วีรภัทราผ่านพ้นในทุก ๆ วันด้วยกำลังใจดี ๆ จากคุณยายและพี่ ๆ ที่ร้านอาหารไทย เธอใช้คำแนะนำของคุณยายลองไปทำตามดู ปรากฏว่า ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันไม่ได้ช่วยแก้นิสัยคนชอบแกล้งคนอื่นได้ เพียงแต่เธอไม่ต้องโดนแกล้งหนักเท่าเดิม อะไรที่เธอหลบเลี่ยงได้ เธอก็หลบไป อะไรที่เธอมีเพื่อนเดินข้างได้ เธอก็จะชวนกัลย์กมลไปด้วยเสมอ
หลังจากวีรภัทราอายุครบ 10 ขวบได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ป้านุชที่แวะเวียนมาเรื่อย ๆ ก็ได้เจอเธอจริง ๆ สักที หลังจากที่คลาดกันบ่อย ๆ เนื่องจากเธอต้องไปทำงานบ้าง ไปเรียนบ้าง และคุณปู่ก็ชอบอ้างว่าเธอไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนตลอด ซึ่งป้าก็ไม่เคยสงสัย ทั้งยังเข้าใจนิสัยของเด็ก ๆ ดี อาจเพราะเป็นครูสอนภาษาไทยด้วย จนกระทั่งได้เห็นรอยฟกช้ำ รอยแผลตามแขน ขา ที่มือก็มี เธอจึงโดนสอบสวนเข้มว่าเกิดอะไรขึ้น พอป้ารู้เรื่องทั้งหมด ถึงกับแสดงความเสียใจออกมาผ่านสายตาและคำพูด มีแต่ความรู้สึกผิดอยู่เต็มอก
"ป้าเป็นป้าแท้ ๆ ของหลานวี แต่กลับดูแลได้ไม่ดี มัวแต่ไปดูแลลูกหลานของคนอื่น ป้าขอโทษนะ" น้ำตาป้านุชไหลลงมาเลอะแก้มเต็มไปหมด หลังจากที่เอ่อล้นอยู่นานระหว่างที่เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของป้า วีเองที่ดูแลตัวเองไม่ได้" วีรภัทราจับมือปลอบใจป้านุชอยู่นาน
"ไม่ผิดเลยที่หลานวีจะดูแลตัวเองไม่ได้ หลานอายุแค่นี้เอง ถ้าดูแลตัวเองได้ป้าก็ชื่นชม แต่ถ้าทำไม่ได้ ป้าก็ไม่โทษหลานหรอก เข้าใจมาก ๆ มันเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องช่วยดูแล เข้าใจนะหลานวี" ป้านุชพูดเสร็จก็เข้าไปกอดเธอไว้แน่น
"เข้าใจค่ะ ขอบคุณนะคะ" วีรภัทราพูดพลางกอดตอบกลับไป
"มา เดี๋ยวป้าพาไปกินของอร่อย ๆ" พูดเสร็จก็จูงมือเธอไปหาคุณปู่ บอกให้รู้ว่าเดี๋ยวพากลับมาส่งที่บ้าน ซึ่งคุณปู่ก็รับฟัง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ป้านุชพาวีรภัทราไปแต่งตัวที่ห้อง โดยเธอใส่ชุดกระโปรงยาวถึงเข่าสีชมพูพาสเทลหวานน่ารัก ถักเปีย 2 ข้าง และรองเท้าแตะเก่า ๆ ที่ดูเหมือนเธอจะใส่เกิน 4 ปีมาแล้วนับตั้งแต่คุณแม่เธอซื้อให้
วันนี้วีรภัทรามากินเกี๊ยวหมูกับป้านุชเป็นครั้งแรก คำแรกที่เธอได้ลองชิม รู้สึกสดชื่น อบอุ่นไปทั่วร่างกายเหมือนได้ถูกโอบกอดจากใครสักคน ไม่รู้ว่าที่รู้สึกแบบนี้เพราะได้กินเป็นครั้งแรกหรือเพราะป้านุชพามานะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หลังจากกินเสร็จ เธอรู้สึกอยากยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลย ในใจเธอรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
"อร่อยไหม" ป้านุชเอ่ยถามขึ้น
"อร่อยมากค่ะ วีเพิ่งรู้ว่ามีที่แบบนี้ด้วยค่ะ" วีรภัทราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจ
"อร่อยก็กินเยอะ ๆ เดี๋ยวป้าสั่งเพิ่มให้ เอาอีกไหม" ป้านุชชวนเธอกินเพิ่ม
