บทที่ 7
เสานี้ เป็นไม้หน้าสามยาวหนึ่งเมตร ปักบนพื้นถ้ำที่ทั้งเเข็งเเละหนาได้อย่างน่าอัศจรรย์ บนเสามีตัวอัการสลักไว้ ทว่าเป็นภาษาอันใดเฉินตงอ่านไม่ออก ที่มัน่ใจคือ ไม่ใช่ภาษาที่เขารู้จัก มองไปคล้ายป้ายหลุมศพ
ทว่ามองไปยังตัวอักษร เเรงกดดันหนักหน่วงพลันกดทับลงมาทันที
"อั่ก" เฉินตงรีบละสายตา ปากพ่นโลหิตออกมาสาสดไปบนพื้น เเรงกดดันที่เเผ่ออกมาจากตัวอักษรที่เขียนบนเสานี้ รุนเเรงมาก หากเขาไม่ละสายตาจากมัน เมื่อครู่ได้ตกตายไปเเล้ว
"ดูจากกองหินตรงหน้า นี่คงเป็นหลุมศพของใครสักคน เเต่ว่า ต้องเเข็งเเกร่งถึงขั้นไหนกัน จึงได้ครอบครองป้ายหน้าหลุมที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้"
เฉินตงทรุดกายลงอย่างไร้เรี่ยวเเรง เขาบาดเจ็บภายในเกิดกว่าจะยืนไหวเเล้ว
"ไม่นึกว่า เจ้าจะสามารถมาถึงที่นี่ได้ คนธรรมดารึช่างทำให้ข้าตกใจโดยเเท้" น้ำเสียงเย็นลอยออกมาจากที่ไหนสักเเห่ง เฉินตงสะดุ้งโหยงขนลุกเกรียวทันที
"ใคร ใครพูด"
เฉินตงเริ่มคล้ายกับว่าตนเองจะเป็นบ้า สาดสายตาไปมารอบๆไม่หยุด
"ไม่ต้องมองหา ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้านี่เเหละ"
เสียงนั้นตอบกลับมาอย่างใจเย็น
เฉินตงพลันมองไปยังหลุมศพตรงหน้าทันที เเล้วถอยหลังออกมา
"ท่าน ท่านเป็นใคร?" เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปยังหลุมศพ
"ข้าคือ ผู้ยิ่งใหญ่ในร้อยดินเเดน นามนั้นคือ จักรพรรดิมาร ผู้ยิ่งใหญ่!"
เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ เฉินตงอ้าปากหวอ อะไรนะ จักรพรรดิมาร?
"อะไร ไม่เชื่อเหลือ ถ้างั้น"
ชั่วกระพริบตาต่อมา วิญาณดวงหนึ่งลอยออกมาจากหลุมศะ เขายืนเก๊กหล่อ เท้าค้างค้ำกับเสาป้ายหลุมศพตนเอง ดวงหน้าคมเข้ม เวววตาดุดันดุจพญาเหยียว
"อ๊ากกกกก อุจาตตายิ่งนัก" เฉินตงเเทบเอามือทิ่งตาตนเอง
"อะไรนะ เจ้ากล้า.....ว้ากกกกก" ดวงวิยญรร้องลั่นเมื่อพบว่า ตนไม่สวมเสื้อผาเเม้เเต่ชิ้นเดียว ช้างนอนเเหวกไปมาน่าอุบาทมาก
"ท่านไม่สวมใส่เสื้อผ้าหน่อยเล่า วิญญาณอัปปรีย์" เฉินตงเเทบอยากจะหาน้ำมาล้างตา
"ใครมันจะรู้เล่าว่าออกมาจะเปลือยเปล่า" ดวงวิญญาณตอบพลางใช้มือปกปิดเรือร่างของตนเองอย่างเก้อเขิน
"ท่านจะเขินอันใด เป็นบุรุษเพศด้วยกันทั้งคู่เนี่ย" เฉินตงข่มสติตัวเองมองเเละกล่าวออกมา
"บัดซบเอ๊ย" ว่าเเล้วมุดกลับลงหลุมไปทันที
"เฮ้อ ดันมาเจอวิญญาณวิตาถารเข้าอีก ตัวข้านี่ช่าง เฮ้อ" เฉินตงกล่าวออกมาอย่างสิ้นหวัง
"นี่เจ้าถอนใจอันใด การได้พบข้าถือเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งเชียวนะ เพราะข้าคิือ จักรพรรดิมาร!"
