- สุนาคาเคะ -
"ชิโนบุ"
เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้คนสามคนที่กำลังยืนคุยอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องเรียนพากันหันไปมองทางต้นเสียงทันที ดวงตาสามคู่จ้องมองเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังเดินมาทางนี้ด้วยใบหน้าสดใส แตกต่างจากเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างสิ้นเชิง
ทันทีที่เดินมาถึงคิระชิมะก็หันไปยิ้มให้อัลฟ่าและแบล็กที่ยืนอยู่ด้วย ก่อนจะยื่นกล่องขนาดพอดีที่ถูกห่อด้วยผ้าอย่างสวยงามให้ชิโนบุรับไปพลิกดูด้วยความสงสัย
"อะไร"
"ของชอบนายไง แม่ฉันทำพอดีก็เลยเอามาฝาก"
พอได้ยินดังนั้นชิโนบุก็พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิระชิมะขยับเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน
"ขอบใจนะ"
คำขอบคุณที่ได้รับทำให้ชันโยรุนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เลยหันไปมองพร้อมทั้งส่งคำถามไปให้ผ่านทางสายตา ซึ่งคิระชิมะเองก็ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีขณะตอบกลับมา
"ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร แต่คิดว่าควรจะขอบคุณนายไว้"
พูดจบเจ้าตัวก็หันมาโบกมือให้อัลฟ่าและแบล็กก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องเรียนไป แต่จังหวะที่กำลังจะพ้นประตูก็ชะโงกหน้าออกมาอีกครั้ง
"แล้วมาเที่ยวเล่นที่บ้านฉันกันอีกนะ พวกนายทั้งสามคนเลย ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ"
สิ้นคำพูดนั้นอัลฟ่ากับแบล็คก็หันมาสบตากันยิ้ม ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชิโนบุส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
นับจากวันที่ไปเยือนบ้านคิระชิมะจนได้รู้ว่าซาชิกิวาราชิหนีออกจากบ้านไปในวันนั้น เวลาก็ผ่านมาได้เกือบสัปดาห์แล้ว ทั้งชิโนบุและอัลฟ่าไม่มีใครได้ถามเรื่องราวอะไรเพิ่มเติมหลังจากนั้นอีก ทางด้านคิระชิมะเองก็ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็รู้สึกว่าหน้าตาของเจ้าตัวดูสดใสขึ้นเรื่อย ๆ เลยพอจะเดาได้ว่าเรื่องราวทุกอย่างคงกลับมาเป็นปกติแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีกก็เลยปล่อยไป
จนกระทั่งวันนี้...
ที่เจ้าตัวเป็นคนมาบอกเองว่าที่บ้านไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
"ดีจังนะ"
คำพูดของอัลฟ่าทำให้ชิโนบุที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง เจ้าตัวหันไปมองอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชิโนบุจะเป็นฝ่ายหันไปมองทางอื่น ในขณะที่อัลฟ่าทำเพียงอมยิ้มบางและแบล็กที่มองดูทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ระหว่างทั้งสามคนในตอนนี้มีเพียงความเงียบ เมื่อต่างฝ่ายต่างกำลังคิดอะไรกับตัวเองเพลิน ๆ ก่อนที่เสียงฮือฮาจะดังมาจากกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่ตรงข้างบันได
