Chapter 5 - บทที่ 5 ภัย

บทที่ 5

"หมายความว่ายังไง เป็นเเค่หัวหน้าสาขากลับฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อาวุโสสำนัก?" เฉินจงได้ยินรายงายจากคนรับใช้พลันสบถขึ้นทันที ไม่ใช่เพียงเเค่ไม่ไล่ กลับรั้งตัวยัยเด็กขี้โรคนั่นไว้เพื่อรักษาอีก

"สั่งคนของเจ้า บุกโจมตีเฉินตงคืนนี้ซะ" เฉินจงกล่าวเสียงเย็น

"เเต่ว่านายน้อย ถ้าทำเเบบนั้นมันไม่ดีกระมัง ท่านลืมกฏของตระกูลเฉินไปเเล้วรึ" คนรับใช้รีบขัด กฏของตระกูลเฉินข้อหนึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนมาก 'สมาชิกในตระกูลห้ามสังหารคนในตระกูลเด็ดขาด'

"ออกไป" เฉินจงไล่คนรับใช้ออกไป ร่างหนึ่งในชุดดำปกปิดใบหน้ามิดชิดก้าวออกมาจากเงามืด

"ที่ข้าสั่งเมื่อครู่ได้ยินใช่ไหม อุ้มมันไปฆ่าที่นรกดำซะ อีกทั้ง คนในตระกูล ฆ่าให้หมด" เฉินจงเอ่ย น้ำเสียงเขาไร้ซึ่งอามรมณ์ใดๆ ร่างในชุดดำคพนับ พร้อมกับเร้นกายหายไปในความมืดมิด

"เฉินตง หนอ เฉินตง ข้าอดทนมาสิบกว่าปีเเล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะจัดการเจ้าสักที รวมไปถึงตระกูลเฉินด้วย" เฉินจงหยิบเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมา มันคือสิ่งที่ท่ามเเม่ของเขาส่งมาก่อนหน้านี้ ภายในจดหมายได้เขียนบอกไว้ ว่าไม่จำเป็นต้องเก็บตระกูลเฉินไว้อีกต่อไป

ขณะเดียวกันเฉินตงกลับมายังเรือนของเขา

"ถึงมือหมอคงไม่เป็นอันใด" เฉินตงเอ่ย เงินพวกนี้เขาเก็บไว้สำหรับซื้อของบำรุงให้กับเฉินหยู ที่เหลือมีเพียงลูกปัดตบะที่ได้มาจากนรกดำ เขาควรทำกับมันอย่างไรดี เฉินตงนั่งขบคิด

จนมืดค่ำ เขาก็ทิ้งตัวลงนอน มองลอดออกไปนอกหน้าต่าง กลุ่มดาวมากมายเรียงรายอยู่ หากเปรียบเทียบกับเหล่าผู้ฝึกตน เเต่เขากลับคือความมืดมิดที่อยู่ล้อมรอบหมู่ดาวเหล่านั้น

เเครก

เฉินตงลืมตาขึ้นทันที เขากวาดตามองรอบๆ ก่อนจะพบว่า มีเงาดำสิบกว่าคนกำลังล้อมเรือนของเขาไว้

"พวกที่ส่งมาคุ้มกันรอบๆ หายไปไหนหมด!" เฉินตงตกใจ พลันนั้นกระบี่เทือกเเทงเข้ามา เขาฉากหลบด้วยความตื่นตระหนก กระบี่เเทงทะลุพื้นเรือนที่ทำจากไม้แผ่นหนาๆ ไปไปราวกับกระดาษ

"บัดซบ!" เฉินตงคิดกระโจนออกจากหน้าต่าง ก็ถูกดักทางไว้หมด ตัวเขาไม่ได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้ใดๆ ดังนั้นจึงไม่อาจตอบโต้ใดๆ กลับไปได้เลย

ด้ามกระบี่กระเเทกเข้าที่ท้ายทอย ทำให้เฉินตงหมดสติทันที

ร่างอขงเฉินตงถูกเเบกขึ้นบนบ่า ก่อนะพุ่งทะยานอกไปยังนรกดำ

อีกด้านหนึ่ง

"อ๊ากกก อย่าฆ่าข้า"

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทั่วทั้งจวรสกิลเฉิน เหล่าตระกูลใหญ่ ต่างส่งคนมาสืบข่าว ก็พบว่า เหลือไว้เพียงศพของคนสกิลเฉิน ที่กระจายอยู่ภายในจวน เรือนหลายหลังกำลังลุกไหม้ พร้อมกับเสียงร้องอันสิ้นหวัง พวกเขามิอาจต่อต้านได้เลย ผู้เเข็งเเกร่งในจวนราวกับเป็นเพียงคนธรรมดา เหล่าผู้อาวุโสเองก็เปลี่ยนหน้ามิใช่คนที่พวกเขาคุ้นเคย เเละเริ่มเข่นฆ่าคนในตระกูล

"เกิดอันใดขึ้น ทำไมสกิลเฉินถึงถูกฆ่าล้างตระกูลเช่นนี้"

"ข้าไม่รู้เหมือนกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พวกเราเข้าไปดูกันไหม"

"ไปทำไมละ เจ้าดูพวกตระกูลฉู่กับตระกูบหลิวสิ พวกนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ด้วยซ้ำ นอกจากส่งคนมาดูรอบๆ ก็ไม่กล้าส่งคนเข้าไปด้านในเลยสักคน"

ทุกคนล้วนหวาดกลัว เเม้เเต่ตระกูลใหญ่อีกสอง ถึงเทียบเคียงได้กับตระกูลเฉิน

"ท่านคิดเห็นอยางไร" ผู้นำตระกูลหลิวกล่าวกับชายชราที่อยู่ข้างตัว ขณะมองไปยังจวนสกิลเฉินที่ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง

"คาดว่าตระกูลเฉินคง ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง จึงได้พบจุดจบเช่นนี้" ชายชรากล่าวออกมา

ผู้นำตระกูลหลิวพยักหน้ารับ "ทว่าในดินเเดนเสินอู๋ของเรา ตระกูลเฉิน หลิว ฉู่ ล้วนเป็รตระกูลระดับ3 ทว่ากลับโดนฆ่าทั้งตระกูลได้โดยที่ไม่อาจต่อต้านได้เลยนี่ กลุ่มพลังอำนาจใดกันที่มีกองกำลังเเข็งเเกร่งเยี่ยงนี้"

ต้องยอมรับว่าความเเข็งเเกร่งของตระกูลเฉินเทียบกับ ฉู่เเละหลิว ทว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้เเม้เเต่นิดเดียว นี่หมายความว่าคราวเเข็งเเกร่งของอีกฝ่ายสุดจะหยั่งงั้นเหรอ

ทางด้านสกุลฉู่ล้วนเงียบเชียบ ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ผู้คนในตระกูล้วนไม่ออกจากเรือนตนเองเเม้เเต่ก้าวเดียว เพราะทั่วทั้งเมืองรู้ดี ว่าสองสกุลนี้มีสัญญาหมั้นกัน ดดต่ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย สกุลฉู่จึงปิดตายจวนตัวเอง