ไวโอเล็ตยืนตัวตรงหน้ากระจกขณะที่เคทกับสาวใช้อีกคนช่วยเธอแต่งตัวอย่างเช่นทุกวัน ปีนี้อายุสิบสองปีร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เธอมองสำรวจส่วนสูงตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าพอใจ เรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากห้องลงไปชั้นล่าง
"ท่านพ่อ ท่านพี่คะ"
ทั้งสองคนหันมองคนทักทายแล้วยิ้มตอบ ครอบครัวดยุกเมอร์ริแกนพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะอาหารมื้อเช้า หลังทานอาหารบุรุษสองคนของตระกูลก็แยกย้ายไปเตรียมตัว
วันนี้มีพิธีการสำคัญที่ดยุกจะมอบนามแต่งตั้งอัศวิน แดเนียลจึงสวมชุดพิธีการเต็มยศ สูทดำปักดิ้นสีทองมีทั้งเข็มตรา พู่ประดับบ่า ซึ่งน้องสาวก็แวะมาเคาะประตูขอเข้ามา เหล่าสาวใช้พากันถอยไปยืนอีกด้าน
"ท่านพี่ดูดีมากเลยค่ะ"
"ขอบคุณ" เขาวางมือลูบหัวเธอ "ถ้าเจ้าอยากเข้าไปดูก็ไปได้นะ"
"ค่ะ ข้าตั้งใจจะไปกับเคท"
งานแต่งตั้งจะจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลแบล็ค ที่นั่นกว้างขนาดจุคนได้นับร้อย ครั้งอดีตจะใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ใหญ่ประจำปี งานเต้นรำ ทว่าตั้งแต่ท่านแม่เสียไปก็ใช้เพียงงานพิธีมอบตำแหน่ง
ดยุกและบุตรชายไปยังห้องโถงพร้อมกัน ทางด้านไวโอเล็ตก็เรียกเคทไปเป็นเพื่อน พวกเธอเข้างานผ่านบันไดรอบนอกที่จะโผล่ตรงระเบียงที่นั่งพิเศษชั้นบนฝั่งชิดประตูใหญ่เข้าออก บรรดาอัศวิน ขุนนาง ทุกคนยืนเรียงแถวเป็นระเบียบเว้นทางเดินตรงกลางเอาไว้ จากมุมนี้เด็กหญิงสามารถมองเห็นพ่อกับพี่ชายที่ก้าวเท้าผ่านพรมแดงไปจนถึงสุดทางที่มีพื้นยกระดับได้ชัดเจน ตรงนั้นจะมีเก้าอี้บัลลังก์ของดยุกและดัชเชสแห่งเมอร์ริแกน เหนือศีรษะเป็นตราจักรวรรดิ ซ้ายขวาประดับด้วยธงตระกูลรูปหมาป่า
มีงานล่าสัตว์ในกลุ่มขุนนางเมื่อเดือนก่อนที่นอกเมืองหลวงของดัชชีต้องไปพักที่คฤหาสน์ต่างเมือง แดเนียลรับคำสั่งไปแทนท่านพ่อ ดังนั้นเพจห้าคนก็ได้รับงานให้ตามพวกสไควร์เดินทางคอยรับใช้ พี่ชายเพิ่งกลับมาเมื่อสามวันก่อน เธอเดาว่าเฟลิกซ์ก็ด้วยแต่ยังไม่ได้เจอกัน พวกเพจน่าจะยุ่งวุ่นวายกับการซักเกราะโซ่ถักเตรียมงานวันนี้
"เจอแล้ว"
ไวโอเล็ตระบายยิ้มอารมณ์ดีเมื่อหาเฟลิกซ์ที่ยืนอยู่ในกลุ่มเด็กรับใช้พบ พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีน้ำตาลพื้นเรียบทึมๆ อยู่แถวหลังสุดแทบมองไม่เห็นด้านหน้า ท่าทางเขาสบายดีแถมทำหน้าจริงจังยืนนิ่งสุดๆ ชนิดที่เธออยากแกล้งบอกไม่ถูก ทว่าจ้องนานเข้าอีกฝ่ายดันรู้ตัว เขาหันเงยหน้ามองขึ้นมา เด็กหญิงกระตุกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายแลบลิ้นใส่
"ด้วยพระนามของจักรพรรดิแห่งออสวาลด์ ขอแต่งตั้ง"
งานพิธีก็เหมือนทุกปีที่ผ่านมาแต่เฟลิกซ์ยังดูประทับใจทุกครั้ง เธอจำได้ว่าวันที่เขาเข้าร่วมครั้งแรกก็ตาวาววิบวับตื่นเต้นมาก พอคุยกันก็สาธยายความปลื้มปีติที่มีต่อภาพเซอร์อัศวินเสียยาวเหยียด
หลังจบการให้คำสัตย์สาบาน ดยุกแตะดาบอาญาสิทธิ์แต่งตั้ง ทั้งหมดก็ย้ายไปยังลานกว้างด้านนอก พวกอัศวินใหม่สวมเกราะขึ้นนั่งม้าประจำที่ แต่ละคนต้องแสดงศักยภาพใช้ทวนยาวที่หนักอึ้งแทงเป้าหมุนให้โดนในจังหวะเดียว ถ้าพลาดจนกลไกทำงานดีดลูกตุ้มมาฟาดตกม้าก็ได้อับอายขายหน้าไปอีกนานแสนนาน
"ท่านพ่อ" เธอเร่งเดินไปหา "เหนื่อยไหมคะ?"