ดวงตาสามคู่จ้องมองนักเรียนคนหนึ่งที่เดินพ้นบันไดขึ้นมา ก่อนจะเผลอขมวดคิ้วเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นมีรอยแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ปรากฎอยู่เต็มใบหน้าและฝ่ามือ แม้จะเป็นเพียงแผลขีดข่วนที่ไม่ได้อันตรายร้ายแรงอะไร แต่พอเห็นว่าเป็นเยอะขนาดนั้นก็ทำให้รู้สึก แสบ ๆ คัน ๆ แทนอยู่เหมือนกัน
"นี่นายไปโดนอะไรมาเนี่ย"
"โดนทรายสาดใส่"
"อะไรนะ"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เดินมาอยู่ดี ๆ จนกำลังจะพ้นป่าไผ่ตรงข้างวัดก็โดนใครไม่รู้สาดทรายใส่"
"คงโดนสาดแรงน่าดูเลยนะ ถึงโดนทรายบาดเป็นแผลขนาดนี้"
"แรงสิ ที่สำคัญคือหาตัวไม่เจอด้วยนะว่าใครเป็นคนทำ"
บทสนทนาที่ได้ยินโดยไม่ตั้งใจทำให้ชิโนบุและแบล็กหันมาสบตากัน ในขณะที่อัลฟ่ายกมือขึ้นมากอดอก เอนหลังพิงผนังด้านหลังแล้วพูดขึ้นมาลอย ๆ ให้พอได้ยินกันแค่สามคน
"จะเกี่ยวกับภูตผีไหมนะ"
"ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของภูตผี บางทีอาจจะเป็นการแกล้งกันของคนก็ได้"
คำตอบของชิโนบุทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับเบา ๆ ก็จริงอย่างที่เจ้าตัวบอก บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ สงสัยช่วงนี้เขาจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องภูตผีมาจากแบล็กมากเกินไป พอมีอะไรเกิดขึ้นก็เลยเผลอนึกถึงตลอดเลย
"แต่จะปล่อยไว้ก็ไม่ดี"
".....?"
"คงต้องไปตรวจสอบกันหน่อย"
อีกประโยคที่มาจากชิโนบุทำให้ดวงตาของอัลฟ่าเป็นประกายอย่างตื่นเต้น เห็นแบบนั้นแบล็กเลยหลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เจ้าตัวก็มองไปทางบันไดที่มีใครอีกคนกำลังเดินขึ้นมา
"จิมมี่?"
"อัลฟ่า ชิโนบุ"
ทางแบล็กที่ไม่ได้รู้จักจิมมี่เป็นการส่วนตัว ทำเพียงแค่มองอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาอัลฟ่าและชิโนบุด้วยสภาพที่มีแผลและรอยแดงเต็มใบหน้าและฝ่ามือเหมือนกับนักเรียนคนก่อนหน้าไม่มีผิด
"ทำไมนายเป็นแบบนี้ล่ะ"
"โดนทรายสาดใส่น่ะ"
"ไปโดนมาจากที่ไหน"
"ตรงป่าไผ่ข้างวัด"
คำตอบที่เหมือนกับคนก่อนหน้านี้ไม่มีผิดทำให้อัลฟ่าเผลอขมวดคิ้วเข้าเล็กน้อย เจ้าตัวหันไปสบตากับชิโนบุและแบล็กที่อยู่ข้าง ๆ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน
"จริงสิจิมมี่ นี่อาคาวะ แบล็กเป็นเพื่อนฉันและลูกพี่ลูกน้องของชิโนบุ"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
"ยินดีที่ได้รู้จัก"
การแนะนำตัว ทำความรู้จักกัน เกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายในเวลาไม่กี่นาที เพื่อนใหม่ทั้งสองคนฉีกยิ้มกว้างส่งให้กันอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ทางฝ่ายจิมมี่จะขอแยกตัวไปยังห้องเรียนเพื่อเตรียมตัวเพราะกำลังจะได้เวลาแล้ว
