Chereads / สุดแสงสีหม่น / Chapter 18 - แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

Chapter 18 - แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

เมื่อรถยนต์คันหรูของผู้บริหารหนุ่มสุดหล่อเข้ามาจอดเทียบหน้าบริษัท ซึ่งอัคราวิชญ์ไม่ได้ทำมานานแล้วหลังจากที่นันทิชาจากไป ทำให้เหล่าพนักงานบริษัทหันมามองกันเป็นตาเดียวทั้งหมด

"ทำไม... คุณถึงมาจอดตรงนี้ล่ะคะ" วีรภัทราถามอย่างกังวลใจออกไป

"ก็ปกติไหม หรือคุณจะเดินจากลานจอดรถแทน" อัคราวิชญ์สวนกลับทันควัน

"แบบนั้นดีกว่าค่ะ" วีรภัทราพูดพลางก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น เธอยังจำเหตุการณ์ได้ดีทุกอย่าง ชีวิตเธอที่เคยสงบสุขก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หลังจากวันที่จดทะเบียนสมรสกับอัคราวิชญ์

"กลัวอะไร" อัคราวิชญ์ถามกลับอย่างสงสัย เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน

"ปะ...เปล่าค่ะ" วีรภัทราพยายามไม่ตอบอะไรให้ยืดยาว แต่กลับทำให้อีกฝ่ายทำสีหน้าสงสัยออกมา

"อืม งั้นก็ลงไปได้แล้ว จะให้จอดตรงนี้อีกนานไหม" อัคราวิชญ์พูดอย่างเซ็งที่อุตส่าห์จะดูแลให้ตามที่รับปากกับที่บ้านวีรภัทราไว้ แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ง่ายอย่างที่คิดสินะ

พอวีรภัทราก้าวขาลงจากรถ พนักงานหลาย ๆ คนต่างก็ซุบซิบนินทาต่อหน้าเธอทันที ยิ่งทำให้เธอประหม่า และกังวลเพิ่มขึ้นอีก ขาที่เธอต้องก้าวไปข้างหน้ากลับรู้สึกหนักหน่วงขึ้นมาจนก้าวไม่ออก ขณะที่เธอยืนมึนอยู่นั้น พริมาก็มาถึงที่ทำงานพอดี และเห็นท่าทางของพนักงานพวกนั้น จึงรู้ว่า ทำไมเธอถึงยืนอยู่กับที่ ไม่ยอมไปขึ้นลิฟต์ จึงตัดสินใจพาเธอเข้าไปแทน

วีรภัทราสะดุ้งขึ้นหลังจากพริมากระโดดเข้าไปควงแขนเธอ จากนั้นเธอก็กระพริบตาเล็กน้อยและสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อตั้งสติ พลางยิ้มนิด ๆ และเดินเข้าไปพร้อมกับเพื่อนสนิท เมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานทีมบัญชีก็ต้องตกใจ เพราะอัคราวิชญ์มานั่งรอที่โต๊ะของเธอแล้ว

"ไปไหนมา ทำไมขึ้นมาช้า" อัคราวิชญ์พูดและแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมา

"ก็..." วีรภัทราพยายามคิดถึงคำแก้ตัว แต่ก็ถูกพริมาชิงพูดตัดหน้าก่อน

"ขอตัวก่อนนะคะ" พริมารีบบอก และเดินหลบไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะแตะแขนวีรภัทราเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

"คือ...ดิฉันแค่ทำตัวไม่ถูกก็เลยยืนอึ้งอยู่ข้างล่างแป๊บนึงค่ะ" ในใจวีรภัทราคิดว่านี่คือคำแก้ตัวที่ดีที่สุดแล้วตอนนี้ แต่อัคราวิชญ์ขมวดคิ้วขึ้น และทำสีหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่เธอตอบไปเมื่อกี้ ก่อนจะบอกว่า

"คุณขึ้นไปคุยที่ห้องทำงานผมละกัน" อัคราวิชญ์พูดนิ่ง ๆ และลุกขึ้นเดินนำวีรภัทราไป เธอเดินตามเขาไป พลางคิดไปด้วยว่า เขาต้องการคุยเรื่องอะไรกันแน่นะ และความกลัวในใจเธอก็ก่อขึ้นอีกครั้ง เพราะไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้าน จึงกลัวการจับจ้องของคนอื่น เลยเอาแต่เดินก้มหน้าจนเดินไปชนที่หลังของเขา

"เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย" อัคราวิชญ์พูดอย่างหงุดหงิดใจ ไม่วางฟอร์มอย่างที่เคย เพราะตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวเขาแล้ว

"ไม่... ไม่มีอะไรค่ะ" วีรภัทราพูดติดขัดอีกแล้ว

"จะไม่มีอะไรได้ไง" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น พลางนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานเขา และชี้บอกให้วีรภัทรานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

"คุณพูดมาตามตรงดีกว่า" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น พลางยกมือขึ้นมากุมไว้บนโต๊ะ

"คุณแก้ไขอะไรให้ดิฉันไม่ได้หรอกค่ะ" วีรภัทราตอบกลับไปด้วยเหตุผล

"ทำไมจะไม่ได้ นี่บริษัทฉันนะ" อัคราวิชญ์พูดพลางยกมือผายออกทั้ง 2 ข้าง

"บางเรื่องมันก็แก้ไม่ได้หรอกค่ะ อำนาจที่คุณมี ไม่ได้ทำให้คุณอยู่เหนือกว่าจนทำอะไรก็ได้นะคะ" วีรภัทราพูดอย่างเถรตรงกลับไป

อัคราวิชญ์ฉุนกึกกับคำตอบของวีรภัทรา จากที่เขาอยากจะช่วยเธอ ตอนนี้เขาเริ่มไม่อยากทำแล้ว แต่จะแสดงออกไปแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะจะดูไม่มีเหตุผล เขาจึงตอบกลับอย่างเย็นชาว่า

"อืม แล้วแต่คุณละกัน" อัคราวิชญ์ทำเป็นเข้าใจในสิ่งที่วีรภัทราต้องการจะสื่อ

"ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ" วีรภัทรารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ที่จะต้องมานั่งเสวนากับอัคราวิชญ์ จึงรีบขอตัวกลับไปทำงาน เขาพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าอนุญาต เธอจึงลุกขึ้น หมุนตัว และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอัคราวิชญ์ได้แต่นั่งมองและพิจารณากับท่าทีของเธออยู่สักพัก แล้วก็ปล่อยผ่านไป เพราะในเมื่อเธอขอไว้แบบนั้น เขาก็จะเคารพในการตัดสินใจของเธอ

เมื่อวีรภัทรากลับมาถึงห้องทำงาน ก็เห็นเพื่อนร่วมงานเต็มห้องแล้ว เธอจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปนั่งยังโต๊ะทำงานตัวเอง ขณะที่เธอกำลังหย่อนตัวลงนั่ง ก็ถูกเพื่อนร่วมงานพูดลอย ๆ ขึ้นมาอีกแล้วว่า

"สบายจังนะ ไม่ต้องรีบทำงาน จะเดินไปไหนมาไหนก็ได้หมด ไม่มีใครกล้าว่า" พนักงานหญิงคนหนึ่งพูดแขวะใส่พลางปรายตาไปที่วีรภัทรา

"เดี๋ยวนี้กลายเป็นตัวอิจฉากันหมดแล้วเหรอเนี่ย" พริมาก็เข้ามาร่วมผสมโรงด้วยการพูดลอย ๆ บ้าง

"พวกหมานั่งเฝ้าก็มีด้วยหรือนี่" พนักงานหญิงคนเดิมยังคงต่อล้อต่อเถียงไม่หยุด

"พวกผีสางมันเยอะจังเลย วี แกไปทำบุญให้พวกนั้นหน่อยไหม" พริมาได้ทีพูดประชดใส่

"นี่! ว่าใคร" พนักงานหญิงคนเก่าพูดเสียงดังจนแสบหูแก้วพร้อมถลึงตาใส่พริมา

"หยุด ๆ พอได้แล้ว" พนักงานชายในทีมพูดห้ามทัพของทั้งคู่ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้

"ไม่ต้องเลยคุณ พอเห็นเขามีเส้นสายหน่อย ก็พร้อมอยู่ข้างเดียวกันเลยนะ" พนักงานหญิงอีกคนที่ก็ไม่ได้ชอบวีรภัทราและพริมามากนักก็ตวาดแว้ดใส่

"ครับ ผมเป็นคนชัดเจน ว่าแต่พวกคุณเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้เจ้านายมาเป็นสามี พวกคุณคงไม่ร้อนรนขนาดนี้หรอกมั้ง" พนักงานชายคนเดิมพูดจี้จุดกลับใส่พนักงานหญิง 2 คนนั้น ทำให้ความโกรธของพวกเขาพุ่งพล่านเพิ่มขึ้นไปอีก แต่แทนที่จะไปลงกับคนที่พูด กลับมาลงกับวีรภัทราแทน

