"...?"
เฟลิกซ์นำอุปกรณ์ทำสวนวางบนรถเข็นเตรียมจะขนไปเก็บก็เหลือบเห็นเด็กหญิงบุตรีดยุกนั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวแปลงดอกไม้ เขากำลังชั่งใจว่าจะเลี่ยงหรือยอมโดนแกล้ง ปรากฏว่าเข็นผ่านเธอกลับไม่ได้ทัก ลองถอยผ่านอีกทีก็ไม่เงยหน้า แปลกจนเจ้าตัวยืนงุนงงว่าเธอทำอะไรอยู่ถึงใช้สมาธิมากขนาดนี้
"ปักผ้า?"
"!!"
ไวโอเล็ตดูคร่ำเคร่ง ในมือมีเข็ม ด้าย ผ้ายึดสะดึงไม้ ตั้งอกตั้งใจปักผ้าอยู่ พอเขาเป็นฝ่ายทักแล้วชะโงกหน้าดู เธอก็เบิกตาโตซ่อนของทั้งหมดด้านหลัง
"อ-อะไรคะ?"
"ปักอะไร ไหนขอดูหน่อย"
"ไม่ค่ะ"
"มาแล้วค่ะ!"
สีหน้าแตกตื่นของเธอทำเขายิ้มกริ่ม นานทีปีหนจะมีโอกาสเอาคืนบ้าง พอดีเคทวิ่งกลับออกมาจากคฤหาสน์พร้อมกล่องด้าย เขาก็สบโอกาสตอนไวโอเล็ตหันไปตามเสียงเรียกหยิบของที่เธอแอบไว้
"นี่ตัวอะไรเนี่ย?" เฟลิกซ์มุ่นคิ้วมองตัวสี่ขาหน้าตาพิลึกบนผ้า "หนู?"
"..หมาป่าต่างหากค่ะ"
"หมาป่า? ฝีมือห่วยผิดคาด"
เจ้าของงานฝีมือลุกขึ้นมาจะแย่งกลับเขาก็ยืดมือหลบ ไวโอเล็ตเขย่งเอื้อมสุดแขนก็ยังไม่ถึง อีกนิดเดียวเท่านั้นแท้ๆ ส่วนสูงพวกเธอยังไม่ได้ห่างกันมากแต่มันก็ยังยาก เด็กหญิงขึงตาจ้องแบบลืมตัวก่อนจะนึกได้เปลี่ยนเป็นยิ้มแล้วเก็บไม้เก็บมือยืนเรียบร้อย
"ขอคืนด้วยค่ะ"
"จะคืนดีไหมนะ? เริ่มลังเลแล้ว"
"ส่งคืนมาค่ะ ไม่อย่างนั้น.."
"เอ้ย ใจเย็นๆ" เห็นเธอตั้งท่าจะยิงเวทเฟลิกซ์ก็ลดมือลง "คืนแล้ว"
ได้กลับมาเธอก็พ่นลมหายใจ คนตัวเล็กมองพิจารณาผ้าปักอยู่ครู่ก็รู้สึกหดหู่ประหลาด อีกฝ่ายไม่ได้พูดผิดเสียทีเดียว มันดูไม่สวยเลยและคล้ายหนูตัวสีดำที่วิ่งซ่อนตัวตามครัว
"เรียนเย็บปักอยู่เหรอถึงต้องมานั่งทำ?"
"ไม่ใช่ค่ะ ข้าแค่อยากทำ"
"ลองหาคนสอนหรือแนะนำสิ ไอ้นี่มัน..เอ่อ ก็ยังไม่ดีนัก"
"ข้าเรียนเย็บปักมาแล้วค่ะ" ไวโอเล็ตตอบตามตรง "แต่มันค่อนข้างยากสำหรับข้า"
เฟลิกซ์พยักหน้าน้อยๆ เป็นครั้งแรกที่คุณหนูบุตรีดยุกเมอร์ริแกนมีสิ่งที่ทำไม่ได้เผยให้เห็น ที่ผ่านมาราวกับไม่ว่าสิ่งใดเธอก็สามารถทำมันได้เสียหมดโดยทันทีชนิดไร้ข้อบกพร่อง
"พ-เพิ่งหัดก็ยากแบบนี้ล่ะค่ะ พยายามเข้านะคะ"
"ให้เคทช่วยสิ เคทเย็บปักถักร้อยเก่ง"
เคทให้กำลังใจสุดความสามารถ เฟลิกซ์ก็คิดได้ว่าน้องสาวเขานี่ล่ะที่สามารถช่วยไวโอเล็ตได้ หลังเสนอไปคนคิดหนักก็หันควับด้วยแววตามีความหวัง
"เคท ช่วยข้าด้วยนะคะ"
น่าจะไม่มีอะไรแล้วเขาเลยขอตัวไปทำงานต่อ ถัดจากเก็บของที่โกดังก็ตามพวกคนงานในคฤหาสน์ไปรับฟืนขนน้ำมาเติมบ่อ ช่วงผ่านทั้งคู่ที่สวนเห็นยังนั่งฝึกปักกันอยู่เขาก็ยิ้มนิดหน่อย ทีแรกกังวลว่าเคทจะทำงานติดตามไวโอเล็ตได้ไหม แต่นี่ผ่านมาหลายเดือนพวกเธอสองคนก็ยังอยู่ข้างๆ กัน เคทมักชมคุณหนูของตัวเองให้เขาฟัง เล่าถึงงานเลี้ยงน้ำชาหรืองานต่างๆ ที่ไวโอเล็ตไปเข้าร่วม
"เฟลิกซ์มาช่วยทางนี้หน่อย!"
"ครับ!"
ระดับไวโอเล็ตเขาคาดเดาว่าน่าจะใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน เพราะเธอเป็นแบบนั้นเสมอ ปรากฏว่าอีกห้าวันถัดมา ผ้าปักหลายสิบอันที่เขาเห็นมันก็ยังคงเป็นหนูสีดำอยู่ดีแค่ตัวใหญ่ขึ้น แถมบางผืนมีเลือดติดด้วย
"อ-อะไร มีปัญหาเหรอคะ?"
ไม่น่าเชื่อว่าแทบไม่มีพัฒนาเลย แถมเคทที่รับหน้าที่สอนยังปั้นสีหน้าไม่ถูกอีกต่างหาก ท่าทางงานนี้จะยากกว่าที่คิดไว้เยอะ
"จะว่าไปเจ้าปักผ้าทำไม?"
"ข้าแค่ฝึก"
"อืม เข้าใจ ดูแล้วกว่าจะเป็นหมาป่าได้น่าจะอีกนาน"
ดวงตาสีอำพันมองนิ้วมือของไวโอเล็ตที่ระบมกว่าเดิมและเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ซึ่งเธอสวมถุงมือลูกไม้เพื่อปิดบังถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่เห็น
"เจ้าไม่ต้องโหมฝึกก็ได้นี่ ค่อยๆ ทำไป"
"ข้าก็ไม่ได้โหมฝึกสักหน่อยค่ะ"
"นิ้วน่ะ แผลเต็มไปหมดแล้วนั่น"
"ไม่มีสักหน่อย-!"
เธอสะบัดหน้าไปอีกทางแล้วเริ่มทำการปักงานผืนใหม่ ไม่ทันขาดคำก็ทำเข็มทิ่มนิ้วอีกแล้ว เลือดสีแดงเปื้อนซึมที่ถุงมือบางๆ บริเวณนิ้วชี้ เฟลิกซ์ถอนหายใจก่อนจะจับมือมาดึงถุงมือออก เขาใช้ตัวถุงมือที่ถอดมากดห้ามเลือด
"ไหนบอกไม่มี?"
"ก็แล้วทำไมล่ะคะ?"
ไวโอเล็ตแย้งมุ่ยหน้างับริมฝีปากตัวเอง เธอมองงานฝีมือบนตักที่ไม่เป็นที่น่าพอใจ แววตาที่สะท้อนในดวงตาดูขาดความมั่นใจแม้เธอจะเชิดหน้าเหมือนไม่มีปัญหา
"คนเรามันต้องมีเรื่องที่ทำไม่ได้บ้างนั่นล่ะ ถึงได้ต้องฝึกฝน" เฟลิกซ์ดูว่าเลือดหยุดไหลหรือยัง "แต่หากฝืนมากไป จากที่ทำได้มันจะกลายเป็นทำไม่ได้เอา"
"..อยู่ๆ มาสอนข้าเฉยเลยนะคะ"
เด็กหญิงตวัดตามองเคืองๆ เหมือนตัวเองเคยพูดทำนองนี้กับเคท ก่อนจะชะงักที่เขาวางมือลูบหัวยีเส้นผม เธอจะบ่นใส่ไม่พอใจที่มาจับเขาก็ยิ้มแฉ่งทำไวโอเล็ตหยุดกึก แก้มขาวเจือสีแดงเรื่อเล็กน้อย
"เจ้าก็อายุน้อยกว่าข้าไม่ใช่เหรอ?"
"ถึงจะใช่แต่มันเสียมารยาทไม่ใช่เหรอคะ?" เธอดันมือไม่ให้ยุ่งกับเส้นผม "พอเลยค่ะ ผมข้ายุ่งหมดแล้ว"
"ครับๆ"
เฟลิกซ์ถอนมือกลับมาและเปลี่ยนไปนั่งยองคุยกับน้องสาวที่นั่งข้างไวโอเล็ตร้อยเข็มด้ายเตรียมให้คุณหนู สองพี่น้องยิ้มแย้มสดใสหัวเราะเมื่อปรึกษากันว่าช่วงปลายเดือนที่ได้รับอนุญาตให้หยุดจะซื้อของอะไรกลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้าง
"เดือนหน้าจะกลับบ้านกันเหรอคะ?"
"ค่ะ" เคทผงกศีรษะ "ข้าเขียนใบลายื่นไว้แล้วค่ะ"
ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงช่วงฤดูหนาวเป็นเวลาที่คฤหาสน์ตระกูลแบล็คเงียบที่สุด พวกคนงานจะผลัดกันกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด
ขณะเดียวกันดยุกเมอร์ริแกนมักจะมีงานยุ่งต้องรับผิดชอบ ประชุมออกคำสั่งป้องกันเตรียมรับมือปัญหาพายุหิมะ สาธารณูปโภค หรือการพัฒนาหมู่บ้านชายแดน พี่ชายของเธอเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมบิดาเพื่อเรียนรู้
ทุกปีช่วงหน้าหนาวไวโอเล็ตจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนจากคฤหาสน์ พ่อบ้านเบนจะคอยสั่งการคนรับใช้เติมฟืนเตาให้อบอุ่น คอยระมัดระวังเรื่องอาหารและมีหมอมาประจำการสำหรับเธอ
"...อย่างนั้นเหรอคะ"
เด็กชายมองคนนิ่งเงียบ เธอทำสีหน้าหงอยเหงาชัดเจนก่อนจะฝืนปั้นยิ้ม หลังจากนั้นก็ขอให้เคทช่วยเรื่องปักผ้าต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไร
.
ฤดูกาลผ่านเหยียบย่างสู่ช่วงต้นฤดูหนาว กระแสลมเย็นด้านนอกก็เริ่มพัดพามาในแต่ละแคว้นอาณาจักรทั่วจักรวรรดิ พวกต้นไม้ต่างผลัดใบไม่หลงเหลือ ขาดเพียงสีขาวที่จะมาแต่งแต้ม
"พ่อไปก่อนนะ ลูกก็รักษาสุขภาพให้ดี"
"รีบกลับเข้าไปด้านในเถอะ ลมด้านนอกเย็น"
ไวโอเล็ตมายืนส่งทั้งสองคนขึ้นรถม้า แดเนียลเป็นกังวลก็บอกให้เธอกลับเข้าไป ดยุกเมอร์ริแกนเองก็เห็นด้วย พวกเขาต่างไม่อยากให้เธอป่วย ทว่าเด็กหญิงมีของอยากจะมอบให้
"ค่ะ โชคดีนะคะ" เธอยิ้มแย้มส่งของ "ขอให้ท่านพ่อกับท่านพี่เดินทางปลอดภัย"
ของขวัญอวยพรเป็นผ้าเช็ดหน้าปักลายหมาป่าสีดำ เธอตั้งใจจะให้คล้ายกับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแต่มันยากกว่าที่คิดไว้ ท่านแม่เคยทำแบบนี้เป็นของขวัญให้ท่านพ่อ เธอก็เลยมุ่งมั่นทำมันแม้ไม่ถนัด กว่าจะได้ออกมาแบบนี้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อไปมากทีเดียว โชคร้ายนิดหน่อยตรงเธอทำทันผืนเดียว
"พ่อจะเก็บรักษาอย่างดี"
ดยุกโอบกอดลูกสาวลูบหลังเบาๆ เธอก็กอดตอบท่านพ่อ ดวงตาสีม่วงมองแดเนียลที่ยืนงุนงงว่าผ้าเช็ดหน้าที่เขาได้รับมันเป็นตัวอะไรก็นึกขอโทษพี่ชายในใจ แต่พี่ดูจะเข้าใจและรีบพับเก็บก่อนพ่อจะหันไป
ทุกคนออกเดินทางไปกันหมดแล้ว ไวโอเล็ตกลับเข้ามาก็ขอไปพักที่ห้องหนังสือส่วนตัว เธอนั่งเอนพิงพนักโซฟามองบานหน้าต่างเงียบๆ หิมะสีขาวเริ่มร่วงหล่นลงมา อากาศข้างนอกน่าจะยิ่งทวีความเย็นขึ้นอีก
"..?"
สังเกตบางอย่างที่ขอบหน้าต่างก็ลุกขึ้นไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นอะไรก็รีบก้าวเท้าไปที่ประตู กระนั้นเปิดมาก็เจอพ่อบ้านเบนกับสาวใช้
"เลดี้ไวโอเล็ตต้องการอะไรเหรอครับ?"
"เอ่อ ข้า" เจ้าของชื่อชะงักครุ่นคิด "ขอน้ำอุ่นค่ะ"
"ได้ครับ รอสักครู่"
เด็กหญิงเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองถูกห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก เธอย้อนกลับเข้ามาก็ปิดประตู ไวโอเล็ตตรงไปยืนที่หน้าต่างพลางดวงตากลมก็ลุกลี้ลุกลนมองไปทั่วๆ สนาม
"..."
ไม่เห็นใครเธอก็หลุบตาลง ม่านตาสั่นไหวน้อยๆ ก่อนจะสะดุ้งโหยงตกใจคนที่ห้อยหัวลงมากะทันหัน
"กลับมาแล้ว"
เฟลิกซ์โบกไม้โบกมือทักทาย เขาพลิกตัวกลับขึ้นไปและเปลี่ยนมานั่งที่กิ่งไม้อีกอันใกล้ขอบหน้าต่าง เห็นสีหน้าไวโอเล็ตตะลึงเขาก็หัวเราะ เด็กหญิงรู้ตัวก็รีบกระแอมทำตัวปกติแล้วเปิดหน้าต่าง
"ตกใจขนาดนั้นเลย?"
"ใช่สิคะ" เธอหรี่ตา "เป็นใครก็ต้องตกใจจริงไหมล่ะ?"
"ขอโทษที แต่จริงๆ ก็ตั้งใจนั่นล่ะ"
คนเจตนาระบายยิ้มสารภาพ เลดี้น้อยก็คลี่ยิ้มตอบ เธอกำมือตัวเองกับขอบหน้าต่างหลวมๆ ซึ่งเฟลิกซ์ก็หยิบของฝากออกมา
"ข้าให้ ของฝาก"
"อะไรคะ?"
"ผลไม้อบแห้ง"
ไวโอเล็ตรับมาดึงเชือกเปิดดูของด้านใน คุ้นเหมือนเคยได้ยินมาว่ามันเป็นวิธีการถนอมอาหารของชาวเมืองแบบใหม่ที่กำลังนิยม เพิ่งเคยเห็นของแบบนี้ใกล้ๆ พอลองเข้าปากถึงรู้ว่ามันหวานกว่าปกติหลายเท่าและผสมเปรี้ยวให้รู้สึกตามมาทั่วลิ้น
"อร่อยไหม?"
"ค่ะ" เธอยอมรับ "ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะคะ?"
ถามเพราะจำได้ว่ากว่าพี่น้องคลาร์กจะกลับมาก็เป็นสัปดาห์หน้า พวกเขาลาสิบกว่าวันเผื่อสำหรับเดินทางไปกลับไว้ด้วย รถม้าข้ามไปที่ดินที่ตระกูลคลาร์กจัดการดูแลก็เสียเวลานานอยู่ แต่นี่เขากลับมาก่อนกำหนดตั้งหลายวัน
"อยู่นานไปก็ไม่มีอะไรทำน่ะ ที่บ้านพวกพี่ๆ กับเคทก็ช่วยพ่อแม่ได้อยู่แล้ว" เฟลิกซ์ยักไหล่ "อยู่ที่นี่จะได้ไปป้อมทหาร ได้ฝึกแล้วมีงาน ซักเกราะ ขัดอาวุธดีๆ ก็ได้เงินเก็บด้วย"
"คงไม่ถูกหุ่นไม้ปัดหน้าทิ่มอีกนะคะ"
"ข-ข้ารับมือมันได้ดีขึ้นแล้วเถอะ" กำลังแก้ตัวก็ย่นคิ้ว "ว่าแต่นี่เจ้ารู้ได้ยังไง?"
"ท่านพี่เล่าให้ฟังค่ะ"
พักนี้แดเนียลมักจะหาเวลามานั่งดื่มชาด้วย ไวโอเล็ตรู้สึกดีใจที่สนิทกันกับพี่ชายมากขึ้นเช่นเมื่อก่อน ซึ่งเขาก็จะเล่าเรื่องที่ฝึกหรือเรียนให้ฟัง เด็กหญิงคิดว่าดีจริงๆ ที่เธอเปลี่ยนสิ่งที่จะเกิด หากไม่อย่างนั้นเวลานี้แดเนียลอาจได้แค่นอนอยู่บนเตียงด้วยจิตใจบอบช้ำ
"เคทน่ารักมากเลยค่ะ ไม่อยากเชื่อว่าเป็นน้องสาวของเฟลิกซ์"
"ทำไม หา?"
หิมะตกลงมาเรื่อยๆ ระหว่างที่พวกเธอสนทนากัน ไวโอเล็ตหลุดหัวเราะพอเห็นว่าเส้นผมสีน้ำตาลทองเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีขาว
"ข้างนอกมันหนาวนะคะ เข้ามาไหม?"
"ไม่ดีกว่า เดี๋ยวมีใครมาเห็น ข้าจะโดนทำโทษ"
"อยู่บนต้นไม้แบบนี้น่าสงสัยกว่าอีกนะคะ"
"ก็จริง" เธอดูจะอยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อน "แต่ข้าเพิ่งกลับมาว่าจะไปเก็บของก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"
เขาก้มมองกิ่งก้านสาขาต้นไม้หาทางกลับลงไปพร้อมคาดมัดสายสัมภาระติดตัวให้แน่นกว่าเดิม ไวโอเล็ตเห็นจะไปแล้วจึงเอาผ้าคลุมตัวที่ใช้อยู่มอบให้
"คลุมไว้ค่ะ"
"หา ไม่ต้องหรอก" เฟลิกซ์ปฏิเสธ จนเห็นเธอปีนขอบหน้าต่างเลยรีบคว้าคนตัวเล็กไว้ "ระวังตก!"
ไวโอเล็ตเอื้อมแขนถึงก็ม้วนพันให้เป็นผ้าพันคอ ไออุ่นประหลาดส่งผ่านผืนผ้า เธอยิ้มหวานน่ารักในระยะใกล้จับไหล่แทนที่ยึดเกาะพลางปัดหิมะออกจากเส้นผมเขา คนมองนิ่งอึ้งครู่หนึ่งก็พาลหน้าแดงก่ำแต่จะปล่อยหรือผลักก็ไม่ได้
"ยินดีต้อนรับกลับนะคะ"
"น-หนวกหู!" เขาโวย "กลับเข้าไปได้แล้ว!"
"เฟลิกซ์ขี้โวยวายจริงๆ เลยค่ะ"
เด็กหญิงยกมือปิดปากทำหน้าหน่ายใจ ก่อนจะถูกส่งกลับเข้าไปยืนในห้อง พวกเธอจะเถียงกันต่อก็มีเสียงเคาะประตู เฟลิกซ์เลยรีบเผ่นส่วนไวโอเล็ตคว้าดึงผ้าม่านปิดทันทีทันใด ดังนั้นสาวใช้ที่นำกาน้ำอุ่นเข้ามาก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ พอนั่งลงคิดถึงสถานการณ์เมื่อครู่เธอก็เผลออมยิ้มหัวเราะคนเดียว