จังหวะที่จิมมี่กำลังจะเดินผ่านหน้าของแบล็กไป ดวงตาเรียวคมก็หรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเหลือบเห็นเศษทรายที่ติดอยู่ระหว่างคอเสื้อนักเรียนกับกักคุรันของเจ้าตัวเข้าพอดี
"นี่ มีเศษทรายติดอยู่ตรงคอเสื้อนายน่ะ"
"เอ๋?...ตรงไหนเหรอ"
"เดี๋ยวฉันหยิบออกให้"
พอเห็นว่าอีกฝ่ายปัดไม่โดนสักทีแบล็กเลยอาสาหยิบออกให้ เจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบเศษทรายเล็ก ๆ ออกมาโชว์ให้ดู ทางด้านจิมมี่ที่เห็นแบบนั้นจึงส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ แล้วพูดขอตัวอีกครั้งก่อนจะเดินกลับห้องไป
"ป่าไผ่ตรงข้างวัดสินะ"
หลังจากเด็กหนุ่มผู้มีดวงได้เจอกับเรื่องแปลก ๆ ตลอดเวลาเดินจากไป ชิโนบุก็พึมพำออกมาเบา ๆ ในหัวกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างเข้าด้วยกัน แต่แล้ว...ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ทำให้ต้องถามขึ้นมาอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าแบล็กกำลังยื่นเศษทรายให้อัลฟ่าที่รับไปดูอย่างตั้งใจ
"อะไร"
แค่เผลอคิดอะไรแป๊บเดียว สองคนนี้จะทำอะไรกันอีกแล้วล่ะ
"เศษทรายนี่มีกลิ่นอายภูตติดอยู่"
"ฉันสัมผัสไม่ได้แหะ"
เสียงบ่นจากอัลฟ่าทำให้ชิโนบุยื่นมือไปขอมาดูบ้าง ดวงตาคู่สวยจ้องมองเศษทรายเล็ก ๆ ในมือตัวเองอย่างตั้งใจ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็สัมผัสกลิ่นอายภูตไม่ได้เหมือนกันกับอัลฟ่านั่นแหละ
"กลิ่นมันจางมาก พวกนายจะไม่รู้สึกก็ไม่แปลก"
"นายนี่เก่งมากเลยนะแบล็ก"
"อีกหน่อยนายก็จะเก่งเหมือนกันถ้าตั้งใจเรียนในสิ่งที่ฉันสอน"
"แน่นอนครับอาจารย์"
บทสนทนาของทั้งคู่ทำให้ชิโนบุได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ร่างสูงโปร่งหมุนตัวทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องเรียน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาก็ต้องชะงักไป เมื่อได้ยินอีกประโยคที่ดังมาจากอัลฟ่า
"ทรายที่ออกมาจากป่าไผ่เนี่ย จะเป็นสุนาคาเคะหรือเปล่า"
"ก็ไม่แน่นะ"
"แต่สุนาคาเคะไม่ได้อยู่ในเกียวโตนะ"
คำค้านจากชิโนบุทำให้อัลฟ่าและแบล็กหันมามองกันเป็นตาเดียว ซึ่งพอเป็นแบบนั้นคนตกเป็นเป้าสายตาก็ยกมือขึ้นมากอดอกแล้วไพล่ถามไปถึงอีกเรื่องที่สงสัยมากกว่า
"ว่าแต่นายเถอะ รู้จักสุนาคาเคะด้วยเหรอ"
"ตอนนี้แบล็กกำลังสอนฉันเกี่ยวกับเรื่องภูตต่างถิ่นพอดี"
คนที่ถูกพูดถึงหันมาฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างภาคภูมิใจ จนชิโนบุต้องใช้ฝ่ามือฟาดแขนไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับมาคุยกับอัลฟ่าต่อจากเมื่อกี้
"ก็เพราะว่ามันเป็นภูตต่างถิ่น นายยังคิดว่าจะเป็นมันอีกเหรอ"
"ก็..."
