Chereads / Lady Violet , alter fate. / Chapter 7 - บทที่ 6 ดอกไวโอเล็ต

Chapter 7 - บทที่ 6 ดอกไวโอเล็ต

ไวโอเล็ตขออนุญาตดยุกเมอร์ริแกนเรียบร้อยว่าเธอจะพาเจ้าชายสเตฟานเดินดูรอบคฤหาสน์ด้วยตัวเอง พ่อของเธอให้สาวใช้สองคนคอยตามรับใช้ มีองครักษ์ของเจ้าชายอีกหนึ่ง ส่วนแดเนียลจะไปสมทบช่วงบ่ายภายหลังเรียน

"ทางด้านนั้นเป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นเพคะ" เด็กหญิงก้าวเท้าเดินพลางแนะนำทีละห้อง "แล้วก็มีห้องดนตรี ห้องหนังสือสำหรับเรียนกับอาจารย์ของท่านพี่ ห้องเก็บของ"

วนจากทางด้านนี้เปิดออกประตูสุดทางของโถงทางเดินก็จะเห็นสวนกว้างของคฤหาสน์ พวกต้นไม้สีเขียวในบริเวณถูกตัดแต่งดูแลอย่างดีไม่น้อยหน้าแปลงดอกไม้ที่ต่างผลิดอกบานสวยอวดโฉม

"ท่านสเตฟานจะชมสวนไหมเพคะ?"

"ได้ครับ"

เขาเผยยิ้มตอบ ไวโอเล็ตก็ไปต่อเหยียบทางเดินที่ปูด้วยก้อนอิฐสีขาวอมเทาที่ทอดยาวโดยรอบ แสงแดดวันนี้ไม่แรงจนเกินไป มีลมพัดมาตลอดเป็นระยะ อากาศด้านนอกสดชื่นเย็นสบาย สามารถเดินกินลมชมดอกไม้ได้อีกนาน หากเป็นทุกทีถ้าไม่มีเรียนเด็กหญิงคงหยิบหนังสือสักเล่มมานั่งอ่านที่สนามหญ้า

"หม่อมฉันไม่เคยออกจากดัชชีเลยสักครั้ง" ยอมรับว่าต้องอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่หยิบหนอนผีเสื้อเก็บใส่ถุงผ้าไว้สำหรับแกล้งเฟลิกซ์ "เมืองหลวงไกลมากไหมเพคะ?"

"ถือว่าไกลอยู่ครับ ถ้าใช้รถม้าแวะพักตามเมืองก็น่าจะราวสัปดาห์หนึ่ง"

"แล้วอยู่ที่นี่ครบสัปดาห์ก็จะทรงเดินทางกลับหรือเพคะ?"

"ข้าต้องเดินทางต่อครับ ไปฟากตะวันออกเข้าลอมบาร์คครับ"

เธอถามเพื่อยืนยันและถูกต้องจริง ตะวันออกของที่นี่เป็นดัชชีลอมบาร์ค การที่เจ้าชายสเตฟานเจาะจงมาร่วมงานวันเกิดของไวโอเล็ตมันค่อนข้างชัดเจนถึงจุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง อาจเป็นจักรพรรดิหรือจักรพรรดินีที่ต้องการหยั่งเชิงเหล่าขุนนางผู้มีอำนาจ ทั้งยังเป็นการสานสัมพันธ์ล่วงหน้าเผื่อสำหรับการคัดเลือกคู่หมั้นให้โอรสในอนาคต

"ถ้าเลดี้รู้สึกเหนื่อยสามารถนั่งพักได้นะครับ"

"เพคะ" เขาส่งมือให้เธอก็วางมือไว้ "ขอบพระทัยที่ทรงใส่ใจ"

มีเก้าอี้เหล็กดัดให้นั่งพักเขาก็พาเธอไปนั่ง ส่วนตัวเองยืนอยู่ข้างเก้าอี้ ชัดเจนว่าเขารู้ข่าวลือเรื่องสุขภาพวัยเด็กของเธอ เมื่อวานก็เหมือนกัน เขาเป็นห่วงเป็นใย รักษามารยาท รูปหน้ากับรอยยิ้มก็ไร้ที่ติ เรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษในอุดมคติของบรรดาหญิงสาว เพื่อนวัยเดียวกันในงานวันเกิดก็พากันหลงใหลชมชอบแค่มองรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น แปลกตรงที่ไวโอเล็ตไม่รู้สึกใจเต้นหรืออะไรทั้งสิ้น มีแค่สาวใช้ของเธอที่แอบอมยิ้มกันอยู่

