7 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้นทุกคนตื่นมาด้วยความสดชื่น แต่ใครจะไปคิดว่า ป้านุชกับคุณหญิงที่แอบไปคุยกันเมื่อคืนนี้คือเรื่องเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรสของอัคราวิชญ์และวีรภัทรา ซึ่งคุณหญิงได้แอบติดต่อนายทะเบียนไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าตามแผนเดิมคือหลังจากจัดงานแต่งงานแล้ว นายทะเบียนจะเข้ามาพร้อมเอกสารในวันแต่งงาน แต่เมื่องานมันล่มไปเลยย้ายวันมาจดอีกวันแทน ส่วนงานแต่งงานค่อยว่ากันอีกที
หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง อัคราวิชญ์และวีรภัทราเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินลงมาที่ชั้น 1 โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าข้างหน้ามีการเตรียมการอะไรไว้แล้วตอนนี้ จนเขากับเธอเห็นคุณแม่และคุณป้านุชแต่งตัวสวยผิดปกติ แถมยังชวนให้ไปยังห้องโถงใหญ่ที่จะใช้เวลามีงานสำคัญ พอพวกเขาทั้ง 4 คนเดินทะลุเข้าไปห้องนั้นก็เจอเข้ากับนายทะเบียน นักข่าวทุกสำนักและช่างกล้องที่เตรียมถ่ายภาพบรรยากาศในงานวันนี้ แสงแฟลชกล้องมากมายสาดใส่กันไม่ยั้งตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเดินเข้าไป
คุณหญิงวิไลรัตน์และป้านุชพาทั้งคู่เดินไปนั่งที่โซฟาหนังแท้สไตล์เหลี่ยมมุมป้านสีโมโนโทนดูมีภูมิฐาน หลังจากที่ทั้งคู่หย่อนตัวนั่งลงแล้ว ทั้งคุณหญิงและป้าก็นั่งลงขนาบข้างทั้งคู่ทันที
"ไม่ทราบว่าที่เชิญนักข่าวมาวันนี้ ทางคุณหญิงวิไลรัตน์มีข่าวดีอะไรหรือเปล่าคะ" นักข่าวคนหนึ่งยกมือขึ้นถามอย่างตรงประเด็น
"ค่ะ สิ่งที่ดิฉันต้องการแจ้งให้ทุกท่านทราบคือ อัคราวิชญ์หรือคินน์ ลูกชายของดิฉันกำลังจะแต่งงานกับหลานสาววีรภัทราหรือวี ซึ่งเป็นหลานของคุณพี่อรนุช และที่สำคัญยังเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่ดิฉันจบมาด้วยค่ะ" คุณหญิงเกริ่นนำอย่างละเอียด ก่อนจะเว้นวรรคและอธิบายเหตุผลที่แท้จริงในวันนี้
"ครอบครัวของเราทั้งคู่ตกลงกันที่จะเป็นครอบครัวเดียวกัน และวันนี้พิเศษมากก็คือ จะมีการจดทะเบียนสมรสต่อหน้าทุกท่านค่ะ" คุณหญิงแจ้งข่าวต่อหน้านักข่าวและทุกคนที่อยู่ในงานนี้อย่างฉะฉานและชัดถ้อยชัดคำ
"ยินดีด้วยค่ะ" นักข่าวต่างพูดแสดงความยินดีพร้อมปรบมือ แต่ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปรัว ๆ และยิงคำถามที่ทำเอาวีรภัทราหน้าเจื่อนลง
"ไม่ทราบว่าคุณวีรภัทรามารู้จักและรักกับคุณอัคราวิชญ์ได้ยังไงหรือคะ เนื่องว่าเท่าที่จำได้ ก่อนหน้านี้คุณอัคราวิชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และก็เพิ่งจากไปไม่นานมานี้เอง" คำถามยิงตรงจากนักข่าวเล่นทำเอาทุกคนรู้สึกจุกในคอขึ้นมา