"แต่ช่วงนี้ก็มีภูตต่างถิ่นหลุดเข้ามาในเกียวโตเยอะมากนะโนบุจัง เหมือนกับปีศาจจิ้งจอกตัวนั้น"
คราวนี้เป็นแบล็กที่ขัดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ชิโนบุเงียบไปอย่างหาเหตุผลมาค้านไม่ถูก สุดท้ายเลยได้แต่ถอนหายใจ มองหน้าทั้งสองคนสลับกัน ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องเรียนไปเป็นการตัดบทสนทนา
"จะใช่หรือไม่ใช่ เดี๋ยวเย็นนี้ไปตรวจดูก็รู้"
๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
"ไม่เห็นมีอะไรเลย"
เสียงบ่นเบา ๆ ที่ดังขึ้นข้าง ๆ ทำให้ชิโนบุเหลือบตาไปมองเล็กน้อย ซึ่งเจ้าของเสียงเองก็หันมาฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีให้อย่างน่าหมั่นไส้
ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนมาหยุดอยู่ที่หน้าป่าไผ่อันเป็นสถานที่ที่เด็กนักเรียนหลายคนบอกว่าโดนทรายสาดใส่ ดวงตาคู่สวยมองสำรวจเข้าไปภายในป่า แต่นอกจากต้นไผ่แล้วเขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรอีก ทั้งแบล็กและอัลฟ่าที่ยืนขนาบข้างซ้ายขวาก็กำลังช่วยมองเข้าไปข้างในเหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาสามคนก็ไม่เห็นอะไรที่ดูผิดปกติอยู่ดี
"หรือเราต้องเข้าไปดูข้างใน"
คำพูดจากอัลฟ่าทำให้ชิโนบุเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยเข้าไปวิ่งเล่นแล้วโดนใบไผ่บาดจนเป็นแผลเลือดออก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยชอบป่าไผ่หรือต้นไผ่อีกเลย
"เดี๋ยวฉันเข้าไปดูเองก็ได้ พวกนายรอ--"
"กรี๊ด!!!"
แบล็กยังพูดไม่ทันจบเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นจากอีกทางให้ทั้งสามหลุดสะดุ้งอย่างตกใจ ก่อนจะพากันรีบวิ่งไปยังต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกลในทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเด็กสาวสองคนกำลังยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าจากทรายที่ถูกสาดออกมาจากในป่าไผ่ แล้วพอทำท่าจะเข้าไปช่วยทิศทางของทรายก็เปลี่ยนเป้าหมายมาทางทั้งสามทันที
อัลฟ่าที่อยู่ใกล้กว่ารีบคว้าตัวชิโนบุหลบมาอีกทาง ในขณะที่แบล็กพอเห็นว่าชิโนบุไม่เป็นอะไร ก็เปลี่ยนจากการจะดึงเจ้าตัวหลบเป็นพุ่งตัวเข้าไปหาต้นเหตุของเรื่องในป่าไผ่แทน
"เป็นอะไรไหม"
"ไม่เป็นไร ขอบใจ"
ถึงจะได้ยินแบบนั้นแต่อัลฟ่าก็ยังคงจับแขนของเจ้าตัวมาพลิกดูเพื่อหาบาดแผลอยู่ดี ทางด้านชิโนบุก็ไม่ได้ว่าอะไร เจ้าตัวหันไปมองทางเด็กสาวสองคนที่ตอนนี้หยุดกรี๊ดไปแล้ว พอเห็นว่าพวกเธอไม่เป็นอะไรมากก็หันกลับมาคว้ามืออัลฟ่าที่จับแขนตัวเองอยู่ แล้วออกแรงกระตุกเบา ๆ
"รีบไปกันเถอะ"
อัลฟ่าไม่ได้คัดค้านเพราะเขาได้สำรวจจนพอใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีบาดแผลที่ตรงไหน ทั้งคู่รีบวิ่งตามแบล็กเข้าไปในป่าไผ่ ก่อนจะหยุดฝีเท้าลง เมื่อเข้ามาได้สักระยะหนึ่งก็มองเห็นคนที่กำลังตามหายืนกอดอกพิงต้นไผ่อยู่ ที่พื้นตรงหน้ามีภูตตนหนึ่งกำลังนั่งตัวสั่นเหมือนกำลังหวาดกลัว ก่อนมันจะกรีดร้องดังลั่นเมื่อโดนแบล็กคว้าเข้าที่หลังคอ แล้วเหวี่ยงมาตกอยู่บนพื้นตรงหน้าอัลฟ่าและชิโนบุ