พนักงานหญิง 2 คนที่กล่าวหาวีรภัทราเมื่อกี้เดินเข้าไปจะตะปบเธอเหมือนเจอเหยื่อที่อยากล่า แต่ยังไม่ทันถึงตัวเธอก็โดนพริมาเข้ามาแทรกเพื่อช่วยเพื่อน รวมถึงพนักงานชายคนดังกล่าวที่เข้ามาร่วมวงโต้เถียงเมื่อกี้ด้วย ทำให้วีรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด แต่ถึงยังงั้นอาการที่เธอหวาดกลัวก็กำลังคืบคลานกลับมาอีกครั้ง ทำให้เธอต้องลุกขึ้นออกไปสูดอากาศภายนอกทันที โดยไม่ฟังเสียงตะโกนแหกปากไล่หลังของพนักงานหญิงปากดีที่พยายามเรียกให้เธอกลับมา

หลังจากพริมาและพนักงานชายช่วยกันจัดการแล้ว ยังมีหัวหน้าทีมที่เฝ้าสังเกตการณ์มาสักพักเข้ามาช่วยสงบศึกให้ เลยทำให้ทุกอย่างกลับเข้ามาอยู่ในภาวะปกติ แต่ที่ไม่ปกติตอนนี้คือวีรภัทรา นั่นคือความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวพริมทันที เธอจึงรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปหาวี เมื่อเจอตัวก็เห็นวีกำลังนั่งขดตัวอยู่มุมหนึ่งด้วยอาการสั่นกลัวพร้อมทั้งพยายามหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติ พอเธอเห็นอาการวีแบบนั้น จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปหา ลูบหลัง จับมือนวดเบา ๆ ให้ เพื่อคลายความเครียดและความกังวลของวี

อาการของวีรภัทราค่อย ๆ ดีขึ้น พวกเขาจึงชวนกันเดินกลับเข้าห้องเพื่อไปทำงานต่อตามปกติ หลังเลิกงานทั้งคู่จึงรีบเก็บของและกลับทันที โดยเลือกการเดินลงบันไดแทนการลงลิฟต์ แม้จะอยู่สูงมาก แต่มันก็ทำให้เธอไม่หวาดกลัวและกังวลมากจนเกินไป พอเดินลงมาถึงชั้น 1 และกำลังจะเดินถึงหน้าประตูบริษัท ก็มีเสียงเรียกจากหน่วยรักษาความปลอดภัยรั้งเธอไว้

"คุณวีรภัทราครับ" เสียงเรียกอย่างสุภาพ ทำให้วีรภัทราหยุดเดินต่อ และหันกลับมามองหาต้นเสียง

ผู้ชายที่มาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาวีรภัทราแล้วพูดต่อว่า "คุณอัคราวิชญ์ขอให้คุณรอกลับบ้านพร้อมกันครับ"

"เออ... ช่วยแจ้งเขาให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าดิฉันไม่ค่อยสบาย ขอกลับตัวก่อนค่ะ" วีรภัทราลังเลที่จะบอกความจริง เลยอ้างเรื่องทั่วไปกลับไป

"คือว่า..." คนที่แจ้งเรื่องให้วีรภัทราทราบพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงลังเล

"นะคะ ถือว่าดิฉันขอร้อง" วีรภัทราพูดและแสดงท่าทางขอร้องจนอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นเขาก็ไปแจ้งอัคราวิชญ์ หลังจากทราบเรื่องทั้งหมด เขาที่จะทำงานต่อจนเสร็จก็ตัดสินใจขนกลับบ้านบางส่วน ด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นจากอาการที่ไม่สู้ดีเมื่อเช้านี้

พออัคราวิชญ์ถึงบ้านก็รีบวางเอกสารที่ห้องรับแขก และขึ้นลิฟต์ตรงไปหาวีรภัทราทันที เขาเคาะเรียกเธออยู่หน้าห้อง 2 -3 ครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปด้วยกุญแจสำรอง เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะเห็นว่าเธอนอนขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา เมื่อเขาลองเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากเธอ จึงรู้ว่าตัวร้อนมาก ไข้ขึ้นสูง เลยตัดสินใจว่าจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อชุบน้ำ บิดหมาดแล้วมาเช็ดตัวให้เธอ แต่ปรากฏว่า จังหวะที่เขาจับลูกบิดประตูห้องน้ำเพื่อเปิดนั้น ก็มีอีกคนเปิดประตูออกมา เขายืนตกใจอยู่สักพัก เพราะเขาไม่คิดว่า เพื่อนสนิทเขาจะมาอยู่ถึงในห้องนอนของภรรยาเขา

