ไวโอเล็ตฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี เดินไวๆ ออกจากห้องนอนมุ่งหน้าไปหาท่านพ่อที่ห้องทำงาน มือเล็กถือหนังสือหนึ่งเล่มติดไปด้วย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อคิดว่าวันนี้จะขอให้ท่านพ่ออ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอน พวกเธอจะได้นั่งคุยกันจนเช้าแล้วหลับไป
"ท่านพ่อคะ"
"ไวโอเล็ต?"
ดยุกเมอร์ริแกนกำลังเตรียมตัวออกไปด้านนอก พ่อบ้านถือเอกสารไว้ในมือกับเสื้อคลุม เด็กหญิงเดาได้ในทันทีว่าน่าจะมีเรื่องด่วน เธอเลยซ่อนหนังสือหลบไว้ด้านหลัง
"ลูกมีอะไรหรือเปล่า?"
"เปล่าค่ะ ลูกแค่จะมาบอกฝันดี" ไวโอเล็ตยิ้มส่ายหน้า "ท่านพ่อจะออกไปด้านนอกเหรอคะ?"
"อืม พ่อจะรีบกลับให้ทันเย็นพรุ่งนี้"
"ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"
ช่วงนี้ท่านพ่อของเธอไม่มีกำหนดการต้องไปไหน มีท่านนั่งอยู่ในห้องทำงาน ได้พบหน้า ได้ทานอาหารสามมื้อพร้อมหน้าพร้อมตามาหลายวัน ไวโอเล็ตจึงไม่มีปัญหาหากจะต้องลบความเอาแต่ใจเก็บไว้ก่อน เธอแค่ต้องรออีกหน่อยให้บิดาได้จัดการงานที่เข้ามา
เด็กหญิงยืนมองรถม้าคันใหญ่สีดำของตระกูลที่วิ่งออกไปจากคฤหาสน์ เธอเดินกลับไปยังห้องนอนของตนวางหนังสือบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวบนเตียงใหญ่ ใต้หมอนนุ่มนิ่มมีสมุดบันทึกปกกำมะหยี่ขนาดพอดีมือซ่อนไว้ ไวโอเล็ตดึงมันออกมากางบนหมอนใบโต ไม่ลืมเอื้อมเปิดลิ้นชักหยิบปากกาเหล็กกับขวดหมึก
"..ตอนอายุยี่สิบเอ็ด ข้าจะถูกพิพากษา"
เธออ่านข้อมูลที่จดเอาไว้ เจ้าฝันบอกอนาคตนี้ค่อนข้างสับสน ส่วนมากมักจะเริ่มต้นด้วยความตายของตัวเธอตามด้วยเหตุการณ์หมุนกลับเหมือนหน้าหนังสือที่พลิกย้อนไปย้อนมาหลายช่วงเวลาชวนเวียนหัว
"หลังเดบูตองต์ตอนอายุสิบหกแล้วจะมีจดหมายเชื้อเชิญให้ไปร่วมงานเต้นรำที่เมืองหลวง"
ไวโอเล็ตเขียนเพิ่มแล้วหยุดครุ่นคิด ภาพเลือนรางของงานเต้นรำของปราสาทปรากฏให้เห็นบ่อยๆ เธอได้เต้นรำกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ ทว่าผลที่น่าตกใจคือสามีที่ได้แต่งงานด้วยเป็นคนอื่น
"เป็นเขา ข้าฝันถึงงานแต่งกับเขาอีกแล้วเมื่อคืน"
เคานต์ฟรานโก เขาอายุใกล้เคียงกับบิดาของเธอ หนำซ้ำยังมีเคาน์เตสอยู่แล้วด้วย ทายาทสืบทอดก็มี หมายความว่าเธอแต่งเป็นภรรยารองที่ไม่ได้มีสิทธิใดทางกฎหมาย ทุกอย่างที่เป็นภาพตัวเองอาศัยที่คฤหาสน์ในฟรานโกมันก็เลวร้ายเกินจะบอกว่าตัวเธอมีความสุข ไม่คิดว่าตัวเองยินดีกับเรื่องนี้นัก
"ทำไมข้าถึงแต่งงานกับเคานต์ฟรานโก?" เด็กหญิงมุ่นคิ้ว "มีแต่เรื่องน่าสงสัย.."
