Chereads / สุดแสงสีหม่น / Chapter 12 - การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของใครบางคน

Chapter 12 - การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของใครบางคน

ทางด้านของคุณหญิงวิไลรัตน์ หลังจากผ่านไป 1 เดือน ทุกอย่างที่วุ่นวายทั้งหมดกำลังจะกลับมาอีกครั้ง สิ่งที่คุณหญิงกังวลมากที่สุดคือ ความรู้สึก การยอมรับและความเข้าใจจากอัคราวิชญ์ ทำให้เธอแอบลังเลเล็กน้อย แต่เธอเองก็ไม่ใช่คนที่จะผิดคำพูดกับใคร และอีกอย่างพอได้สัมผัสและรู้จักตัวตนของวีรภัทราแล้ว ก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่า หลานวีจะช่วยคินน์ได้อย่างแน่นอน ไม่เคยเจอผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่ง เข้มแข็ง แต่ยังใส่ความอ่อนโยนลงไปในทุกการกระทำ ความใส่ใจเหล่านั้นเพิ่มคะแนนให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

คุณหญิงวิไลรัตน์ติดต่อหาอัคราวิชญ์ทันที เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อย

"ไม่ต้องแวะกลับบ้านตัวเอง มาหาแม่ก่อนเลยนะ" คุณหญิงพูดเสียงแข็งผ่านโทรศัพท์ไป ทำให้ปลายสายอย่างอัคราวิชญ์ต้องยอมทำตาม

"ครับแม่" เสียงเนือยของอัคราวิชญ์ ทำให้คุณหญิงต้องปรามสักหน่อย

"อย่ามาทำเสียงแบบนี้กับแม่นะ ใครกันแน่ที่วิ่งหนี ปล่อยให้แม่ต้องรับหน้าอยู่คนเดียว มารับผิดชอบในสิ่งที่ทำด้วย แม่ไม่เคยสอนให้คินน์ทำตัวแบบนี้นะลูก" แม้คุณหญิงจะพูดเสียงดุ ๆ ในตอนแรก แต่ก็ไม่ลืมที่จะอ่อนโยนกับอัคราวิชญ์เสมอ

"ครับแม่ ผมขอโทษจริง ๆ ครับ" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้แม่ต้องเสียใจ

"ดี งั้นเจอกันที่บ้านนะลูก" คุณหญิงบอกอัคราวิชญ์ก่อนที่จะวางสายไป

เมื่อรถเข้ามาจอดที่โรงรถในคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว อัคราวิชญ์ที่สวมใส่เสื้อยืดสีดำและกางเกงสีเดียวกัน พร้อมรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวขาลงจากรถอย่างทะมัดทะแมง เดินเข้าไปในบ้านอย่างชิล

"มาได้สักทีนะ คินน์มานั่งดื่มน้ำ กินขนมก่อน" คุณหญิงวิไลรัตน์จับแขนของอัคราวิชญ์พาลากเดินไปยังที่นั่ง โดยตอนนี้วางของกินไว้ที่โต๊ะกระจกใสหน้าโซฟาเรียบร้อยแล้ว

"ครับ ๆ" อัคราวิชญ์เดินตามอย่างว่าง่าย และหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟา หยิบของกินตามที่คุณหญิงบอก

"อร่อยไหม" คุณหญิงถามด้วยน้ำเสียงน่ารักและใจเย็นเสมอ แถมยังกอดอัคราวิชญ์จากด้านข้างด้วย

"อร่อยครับ" อัคราวิชญ์ตอบเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออาการอะไรเป็นพิเศษ

"อืม ดีแล้ว กินเยอะ ๆ นะลูกคินน์" คุณหญิงวิไลรัตน์ย้ำอีกรอบ จนอัคราวิชญ์ส่งสายตาออกมามองด้วยความสงสัยว่าแม่วางแผนอะไรไว้แน่ ๆ และพอคินน์กินเสร็จ ก็โดนสอบสวนทันที แถมยังบังคับให้นั่งนิ่ง ๆ ด้วย

"แม่จะไม่อ้อมค้อมอะไรทั้งนั้นนะ ไม่ว่าตอนนั้นคินน์จะมีเหตุผลอะไร แต่ตอนนี้สิ่งที่แม่ขอคือ แม่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากให้คินน์ไปเจอ แต่ถ้าลูกคิดว่า ไม่ต้องเจอก็ได้ พร้อมแต่งงานกับเขา ก็บอกแม่มาได้เลยนะ" คำพูดอันเฉียบขาดของคุณหญิง ทำให้อัคราวิชญ์นั่งคิดอยู่พักใหญ่

"แม่ครับ ผมเพิ่งสูญเสียคนรักไป ทำไมแม่ถึงอยากให้ผมแต่งงานทันทีล่ะครับ" อัคราวิชญ์แย้งด้วยเหตุผล

"เพราะแม่เห็นสิ่งที่คินน์ต้องทนทุกข์ทรมาน จึงคิดว่า จะต้องหาใครสักคนมาช่วยให้ลูกรู้สึกดีขึ้น และแม่ก็เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นช่วยลูกได้ อยู่ ๆ กันไปก็รักกันได้ เชื่อแม่สิ น้องเขาน่ารัก นิสัยดีมากด้วยนะ" คุณหญิงวิไลรัตน์อธิบายพลางเกลี้ยกล่อมไปด้วย

"เหรอครับ แม่วัดจากอะไรครับ" อัคราวิชญ์ถามอย่างไม่เข้าใจในความคิดของคุณหญิงวิไลรัตน์

"แม่เจอน้องมา 2-3 ครั้งแล้ว และอีกอย่างไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลย คินน์ยังจำพินัยกรรมได้ไหม มี 1 ข้อที่พ่อเขาเขียนให้แม่สามารถช่วยคินน์ตัดสินใจเรื่องคู่ครองได้ ในเมื่อแม่พอใจและให้ผ่านแล้ว ดังนั้นลูกก็ควรจะต้องเก็บไปพิจารณาดูก่อน ไม่ใช่มาหาเรื่องแม่แบบนี้นะ" คุณหญิงวิไลรัตน์กลัวใจอ่อนให้อัคราวิชญ์ จึงทำเสียงเข้มใส่ ทั้ง ๆ ที่ในใจยังหวั่น ๆ กลัวคินน์วิ่งหนีไปเช่นเคย

"ครับ ผมจะเก็บไปพิจารณาก็ได้ครับ" อัคราวิชญ์ตอบตกลง

"แม่ให้เวลาแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นนะ" คุณหญิงวิไลรัตน์ยื่นคำขาดต่ออัคราวิชญ์ ซึ่งคินน์เองก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับไป

ทางฝั่งของป้านุชก็ไม่น้อยหน้า เธอเรียกกัลย์กมลให้มาพบส่วนตัว พร้อมยื่นคำขาดให้เลิกติดต่อกับวีรภัทราเด็ดขาด และพูดกลาย ๆ ว่ารู้เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดที่เคยทำไว้ในอดีต ทำให้มนได้ยินแบบนั้นก็อารมณ์เสียเกือบทำร้ายป้า แต่ยังดีที่มีพริมามากับป้าด้วย ซึ่งพริมก็ค่อนข้างตกใจกับเรื่องราวที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเห็นว่ามนรักและดูแลวีดีมาก จึงไม่คิดว่าจริง ๆ แล้วจะมีเบื้องหลังแบบนี้ด้วย

หลังจากสิ่งที่บีบคั้นนั้น ทำให้กัลย์กมลตัดสินใจไปหาผู้หญิงคนใหม่ทันที แต่จะบอกว่าคนใหม่ก็ไม่เชิง เพราะจริง ๆ แล้วก็แอบมีติดต่อมาโดยตลอด เพียงแค่เธอยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องสถานะกัน จนวันนี้ด้วยความโกรธแค้นในใจเลยไปบอกผู้หญิงที่แอบคบให้มาอยู่ในสถานะแฟนทันที พอวีรภัทรารู้จากเพื่อนสนิทอย่างพริมา ก็รีบวิ่งมาหาถึงที่บ้านมนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน แต่พอเปิดประตูเข้ามาเท่านั้นแหละ ก็ต้องเห็นภาพที่ทั้งคู่จูบกันอยู่ ทำให้วีสติแตกขึ้นมาเลย

"มน ทำกับเราแบบนี้ได้ยังไง" วีรภัทราโวยวายเสียงดังด้วยความหัวร้อนจัด ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกอยากมาขอโทษแทนป้านุชที่เข้ามาก้าวก่ายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่

"เธอออกไปก่อน เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้เธอฟัง" กัลย์กมลหันไปบอกแฟนใหม่

"ตรงไหน ก็แค่จูบป่ะ ทีเธอจะไปแต่งงานกับคนอื่นไม่เห็นจะบอกให้เรารู้ตัวเลย" กัลย์กมลตะคอกกลับทันทีทั้ังที่ประตูยังปิดไม่สนิท

"เราจะไปแต่งงานกับใคร ไหนบอกมาสิ" วีรภัทราถามกลับไปอย่างงุนงง เธอไม่เคยไปตกลงปลงใจกับใครนะเท่าที่จำได้

"ป้านุชบอกเราเอง เพื่อนสนิทเธอก็รู้เห็นเป็นใจด้วย มีเหรอที่เธอจะไม่รู้เรื่องนี้ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เลย" กัลย์กมลระเบิดสิ่งที่เธอรู้มาทั้งหมดอย่างเหลืออด

"ไม่ใช่แล้ว เธอเข้าใจผิดทั้งหมดเลย" วีรภัทรายังเถียงต่อ

"ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ เราก็ไม่สนแล้ว ในเมื่อป้าเธอก็ไม่ให้เกียรติเราเหมือนกัน พอแค่นี้เถอะ" กัลย์กมลพูดตัดความรำคาญ สั่งให้วีรภัทราเก็บข้าวของออกจากห้องทั้งหมด และไล่ให้ออกไปจากบ้าน แล้วก็ปิดประตูใส่ ทำให้วีต้องเข้าไปเก็บเสื้อผ้าและของทั้งหมดกลับบ้านป้านุชทันที ซึ่งระหว่างที่เก็บของอยู่นั้นน้ำตาแห่งความเสียใจก็ท่วมท้นออกมา แต่ก็ทำได้แค่ร้องไห้กับตัวเอง ไม่สามารถหันไปหาใครได้ในตอนนี้

กัลย์กมลควงแขนแฟนใหม่พร้อมแง้มประตูเล็กน้อย เพื่อพูดกำชับว่า "พอเรากลับมาต้องไม่เจอเธอแล้วนะ"

พอวีรภัทรากลับมาถึงบ้านแล้ว ยืนนิ่งอย่างคนไม่มีสติพร้อมข้าวของอยู่กลางห้องรับแขก ป้านุชเดินลงมาจากชั้น 2 เพื่อมาหาน้ำดื่มพอดี แต่ป้าก็จงใจทำเป็นมองไม่เห็น ยังไม่ทันที่ป้าจะได้เดินผ่านไป ก็ถูกวีรั้งไว้ด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไร

"ป้าทำกับหลานของตัวเองได้ไง ทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นมันดี มันถูกต้องแล้วเหรอคะ วีนับถือป้ามาโดยตลอด แต่นับจากนี้คงไม่ละค่ะ" วีรภัทราพูดเสร็จ กำลังจะขนของขึ้นชั้น 2 ไปยังห้องนอนตัวเอง ก็ถูกป้านุชพูดออกมาประโยคหนึ่งที่ทำให้เธอต้องหยุดเดินและถามต่ออย่างสงสัย

"แล้วรู้หรือเปล่าว่าคนดีของหลานวีน่ะ แอบทำอะไรร้ายแรงไว้เมื่อตอนที่หลานอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเขา" ป้านุชหยิบอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดออกมา ทั้ง ๆ ที่อยากจะเก็บไว้ก่อน เพราะรู้ดีว่าจะต้องทำร้ายหลานสาวตัวเองแน่นอน ถ้าเธอรู้ความจริงทั้งหมด

"ยังไงคะ" วีรภัทราถามกลับทันที

"จำคนที่เคยกลั่นแกล้งหลานตอนเด็กได้ใช่ไหม แล้วหลานรู้ไหมว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนกลุ่มนั้นถึงมายุ่งกับหลาน" ป้านุชถามกลับบ้าง

"จำได้ค่ะ ก็คงเพราะข่าวลือมั้งคะ" วีรภัทราตอบกลับ

"ไม่ใช่ เพราะกัลย์กมลเป็นหัวโจกที่คอยกลั่นแกล้งหลาน แต่ถ้าจะให้ป้าลงรายละเอียดลึก ๆ ก็คงไม่ดีต่อความรู้สึกของหลานหรอกนะ รู้เท่านี้ก็พอแล้ว" ป้านุชตอบเท่าที่จำเป็นกลับไป

"ไม่จริง วีไม่เชื่อค่ะ" วีรภัทราเถียงกลับ พร้อมส่ายหัวใส่ป้านุช ในใจก็คิดว่าป้านุชอคติกับความสัมพันธ์ของพวกเธอ ทำให้พูดเรื่องไม่มีมูล จากนั้นเธอก็ทิ้งข้าวของ และสะบัดตัววิ่งหนีออกจากบ้านขึ้นแท็กซี่ตรงดิ่งไปหาพริมาที่คอนโดส่วนตัวทันที โดยไม่เหลียวหลังหรือคิดจะฟังคำพูดถัดมาของป้าเลยแม้แต่น้อย

"ป้ามีหลักฐานนะ จะดูไหม" เสียงตะโกนไล่หลังของป้านุช ไม่ได้ช่วยให้วีรภัทราหยุดวิ่งแล้วกลับมาฟัง แต่กลับกลายเป็นการเร่งวีให้วิ่งหนีเร็วที่สุดมากกว่า พอป้าเห็นอย่างงั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ และก็เดินกลับเข้าไปกินน้ำ และขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องนอนเช่นเดิม เพราะป้ารู้ดีว่าวีจะไปหาใคร

เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ตามที่คุณหญิงบอกอัคราวิชญ์ไว้ เขาก็กลับมาให้คำตอบ ในช่วงระหว่างกินข้าวด้วยกันกับมื้อครอบครัวที่แสนจะอึดอัด

"ผมตกลงแต่งงานครับ เพราะยังไงผมก็ไม่มีทางรักใครได้อีกนอกจากเบสตี้แล้ว" อัคราวิชญ์พูดขึ้นหลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

"ดีแล้ว แม่หาคนที่ดีมาให้คินน์แล้ว ไม่ต้องกังวลนะ แล้วก็คินน์อย่าแน่ใจในความรู้สึกตัวเองมากนักเลย วันเวลาเปลี่ยน ความรู้สึกคนเราก็เปลี่ยนได้นะ" คุณหญิงวิไลรัตน์ไม่พลาดที่จะเตือนอัคราวิชญ์ เมื่อเห็นเขายึดมั่นในความคิดแบบสุดโต่ง

"ครับ แม่ก็คอยดูละกันครับ" อัคราวิชญ์เชื่อมั่นในความรักที่เขามีต่อนันทิชาอย่างแรงกล้า

"จ้ะ เอาที่คินน์คิดไปก่อนละกัน แล้วถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ แล้วอยากให้แม่ช่วยอะไรก็บอกมานะ" คุณหญิงทิ้งท้ายประโยคชวนพิศวง