"ไม่เลย ลูกล่ะ?"
"ลูกสบายดีค่ะ"
บนระเบียงยาวนี้เป็นที่นั่งชมพิเศษสำหรับดยุกซึ่งมองเห็นได้ทั่วสนาม แดเนียลตามพ่อไปยังที่นั่งที่จัดไว้ก็หันมองน้องสาวที่ยิ้มแย้มสดใส ไวโอเล็ตนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวชมการแสดงความสามารถด้านหน้า ระหว่างนั้นเธอก็สำรวจมองเฟลิกซ์ที่ปะปนในกลุ่มทหาร เขากับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันฝ่าไปหาที่ยืนชมใกล้ๆ
พวกเขาอายุสิบห้าปีแล้วแต่กลับยังเป็นเพียงเด็กรับใช้ในป้อมทหาร มีแค่บางคนที่พอมีเส้นสายถึงได้เลื่อนขั้นเป็นสไควร์ตั้งแต่สิบสี่ ความต่างของคำว่าสามัญชนกับชนชั้นสูงนั้นแบ่งแยกในทุกฝ่ายทั่วจักรวรรดิ ทว่าก็ไม่ได้มีใครจัดการกับเรื่องนี้จริงจัง มันเป็นธรรมเนียมสังคมที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจ เหตุเพราะอัศวินถือเป็นยศของขุนนางระดับล่างสุดที่สามารถถือครองที่ดินได้
บรรดาครอบครัวขุนนางนั้นเหมือนกัน บรรดาศักดิ์สืบทอดจะส่งต่อให้เฉพาะบุตรชายคนโต ส่วนคนอื่นก็จะหาทางในแบบของตัวเอง ส่วนมากไม่เป็นอัศวินก็ช่วยปกครองดูแลที่ดินตามที่บิดาแบ่งมอบให้ไว้ ดังนั้นตำแหน่งอัศวินจึงมักปะปนไปด้วยพวกเขาเหล่านั้น กรณีอื่นก็มีที่พื้นเพเป็นครอบครัวอัศวินเก่า หากไม่ใช่สองข้อแรกเลยอย่างน้อยต้องมีกำลังทรัพย์หรืออำนาจพอ
คำกล่าวของสไควร์คนนั้นในอดีตไม่ได้ทับถมเกินจริงสักนิด ไวโอเล็ตที่ช่วงนี้เข้ารับบทเรียนเรื่องระบบต่างๆ ของการปกครองก็เพิ่งตระหนักได้ไม่นานนี้ ว่าความฝันของเพื่อนยากเป็นไป
"ท่านพ่อคะ ดัชชีของเรามีการฝึกทหารด้วยใช่ไหม?"
"อืม พ่อให้ทุกเมืองคัดคนฝึกสม่ำเสมอ"
ทหารทั่วไปจะมาจากชาวเมืองธรรมดาสลับเปลี่ยนมาฝึกเตรียมความพร้อมเผื่อสถานการณ์ที่ต้องใช้กำลังรบ
"ข้าขออนุญาตเสนอนะคะ" เธอเปิดประเด็น "ท่านพ่อคิดเห็นอย่างไรหากเราจะคัดเลือกสไควร์ปีนี้ด้วยวิธีต่างจากเดิมสักเล็กน้อย"
"ลูกหมายถึง?"