"ดิฉันเป็นคนแนะนำให้เขาทั้งคู่รู้จักกันค่ะ พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อนนี่แหละค่ะ แต่อาจจะด้วยความน่ารักและใส่ใจคนอื่นของหลานวี ทำให้ทั้งคู่ตกลงปลงใจกันได้เร็วกว่าปกติที่หลายคนเป็นกันค่ะ" คุณหญิงพูดขึ้นมาหลังจากเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดีและอาจจะทำให้คนตีความผิดไปได้ และคุณหญิงไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มให้กำลังใจวีรภัทราด้วย
"ค่ะ ถ้างั้นก็หมายความว่าทั้งคู่ชอบพอกันเลยตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกันถูกไหมคะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจนต้องตัดสินใจทำแบบนี้ใช่ไหมคะ" นักข่าวอีกสำนักจี้ถามต่อ
"ไม่ใช่แน่นอนค่ะ" คุณหญิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ขอถามคุณอัคราวิชญ์หน่อยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณวีรภัทรามีอะไรที่ดึงดูดหรือทำให้คุณ อัคราวิชญ์ประทับใจเป็นพิเศษเหรอคะ พอจะยกตัวอย่างให้หน่อยได้ไหมคะ" นักข่าวสำนักที่ 3 ถามเชิงลึกเพิ่ม ทำให้อัคราวิชญ์กลืนน้ำลายลงคอทันที เพราะเขาไม่รู้จะต้องตอบคำถามนี้ยังไงดี แต่ด้วยประสบการณ์การทำงานและความรักที่เขามีในอดีตเลยพยายามหาจุดเชื่อมโยงของพวกเขาทั้งคู่
"ผมว่าน้องวีน่ารักดีครับ เธอเอาใจใส่และเป็นกำลังใจให้ผมในทุก ๆ เรื่องครับ" อัคราวิชญ์ตอบไว้หน้าทุกคน ทั้ง ๆ ที่ในใจก็รู้สึกเคืองแม่ไม่หายที่ทำอะไรไม่ปรึกษาเขาก่อน
"แล้วทางคุณวีรภัทราล่ะครับ ในคำถามเดียวกัน" นักข่าวคนเดิมหันมาถามวีรภัทรา
"วีว่าพี่คินน์ใจดีและก็ดูแลดีมากค่ะ" วีรภัทราตอบเท่าที่เธอนึกออกตอนนี้ เพราะเธอตื่นเต้นและกังวลมาก รวมถึงไม่ค่อยพอใจที่ป้านุชบีบให้เธอต้องมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้
"ขอสอบถามความคิดเห็นของคุณอัคราวิชญ์ครับ ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับสิ่งที่เลขาทำกับคุณล่าสุดครับ"
"ผมแค่สงสารและเห็นใจครับ และผมอยากฝากข้อคิดไว้ด้วยว่า คนเราจะรักจะชอบใครไม่ผิดครับ แต่อย่ามาทำร้ายกันโดยอ้างว่านี่คือความรัก มันไม่ใช่ครับ" อัคราวิชญ์ตอบตรงไปตรงมา
"เลขาคนล่าสุดของคุณอัคราวิชญ์ที่ก่อเรื่องไป เขาก็เป็นลูกไฮโซ เรียนจบสูง คุณสมบัติครบถ้วน เธอคนนั้นไม่ได้อยู่ในพิจารณาของคุณในด้านคู่ชีวิตเลยเหรอครับ"
"สำหรับผม คำว่าคู่ชีวิต มีหลายองค์ประกอบมากมายครับ แต่สิ่งที่สำคัญในความรู้สึกผมคือต้องมีความรัก ความเข้าใจ ส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ครับ แม้น้องคนนั้นจะมีหลายด้านที่ใช่ แต่ถ้าจังหวะชีวิตของเราไม่ตรงกัน หรือไม่ได้อยู่ในช่วงจังหวะเดียวกับผมก็ไม่สามารถเป็นไปได้ครับ นั่นถึงทำให้ผมตัดสินใจออกมาแบบนี้ครับ" อัคราวิชญ์ตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง ส่วนวีรภัทราที่กำลังนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ก็แอบสับสนในใจว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ทั้ง ๆ ที่ก็มีคำตอบที่ดีขนาดนี้