"สวนของที่นี่สวยมากเลยครับ"

"ขอบพระทัยเพคะ" ดวงตาสีม่วงมองบรรยากาศชวนคิดถึง "ท่านแม่ของหม่อมฉันเป็นผู้วางแบบให้คนตกแต่งไว้เช่นนี้เพคะ"

ทั้งรั้ว หินประดับ สีของก้อนอิฐ ต้นไม้ที่เลือกมาลง ชนิดดอกไม้ที่ปลูกในแต่ละแปลงวนเวียนตามฤดูกาล ทุกอย่างเป็นดั่งเช่นอดีตไม่เคยเปลี่ยนแปลง บิดาของเธอกำชับคนรับใช้ทุกคนให้คงสภาพเอาไว้ประหนึ่งคำสั่งของดัชเชสจะไม่มีวันจางหาย

"เทียบกับท่านพี่แล้ว หม่อมฉันมีเวลาได้อยู่กับท่านแม่น้อยเหลือเกินเพคะ"

ตอนเธอป่วยก็มีท่านแม่คอยอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง ทว่าพอท่านแม่เป็นฝ่ายเจ็บป่วยไวโอเล็ตกลับเข้าไปหาในห้องไม่ได้ เธอกับพี่ชายถูกห้ามไม่ให้พบ ถึงจะเข้าใจแต่ตอนนั้นถ้าได้อยู่ด้วยในวาระสุดท้ายอาจเสียใจน้อยลง

ท่านแม่จะเหงาไหม จะโกรธหรือเปล่า เจ็บปวดมากแค่ไหน หากไม่มีเธอท่านอาจแข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่ บางครั้งไวโอเล็ตก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้น

"ดัชเชสรักเลดี้มากนะครับ" สเตฟานพูดขึ้นมาราวจะปลอบเธอที่ซึมลง "ถ้ามองสวนของคฤหาสน์ตระกูลแบล็คก็จะรับรู้ได้ทันทีเลยครับ"

"เพคะ?"

"ดอกไวโอเล็ตครับ ดัชเชสให้ปลูกไว้ทั่วคฤหาสน์ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็จะเห็นเสมอ"

พิจารณาถี่ถ้วนถึงภาพที่เห็นยามมองจากหน้าต่างไวโอเล็ตก็คลี่ยิ้ม บิดาของเธอเคยกล่าวว่าท่านแม่ชอบดอกไวโอเล็ตมาก หากมีลูกสาวก็จะตั้งชื่อนี้ซึ่งก็คือเธอ

"เป็นคำปลอบโยนที่ฟังดูสวยหรูดีเพคะ แต่ใครจะทราบถึงความคิดแท้จริงของผู้อื่น คนเราทำได้เพียงตัดสินหรือคาดเดาเองก็เท่านั้น"

เด็กหญิงพูดเปรยพร้อมกับเหลือบดวงตามองอีกฝ่าย เธอหมายถึงตัวเอง ผู้คนรอบตัวรวมถึงเขาที่มาเมอร์ริแกน เจ้าชายสเตฟานนิ่งไปครู่ กระนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธความจริงที่เธอกล่าว เขาเผยยิ้มเห็นด้วย

"ครับ เป็นอย่างนั้น"

"เพคะ"

ไวโอเล็ตเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอไม่รู้สึกอย่างที่คนอื่นเป็น เมื่อครู่มันควรเป็นประโยคมัดใจหญิงทว่ามันทำขนลุกเสียกว่า กล้าพูดว่าต่อให้มีผู้ชายหน้าตาดีที่สุดในโลกนำช่อดอกไม้ที่มีชื่อเดียวกันกับตัวเธอมาคุกเข่ามอบให้ก็ไม่ชวนใจเต้นสักนิด มันทั้งเลี่ยนทั้งไม่น่าสนุก

อีกอย่างคือเรื่องดอกไวโอเล็ต เธอรู้ว่าท่านแม่ชอบเลยใช้ตั้งชื่อ ทว่าไม่เคยได้ยินเหตุผลน้ำเน่าแบบนั้นจากปากท่านสักคำ บางฤดูไวโอเล็ตปลูกไม่สำเร็จท่านก็บ่นให้ฟังแล้วเปลี่ยนแผนงานปลูกสั่งคนช่วยกันถอนรื้อหมดเปลี่ยนเป็นไอริสล้วนด้วยซ้ำ ดอกไม้ก็คือดอกไม้ ไม่มีความหมายแฝง

"เมื่อเราจะเป็นสหายกัน หม่อมฉันคิดว่าเราควรมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพคะ"

"ข้อมูลเหรอครับ?"