"สุนาคาเคะจริงด้วยแหะ"
พอได้เห็นชัด ๆ ชิโนบุก็เผลอพึมพำออกมาเสียงเบา ก่อนจะหันไปมองอัลฟ่าที่กำลังอมยิ้มด้วยท่าทางภูมิใจอย่างนึกหมั่นไส้เล็ก ๆ
ทางด้านสุนาคาเคะเมื่อเห็นว่าอัลฟ่าและชิโนบุไม่ได้สนใจตนเอง แถมยังไม่มีกลิ่นอายน่ากลัวแผ่ออกมาเหมือนกับแบล็กจึงคิดจะหาทางหนี ภูตผีในร่างหญิงชราทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่ หากแต่แบล็กที่คอยสังเกตอยู่ตลอดก็รู้ทันเลยรีบพุ่งตัวตามไป
แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ชิคิงามิที่ชิโนบุหยิบออกมาเตรียมไว้โดยไม่มีใครรู้ตัว ก็เปลี่ยนสภาพเป็นเชือกเข้ามัดภูตตนนั้นไว้แน่นจนไม่สามารถขยับได้อีก
แต่ก่อนหน้านั้น...
ก่อนที่ชิคิงามิจะถูกใช้ แบล็กกลับมองเห็นอะไรบางอย่าง...
"....."
ดวงตาเรียวคมจับจ้องใบหน้าของอัลฟ่า ก่อนจะเหลือบลงมองปีศาจทรายที่ตอนนี้กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ช่วงจังหวะหนึ่งก่อนที่สุนาคาเคะจะพุ่งเข้าถึงตัวของทั้งคู่ แบล็กเห็นว่าจู่ ๆ มันก็ชะงักตัวเองไว้ ทั่วทั้งร่างของมันสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัวต่อดวงตาที่มองมา...
ดวงตาของอัลฟ่า
เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่แบล็กเองก็ยังเผลอชะงักเพราะกลิ่นอายที่แผ่ออกมา เรียกเอาเหงื่อเย็น ๆ ให้ซึมออกมาตามข้างขมับ แล้วหลังจากนั้นก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
หายไปอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ชิโนบุที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ยังไม่ทันได้รู้สึก
"อย่าดิ้น ไม่อย่างนั้นมันจะรัดแน่นขึ้น"
เสียงที่แม้จะดุแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงจากชิโนบุที่กำลังย่อตัวลงไปพูดกับสุนาคาเคะ ทำให้แบล็กเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง เจ้าตัวแอบยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อตรงข้างขมับออกโดยไม่ให้ใครเห็น แล้วเลือกจะเก็บสิ่งที่ตัวเองเห็นเอาไว้ก่อน
เพราะจากที่ดูแล้ว...
อัลฟ่าเองก็ไม่น่าจะรู้ตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
"เอากลับไปให้ปู่ดีไหมแบล็ก"
"แล้วแต่โนบุจังเลย"
"แต่สุนาคาเคะเนี่ยนะ..."
พูดได้แค่นั้นเจ้าตัวก็หยุดไปอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะถ้าว่ากันตามจริง เจ้าปีศาจทรายตนนี้ก็ไม่ได้ถือว่ามีอันตรายร้ายแรงอะไรเท่าไรนัก มีโอกาสน้อยมากที่จะออกมาเจอกับคนด้วยซ้ำ ปกติแล้วมันจะอาศัยอยู่ในป่าไผ่ลึก ๆ ไม่ค่อยโจมตีผู้คน แต่ในกรณีนี้คิดว่าน่าจะเป็นเพราะมันยังแปลกที่แปลกทางก็เลยยังปรับตัวไม่ได้มากกว่า
ที่สำคัญคือ...