"ขอบคุณครับ/ค่ะ" นักข่าวทุกคนพูดพร้อมกัน ในจังหวะเดียวกันกับที่วีรภัทราก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หลังจากนั้นนายทะเบียนก็หยิบเอกสารที่ต้องเซ็นยื่นมาวางที่โต๊ะกระจกใสด้านหน้าทั้งคู่ และเมื่อเสร็จเรียบร้อยก็มีการถ่ายรูปร่วมกันทั้งแบบครอบครัว และแบบคู่ จากนั้นก็แยกย้ายกันไป ในด้านของอัคราวิชญ์เลือกที่จะเดินทางกลับบ้านตัวเอง ส่วนป้านุชและวีรภัทราขอตัวกลับบ้าน โดยคุณหญิงวิไลรัตน์ได้เสนอให้คนขับรถพาไปส่งที่บ้าน
ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพที่สื่อนำไปลงข่าว เพียงไม่กี่นาทีก็กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ร้อนแรงที่สุดในวันนี้กับการเปิดตัวสะใภ้เพียงคนเดียวของตระกูลรุ่งโรจนพัฒน์ว่า ผู้หญิงคนไหนจะมามัดใจผู้ชายที่แสนสมบูรณ์แบบคนนี้ได้ หลังจากที่เขาได้สูญเสียคนรักไปเมื่อปีก่อน ทำเอาพนักงานบริษัทที่สนใจอัคราวิชญ์และอยากทอดสะพานให้อยู่แล้ว ต่างทำท่าจะเป็นลมบ้างล่ะ โวยวายบ้างล่ะ จนตอนนี้ในแชทกลุ่มต่าง ๆ เด้งรัว ๆ โดยเฉพาะกลุ่มทีมบัญชีที่มีวีรภัทราอยู่ด้วย
ระหว่างทางที่ป้านุชและวีรภัทรานั่งรถกลับบ้าน วีก็เปิดอ่านข้อความเหล่านั้น ซึ่งตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเรื่องงาน แต่ปรากฏว่าข่าวการจดทะเบียนสมรสของเธอได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เธอค่อย ๆ เลื่อนอ่านทีละข้อความ เห็นก็จะมีแต่หัวหน้าที่เข้ามาแสดงความยินดี ส่วนพริมาเพื่อนสนิทเธอได้ทักแยกมาแสดงความยินดีไปก่อนหน้านี้แล้ว และตอนนี้เธอเองก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรก็ไม่รู้มาติดอยู่ที่คอ กลืนน้ำลายลงคอได้ไม่เต็มที่สักที
"ยินดีด้วยนะ" หัวหน้าทีมพิมพ์เข้ามาเป็นคนแรก
"ขอบคุณค่ะ" วีรภัทราตอบกลับ
"ไม่รู้ว่าคุณวีรภัทราไปจับคุณอัคราวิชญ์ได้ยังไงนะ อุ๊ย! ไม่ใช่สิ ไปมัดใจคุณอัคราวิชญ์ได้ยังไง ฉันยังจำได้อยู่เลยว่าคุณนันทิชาทั้งน่ารักและอ่อนโยนขนาดไหน ไม่น่าลงมาเลือกคนที่ดีแต่ทำงานเอาหน้านะ ขอโทษนะคะ ไม่ได้ว่าคุณวีรภัทราค่ะ" คนในทีมเดียวกับวีรภัทราพิมพ์แซะขึ้นมา
"นั่นสิ เห็นด้วย นี่ ๆ ฉันได้ข่าวว่า เลขาญาณิศา นั่นก็รวยระดับไฮโซเลยนะ ถ้าไม่ติดที่นางออกตัวเยอะขนาดนั้น ก็ไม่แน่อาจจะได้คุณอัคราวิชญ์ไปก็ได้ เพียบพร้อมขนาดนั้น น่าเสียดายจริง ๆ" อีกคนก็พิมพ์ผสมโรงเข้ามาด้วย
"ใช่ ๆ นี่เห็นข่าวล่าสุดยัง"
"อะไร ๆ รีบบอกมาเร็ว"