"เดิมทีสไควร์จะออกรบเคียงข้างอัศวิน ข้าคิดว่าควรคัดคนจากความสามารถเพิ่มเข้าไปด้วยน่ะค่ะ เราแบ่งเป็นสไควร์ที่มาจากการแต่งตั้งกับสไควร์ที่คัดเลือกจากการประลองฝีมือดีไหมคะ?"
ดยุกเมอร์ริแกนฟังข้อเสนอเงียบๆ ทางด้านแดเนียลรู้ว่าน้องสาวตั้งใจจะทำอะไรจึงหาทางเสริม
"ข้าก็คิดว่าดีนะครับ การประลองจะช่วยกระตุ้นให้พวกเพจกับทหารที่มีฝีมือตั้งใจฝึกมากกว่าเดิม ในการดวลพวกท่านเซอร์ก็จะได้ดูความสามารถโดยละเอียด ถ้าใครขัดเกลาได้ก็คัดขึ้นมา"
"ใช่ค่ะ พอพวกเขาเห็นว่าสามารถก้าวได้อีกขั้นก็จะมีความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้น แล้วถ้าได้คนเก่งๆ ฝึกให้เพจที่เข้ามาใหม่ก็จะพัฒนาได้เร็ว" ไวโอเล็ตรู้ว่ามีจุดแย้ง "ถ้าท่านพ่อเป็นห่วงว่าพวกชนชั้นสูงจะไม่พอใจ เราก็เปิดให้พวกเขาเข้ามารับชมการคัดเลือกด้วยก็ได้ค่ะ เหมือนการประลองอัศวินช่วงกลางปี"
"ข้าเชื่อว่าพวกขุนนางก็อยากได้คนเก่งๆ ไปคุ้มกันเขตนะครับ พวกท่านเซอร์เองก็น่าจะเห็นด้วย"
"..พวกลูกสามัคคีกันแปลกๆ นะ"
ทั้งสองคนหยุดชะงักกึกพร้อมกันแต่นิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรแอบแฝง ยิ่งบิดาจ้องด้วยความสงสัยไวโอเล็ตก็ตียิ้มน่ารัก
"ถ้าพวกลูกอยากให้เป็นอย่างนั้นก็ลองเขียนรายงานเสนอมา ถ้าดีจริงพ่อก็จะให้แดเนียลนำเรื่องเข้าที่ประชุม"
พี่น้องเมอร์ริแกนหันมองกันอย่างดีใจที่มีหวัง พวกเขาเอ่ยขอบคุณพร้อมกันและท่าทางเริ่มจะอยากออกจากงานไปปรึกษาหารือเรื่องนี้ ดยุกหลุดยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็น หลังเขาอนุญาตก็พากันลุกยืนก้มศีรษะขอไปห้องหนังสือ
.
สัปดาห์หนึ่งผ่านมา ช่วงเย็นเลดี้น้อยเมอร์ริแกนก็พาเคทเดินอ้อมจากสวนดอกไม้ข้างคฤหาสน์ไปฝั่งด้านหลังที่มีโรงเก็บฟืน ไวโอเล็ตมั่นใจว่าเฟลิกซ์กำลังทำงานที่นี่
"เฟลิกซ์"
พอเห็นเจ้าตัวเธอก็ตรงเข้าไปเรียก ทีแรกก็ไม่สังเกตจนกระทั่งใกล้มากขึ้นถึงเริ่มรู้สึกว่าเขาสูงกว่าเดิม ตอนนี้เด็กหญิงดูเตี้ยไปถนัดทั้งๆ ที่ไม่กี่ปีก่อนเธอคิดว่าตัวเองสูงขึ้นมาก สมองผุดที่บางครั้งเขาล้อว่าตัวเปี๊ยกก็เผยยิ้มเย็นเยียบ
"เจ้ามีอะไร?" คนมองรู้สึกไม่ค่อยดี "ทำไมยิ้มแบบนั้น?"