"ครับๆ จักรพรรดิมาร ท่านเป็นผี ช่วยอันใดข้าได้เล่า เฮ้อช่างเถอะ ไม่คุยกับท่านเเล้ว" เด็กหนุ่มนอนขดตับทันท เพื่อคลายความหนาวเย็น พลางพักฟื้นร่างกายเพื่อเอาชีวิตรอด
"ช่วยได้สิ ข้าสามารถทำให้เจ้ากลายป็นผู้ฝึกตนได้ทันทีเลยนะจะบอกให้!"
เฉินตงดีดตัวลุกขึ้นมาทันที หลังจากได้ยิน
"ท่าน ท่านทำได้จริงเหรอ?" เฉินตงก้าวไปยังข้างๆ หลุมศพโดยไม่มองป้ายด้านหน้า
"เเน่นอน ข้าจักรพรรดิมารผู้ยิ่งใหญ่ ยังไงเล่า" พูดจบกลิ่นอายอันเเข็งเเกร่งพลันกระจายรอบๆ ทว่ากลับดูชั่วร้ายมาก พลังงานสีดำทมิฬ ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ เเตกจากพลังชี่ที่เขาเคยพบเห็นอย่างสิ้นเชิง
"จักรพรรดิ....." เฉินตงขบคิด พลันนึกบางอย่างออก "ไม่เห็นรู้จักเลย!"
"ใช่ นั่นละคือข้าเอง" ดวงวิญญาณกล่าวพร้อมกับดึงกลิ่นอายของตนกลับมา "ไม่ใช่สิ ทำไม เจ้าไม่เคบได้ยินเรื่องของข้าเลยรึยังไง!!!"
"ไม่อะ ไม่เคยเลย" เฉินตงตอบไปตามจริง วันๆ วุ่นอยู่เเต่กลับการหาเงินเเละดูเเลน้องสาว เขาจะเอาเวลาที่ไหนมาตรวจสอบเรื่องอื่นกันเล่า เเต่เรื่องพื้นฐานที่ผู้คนในดินเเดนนี้ เฉินตงรู้หมดนะ
"บัดซบ นี่ข้าเฝ้าปกป้องร้อยดินเเดนเพื่อันใด" เสียงคร่ำครวญของดวงวิญญาณดังขึ้น เหมือนจะร้องไห้เสียด้วย สักครู่ใหญ่ก็ถามเฉินตงกลับ
"เเล้วเจ้ารู้รึเปล่าว่า ดินเเดนนี้มีชื่อว่าอะไร?"
"เออ ข้าขอโทษด้วยผู้อาวุโส ข้าไม่รู้จริงๆ" เฉินตงตอบ "อีกอย่างเท่าที่ฟังดุ ดินเเดนทั้งร้อย ท่านหมายความว่ายังไง"
"เรื่องนี้เจ้าก็ยังไม่รู้ บัดซบ บรรพบุรุษของพวกเจ้าเป็นกบในกะลาหรืออย่างไรกัน ดินเเดนทั้งหมดมีนับร้อย กระจายกันอยู่ในดาราจักรที่สร้างโดยจักรพรรดิคงหมิง เเบ่งออกเป็น ดินเเดนระดับล่าง ดินเเดนระดับกลาง เเละดินเเดนระดับสูง"
"เเละดินเเดนที่เจ้าอาศัยอยู่เรียกว่า ดินเเดนเมฆา ระดับล่าง!"