"ก็จะอะไรซะอีก จริง ๆ แล้ววีรภัทราจนมาก สงสัยคงหวังเกาะครอบครัวคุณอัคราวิชญ์ จึงรีบเอาตัวไปเสนอแบบนั้น"
"โอ้ ร้ายเหมือนกันนะ เห็นหน้าใส ๆ แบบนั้น"
"ใช่เลยค่ะ"
พนักงานทุกคนต่างเห็นด้วยกับสิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สนใจถามความจริงจากวีรภัทราแม้แต่คนเดียว ทำให้เธอเห็นธาตุแท้ของทุกคนว่า แท้จริงแล้วต่อหน้ากับลับหลังคนละอย่างเลย ที่ทำดีกับเธอที่ผ่านมามันก็แค่ผลประโยชน์เท่านั้น หลังจากที่เธอก้มหน้าอ่านข้อความด้านลบเหล่านั้นเสร็จก็พยายามตั้งสติ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าถึงหน้าบ้านตัวเองพอดี เธอเลยได้โอกาสหลบหน้าทุกคนวิ่งขึ้นไปที่ชั้น 2 ห้องนอนตัวเองทันที โดยไม่สนใจทักทายคนในบ้านหรือรอคุยกับป้านุชก่อน เธอรู้สึกทั้งกลัว อึดอัดและอายมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนในที่ทำงานในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ทันจะข้ามวัน ข่าวใหญ่โตก็ประกาศออกมาว่า เธอเป็นผู้หญิงที่รักร่วมเพศ จะมาแต่งงานกับผู้ชายได้อย่างไร พร้อมมีหลักฐานที่เธอจูบกับผู้หญิง เมื่อเธอเห็นพริมาโทรมาจึงกดรับสายทันที
"แกได้อ่านข่าวยัง" พริมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
"เห็นแล้ว กำลังอ่านอยู่" วีรภัทราตอบด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกกลับไป
"ทำไมแกดูไม่คิดมากหรืออะไรเลยล่ะ" พริมาถามกลับอย่างสงสัย
"ก็เรารู้ไงว่าใครทำ เพียงแต่กำลังคิดว่าจะจัดการยังไงดี" วีรภัทราตอบกลับอย่างเรียบเฉย
"ขนลุกเลยนะ แกยิ่งไม่ค่อยนิ่งด้วย ถ้าเป็นเรื่องเสียหายขนาดนี้ ตอนนี้ในโลกออนไลน์ลามปามไปถึงครอบครัวแกหมดแล้ว อย่าช้าล่ะ" พริมาพูดเตือนด้วยความกังวล
"อืม รู้แล้วแหละ" วีรภัทราตอบกลับ ยังไม่ทันได้พูดคำต่อไป เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น 3 ทีพร้อมเสียงเรียกชื่อเธอ
"หลานวี ป้านุชเอง ทำไรอยู่ ป้ารู้เรื่องข่าวล่าสุดแล้ว และตอนนี้คุณหญิงเขาร้อนใจมาก เลยเดินทางมาที่บ้านเราแล้ว ลงมาเร็ว ๆ ล่ะ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอนะ" ป้านุชพูดน้ำเสียงดุ ๆ และดูไม่สบอารมณ์เท่าไร
"ค่ะป้า" วีรภัทราตะโกนตอบรับป้านุชเสร็จ ก็หันมาคุยโทรศัพท์ต่ออีกนิด เพื่ออธิบายเหตุการณ์ตรงหน้านิดหน่อย ก่อนจะวางสายจากพริมาไป
เมื่อวีรภัทราเปิดประตูห้องนอนออกมาก็เห็นป้านุชยืนรออยู่ ยังไม่ทันทีเธอจะอ้าปากบอกป้าให้ลงไปข้างล่างกัน ป้าก็ยกมือขึ้นตบหน้าเธอทันที เสียงตบดังลั่นสนั่นจนคุณย่ากัลยาณีที่นั่งเล่นอยู่มุมหนึ่งที่ชั้นล่างกับคุณปู่ณรงค์สะดุ้งตกใจและร้องโวยวายขึ้นมาด้วยความกลัว คุณย่าเพิ่งมาเป็นช่วงที่สูญเสียวัฒนชัยและยมลพรไป ซึ่งก็คือพ่อแม่ของวีนั่นเอง จึงทำให้หลังจากวันนั้นทุกคนในบ้านพยายามที่จะไม่ทำเสียงดัง แต่ครั้งนี้ป้าคงทนไม่ไหวจริง ๆ ทั้งโกรธ ทั้งอายคนอื่น อุตส่าห์เก็บเป็นความลับ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะทำแบบนี้ นอกจากจะทำเรื่องงามหน้าแล้ว กัลย์กมลยังมีหลักฐานเก็บไว้ข่มขู่อีก