ที่ประหลาดกว่าคือช่วงงานเต้นรำวัยสิบหก คฤหาสน์ในเมืองหลวงของตระกูลแบล็คกลับไม่เคยเห็นท่านพ่อหรือท่านพี่ของเธอเลยสักครั้ง สาวใช้ที่อยู่ด้วยก็มีคนสนิทเพียงคนเดียว
"..เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ"
หลังพึมพำก็หลับตาลง เสียงฝนด้านนอกที่เริ่มลงเม็ดดังแผ่วๆ คล้ายดนตรีกล่อม ไวโอเล็ตเคลิ้มต่อบรรยากาศเย็นสบาย เธอหยิบหาผ้าห่มมาห่อตัวและจมสู่ความฝัน
เหมือนกับทุกครั้งเธอถูกประหาร พริบตาที่ใบมีดคมกริบสับลงมาก็จะผุดความทรงจำอื่น รอบด้านมืดลงก่อนจะมีเสียงของเม็ดฝน พอเปิดเปลือกตาเธอก็เห็นเท้าตัวเองที่สวมรองเท้าส้นสูง ชุดกระโปรงสีดำสนิท มือที่ถือร่ม ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ที่ไหนแต่บางอย่างจุกแน่นที่คอ หยดน้ำใสเปื้อนข้างแก้มไหลตกจากคาง เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นป้ายหินสลักชื่อ
"ท่านพ่อ.."
"!!"
เด็กหญิงสะดุ้งตื่นผวาตกใจ หัวใจเต้นถี่เร็วด้วยความกลัว ดวงตาสีม่วงไหวระริกมองสำรวจรอบๆ ว่าเป็นห้องนอนที่เดิมไหม
"ท-ทำไม ทำไมท่านพ่อ" ร่างเล็กสั่นเทาก่อนจะกอดตัวให้สงบ "ไม่ โกหกใช่ไหม?"
เคยกลัวต่อความตายของตนที่พบเจอในความฝันอยู่นานกว่าจะเผชิญหน้ากับมันได้ หนนี้เธอกลับเห็นเป็นความตายของบิดา ไวโอเล็ตเม้มริมฝีปากแน่น พยายามปลอบใจตัวเองบอกไม่เป็นไรไปเรื่อยๆ สูดลมหายใจเข้าออก
"เลดี้ไวโอเล็ตคะ"
"ข-เข้ามาได้เลยค่ะ"
ไวโอเล็ตอนุญาตให้สาวใช้เข้ามา ตอนนี้เธอคุมอาการท่าทางได้แล้ว ภาพที่เห็นมันเป็นตัวเธอที่อายุมากกว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ช่วงเย็นหากได้เจอกับท่านพ่อก็คงช่วยให้สบายใจขึ้น
ชั่วโมงเรียนวันนี้เธอทำสมาธิได้ยากเพราะมัวแต่เฝ้ารอเวลา เลดี้น้อยกระตือรือร้นเป็นพิเศษมาดูความเรียบร้อยของห้องอาหาร ถึงอากาศด้านนอกมืดครึ้มก็ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียหมด เธอให้ครัวเตรียมอาหารสำหรับท่านพ่อท่านพี่ไว้แล้ว
"เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วใช่ไหมคะ?"
"เรียบร้อยดีค่ะ"
อีกไม่นานจะถึงเวลามื้ออาหาร แดเนียลมาถึงก่อนก็ทักทาย พวกเขาสองพี่น้องนั่งลงประจำเก้าอี้ แน่นอนว่าที่นั่งหัวโต๊ะเป็นของดยุกเมอร์ริแกน ตามพื้นฐานมารยาทก็รอกันเงียบๆ ด้วยท่าทีนิ่งสงบ เสียงฝนด้านนอกยังคงกระทบหน้าต่างให้ได้ยิน
"ขออนุญาตครับ ท่านลอร์ดแดเนียล เลดี้ไวโอเล็ต"
"เบน มีอะไรหรือเปล่า?"