เฉินตงงุนงง ดินเเดลที่เขาอยู่ เป็นดินเเดนระดับล่าง อีกทั้งยังมีอีกดินเเดนนับร้อย กระจายอยู่ทั่วดาราจักรที่สร้างโดย จักรพรรดิคงหมิง ความรู้ใหม่นี้ทำให้เฉินตง ตกตะลึง เขาราวกับได้เปิดโลกทัศต์ขึ้นมา
มือสองข้าของเฉินตงสั่นเทาเล็กน้อย ยังมีเรื่องราวใดอีกมากที่เขาไม่รู้
"จักรพรรดิเช่นข้ามีชื่อเรียกว่า ไน่เหอ เจ้าสามารถเรียก ผู้อาวุโสไน่ ก็ได้" ไน่เหอกล่าว
"ผู้น้อยชื่อ เฉินตง คำนับผู้อาวุโส ไน่เหอ" เฉินตงยกมือคาราวะไปทางด้านหลุมสพ ดวงวิญญาณด้านในพึงพอใจอย่างมา
"น้อมนอบดีนี่ เจ้าโค่นตนเองที่ออกมาจากน้ำตกนั่นมาได้ เเสดงให้เห็นว่าศักยภาพอยู่เล็กน้อย ในอดีตเคยลั่นวาจาไว้ ว่าผู้ใดที่ผ่านมาเเละ ปลุกข้าให้ตื่น ข้าผู้นี้จะชี้เเนะมันผู้นั้น เเละเจ้าคือคนที่ปลุกข้าให้ตื่นขึ้นมา" ไน่เหอกล่าวออกมา
"เเต่ว่า เผ่าพันธุ์ของข้าคือ เผ่ามาร เจ้าเป็นมนุษย์ ดังนั้นสิ่งที่ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกตน มันคือสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นมา ในช่วงเวลาที่อยู่บนจุดสูงสุด สิ่งนั่นเรียกว่า เมล็ดพันธุ์มาร" เสียงของไน่เหอเริ่มดังขึ้น เฉินตงฟังอย่างตั้งใจ
"เมล็ดพันธุ์มาร คือ ต้นกำเนิดของพลังมารเทียม ที่ข้าสร้างขึ้น โดยดัดเเปลงมาจาก อสูรมารตนหนึ่ง มันมีลักาณะคล้ายกับปรสิต สิ่งนี้หากเจ้ารับไปเเล้ว ไม่อาจสยบมันลงได้ เจ้าจะมันครอบครองร่างกายในทันที เจ้าที่เป็นอยู่ตอนนี้จะถูกกลืนกินหายไปตลอดกาล เจ้ายังคิดจะรับมันไว้หรือไม่ ไอ้หนู"
"ข้าจะรับมัน เมล็ดพันธุ์นั่น!" เฉินตงไม่รู้ว่าอันใดคือพลังมาร ทว่าช่างหัวมัน ตรอบใดที่เขากลายเป็นผู้ฝึกตนได้ ต่อให้เป็นอสูรกายได้ในตอนนี้ เขาก็ยอม!
"เเต่ว่าข้าไม่มีทางทำให้เจ้าฟรีๆ หรอกนะ" ไน่เหอกล่าวออกมา
"ข้ารู้ ทุกอย่างย่อมมีราคาของมัน ต่อให้กลายเป็นม้าวัวหรือขี้ข้าท่านเป็ดชั่วโคตร ข้าจะทำ" เฉินตงกล่าวพร้อมกับโขกสีรษะลงอย่างเเรง เเม้จะเเลกด้วยชีวิตก็ตาม
"คิกๆ เอาละๆ เจ้าก็พูดเข้า ข้ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นหรอก เงื่อนไขก็มีเเค่อย่างเดียว เจ้าต้องนำดวงวิญญาณของข้าติดตัวออกไปจากที่นี่ด้วย" ไน่เหอบอกพลางขำออกมาเล็กน้อย
"อะไรนะ ปกติวิญญาณมิใช่ว่าไปจากที่ที่ตายไม่ได้มิใช่หรือ" เฉินตงเอ่ย ตามความเข้าใจของเขามั่นเป็นเช่นนั้นนะ
"เจ้าโง่ พวกนั่นมันวิญญาณทั่วไป เอาละข้ามีวิธีของข้าเเล้วกัน"
"นี่ไม่ใช่ว่าฝึกเสร็จท่านก็ชิงร่างของข้าไปหรอกนะ"
"ไอ้หนู เจ้าอย่าพุดอะไรน่ากลัวเเบบนั้นออกมาสิ งั้นข้าสาบานต่อสวรรค์ชั้นฟ้า ว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวออกไป ข้าไม่ทำเป็นอันขาด" ดวงวิญญาณเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ พร้อมกันนั้นเบื้องบนท้องฟ้า พลันมีเสียงฟ้สคำรามดัง เฉินตงเชื่อเขา เพราะไม่มีหนทางอื่นเเล้ว
ไน่เหอปรากฏอีกครั้ง หมอกขุ่นมัวคลุมร่างเขาไว้ ไม่ให้มองเห็นเรือนร่างอันเปลือยเปล่า ก่อนจะชี้นิ้ว ยิงลำเเสงไปหว่างคิ้วของเขา
ความทรงจำของเคล็ดวิชาที่ใช้ควบคุมเเละกำราบ เมล็ดพันธุ์มาร พลันปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา
"ตั้งสมาธิ ทำให้ให้สงบ เเละอดทนให้ได้ พลังนี้มิใช่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เเถมข้ายังมิเคยทดลองกับผู้ใด ดังนั้นโอกาสที่มันจะล้มเหลวมีมากกวาสำเร็จเสียอีก" น่เหอตอบพลางโบกมือไปมา พลังสีดำสายหนึ่ง พลันพุ่งออกมาจากป้ายหลุมศพ เข้าปกคลุมทั่วร่างของเฉินตงอย่างรวดเร็ว
"อ๊ากก" เฉินตงคราวออกมา พลังนี้ราวกับกัดกินร่างกายของเขา ความเจ็บปวดเเผ่ซ่านไปทั่วร่าง กระนั้นกัดฟันอดทนไว้
"ดีมาก เช่นนั้นขั้นต่อไป!" ไนเหอระเบิดพลังมารออกมาจากป้ายหลุมสพของตนเองเรื่อยๆ จนบัดนี้ร่างของเฉินตงปกคลุมด้วยพลังมารสีดำ ก่อนจะมีบางสิ่งพุ่งทะยานออกมาจากหลุมศพ
"ฝัง!"