"เพคะ พวกข้อมูลส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ" เธอคลี่ยิ้มหวานสดใส "เริ่มจากหม่อมฉันก่อนนะเพคะ หม่อมฉันไวโอเล็ต แบล็ค มีพี่ชายหนึ่งคนที่อายุมากกว่าสามปีเพคะ"

หลังนั่งพักเหนื่อยสิบนาทีก็เดินกันต่อพร้อมเล่นเกมสลับกันเล่าเรื่องตัวเอง ไวโอเล็ตใช้สิ่งนี้แก้เบื่อและทำความรู้จัก

"ท่านสเตฟานสนิทกับพี่ชายไหมเพคะ?" เด็กหญิงถามดู "หม่อมฉันกับพี่ชายสนิทกันมากเลยเพคะ"

"ข้ากับพวกท่านพี่ไม่ได้สนิทกันนักครับ อาจเพราะอายุห่างกัน"

แน่นอนว่าเธอไม่ได้จะให้เขาบรรยายถึงครอบครัวทั้งหมดทุกคน ที่เธอสนใจมีแค่อีกสองพระองค์คือเจ้าชายเลโอนาร์ดกับเจ้าชายอาร์วิน แต่เจ้าชายสเตฟานคงไม่มีอะไรจะเล่า ไวโอเล็ตเองก็ไม่คิดจะเอ่ยชื่อไปก่อนเพื่อความปลอดภัย

"ของที่ชอบ" เธอนึก "หนังสือที่เขียนพวกเรื่องเล่า หนังสือภาพ น้ำชากับขนมหวานเพคะ"

"ของที่ชอบ..."

เขาเกริ่นทวนคำทว่าคิดนานผิดปกติ เด็กหญิงหันมองรอคำตอบเจ้าตัวจึงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม มันฟังดูคล้ายตัดบท

"ไม่มีเป็นพิเศษครับ"

"นั่นหมายถึงชอบทุกอย่างเหรอเพคะ?"

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ"

ในความฝันเธอได้ยินชื่อเจ้าชายเลโอนาร์ดบ่อยๆ เขาเป็นอัศวินนำกองกำลังออกรบหลายครั้งจึงมีคนเก่าแก่สนับสนุนให้สืบทอดบัลลังก์มากกว่าเจ้าชายสเตฟานที่อายุน้อย ทว่าเจ้าชายอาร์วินเธอไม่มีข้อมูล

ไม่นานนี้ได้ยินพ่อบ้านเบนแจ้งท่านพ่อของเธอว่าคนของท่านอาร์วินมาขอเข้าพบ บุรุษแปลกหน้ามอบจดหมายฉบับหนึ่งให้ บิดาของเธอดูเคร่งเครียดอ่านจบก็เผาจดหมายทิ้งทันที

"หม่อมฉันมีห้องหนังสือของตัวเอง หากท่านสเตฟานสนพระทัย ไปชมสักหน่อยไหมเพคะ?"

ใกล้เวลามื้อกลางวันเด็กหญิงเลยชวนไปนั่งพักด้านในแทน เขาพยักหน้าตกลงและตามกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ชั้นสองที่ห้องเดิม เธอให้สาวใช้ช่วยเตรียมน้ำชาดื่มแก้กระหาย ระหว่างรอก็เชิญให้แขกนั่งลงที่เก้าอี้ของโต๊ะใหญ่กลางห้อง

"เราเล่นหมากรุกกันไหมเพคะ?"

"ครับ เลดี้ไวโอเล็ต"

ไม่นานจากนั้นนักแดเนียลก็มาที่ห้องหนังสือของน้อง เด็กหญิงหันไปยิ้มต้อนรับก็เจอเพื่อนของเธอที่มาด้วยตามคาด เฟลิกซ์มองคนไม่คุ้นอยู่พักหนึ่งจนพี่ชายของเธอก้มศีรษะทำความเคารพจึงทำตาม

"ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ"

"ลอร์ดแดเนียล ทำตัวตามสบายเถอะครับ"

สเตฟานสงสัยเหมือนกันว่าเด็กผู้ชายอีกคนเป็นใคร กระนั้นทั้งบุตรกับบุตรีดยุกเมอร์ริแกนดูจะสนิทสนมคุ้นเคยดี

"ท่านพี่นั่งก่อนสิคะ" เด็กหญิงผายมือ "ดื่มน้ำชาสักหน่อย"

โดยเฉพาะไวโอเล็ตที่ประกายตาสว่างไสวกว่าก่อนหน้าประหนึ่งดีใจ พอเฟลิกซ์ไม่ได้มองตอบก็แสดงอาการหงุดหงิดเล็กๆ ในใจท้วงอยากได้คำอวยพรวันเกิดย้อนหลัง ปัญหาคือเธอยังต้องรักษาท่าทางนั่งจิบชาต่อ

"ลอร์ดแดเนียล เขาคือ?"