"กลับมาแล้วเหรอ" ณัฐชานนท์ทักขึ้นก่อน

"เฮ้ย นนท์มาได้ไง" อัคราวิชญ์โพล่งคำถามที่อยู่ในใจออกไปอย่างไม่วางมาดใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว

"ก็... พอดีโทรหาวี แล้ววีบอกว่าป่วย ก็เลยแวะมาเยี่ยม" ณัฐชานนท์ตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

"แปลกนะ ปกตินนท์ไม่เคยสนใจมาดูแลใครเลย" อัคราวิชญ์พูดกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

"คุยถูกคอ ก็เลยสนิทกัน ไม่มีอะไรหรอก" ณัฐชานนท์ตอบกลับเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา จากนั้นอัคราวิชญ์ก็หมุนตัว เดินไปโอบไหล่เพื่อนพาเดินไปนั่งที่เก้าอี้

อัคราวิชญ์ลงไปนั่งแค่แป๊บเดียว ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วก็พูดขึ้นว่า "เดี๋ยวผมดูแลวีเอง นนท์ไปรอข้างล่างเถอะ" จากนั้นเขาก็เดินไปเปิดประตูให้เพื่อนเดินออกไป ซึ่งณัฐชานนท์ก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี

หลังจากที่อัคราวิชญ์เช็ดตัว ดูแลวีรภัทราเสร็จ ก็ลงไปที่ห้องรับแขกข้างล่าง แต่ก็ไม่เจอณัฐชานนท์แล้ว เขาเลยเรียกเพื่อนพลางเดินหาตามห้องต่าง ๆ แต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่ห้องครัว เพราะตอนนี้เพื่อนเขากำลังทำอาหารอ่อน ๆ ให้เธอ เขายืนอึ้งไปเลย ไม่รู้จะพูดยังไงดี ในใจก็ได้แต่สงสัยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันคืออะไรกันแน่นะ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป

"นนท์ ทำอะไรอยู่" อัคราวิชญ์เลี่ยงที่จะถามตรง ๆ ออกไป

"อ๋อ... ก็แค่โจ๊กอุ่น ๆ เดี๋ยววีตื่นแล้ว คินน์ช่วยเอาขึ้นไปให้หน่อยนะ" ณัฐชานนท์บอกกับอัคราวิชญ์เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาจนคินน์ถึงกับยืนงงว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมกลายเป็นแบบนี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น คินน์ก็ดูแลเธออย่างดีตลอดทั้งคืนจนอาการดีขึ้น

วีรภัทราตื่นขึ้นมาพร้อมเห็นว่าอัคราวิชญ์นอนเฝ้าเธออยู่ที่เก้าอี้บุนวมริมประตูฝั่งระเบียง เธอจึงหยิบผ้าห่มไปห่มให้เขา และลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปทำงานตามปกติ พอเขาตื่นขึ้นมา จึงรีบเข้าไปขอเช็คอาการเธอ แล้วเห็นว่าเธอยังไม่หายดี เลยบอกให้พักผ่อนอยู่บ้านก่อน แต่เธอดื้อเกินกว่าที่จะฟังคำพูดเขา แถมเธอยังใช้เหตุผลเรื่องโดนหักเงินเดือน เพราะเธอเคยลางานมาก่อนหน้านี้และครบตามจำนวนเงื่อนไขบริษัทไปแล้ว ยิ่งมีน้ำหนักมากพอ ทำให้เขาเถียงเธอไม่ออก เขาเลยปล่อยเธอให้ไปทำงานตามที่คุยไว้

วันนี้ที่ทำงานก็เกิดเรื่องเช่นเคย ทุกอย่างที่วีรภัทราเจอในที่ทำงานกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว คนที่ชอบหาเรื่องก็ยังคงทำอยู่อย่างนั้น ส่วนคนที่ไม่สนใจใครก็ทำเหมือนเดิม จากที่เธอไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวกับการกระทำของคนอื่น ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ เริ่มเห็นแล้วว่า ความริษยานั้นน่ากลัวขนาดไหน และเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ พอถึงวันหยุดเธอเลยตัดสินใจกลับไปเยี่ยมป้านุชและทุกคนที่บ้าน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและหาที่พึ่งพิง

เมื่อวีรภัทราถึงบ้าน เธอก็รีบเดินตรงไปกอดและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนย่ากัลยาณีด้วยความคิดถึงและห่วงหา

"ย่าณีคะ วีกลับมาหาแล้วนะคะ" วีรภัทรานั่งลงกับพื้นไม้พลางนวดมือคุณย่ากัลยาณีไปด้วย

"..." คุณย่ากัลยาณีไม่ได้ตอบอะไรกลับเพียงแค่นั่งมองเหม่อบนเก้าอี้ไม้โยกตัวเก่าเท่านั้น

"วีเสียใจมากเลยค่ะ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อนที่ทำงานเอาแต่แกล้งวีไม่ยอมหยุด วีไม่คิดว่า โตมาจะต้องมาเจอเรื่องนี้อีก วียังจำความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้ตอนวียังเด็กได้อยู่เลยค่ะ" วีรภัทราพูดอย่างเศร้าสร้อย น้ำตาก็เริ่มคลอขึ้นมา ภาพทุกอย่างถูกดึงย้อนกลับมา เหมือนดูหนังเรื่องเดิมอีกครั้ง

"…" คุณย่ากัลยาณียังคงนั่งฟังนิ่ง ๆ เหมือนเดิม

วีรภัทรายังคงพูดต่อ "เรื่องแต่งงานก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอกนะคะ ถึงบางครั้งเขาจะมีท่าทีเหมือนใส่ใจวี แต่วีก็ไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกลึก ๆ หรือแม้แต่ความคิดของเขา วีก็เดาไม่ถูกเลยค่ะ ล่าสุดเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของวีกับคุณนนท์ด้วยนะคะ" เธอถอนหายใจออกอย่างเซ็ง

แต่แล้วเสียงของชายแก่ ๆ ก็ดังขึ้น "ฉันว่าแล้วว่า แกไปอยู่ไหนก็มีแต่เรื่อง แบบนี้ไงฉันถึงเกลียดแกนัก ถ้าเป็นหลานชายคงดีกว่านี้" คุณปู่ณรงค์รีบปรี่เข้ามา เพราะอยากตำหนิหลานสาวตัวเอง และลึก ๆ แล้วคุณปู่ก็ไม่เคยคิดที่จะยอมรับของวีรภัทราเลยสักครั้ง

วีรภัทราเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างนิ่งสงบ เธอรู้ดีว่าจะต้องอดทนฟังคำบ่นของคุณปู่ณรงค์นับจากนี้เลย

"แกนี่ไม่เคยเห็นหรือไง พี่ชายฉันหรือที่แกเรียกเขาว่าปู่ธนเดชเนี่ย เขาประสบพบเจออะไร ทุกวันนี้ป่วยหนักแค่ไหน" คุณปู่ณรงค์พูดใส่อารมณ์กับวีรภัทรา เพื่อบอกให้เห็นถึงคนที่เคยผ่านโลกมาก่อนมันเป็นยังไง

"ทราบค่ะ วีทราบว่าปู่ธนเดชเคยคลุมถุงชนกับคนรวยแล้วไม่รอด แต่นั่นก็มีหลายปัจจัยนะคะ และที่วีมานั่งบ่นกับย่าณีวันนี้ก็เพราะ..." วีรภัทราพยายามอธิบายกลับ แต่ก็ถูกคุณปู่ณรงค์พูดขัดคอขึ้น

"แกไม่ต้องมายอกย้อน ฉันรู้ดี" คุณปู่ณรงค์พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย และก็เดินจากไป โดยไม่คิดจะแวะนั่งคุยกับคุณย่ากัลยาณี เพราะไม่อยากอยู่กับวีรภัทรา

"ค่ะ" วีรภัทราจึงตอบกลับคำที่คุณปู่ณรงค์ชอบฟังเท่านั้น และเธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกที่การคุยวันนี้ไม่ทำให้เรื่องบานปลาย

วีรภัทรากลับมามองหน้าคุณย่ากัลยาณีอีกครั้ง ก็ถูกคุณย่ามองด้วยแววตาอ่อนโยนพลางลูบหัวเธอไปด้วย แม้คุณย่าจะจำเธอไม่ได้ แต่ความอบอุ่นที่อยู่ในใจของคุณย่าก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้กลับมาหา