พ่อบ้านเบนก้มโค้งศีรษะเคารพแล้วเดินเข้ามา ในมือเขามีจดหมายหนึ่งฉบับ เบนยังไม่ทันได้พูดแจ้งแดเนียลก็สังเกตได้ว่านัยน์ตาสีม่วงของคนนั่งตรงข้ามตื่นตระหนก เธอหน้าซีดราวกับหวาดกลัวอะไร
"ท่านดยุกยังปลีกตัวกลับไม่ได้ คาดว่าจะกลับก็เป็นสัปดาห์หน้าครับ"
"อย่างนั้นเหรอคะ" เด็กหญิงโล่งใจ "น่าเสียดาย"
"จดหมายที่ฝากคนส่งมาครับ ท่านเขียนถึงเลดี้"
เธอยื่นมือออกมารับไปแกะเปิดดูข้อความ ทุกคนในห้องอาหารต่างนิ่งเงียบรอ เสียงเม็ดฝนกลายเป็นอย่างเดียวที่ชัดเจน จบครบบรรทัดสุดท้ายไวโอเล็ตก็เงยหน้าระบายยิ้ม
"ท่านพ่อนัดมาดามลิซซี่ให้ข้าด้วยค่ะ"
"อ่า อย่างนั้นเอง"
"ท่านพ่อช่างรู้ใจ ข้ากำลังต้องการชุดเดรสตัวใหม่พอดีเลย"
แดเนียลตอบรับไม่ค่อยถูก เขาไม่แน่ใจว่าน้องสาวรู้สึกแบบไหนอยู่ ไวโอเล็ตส่งจดหมายในมือให้สาวใช้ช่วยถือไว้ แล้วพยักหน้าให้พ่อบ้านจัดการสั่งคนบริการนำอาหารเข้ามา มื้อนี้จบลงเท่านี้ ไวโอเล็ตไม่ลืมเขียนจดหมายขอบคุณฝากส่งกลับให้ดยุกผู้เป็นบิดา
.
หลายวันผ่านไป หันมองนอกหน้าต่างทัศนียภาพก็ยังคงถูกบดบังด้วยสายฝน มันตกลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ เดิมทีเธอก็ชอบที่ฝนทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นสบาย ยกเว้นช่วงนี้มันทำให้รู้สึกกลัว ไม่สบายใจ ขุ่นเคือง ยิ่งสภาพนี้ท่านพ่อของเธอก็ยิ่งเดินทางลำบากและกลับล่าช้า
"ท่านพ่อ.."
"เลดี้ไวโอเล็ตคะ มาดามลิซซี่มาถึงแล้วค่ะ"
"ค่ะ"
หลังรับคำสั้นๆ ก็วางหนังสือแล้วลุกเดินออกจากห้อง ไวโอเล็ตลงไปที่ชั้นล่างมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองที่แขกรออยู่ งานฝีมือออกแบบตัดเย็บของมาดามลิซซี่เป็นที่นิยมมากในบรรดาสตรีชนชั้นสูง นัดหมายแต่ละครั้งก็ต้องจองล่วงหน้าเป็นเวลานาน กระนั้นดยุกเมอร์ริแกนก็ไม่พลาดที่จะเรียกเธอมาให้ลูกสาว หากเธอสวมชุดกระโปรงใหม่เอี่ยมไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาครั้งหน้าก็คงมีแต่คนอิจฉา
ระหว่างยืนให้วัดขนาดตัว ไวโอเล็ตก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคน เธอหันมองไปทางประตูอยู่ครู่ มีใครสักคนเข้ามาในคฤหาสน์ นั่นทำให้คุณหนูตัวเล็กผละจากตำแหน่งที่ยืนรีบวิ่ง บรรดาสาวใช้ต่างตกใจรีบตาม
"ท่าน-"
มาถึงบันไดเธอก็ก้าวไวๆ ลง กระนั้นพอมองไปยังประตูหน้าบ้านได้ก็หยุดชะงัก ที่ตรงนั้นมีแค่พ่อบ้านกับเด็กชายที่ตัวเปียกม่อล่อกม่อแล่ก
เฟลิกซ์ทอดถอนใจอยากถอดรองเท้าออกมาเทน้ำฝนด้านในมาก เขาสังเกตเห็นว่าเธอยืนอยู่ที่บันได กำลังคิดว่าจะถูกล้อเลียนอะไรอีกแต่ไม่ใช่เลย สีหน้าเธอดูผิดหวังเสียใจอย่างกับจะร้องไห้ ถึงแม้แวบเดียวก็ซ่อนมันไว้หมดหลังรอยยิ้มเขาก็มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด
"เลดี้ไวโอเล็ต?" พ่อบ้านหันมอง "มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือครับ?"