"เฟลิกซ์เป็นเพจที่สังกัดอัศวินส่งมาทำงานรับใช้ในคฤหาสน์พ่ะย่ะค่ะ"

ถึงปกติเฟลิกซ์จะทำตัวไม่เคารพไวโอเล็ตสักนิด แต่สถานการณ์นี้เขาก็โตพอจะรู้ว่าไม่ควรนั่งลงที่เก้าอี้ให้เสียมารยาท เมื่อลอร์ดแดเนียลช่วยแนะนำเขาก็ก้มศีรษะหนึ่งครั้ง

หลังเล่นจบกระดานนี้ ไวโอเล็ตก็ให้ท่านพี่ของเธอช่วยมาเล่นแทน เจตนาให้แดเนียลกับเจ้าชายสเตฟานได้สนิทสนมเพิ่มอีกหน่อย แบบนี้ยังไงต้องมีสนทนากันบ้าง ภารกิจผูกมิตรจะต้องสำเร็จภายในหนึ่งสัปดาห์

เด็กหญิงมั่นใจว่าเธอสบตากับเฟลิกซ์หนึ่งหนตอนวางถ้วยน้ำชาเงยมองเขาที่ยืนอยู่ ทว่าเขามองไปทางอื่นเสียเฉยๆ

ทีแรกนึกว่าคิดไปเองแต่สองสามวันจากนั้นเวลาบังเอิญเจอกันเขาก็ทำไม่เห็น พยายามอ้างแทนว่าช่วงนี้ทั้งเธอกับพี่ชายรับหน้าที่คอยรับรองเจ้าชายสเตฟานเลยไม่มีโอกาสได้คุยเล่นกันตามปกติ แต่พฤติกรรมเฟลิกซ์มันชัดเกินไป ขนาดเธออยู่คนเดียวส่งยิ้มทักทายเขาก็ไม่สนใจ เส้นความอดทนขาดคิ้วกระตุกกึกโมโหจึงทำบ้างด้วยการตัดสินใจเมินจนกว่าเขาจะทักเองเท่านั้น

.

ล่วงเลยมาถึงวันที่ห้า...

"เลดี้ไวโอเล็ต"

"เพคะ?"

"มีเรื่องอะไรทำให้อารมณ์เสียหรือเปล่าครับ?"

"ไม่มีนะเพคะ"

อยู่ๆ ถูกทักเรื่องนี้เธอก็กะพริบตาปริบ ไวโอเล็ตเอียงศีรษะเล็กน้อยแต้มยิ้มที่ริมฝีปากตัวเอง มื้อน้ำชายามบ่ายวันนี้เด็กหญิงชวนแดเนียลกับสเตฟานมาที่ห้องหนังสือของเธอ

"พรุ่งนี้ช่วงบ่ายสายก็น่าจะกลับมาแล้ว" พี่ชายที่นั่งอยู่เองก็ดูออก เขาเดาว่าเรื่องนี้ "เจ้ารออยู่ที่คฤหาสน์นะ"

"ค่ะ ท่านพี่"

ไวโอเล็ตไม่ได้รู้สึกอยากไปอยู่แล้ว แดเนียลรับคำสั่งท่านพ่อเตรียมการพาเจ้าชายไปร่วมล่าสัตว์ ดยุกเมอร์ริแกนให้บุตรชายกำหนดขอบเขตพื้นที่ จัดวางรูปแบบคนคุ้มกัน สั่งคนงานดูแลม้า เครื่องมือ กำหนดการเป็นวันพรุ่งนี้ แน่นอนเธอตั้งใจจะใช้เวลาอยู่คนเดียวอ่านหนังสือดื่มชาในห้องทั้งวันให้หายหงุดหงิด

หลังอาหารค่ำ พี่ชายของเธอกับเจ้าชายสเตฟานก็ไปคุยเรื่องการล่าสัตว์พรุ่งนี้กับท่านพ่อ พวกผู้ชายดูจะชอบการขี่ม้ายิงธนู ซึ่งไวโอเล็ตนั่งฟังสักพักก็ขอตัวกลับห้องพักผ่อน