"ขอบคุณมากค่ะ แต่..." วีรภัทราตอบกลับอย่างเกรงใจ
"ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย ป้าเต็มใจ สั่งมา ไม่งั้นป้าโกรธจริง ๆ นะ" ป้านุชพูดหว่านล้อมจนเธอใจอ่อนยอมสั่งเพิ่ม
"วีอยากกินหลายอย่างเลยค่ะ รวมมิตรลูกชิ้นลวกจิ้ม เกี๊ยวกรอบทอด และพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนค่ะ แต่ว่าวีขอสั่งแค่รวมมิตรลูกชิ้นลวกจิ้มอย่างเดียวนะคะ" วีรภัทราพูดเมนูออกไปอย่างเกร็ง ๆ จนป้านุชสังเกตได้
"สั่งทั้ง 3 อย่างไปเลย กินไม่หมดก็เอากลับบ้านก็ได้ ไม่ต้องคิดมากหรอก เข้าใจไหม" ป้านุชพูดด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับการกระทำที่ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี
"ขอบคุณมากค่ะ" วีรภัทราพูดพร้อมยกมือขึ้นมาไหว้
"หลังจากวันนี้มีอะไรเล่าให้ป้าฟังนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เดี๋ยวป้าจะซื้อของอย่างอื่นให้ด้วย ดูแลและใช้มันอย่างดีล่ะ เข้าใจนะ" ป้านุชพูดอย่างตรงไปตรงมา
"เข้าใจค่ะ ขอบคุณป้ามาก ๆ ค่ะ" วีรภัทรายังไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ
หลังจากแยกย้ายกับป้านุชแล้ว วีรภัทราก็มาเปิดถุงชอปปิ้งที่ป้าซื้อให้ อย่างแรกที่เธอเจอคือเสื้อผ้าน่ารักสมวัยเธอ ตามด้วยรองเท้าแตะ และอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น ส่วนมือถือ ป้าให้เครื่องเก่ามา บอกว่า มีไว้รับสายป้าเท่านั้น แถมยังกำชับว่าไม่ต้องเอาไปที่โรงเรียน เพราะรู้เวลาเลิกเรียนของเธอมาจากการคุยกันในหลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้น พอเธอเห็นของทั้งหมด เธอยิ้มและกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจสุด ๆ เป็นครั้งแรกที่เธอจะมีของใหม่ไว้ใช้บ้างแล้ว
วีรภัทรายังจำคำพูดก่อนบอกลาได้เลยว่า ป้านุชจะช่วยเรื่องย้ายโรงเรียนให้เธอ ขอให้เธออดทนรอสักหน่อย แต่ป้าก็ไม่รับปากว่า จะมีปัญหาอะไรไหม หากป้าจะพาเธอมาอยู่ด้วย ต้องลองคุยกับคุณอาก่อน ในที่นี้ก็คือคุณปู่ณรงค์ของเธอนั่นแหละ เพียงแค่นี้ก็ทำให้เธอยิ้มได้ แม้ในวันที่เจอเรื่องแย่ ๆ แล้ว ความฟูในหัวใจของเธอ ก็ช่วยทำให้เธอไม่รู้สึกทุกข์ทรมานอย่างที่เคยเป็น แต่กลับมองกระทำที่ไม่ดีของคนอื่นอย่างรู้สึกสงสาร
เช้าวันถัดไป วีรภัทราไปโรงเรียนด้วยความสบายใจ ความสุขใจ ซึ่งสิ่งนี้ได้เปล่งประกายผ่านสีหน้าวีรภัทราจนเพื่อนอย่างกัลย์กมลทัก
"ไปทำอะไรมา ดูสดใสขึ้นนะ" กัลย์กมลถามด้วยความสงสัย
"ก็แค่มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นเลยมีความสุขน่ะ" วีรภัทราพูดไปยิ้มไป
"เรื่องดี ๆ อะไร มีใครมาจีบเหรอ" กัลย์กมลแซวเล่นอย่างขำ ๆ จนทำให้เธอขำตาม แต่เสียงหัวเราะก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะคนที่ชอบหาเรื่อง ดันได้ยินประโยคสุดท้ายที่คุยกัน ความสงบสุขจึงหายไป
"แหม... ดี๊ด๊าอย่างกับโดนมานั่นแหละ" คำพูดแสนหยาบคายจากปากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกผู้ดี มีอำนาจ เล่นทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับหงุดหงิดขึ้นมา
"นี่ เสือกอะไรด้วย รู้จักกันเหรอ" กัลย์กมลเชิดหน้าพูดแล้วใช้สายตามองเหยียดต่ำลงใส่กลุ่มผู้หญิงพวกนั้น
"ไม่ชอบเรา ก็ไม่ต้องยุ่งกันสิ" วีรภัทราโพล่งออกไป จนทุกคนที่ยืนตรงนั้นตะลึงหันมามองเธอเป็นตาเดียว
"เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นเยอะนะ จะมีใครมาช่วยหรือไง คงต้องจัดหนักให้ดูแล้วล่ะ" ผู้หญิง 1 ใน 3 คนนั้นพูดออกมา หวังจะทำให้วีรภัทรากลัว
"เปล่า ก็แค่...รู้สึกยังไงก็บอกตามนั้น หลังจากนี้พอเถอะนะ" วีรภัทราพูดความในใจออกมาอย่างตรงไปตรงมา
"ไม่!" ผู้หญิงทั้ง 3 คนตะโกนใส่หน้าวีรภัทรา แล้วก็กลับเข้าห้องเรียนไปพร้อมกันด้วยท่าเดินเหมือนนางแบบ
"เห้อ... ช่างมันเถอะนะ" กัลย์กมลพูดพลางแตะบ่าวีรภัทราไปด้วย
"อืม... ทำใจไว้แล้วแหละว่าต้องเป็นแบบนี้" วีรภัทราพูดอย่างปลง ๆ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ป้านุชกลับมาบอกวีรภัทราว่า ย้ายโรงเรียนได้ แต่เป็นเทอมหน้า อาจจะลำบากที่ต้องปรับตัวที่ใหม่หน่อย แต่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับที่ป้าสอนไม่มีใครกล้ารังแกแน่นอน ส่วนคุณปู่ของเธอนั้นก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ว่า พวกเขาทั้ง 3 คนต้องย้ายไปอยู่กับป้าทั้งหมด จะได้ช่วยกันดูแลง่ายขึ้น ซึ่งหลังจากเธอฟังก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่อยากจะขอให้ป้าช่วยย้ายไปด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม หากพาเพื่อนไปด้วย พอป้ารู้ ก็เลยบอกให้เธอไปถามกัลย์กมลดูก่อน ถ้าไม่ขัดข้องอะไร ป้าจัดการให้ได้
เช้าวันจันทร์ของสัปดาห์ใหม่ หน้าตึกเรียน ทั้งคู่พากันไปแอบคุยในที่เงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ใครรบกวน พอกัลย์กมลรู้เรื่องย้ายโรงเรียนจากวีรภัทรา แถมยังชวนไปเรียนด้วยกัน ก็แสดงความดีใจออกมาแบบทื่อ ๆ จากนั้นเธอก็บอกข่าวร้ายกับวีเรื่องย้ายไปเรียนด้วยไม่ได้ เนื่องด้วยที่บ้านเธอไม่น่าจะอนุญาต จึงปฏิเสธไป ทำให้เราทั้งคู่เหลือเวลาไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะปิดเทอม
"ใจหายจัง แต่ก็ดีใจที่เธอจะได้ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้" กัลย์กมลพูดอย่างเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ แล้วก็กอดคอเธอที่น้ำตาซึมอยู่ พาเดินเข้าห้องเรียนไป
"มน เราขอบใจนะ สำหรับทุกเรื่องเลย" วีรภัทราน้ำตาคลอเบ้า พลางบอกออกไปอย่างที่ใจรู้สึก
"ไม่เป็นไรเลย เพื่อนกัน งั้นมาแลกเบอร์ติดต่อกันนะ" กัลย์กมลตอบกลับอย่างชิล ๆ ได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ
หลังจากปิดเทอม วีรภัทราเก็บข้าวของเตรียมย้ายบ้าน และป้านุชก็มารับพาไปที่แห่งใหม่วันแรก ความสวยงามของบ้าน ห้องนอนที่น่าอยู่ เป็นความแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัส ทั้งตื่นเต้นและมีความสุขมากที่สุดเลย เธอได้แต่กรี๊ดในใจ
ณ โรงเรียนรัฐแห่งใหม่ ที่ป้านุชเป็นครูอยู่ที่นี่ ทุกวันที่มาโรงเรียนกลายเป็นวันที่มีความสุขที่สุดของวีรภัทรา ทั้งเพื่อน ทั้งครู เป็นโรงเรียนในฝันของใครหลาย ๆ คน วันนี้ครูประจำชั้นพาวีรภัทรามารู้จักกับเพื่อน ๆ ในห้อง
"นักเรียนทุกคนฟังทางนี้ วันนี้เรามีเพื่อนใหม่ 1 คนย้ายมาเรียนที่นี่วันแรก อยากให้นักเรียนทุกคนต้อนรับและเป็นเพื่อนที่ดีกันด้วยนะคะ" ครูประจำชั้นปรบมือเรียกให้นักเรียนในห้องตั้งใจฟัง
"ครับ/ค่ะ" นักเรียนในห้องประสานเสียงขานรับ
จากนั้นครูประจำชั้นก็กวักมือเรียกวีรภัทราให้เดินเข้ามาในห้อง เธอเดินก้มหน้าเล็กน้อยเข้าห้องมาอย่างช้า ๆ
"แนะนำตัวกับเพื่อนได้เลยค่ะ" ครูประจำชั้นบอกเธอ
"หวัดดี เราชื่อวีรภัทรา หรือวี ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เธอเอียงอายขณะพูดอยู่ก็มองตรงไปที่กำแพงหลังห้อง พร้อมทั้งโบกมือเล็กน้อยให้เพื่อนในห้อง
"เอาล่ะ ไปนั่งได้" พอวีรภัทราได้ยินประโยคนี้จากครูประจำชั้น ก็รีบเดินไปนั่งโต๊ะคู่ที่เหลืออยู่ตัวเดียว
"หวัดดี เราชื่อพริมา หรือพริมนะ" เสียงน่ารักสดใสของเพื่อนใหม่ที่นั่งติดกับวีรภัทรา ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
"อืม เราวีรภัทรา หรือวีนะ" เธอยิ้มนิด ๆ
จากตอนแรกที่วีรภัทราเงียบ ไม่กล้าคุยกับคนอื่นกลายเป็นว่าตอนนี้พริมาช่วยเธอไว้เยอะมาก ทั้งเรื่องเรียนและเพื่อน ทำให้พวกเขากลายเป็นเพื่อนซี้ ไปไหนไปกัน แม้แต่เรื่องคณะที่อยากเรียน มหาวิทยาลัยไหนที่อยากไปก็พากันไปสอบ จนได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันต่อ และที่ทำงานก็เช่นกัน
พวกเขามักจะมาคุยกันอย่างตลกขบขันเสมอว่า เรานี่ไม่รู้ดวงสมพงษ์กันหรือเวรกรรมกันแน่ ที่ต้องเจอและวนเวียนกันอยู่แบบนี้ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป ในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นนิสิตจบใหม่ วันหนึ่งพริมาได้ชวนวีรภัทรามากินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วก็ถามถึงเรื่องที่พวกเขาขบคิดด้วยกันมานาน
"วี แกเรียนจบ อยากไปทำงานที่บริษัทไหนอะ" พริมาถามขึ้นมา ช่วงที่กำลังกินข้าวเย็นด้วยกัน ที่ร้านอาหารไทยหน้ามหาวิทยาลัย
"เราอยากทำงานที่บริษัทรุ่งโรจนพัฒน์ เห็นเขาเปิดรับสมัครตำแหน่งนักบัญชีน่ะ ไปสมัครด้วยกันไหม เราจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนตอนเรียนไง" วีรภัทราชักชวนพริมาให้ไปด้วยกันเหมือนเคย
"อืม แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกจริงเหรอ" พริมาทักขึ้นอย่างสงสัย
"ได้สิ เขารับสมัครเป็นทีมเลยนะ เหมือนว่าต้องการปรับเปลี่ยนทีมภายในใหม่มั้ง"
"อืม ๆ ไปสิ ถ้าได้ทำงานด้วยกัน คงสุดยอดไปเลยเนอะ" พริมาพูดถึงภาพวาดฝันที่ผุดขึ้นในใจเธอให้วีรภัทราฟังด้วยความตื่นเต้น