ทำไมภูตผีจากนาราถึงมาอยู่ที่เกียวโตได้นี่สิ
"ฉันสัมผัสไม่ได้ถึงพลังชั่วร้ายนะ"
คำพูดของแบล็กทำให้ชิโนบุถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ก่อนจะหันมาหาสุนาคาเคะที่ยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่พันธนาการไว้
"ถ้ารับปากว่าจะไม่โจมตีคนที่ผ่านไปผ่านมาอีก ฉันจะปล่อยไป"
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นสุนาคาเคะก็นิ่งไป มันเงยหน้าขึ้นสบตากับชิโนบุตรง ๆ นั่งทำท่าคิดอยู่สักพัก ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้ารับ
"ห้ามผิดคำพูดกับฉัน"
ภูตในรูปลักษณ์หญิงชรารีบพยักหน้ารับอีกครั้ง ดวงตากลอกไปมา มองดูชิคิงามิที่ค่อย ๆ คลายตัวออกจนมันกลายเป็นอิสระ สุนาคาเคะรีบขยับถอยหลังไปสองก้าว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าที่ด้านหลังมีใครอยู่ก็ชะงักขาไว้ ค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นมองแบล็กที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นแล้วตัวสั่นขึ้นมาอย่างหวาดกลัว
"เขาจะไม่ทำอะไรตราบใดที่เธอไม่ผิดคำพูดกับฉัน"
คราวนี้สุนาคาเคะรีบพยักหน้ารับหลายครั้ง จนเศษทรายที่ติดอยู่ตามเส้นผมร่วงลงมาเต็มพื้นไปหมด มันยกมือขึ้นมากุมอกไว้ แล้วค่อย ๆ เหลือบมองไปทางอัลฟ่าด้วยท่าทางหวาดกลัวเหมือนกันกับตอนที่มองแบล็กไม่มีผิด
"หือ?"
ชิโนบุไม่เข้าใจว่าสุนาคาเคะจะสื่อถึงอะไรเลยตอบกลับไปไม่ได้
กับแบล็กเขารู้ว่ามันคงกลัว แต่กับอัลฟ่านี่...
"เขาก็เหมือนกัน"
คำยืนยันจากแบล็กทำให้สุนาคาเคะหันไปมอง และแม้แต่อัลฟ่ากับชิโนบุเองก็ยังหันไปมองด้วย ในขณะที่ชิโนบุกำลังกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสงสัย อัลฟ่าเองก็เลิกคิ้วทำตาโตใส่เพราะไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่ว่า...
แบล็กไม่ได้ตอบ และไม่ได้อธิบาย
"ไปได้แล้ว"
พอได้รับคำอนุญาตจากแบล็ก สุนาคาเคะก็รีบวิ่งจากไปทันที แต่แล้วมันก็ต้องหยุดขาไว้ ก่อนจะหันมาหาชิโนบุเมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวตะโกนตามหลังมา
"จำไว้ว่าห้ามไล่ทำร้ายคนอีกนะ ถ้าเป็นไปได้ก็กลับนาราไปซะ"
สุนาคาเคะพยักหน้ารับเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนมันจะเหลือบมองไปที่อัลฟ่าอีกครั้ง ความหวาดกลัวที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาคู่นั้นมีเพียงแบล็กคนเดียวที่มองเห็น เนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไป อัลฟ่าและชิโนบุเลยทำได้แค่มองส่งจนกระทั่งภูตตนนั้นวิ่งหายเข้าดงไผ่ไป
"อ้าว นายเป็นแผลด้วยนี่"
หลังจากมองส่งสุนาคาเคะไปจนลับสายตา ก็เป็นอัลฟ่าที่ทักขึ้นมา เมื่อเหลือบไปเห็นว่าตรงลำคอของชิโนบุมีรอยบาดเป็นทางยาวจนมีเลือดซึมออกมา