"ไม่มีอะไรค่ะ รบกวนเบนหาผ้าเช็ดตัวให้เฟลิกซ์ด้วยนะคะ ข้าขอตัว"
ไวโอเล็ตเดินย้อนกลับ ซึ่งเด็กชายก็ยังยืนมองบริเวณนั้นจนเธอลับตาด้วยความสงสัย สาวใช้นำผ้าสะอาดมาให้ใช้เขาก็ขอบคุณ
วัดตัวเสร็จแล้ว มาดามลิซซี่ก็ลากลับ อีกสองสามวันจะส่งแบบร่างของชุดทั้งหมดมาให้เลือกอีกครั้ง เด็กหญิงเอ่ยขอบคุณและฝากคนใช้นำรถม้าไปส่งแขก
เรียบร้อยแล้วก็เดินกลับห้องพักผ่านโถงทางเดินฝั่งติดหน้าต่าง แสงแวบวาบของฟ้าผ่าส่องเป็นระยะ มาถึงอยู่ในห้องคนเดียวไวโอเล็ตจึงนั่งลงบนเก้าอี้ เธอกำมือเงียบๆ หลับตาแน่นจนคิ้วมุ่น
"?"
เสียงบางอย่างทำให้เธอเปิดเปลือกตา หูยังได้ยินเสียงนั้นอยู่ก็มองหา ลุกไปดูว่าอะไรก็มีก้อนกลมๆ ขนาดจิ๋วปามากระทบบานหน้าต่างดังก๊อกตรงหน้า เพ่งมองหาต้นตอพบเธอก็เปิดบานกระจก
"ทำอะไรคะ?-!"
"แย่ล่ะ โทษที"
ตอนนี้เธอสับสนเลยไม่อยากเสวนาด้วยเท่าไหร่ ฝ่ายตรงข้ามตัวเปียกซ่กก็ยังอุตส่าห์ปีนต้นไม้แล้วเอาผลกลมๆ แข็งๆ ของต้นมาเขวี้ยง จังหวะพอดีตอนเธอเปิดออกไปมันเลยกระแทกหน้าผาก
"เจ้าเป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?"
"..."
"เอ้ย เดี๋ยว เดี๋ยว!"
ไวโอเล็ตแต้มยิ้มสวยก่อนจะคว้าหน้าต่างดึงปิด เธอไม่สนใจหรอกว่ามีธุระอะไร ตอนนี้ไม่อยากเจอใครทั้งนั้นอีก
"เมื่อกี้ข้าไม่ได้ตั้งใจ คือข้า..เห็นเจ้าแปลกๆ"
ได้ยินเธอก็หยุดไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าอ่อนเพลียอิดโรยประหนึ่งนอนหลับไม่เต็มตามานานสะท้อนให้เห็นชัด ไวโอเล็ตก้มหน้าลงมองพื้น
"..เฟลิกซ์"
"?"
"เจ้าเคยกลัวความฝันของตัวเองไหม?"
ถ้าเป็นความฝันที่จะเกิดขึ้นจริง เธอจะเริ่มฝันมันซ้ำๆ ไม่หยุดไปอีกหลายวัน มันทำให้กลัวที่จะหลับตานอน ในอดีตก็เคยจิตตกหนักตอนเรื่องของท่านแม่มาก่อน
"หมายถึงอะไร?"
"ถ้าความฝันของเจ้าเกิดขึ้นจริง แล้วมันน่ากลัว..ถ้า ถ้าหาก" ชะงักนึกได้ว่าไม่ควรเล่าก็ปฏิเสธ "เปล่าค่ะ กลับไปได้แล้วค่ะ"
ไม่ได้เปิดหน้าต่างแต่เขาน่าจะพอได้ยิน หนนี้เธอจับผ้าม่านสองฝั่งปิดตัดบท ได้เตือนแล้วหากเขาไม่สบายขึ้นมาก็ไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด
ด้านนอกเงียบไปเธอก็คาดว่าเฟลิกซ์กลับแล้ว เด็กหญิงนั่งยองลงที่พื้นพรมกอดเข่าตัวเอง เธอหลับๆ ตื่นๆ ตลอดช่วงนี้ ไวโอเล็ตน้ำตาคลอเบ้า ไม่อยากรบกวนแดเนียลที่เหนื่อยล้ากับการเรียน ไม่อยากเอาแต่ใจตื๊อให้ท่านพ่อกลับมาหา
เกือบครึ่งชั่วโมงกระทั่งมีเสียงเคาะเรียก ดวงตาสีม่วงวูบไหว แสงของฟ้าผ่าฉายให้เห็นว่าเขายังอยู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่กลับไปเสียที สุดท้ายเธอก็ปลดกลอนล็อกของบานหน้าต่างอีกครั้ง
"ข้าบอกให้กลับ ฟังไม่เข้าใจเหรอคะ?"