เมื่อถึงชั้นล่าง รอยแดงที่หน้าวีรภัทรายังไม่หายไปไหน ส่วนคุณหญิงเองก็พยายามเก็บสีหน้าที่เหมือนโดนป้านุชหลอกเอาของย้อมแมวมาให้ ป้านุชและวีรภัทรานั่งลงเสร็จ คุณหญิงก็พูดขึ้นเลยทันที
"หลานวี แม่ขอถามตรง ๆ นะ รูปภาพนั้นคือเรื่องจริงใช่ไหมจ้ะ" คุณหญิงพยายามไม่แสดงออกมากมาย และถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ
"ค่ะ แต่...มันก็ผ่านมาสักพักแล้วค่ะ" วีรภัทราตอบตามความจริง พลางก้มหน้าบีบมือตัวเองอยู่
ป้านุชหันขวับไปหาวีรภัทราทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ ป้ารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที อีกทั้งใจยังร้อนรุ่มไปหมด ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน "คุณหญิงรัตน์ พี่ขอโทษสำหรับเรื่องนี้นะคะ แต่จริง ๆ แล้ว..." ยังไม่ทันที่ป้านุชจะอธิบายต่อ ก็ถูกคุณหญิงขัดขึ้น
"ถึงยังไงหลานวีก็เคย ๆ กับคนพวกนั้น จะให้รัตน์ทำยังไงล่ะคะทีนี้" คุณหญิงถามกลับด้วยการใช้คำพูดเลี่ยง ๆ ออกไป
"เรื่องนี้ก็ตอบรับแค่ว่าเป็นรูปของหลานวีจริง แต่ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ บอกว่าคนเราก็มีช่วงชีวิตที่เล่นมากไปจนอาจเลยเถิด แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว" ป้านุชพยายามพูดหาทางลงให้กับปัญหานี้
"ก็ได้ค่ะ แต่อย่างนี้แม่ไม่ได้ฝืนใจหลานวีใช่ไหมจ้ะ ที่ต้องมาแต่งงานกับคินน์น่ะ" คุณหญิงยังถามต่อ
"ค่ะ ไม่ลำบากใจเลยค่ะ เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก" วีรภัทราพยายามตอบคำถามให้ตรงใจป้านุชมากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาทีหลังกันอีก
"งั้นก็...แม่จะแจ้งนักข่าวไปตามที่คุยกันไว้นะจ้ะ" คุณหญิงพูดสรุปก่อนจะขอตัวกลับ
พอคุณหญิงวิไลรัตน์กลับไปแล้ว ป้านุชก็หันมาคาดโทษวีรภัทราทันที ต่อว่าที่ทำอะไรไม่คิด และบังคับให้ทิ้งของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกัลย์กมล ก่อนที่อะไร ๆ จะมีตามมาหลังจากนี้ เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 และต้องการกำจัดไปให้พ้นทาง
วีรภัทราทำได้แค่ทำตามที่ป้าสั่ง มีเพียงอย่างเดียวที่ป้าไม่เคยบังคับเลยในชีวิตคือเรื่องการเรียน อยากเรียนอะไรก็ได้หมด แต่พอเป็นเรื่องความรักทีไร เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกขังอยู่ในกรงตลอดเวลา เธอได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง