หลังจากเกิดเรื่องที่คุณหญิงวิไลรัตน์โดนลูกชายตัวแสบทำเรื่องงามหน้า จึงตัดสินใจโทรหาณัฐชานนท์ทันที เพื่อถามเรื่องราวว่าเป็นมายังไง ทำไมอัคราวิชญ์ถึงหนีไป แถมหนีไปยังอเมริกาที่ที่เคยมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกับนันทิชาอีกด้วย จะไม่เป็นการไปเปิดแผลของตัวเองเพิ่มขึ้นเหรอ นั่นคือสิ่งที่คุณหญิงกังวลเป็นอย่างมาก แต่พอได้รู้เรื่องราวผ่านปากเพื่อนสนิทคินน์ ก็ทำใจได้สบายมากขึ้น เนื่องจากเขาต้องการไปเก็บความทรงจำครั้งสุดท้าย ที่สำคัญเป็นการทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนที่จะยอมรับความจริงให้ได้และปล่อยเบสตี้ไป
ผ่านไป 1 วัน คุณหญิงวิไลรัตน์รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงโทรชวนป้านุชและวีรภัทรามากินข้าวเย็นด้วยกันที่คฤหาสน์ส่วนตัว
"สวัสดีค่ะคุณพี่นุช รัตน์เองนะคะ รัตน์อยากขอโทษด้วยการทำอาหารมื้อเย็นให้ทานค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพี่นุชสะดวกไหมคะ" คุณหญิงวิไลรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมปนเกรงใจอยู่ลึก ๆ ออกไป
"พี่ก็ไม่อยากจะติดใจอะไรนะคะ แต่ลูกชายของคุณหญิงเล่นทำตัวแบบนี้ จะให้พี่ไว้ใจฝากชีวิตหลานสาวของตัวเองไว้กับผู้ชายที่ทำตัวไม่มีความรับผิดชอบได้ยังงั้นเหรอคะ" ป้านุชยังไม่ยอมตอบคำถาม แต่ใช้น้ำเสียงเชิงตำหนิกลับไปอีกครั้ง
"ค่ะ รัตน์เข้าใจค่ะ รัตน์ได้โทรไปถามคินน์แล้ว เขาขอเวลาสัก 1 เดือนในการปล่อยวางเรื่องเก่าและเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง และคินน์ก็ฝากขอโทษมาด้วยค่ะ รัตน์เองก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันค่ะ" คุณหญิงทำเสียงสลดใส่กลับมาอย่างสำนึกผิดจริง ๆ จนป้านุชเริ่มใจอ่อน และตอบรับการเชิญ
"ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ขอดูปฏิทินสักครู่นะคะ" ป้านุชวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว ก่อนจะเปิดปฏิทินกระดาษที่อยู่บนโต๊ะทำงานตัวเองดู
"29 มกราละกันค่ะ" ป้านุชยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ หลังจากตัดสินใจวันได้แล้ว
"ค่ะ เจอกันเวลา 6 โมงเย็นนะคะ วันนั้นรัตน์จะส่งคนขับรถไปรับที่บ้านคุณพี่เลยนะคะ" คุณหญิงแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม และแสดงน้ำใจให้ป้านุชเห็น
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ" ป้านุชตอบกลับอย่างเรียบง่าย
เมื่อถึงวันนัด รถฮุนไดสีดำจากบ้านคุณหญิงวิไลรัตน์ก็มาจอดเทียบหน้าบ้านป้านุช พอวีรภัทราเห็นจากห้องนอนส่วนตัวชั้น 2 ก็รีบวิ่งลงไปหาป้านุชที่นั่งรอเธออยู่ข้างล่างทันที
"ป้านุชคะ รถมารับแล้วค่ะ" วีรภัทราวิ่งมาหยุดยืนตรงหน้าป้านุชที่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก และพูดด้วยอาการหอบเหนื่อยเล็กน้อย
"อืม ป้าได้ยินเสียงล่ะ แล้วนี่วิ่งทำไม เดินลงมาดี ๆ ไม่เป็นหรือ" ป้านุชตอบเสียงเรียบ แต่ยังไม่วายดุวีรภัทราเรื่องมารยาทอีกด้วย
"ขอโทษค่ะ" วีรภัทรายกมือขึ้นมาพร้อมกล่าวคำขอโทษทันที และสีหน้าก็สลดลงอย่างเห็นได้ชัด
"อืม เข้าใจแล้ว วันหลังก็อย่าทำอีก แล้วนี่อย่าไปทำหน้าตาแบบนี้ข้างนอก น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก" ป้านุชไม่ลืมที่จะสั่งสอนวีรภัทราทุกครั้งที่มีจังหวะ
"เข้าใจค่ะ" วีรภัทราพยายามปรับสีหน้าให้ปกติหลังจากได้รับคำตำหนิ และคำสั่งสอนจากป้านุช
"ไปได้แล้ว" ป้านุชลุกขึ้น เดินนำวีรภัทราไปยังรถที่คุณหญิงส่งมารับ
เมื่อรถเข้ามาจอดในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่โต วีรภัทราก็แสดงอาการตื่นเต้นออกมา ตะลึงงันในความยิ่งใหญ่ที่เห็นตรงหน้า จนป้านุชปรามเรื่องวางตัวให้ดี
"อย่ากระโตกกระตากทำตัวให้เป็นกุลสตรีหน่อย" เมื่อเธอได้ยินแล้วก็ยิ่งต้องปรับและวางตัวให้ดี เพื่อไม่ให้ป้ารู้สึกไม่ดีกับเธอ
"คุณพี่สวัสดีค่ะ เชิญเข้ามาด้านในได้เลยนะคะ รัตน์เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วค่ะ" คุณหญิงเดินออกมา และยิ้มแย้มให้ พร้อมเชิญชวนทั้งคู่เข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
"ค่ะ สวัสดีค่ะ" ทั้งป้านุชและวีรภัทราต่างก็ทักทายและเดินตามเข้าไปในบ้านของคุณหญิง
หลังจากที่มื้ออาหารกระชับความสัมพันธ์เสร็จสิ้นลง บรรยากาศมาคุที่อยู่ในใจก็ค่อย ๆ จะดีขึ้น จากนั้นคุณหญิงก็พาพวกเขามายังห้องโถงอันโอ่อ่า มีโซฟาสีดำขนาดใหญ่ พร้อมจอทีวีขนาดราวกับไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ พอทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงก็เป็นคนชวนคุยรำลึกความหลังของพวกเขา 2 คนถึงเรื่องราวในช่วงมหาวิทยาลัย
"คุณพี่ยังจำที่เราทำงานสโมสรของมหาวิทยาลัยได้ไหมคะ" คุณหญิงวิไลรัตน์เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
"จำได้สิ ตอนนั้นคุณหญิงเรียบร้อยมาก แทบไม่กล้าคุยกับใคร แต่ดันเลือกกิจกรรมที่ต้องพบปะคนเยอะ ๆ" ป้านุชเอ่ยพลางนึกถึงเรื่องราวในวันวานไปด้วย
"ใช่ค่ะ ๆ" คุณหญิงวิไลรัตน์ขำออกมาเล็กน้อย
"แล้วก็เป็นคุณพี่นี่แหละค่ะที่เข้ามาชวนคุย พาไปร่วมกิจกรรมทุกอย่าง สนุกมากเลยค่ะ" คุณหญิงวิไลรัตน์พูดต่ออย่างอารมณ์ดี
"ใช่เลย ๆ วันนั้นพี่เหนื่อยมาก คนอะไรเหมือนตุ๊กตา พาจับไปวางตรงไหนก็อยู่ได้หมด อดทนดีด้วยนะ" ป้านุชพูดชื่นชมคุณหญิงกลับ
"ขอบคุณค่ะ ก็เพราะมีคุณพี่ที่คอยเอ็นดูและดูแลมาโดยตลอดนี่แหละค่ะ" คุณหญิงยิ้มออกมาอย่างรู้สึกปลาบปลื้มใจ
"ค่ะ แล้วพอหลังจากจบไป เราก็หายกันไปเลย จนมาเจอตอนงานเลี้ยงรุ่นของคณะศึกษาฯที่ม.เกษตรฯ จำได้ไหมคะ ทำให้เรากลับมาคุยกันอีกครั้ง" ป้านุชพูดต่ออย่างสนุกสนาน
"ใช่เลยค่ะคุณพี่ เราเจอกันในงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะศึกษาศาสตร์เมื่อปี 2562 สนุกมาก แล้วก็ได้กลับมาเจอเพื่อนพ้องที่หายหน้าหายตาไปทำงานกัน ดีที่จัดตอนกลางวันนะคะ เดินทางไม่ลำบากดี" คุณหญิงพูดอย่างตื่นเต้น
"ใช่ค่ะ ชอบก็ที่จัดตอนกลางวัน ยิ่งเดี๋ยวนี้สายตาก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรแล้วด้วยค่ะ" ป้านุชพูดอย่างเห็นด้วย
"แล้วหลานวีเรียนที่จุฬาฯ มีจัดงานเลี้ยงอะไรแบบนี้ไหมจ้ะ" คุณหญิงวิไลรัตน์ถามอย่างสนอกสนใจ
"มีค่ะ งานวันครบรอบวันคล้ายวันสถาปนาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี 22 ตุลาคมปีที่แล้ว ครบรอบ 83 ปีด้วยค่ะ มีได้ไปเจอเพื่อน ๆ อาจารย์มากมายหลายคนเลยค่ะ" วีรภัทราพูดและยิ้มออกมา อีกทั้งแววตายังเต็มไปด้วยความสุขที่อยู่ในใจ
"อืม ดีแล้วจ้ะ" คุณหญิงวิไลรัตน์ยิ้มน้อย ๆ ออกมา
เวลาล่วงเลยไปถึง 2 ทุ่มครึ่งแล้ว ทำให้ป้านุชเปรยขึ้นมาว่า "เอ่อ... พี่ต้องขอตัวก่อนนะคะคุณหญิง วันนี้ดึกมากแล้ว ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะ แล้วไว้พวกเราค่อยนัดกันใหม่" พูดเสร็จก็ลุกขึ้นเตรียมตัวเดินออกไป
"ค่ะ รัตน์ขอไปเรียกคนขับรถให้ก่อนนะคะ" คุณหญิงบอกเสร็จก็ลุกเดินไปหาคนขับรถที่ตอนนี้กำลังนั่งพักอยู่ในบ้านพักที่คุณหญิงจัดไว้ให้
"ครับคุณหญิง" เสียงหนุ่มรุ่นใหญ่ที่ใช้ชีวิตกับการขับรถให้คุณหญิงมานานตอบรับและทำตามคำสั่งทันที
"มาแล้วค่ะ ขอบคุณที่มานะคะ สวัสดีค่ะ" คุณหญิงไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณและบอกลากัน
"สวัสดีค่ะ" ป้านุชและวีรภัทรากล่าวคำลา และเดินไปขึ้นรถ จากนั้นรถฮุนไดสีดำก็เคลื่อนออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่โตนี้ไปยังบ้านที่อบอุ่นของทั้งคู่