"มิน่าล่ะ ก็ว่าทำไมมันแสบ ๆ สงสัยตอนวิ่งมาคงโดนใบไผ่บาดเอา"
พูดไปเจ้าตัวก็ใช้มือแตะคอตัวเองไปด้วย ก่อนจะเดินไปหาแบล็กที่จนตอนนี้ก็ยังคงมองไปทางที่สุนาคาเคะวิ่งหายไป ชิโนบุใช้มือสะกิดไหล่เจ้าตัวเบา ๆ แล้วชี้ไปที่แผลตรงคอของตัวเอง
"ฉันได้แผลมา จัดการให้ที"
"ถ้าโนบุจังไม่ได้แผลสักวัน สงสัยฟ้าจะถล่มดินจะทลาย"
"พูดมาก"
คนโดนว่าทำเพียงหลุดขำออกมาเบา ๆ อัลฟ่ามองชิโนบุที่เอียงคอลงเล็กน้อยเพื่อให้แบล็กเห็นแผลที่คอได้ชัดขึ้น
ตอนแรกเขายังนึกว่าแบล็กคงจะหยิบพลาสเตอร์ออกมาปิดแผลให้ แต่ที่ไหนได้ ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เขาต้องสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าแบล็ก...
แบล็กกำลัง...
เลียแผลตรงคอของชิโนบุ!
เป็นการเลียครั้งเดียวที่ทำให้คนมองอย่างอัลฟ่าหน้าร้อนขึ้นมาจนต้องหันหนีไปอีกทาง ในขณะที่คนเป็นแผลอย่างชิโนบุได้แต่มองท่าทีแปลก ๆ ของเจ้าตัวด้วยความสงสัย
"อะไร"
ยิ่งเจอคำถามนี้จากชิโนบุ อัลฟ่าก็ยิ่งไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่เหลือบมองไปทางแบล็กที่กำลังส่งยิ้มขำ ๆ มาให้
"ก็ เอ่อ..นายกับแบล็ก..."
"ฉันกับแบล็กทำไม"
"คือ..."
"แค่ทำแผลน่ะ"
คำตอบที่มาพร้อมเสียงหัวเราะจากแบล็กทำให้อัลฟ่าได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะมองตามมือแบล็กที่ชี้ไปทางชิโนบุแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อรอยแผลบาดเป็นทางยาวจนเลือดซึมที่เห็นก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับเหลือเพียงรอยแดงจาง ๆ ที่ถ้าไม่สังเกตก็แทบมองไม่เห็น
"ยอดเลย"
"ใช่ไหมล่ะ"
"นายทำได้ยังไง"
"ความลับ"
พูดจบแบล็กก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะมองไปทางชิโนบุที่ตอนนี้เดินนำออกจากป่าไผ่ไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมาสนใจพวกเขาทั้งคู่แล้ว
รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแบล็ก ก่อนจะหันมามองหน้าอัลฟ่าแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเอ็นดูไม่ต่างกัน
"ไม่แน่นะ อีกหน่อยนายอาจจะทำเหมือนฉันได้ก็ได้"
"หืม?"
แบล็กไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แล้วปล่อยให้อัลฟ่ายังคงมองมาด้วยความสงสัยอยู่อย่างนั้น เพราะเอาจริง ๆ แล้ว เขาเองก็ยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่เต็มไปหมด
แบล็กไม่ได้รู้เรื่องต่าง ๆ เยอะกว่าใคร
ตอนนี้เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้กับหลายเรื่อง เพียงแต่เขาแค่อาศัยสัญชาตญาณของตัวเองก็เท่านั้น
ก็แค่...
เชื่อในสังหรณ์ของตัวเอง...
เชื่อว่าในสักวัน อัลฟ่าต้องดูแลชิโนบุได้เหมือนกันกับเขาแน่ ๆ
tbc...