"ข้าก็ยิ้มปกตินี่คะ"
ไวโอเล็ตเปลี่ยนซ้อนยิ้มหวานมากลบทับในพริบตา เคทที่ตามมาหันซ้ายหันขวามองทั้งคู่ สาวใช้ตัวน้อยเม้มปากมองห่อผ้าเล็กๆ ที่คุณหนูถือติดมือมาด้วย จนเลดี้หยิบห่อผ้านั้นมาแกะหยิบของด้านในส่งให้พี่ชายของเธอเสียทีก็ถอนหายใจโล่งอก
"ของฝากค่ะ"
"คุกกี้?"
เฟลิกซ์พิจารณาด้วยสายตาแล้วว่ามันคือขนมชนิดอบแต่เขาก็ยกมือปฏิเสธ ผ่านมาหลายปีนับจากที่รู้จักกันมา อีกฝ่ายชอบผสมรสอะไรแปลกๆ แกล้งเขาเล่นเสมอ
"ข้าไม่กิน"
"ทำไมล่ะ? ถ้าไม่ทานก็น่าเสียดายสิ" คนพูดนำเข้าปากตัวเองเคี้ยวกลืน ตามด้วยรอยยิ้มละมุน "คุกกี้พวกนี้อร่อยมากนะคะ มีทั้งคุกกี้เนยสด คุกกี้ผสมองุ่นแห้ง คุกกี้ถั่ว"
"ก็ได้ๆ เอามา"
"ไม่ทันแล้วค่ะ มาตอนนี้ถ้าทานเฉยๆ ก็ไม่สนุกสิ"
เด็กหนุ่มถอนหายใจเมื่อไวโอเล็ตกำลังจะเล่นอะไรอีกแล้ว เธอยิ้มแย้มแล้วหันหลังจากนั้นก็ฝากเคทช่วยถือทำอะไรสักอย่างไม่ให้เห็น เรียบร้อยก็หมุนตัวกลับมาพร้อมสองมือยื่นมาทางเขา
"ถ้าเจ้ารู้ว่าคุกกี้เนยสดอยู่ไหน พรุ่งนี้ข้าจะฝากขนมให้เคทเอามาให้"
"..ข้าจำเป็นต้องอยากทานใช่ไหม?"
"ไม่ชอบเหรอ? ถ้าอย่างนั้น" เธอยิ้มสวย "จะขออะไรก็ได้อย่างหนึ่งเป็นอย่างไรคะ?"
"ข้าไม่เล่นได้ไหมเนี่ย"
เวลาไวโอเล็ตทำสีหน้าสนุกสนานแบบนี้ เขารู้เลยว่าเธอกำลังแกล้งเขาอยู่ แค่ว่าจะเป็นอะไรเท่านั้น ลองขอความช่วยเหลือจากเคท น้องสาวก็เม้มปากแน่นส่ายหน้าควับ ซึ่งเด็กหญิงก็เร่งบอกให้เขาเลือก
"ถ้าอย่างนั้น..ข้างขวา"
"ข้างขวาสินะคะ"
"ช้าก่อน"
เห็นประกายในแววตาสีม่วงสดใส เขาก็เอ่ยรั้งการเฉลยไว้ก่อน หลังยืนครุ่นคิดสักพักก็เริ่มใช้สมองคิดอย่างจริงจังว่าเธอมาไม้ไหน พลางมองสังเกตการกำมือ ท่าทางของเฟลิกซ์ตอนนี้ทำให้คนเล่นด้วยแทบจะหัวเราะออกมา
"ข้ายืนยันว่าข้างขวา"
ไวโอเล็ตแบมือข้างขวาให้ดู ในมือเธอมีคุกกี้อยู่จริงๆ หนึ่งอัน
"ข้าชนะ"
"เฟลิกซ์คะ"
คิดว่าชนะแล้ว เธอก็เอ่ยเรียกตัดความคิด เจ้าตัวตกใจที่เพื่อนหญิงนำคุกกี้นั่นแตะชิดริมฝีปากของเขา เลดี้น้อยส่งยิ้มให้เขารู้สึกแปลกๆ
"ผิดค่ะ"
"ผิดอะไ-"
จังหวะเขาอ้าปากถาม นิ้วเรียวก็ดันขนมอบเข้าปากเขาไป หลังเคี้ยวถึงรับรู้ได้ว่านี่มันเป็นคุกกี้ถั่วบด ซึ่งไวโอเล็ตก็แต้มยิ้มน่ารัก รอเขาจัดการกลืนขนมชิ้นนี้ลงคอให้เสร็จ
"สรุปว่าข้าชนะค่ะ"
"..ก็ได้ เจ้าชนะ"
"ดังนั้นเจ้าต้องทำตามที่ข้าขออย่างหนึ่งนะคะ"
"หา? ข้าก็ด้วยเหรอ?"
"ใช่สิ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ยุติธรรมสิคะ"
เด็กหนุ่มจำใจต้องยอมรับแล้วรอฟังว่าเขาต้องทำอะไร ทางคุณหนูตระกูลเมอร์ริแกนมองเขานิ่งๆ พิจารณามองตาอยู่นานสองนานพาลให้เขาต้องเลื่อนสายตาหลบเอง
"คิดไม่ออกเลย ติดไว้ก่อนได้ไหมคะ?"
"ทำไมมันน่ากลัวพิลึก" เฟลิกซ์รู้สึกหลอน "อย่าให้ข้าทำอะไรแปลกๆ ล่ะ"
"ไม่ต้องห่วงนะคะ ข้าไม่ได้ใจร้ายสักหน่อย"
ไวโอเล็ตพยักหน้าหนึ่งครั้งประกอบรอยยิ้ม เธอหันหลังจะเดินกลับ ช่วงที่กำลังเดินก้าวไปสองสามก้าว เฟลิกซ์ก็เรียกพร้อมจับมือข้างซ้ายของเธอไว้ เด็กหญิงจำต้องหันเอี้ยวกลับมามอง
"คะ?"
ดวงตาสีอำพันแน่วแน่มองสบตาของเลดี้น้อยเมอร์ริแกน สีหน้าจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ติดค้างในใจ...
"อีกมือเจ้าก็ไม่ใช่คุกกี้เนยสดแน่ๆ"
"อุ้ย ตายจริง"
"ไม่ต้องมาอุทานเลย" เฟลิกซ์คิ้วกระตุกกึก เธอแบมือให้ดูว่าอีกฝั่งเป็นคุกกี้องุ่นแห้ง "โมฆะ เจ้าโกงข้าชัดๆ"
"โกงตรงไหนคะ ก็บอกอยู่ว่า 'ถ้าเจ้ารู้ว่าคุกกี้เนยสดอยู่ไหน' ถ้าตอบว่าอยู่ในห่อผ้า เจ้าก็ชนะไปแล้วค่ะ"
คนพ่ายแพ้เถียงไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะเจอเล่นประโยค เขาขบกรามจนปัญญา เพื่อนหญิงก็ยิ้มกริ่มหัวเราะคิกอย่างน่าโมโห สุดท้ายก็ต้องยอมว่าตัวเองคงหมดหนทางพลิกคดี ทางผู้ชนะก็วางมือตบไหล่เบาๆ
"ข้าให้ปลอบใจแล้วกันนะคะ"
ไวโอเล็ตขอห่อคุกกี้จากเคทมายัดใส่มือเขา เธอยิ้มหวานหยดแบบน่าสงสัยก่อนจะหมุนตัวเดินไป ซึ่งเฟลิกซ์ก็ถอนหายใจเปิดดูห่อผ้าที่ได้มา
"หืม?"
เขาหยิบๆ ดูสักพักก็เลิกคิ้ว คาใจจัดก็หาผ้ามารองเพื่อเทออกมาตรวจ ครั้งนี้เด็กหนุ่มกำเจ้าถุงผ้าแน่นจนสั่น เพราะในนี้ไม่มีคุกกี้เนยสดสักชิ้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางตอบถูก
"เลดี้แกล้งพี่อีกแล้วนะคะเนี่ย"
"นิดหน่อยเองค่ะ"
เลดี้น้อยจินตนาการถึงสีหน้าของเพื่อนที่น่าจะรู้ความจริงแล้วก็อมยิ้มสนุกสนานอยู่คนเดียว เด็กหญิงคลาร์กได้แค่ยิ้มตามที่คุณหนูของเธอไม่อาจฝากของด้วยวิธีปกติให้พี่ชายเธอได้ ทั้งๆ ที่ให้ทางครัวอบใหม่หลายๆ แบบแล้วตั้งใจเรียงอย่างดีผูกริบบิ้นถือด้วยตัวเองไปถึงที่