สิ่งนั่นฝังเข้าไปที่ตันเถียนของเขา ตันเถียนยังคงตีบตันเช่นเดิมไร้ซึ่งพลังชี่ ทว่ากลับปรากฏเมล็ดถั่วสีดำที่เเผ่พลังมารออกมา
"ทีนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าเเล้วไอ้หนู ว่าจะสามารถควบคุมมันได้หรือไม่" สิ้นเสียง เมล็ดมารในร่างพลันปลดปล่อยพลังมารอันเชี่ยวกราดเเละดุร้ายออกมา ร่างกายของเฉินตงคล้ายกับพองขึ้น เพราะเส้นลมปราณทั่วร่างล้วนอุดตัน
เฉินตงเพ่งสมาธิ ฉับพลันนั้นพลังมาร ที่ปกคลุมร่างกายของเขา พลันถูกดูดซับเข้ามาในร่างกาย ความเจ็ปวดปานเข็มพันเเล่มทิ่มเเทง เฉินตงขบความเจ็บปวดเอาไว้ เเละใช้เคล็ดวิชา ควบคุมพลังมารที่ดูดซับมา เเละสั่งให้มันเข้าหาเมล็ดพันธ์มารทันที
"สยบให้เเก่ข้า!" เฉินตงคำราม พลันมารที่เขาควบคุมพลันกลายเป็น โซ่ตรวนนับสิบเส้น เข้าพันรอบๆเมล็ดพันธุ์มารทันที
เมล็ดพันธุ์ไม่ยินยอม พลังมารเเผ่ออกมา กลายเป็นร่างของบางอย่าง ทว่าโซ่ตรวนของเฉินตงราวกับยิ่งขัดขืนยิ่งรัดเเน่น จนท้ายสุดเมล็ดพันธุ์ก็ยอมสยบเเก่เขา ทว่าเเลกมาด้วยร่างกายที่บอบช้ำภายในอย่างรุนเเรง
"ดูดซับ!" เฉินตงคำรามอีกครั้ง
พลังมารจากป้ายหลุมศพเเทรกซึมเข้าไปในร่างกาย เเละเข้าสู่เมล็ดพันธุ์ ทำให้เมล็ดพันธ์นั่น มีต้นอ่อนงอกออกมาเล้กน้อย ก่อนจะระเบิดพลันมารอันบ้าคลั่งออก มันได้ไหลทะลวงไปตมเส้นลมปราณของเขา เเละชำระล้างเส้นลมลมปราณทั่วร่างของเฉินตง ทำให้ตอนนี้ไม่ตีบตันอีกต่อไป เขาสามารถโคจรพลังมารได้
พลังมาร ถูกควบคุมให้โคจรตามเส้นลมปราณซ้ำไปมานับร้อยรอบ พร้อมกันนั้นไน่เหอก็พลันปรากฏที่ด้านหลัง ใช้ฝ่ามือโปร่งเเสงทาบเข้าใส่เเผ่นหลังของเฉินตงเเละเข่นพลังบางอย่างออกมาหนึ่งเฮือก
ร่างเฉินตงพลันขับสิ่งสกปรกสีดำออกมาทันที
เมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ฝึกตน ร่างกายจะขับสิ่งสกปรกออกมา ผู้ฝึกตนมือใหม่นั้นจำเป็นต้องบ่มเพาะร่างกายตนเองเเข็งเเกร่งขึ้น ยิ่งรากฐานในขั้นตอนนี้ดีเยี่ยม ยามขึ้นไปขั้นที่สูงกว่าจะนิ่งเเข็งเเกร่งมากขึ้น
