

สิ่งสำคัญที่ต้องปกป้อง

สำหรับแบล็กก็คงเป็นชิโนบุสินะ

แล้วสำหรับตัวเขาล่ะ?

"อัลฟ่า"

"หืม?"

เสียงเรียกที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นทำให้อัลฟ่าเลื่อนสายตากลับมามอง พอเห็นแววตาที่มีความเป็นห่วงฉายชัดจนปิดไม่มิดที่มองมา เขาก็ทำได้แค่เลิกคิ้วกลับไปอย่างแปลกใจ ก่อนที่หลังจากนั้นมุมปากจะยิ่งยกสูงเป็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้น แล้วพยักหน้ารับเมื่อได้ยินประโยคต่อมา

"ถึงฉันจะไม่เก่งเท่าแบล็ก แต่ถ้านายมีอะไรก็บอกฉันได้นะ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวล่ะ เข้าใจไหม"

"อืม เข้าใจแล้ว"

สิ่งสำคัญที่ว่านั่น บางที...

ลองเริ่มหาจากอะไรใกล้ ๆ ตัว ก็ดูจะไม่เสียหายนะ

tbc...