"ข้าจะอยู่เป็นเพื่อน เจ้าก็ทำใจให้สบายแล้วนอนเถอะ"
"ข้า-ข้าไม่ได้"
จนเพื่อนวางมือลูบศีรษะไวโอเล็ตก็เงยมอง หากเป็นทุกทีเธอจะดันมือเฟลิกซ์ออกแล้วแย้งไม่ให้ทำเหมือนเธอเป็นเด็ก แต่ตอนนี้เธอไม่อยากทำแบบนั้น
"ข้าไม่เป็นไร..กลับไปเถอะค่ะ"
"ข้าสบายมาก เวลาน้องสาวข้าฝันร้ายพอมีคนนั่งเฝ้าก็หลับสนิทเลย"
"ข้าก็แค่.." เธอพูดไม่ออกว่าเป็นห่วงเลยหันกลับ "ไม่สนแล้วค่ะ อยากนั่งเฝ้าก็นั่งแล้วกัน"
.
..เช้าวันต่อมา เด็กหญิงงัวเงียซบหมอนอยู่ก็ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านช่วยบอกว่าฝนหยุดตกแล้ว เธอยกฝ่ามือปิดปากหาวดันตัวนั่ง พลางสางผมยาวสีดำด้วยมือข้างหนึ่งลวกๆ ไวโอเล็ตลงจากที่นอนนึกได้ก็หันควับมองด้านนอก
"เฟลิกซ์?"
เธอเร่งเดินไปเกาะขอบหน้าต่างมองซ้ายมองขวาแล้วถอนหายใจโล่งอก เขาน่าจะกลับไปตั้งแต่เมื่อคืน กลิ่นฝนกับดินอบอวลอยู่ในอากาศเย็นสบายผ่อนคลาย
เหตุการณ์เมื่อวานคือเขายืนยันจะนั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่างจนกว่าเธอจะหลับ ไวโอเล็ตพลิกไปพลิกมาบนเตียงก็มีเถียงกันอีกหลายยก เธอต้องหาผ้าผืนใหญ่ไปยัดใส่มือแบบช่วยไม่ได้ ให้เข้ามาหลบฝนก็ไม่เข้า คุยกันไปคุยกันมาเธอก็ผล็อยหลับ สะดุ้งตื่นเห็นเขานั่งอยู่ก็รู้สึกสบายใจจนนอนต่อได้ คิดภาพเจ้าตัวท่ามกลางสายฝนก็พาลให้เผลอยิ้ม
"..เจ้าทึ่ม"
"เลดี้ไวโอเล็ตคะ"
"ค่ะ เข้ามาได้เลย"
แต่งตัวเสร็จเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ยังมีเวลาก่อนมื้อเช้าเธอก็เจาะจงผ่านทางสวนใกล้ๆ ตอนนี้แดเนียลกำลังออกไปยืดเส้นยืดสาย
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านพี่"
"อรุณสวัสดิ์"
ไวโอเล็ตยิ้มทักทายยามเช้า คิดว่าได้ยินเสียงจามไม่ใกล้ไม่ไกล หันไปก็เห็นเฟลิกซ์ที่นั่งยองๆ อยู่ตรงพื้น เขาใช้มือบีบจมูกตัวเองที่ตอนนี้แดงเรื่อ เด็กชายหรี่ตาใส่แทนคำบ่น สาวน้อยก็คลี่ยิ้มหัวเราะในใจ
"ตายจริง น่าสงสาร"
"เงียบไปเลย"
"วันนี้ไปพักเถอะเฟลิกซ์" แดเนียลหวังดีแนะนำ "เดี๋ยวอาการหนักกว่านี้จะยิ่งแย่"
"ไม่เป็นไรครับ สบายมาก"
เขาดื้อจะซ้อมต่อเป็นคู่ฝึก ทว่าจามบ่อยเข้าก็ถูกเซอร์แบรนดอนส่งกลับไปบ้านพัก โดนเอ็ดชุดใหญ่ว่าอาจทำให้คนอื่นติดหวัด เฟลิกซ์เลยจำต้องยอมพักเฉยๆ ซึ่งก็มีสาวใช้นำยามาส่งให้ ในถุงผ้าจุสมุนไพรมีกระดาษเขียนด้วยลายมือที่ทำเขาเบะปาก
'เจ้าทึ่ม'