ผู้ฝึกตนเเรกเริ่ม มีขั้นปรับเเต่งร่างกาย เเบ่งเป็น
ขั้นหลอมกระดูก
ขั้นหลอมกล้ามเนื้อ
ขั้นหลอมโลหิต
ขั้นชำระล้างเส้นเอ็น
ในเเต่ละขั้นมีสามระดับย่อยได้เเก่ ระดับต้น กลาง เเละปลาย
พลังมารในป้ายไหลมาเข้ามาปาวกับเขื่อนเเตก เฉินตงดูดซับมันไว้ทั้งหมด ในเมล็ดพันธุ์มาร เเละบพว่ามันเริ่มที่จะงอกออกมา จนทิ้งเปลือกเมล็ด กลายเป็นต้อนอ่อนพืชสีดำที่ก่อเกิดภายในตันเถียนที่ยังคง ตีบตับต่อไป เนื่องจากพลังมารไม่จำเป็นต้องพึ่งพอตันเถียนในการกักเก็บ เเต่พลังมารจะกักเก็บในต้นอ่อนมาร
พลังมารขั้นต้นอ่อน เทียบเท่าจอมยุทธ์ขั้นหลอมกระดูก ซึ่ง ณ จุดนี้ พลังมารกำลังซึมเข้าไปด้านในกระดูกของเฉินตง ความเจ็บปวดเเผ่ซ่าน ทว่าเด็กหนุ่มกลับกัดฟันจนเเละผ่านพ้นมาได้
พลังมารพลันขาดช่วงไปด้วยฝีมือของดวงวิญญาณเจ้าของ
"เทียบเท่าขั้นหลอกกระดูก ระดับกลาง ดูดซับเพียงเท่านี้ก่อน ด้วยเจ้าในตอนนี้ยังมิอาจทนต่อพลังมารที่เเข็งเเกร่งกว่านี้ได้ ปรับสมดุลฐานพลังเสีย เมื่อมั่นคงเจ้าจะพบว่าโลกได้เปลี่ยนไปเเล้ว" เสียงดังลอดเข้ามาในหู เฉินตงรับฟังเเละเริ่มทำตาม
ต้นอ่อนมารไม่ได้อาวะลาด กลับนิ่งสงบลง การโคจรพลังมารเองก็ไร้ซึ่งข้อขัดเเย้ง เฉินตงลืมตาขึ้นมา เมื่อปรับสภาพพลังได้สำเร็จ
"ผู้อาวุโส ข้ารับรู้ได้เลยว่าข้าเเข็งเเกร่งขึ้นอย่างมาก" เฉินก้มมองงดูร่างกาย ก็พบว่าไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ เเต่เขาก็เข้าใจ นี่เพียงขั้นหลอมกระดูกเท่านั้น หากไปถึงขั้นชำละล้างเส้นเอ็น คาดว่าเขาคงกำยำล่ำสันขึ้นไม่มากก็น้อย
"เจ้าไปกินอะไรก่อน อย่าพึ่งคิดเรื่องฝึกฝน ยังมิใช่ขั้นขุนนาง จึงอดอาหารได้เป็นสิบๆปีเพียงเเค่พลังหล่อเลี้ยง" ไน่เหอ
เฉินตงยิ้มเเห้ง ตอนนี้เขาอยู่ก้นเหวยังมีอาหารที่ไหนเล่า หวนนึกถึงร่างของงูยักษ์ ก็เดินไปยังด้านนอกทันที
เขางมหาร่างนักฆ่ามาวางไว้บนบก จากนั้นงมหาใช้กระบี่ของมันเลาะเอาเกล็ดงูออก เพื่อเอาเนื้อของมันกลับมายังโถงถ้ำในม่านน้ำตก ไม่ลืมค้นหาสิ่งของนักฆ่ามาด้วย เป็นตำราสองเล่มเเละเเหวนมิติวงหนึ่ง