ขณะเดินอยู่ที่โถงทางเดินชั้นสองกลับห้อง พลันสายตาก็เหลือบเห็นต้นเหตุของความขุ่นมัว ไวโอเล็ตหรี่ตาใส่ก่อนจะหมุนเดินย้อนกลับ เด็กหญิงก้าวไวๆ ลงบันไดออกไปทางสวน ฝีเท้าไม่ทันเธอก็วิ่ง สาวใช้พากันตกใจเด็กชายเลยรู้ตัวหันมา

"เจ้าออกมาทำอะไรด้านนอกตอนนี้?" จบคำถามเขาก็ถูกเวทลมยิงอัดไปหนึ่งทีเต็มๆ "เล่นบ้าอะไรของเจ้าเนี่ย!"

"ทำไมทีตอนนี้แหกปากโวยวายได้ล่ะคะ"

"หา?"

ไวโอเล็ตได้บ่นแล้วก็ก้มหน้าลง เธอไม่ชอบแบบนี้เลย แต่หากปากหนักก็กลัวจะเสียเพื่อน การลองถามดูมันดีกว่า

"เจ้าหลบหน้าข้าหรือเปล่าคะ?"

"ข้า-ข้าไม่ได้หลบ"

"โกหก" เธอแย้ง "บอกข้าได้ไหมคะว่าทำไม? เพราะข้าชอบแกล้งเจ้าเหรอคะ?"

"ไม่ใช่ พอได้แล้ว เจ้าจะมาถามข้าเพื่อ?"

"ก็เจ้าเป็นเพื่อนของข้า ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป มันผิดด้วยเหรอคะ.."

หลังสารภาพตามตรงเธอก็รู้สึกอย่างกับพ่ายแพ้ น้ำตาคลอประหลาดอย่างห้ามไม่ได้ เสียงสะอื้นหนึ่งครั้งทำเฟลิกซ์ตาโตด้วยความตกใจ

"เอ้ย เดี๋ยว เจ้าร้องไห้เหรอ?"

"ข้าไม่ได้ร้องไห้!" เด็กหญิงท้วง "ไม่ได้ร้องไห้สักนิด!"

เด็กชายยิ้มแห้งสีหน้ายุ่งยากไม่เข้าใจว่าควรอธิบายหรือไปต่อยังไง เขาคิดอะไรไม่ออกเลยเด็ดดอกไม้ใกล้มือมาส่งให้ตามหลักการพื้นฐานที่ว่าผู้หญิงชอบมัน ปรากฏว่าได้ผล เธอหยุดชะงักมองของในมือ

"รู้แล้ว ข้าขอโทษ" เฟลิกซ์ใช้มือข้างที่ว่างเกาแก้มตัวเอง "คือมันแบบ ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ควรเข้าไป ข้าก็มีมารยาทเหมือนกันนะ พวกเจ้าสามคน ไม่สิ เจ้าก็รู้ดีนี่ต้องให้อธิบายเหรอไง?"

"...เจ้าทึ่ม"

"ได้ๆ อยากพูดอะไรก็ตามใจเลย เอาเป็นว่าข้าขอโทษ" เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางมือบนเส้นผมสีดำลูบเบาๆ "อ้อ ยินดีกับวันเกิดย้อนหลัง"

ไวโอเล็ตรับดอกไม้ที่มีชื่อเดียวกับตัวเองมาถือ พอเงยมองสบตาเห็นเขายิ้มให้เหมือนทุกทีก็โล่งใจราวกับยกก้อนหินออกไป หลังพิจารณาเจ้าดอกไม้ที่ปรามาสไว้เพิ่งรู้สึกว่ามันน่ารักดีรอยยิ้มจึงผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

"ขอบคุณค่ะ เฟลิกซ์"

แวบหนึ่งเด็กชายเผลอแตะนิ้วตรงผิวแก้มแถวหางตาชื้นของเธอ พริบตานั้นเฟลิกซ์ก็ดึงมือตัวเองกลับมาที่ตัวหมดอย่างกับต้องของร้อน ดวงตาสีอำพันเลิ่กลั่กสุดขีด เขายกมือขึ้นมาทำท่าบอกลาแล้วหันวิ่งเต็มฝีเท้า ทิ้งเด็กหญิงยืนงุนงงอยู่ตรงนั้นกับกลุ่มคนรับใช้จำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์