Chereads / Miracle Violator / Chapter 3 - ทุกสิ่งล้วนไร้เหตุผล

Chapter 3 - ทุกสิ่งล้วนไร้เหตุผล

"บ้าเอ๊ย!!..ทำไมกัน! ทำไมกัน!"

นิ้วสีซีดกรีดไปตามพื้นหินที่เย็นยะเยือก เสียงร้องที่แหบแห้งเงียบลง ดวงตาสีเหลืองฉาบไปด้วยสีเลือด

"ข้าไม่ได้รับการติดต่อใดกลับมา…ใครกันที่เป็นคนกระทำ ใครกันที่มีความสามารถระดับนี้…!!"

"มันจะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังการหลบซ่อนครั้งนี้..หรืออาจจะตกอยู่ภายใต้องค์กรแห่งนั้น…"

เสียงสูดหายใจเริ่มต้นขึ้นครู่หนึ่งและถอนลงด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ แหงนมองความว่างเปล่าท่ามกลางความมืด

ภายใต้พื้นหินที่มืดครึ้มหยาดโลหิตถูกวาดขึ้นเป็นภาพของดวงดาวและระบบสุริยะ หนึ่งดวงอาทิตย์ที่ไร้ซึ่งคลื่นสุริยะถูกครอบคลุมไปด้วยโลกนับล้านดวงที่ทอดยาวออกเป็นสิบทิศ

"เมื่อการมีอยู่ของแสงสิ้นสุดลง ข้าจะกลับมาแก้ไขทุกสิ่ง ข้าจะจบมัน..ใช่ ข้าต้องจบมัน! ข้าจะหยุดยั้งทุกสิ่ง!!"

"ทำไมกัน..! ข้าจะหยุดยั้งสิ่งใด?"

เสียงหัวเราะดังขึ้นเต็มลำคอ นิ้วทั้งห้าฉีกกระชากผิวหนังอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าสีซีดแปรเปลี่ยนเป็นโชกเลือดปรากฏผิวหน้าที่ฟื้นคืนภายใต้เสียงหัวเราะดั่งปีศาจ

วิคเตอร์จ้องสบสายตาของโอฟีเลีย

เขาสะกดข่มลมหายใจของตนขณะมือหนึ่งลูบบริเวณกลางอก บางสิ่งกำลังตามล่าเขาและมันสามารถมองเห็นทุกสิ่งนั่นคือสิ่งแรกที่วิคเตอร์สามารถรับรู้ผ่านภาพทั้งหมดก่อนหน้า

ในตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์ของตนที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

โลกที่วิคเตอร์อยู่ในตอนนี้มีความแตกต่าง มันมีบางสิ่งที่สามารถฆ่าเขาเพียงไม่ต้องค้นหา มันสามารถเกิดปาฏิหาริย์ที่เป็นดั่งภาพฝัน..ท้องฟ้าเป็นเพียงสัญลักษณ์ของบางสิ่ง เมื่อเขายิ่งครุ่นคิดความสับสนจึงเริ่มทำร้ายจิตใจ

"อึก…"

สถานการณ์ก่อนหน้าเปรียบเสมือนความฝัน แต่ทว่ามันเกิดขึ้นและเป็นผล ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่อยู่เหนือกาลเวลาทุกสิ่งยังคงอยู่ดังเดิมตัดเข้าสู่ช่วงเวลาที่คงเดิมและทุกสิ่งยังคงดำเนินต่อจากความเดิมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

'จงหายไปจากดวงดาว' คำกล่าวที่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายยังคงถูกฝังลึก กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่เขาไม่เคยคาดคิดแต่ก่อนที่จะจมดิ่งลงภายใต้ภวังค์ความคิดเขาหยุดตนเองและเริ่มสนทนากับโอฟีเลียต่อจากความเดิม

"สาธารณรัฐเวนงั้นหรือ..คุณสามารถวาดแผนที่ของดินแดนแห่งนี้ให้ผมทราบได้หรือไม่"

นางพยักหน้าตอบ

ขณะโอฟีเลียตั้งใจวาดภาพอย่างประณีต วิคเตอร์จ้องมองนางด้วยสายตาที่สั่นระรัววูบวาบปานจะขาดใจพร้อมกับมือที่สั่นเทาอย่างไร้เรี่ยวแรง ภาพของห้วงภวังค์ที่เปรียบดั่งความฝันยังคงวนเวียนความสงสัยมากมายยังคงอยู่เหลือเพียงแต่ใบหน้าของชายคนนั้นที่เริ่มจางหาย

แม้จะเริ่มเลือนลางดั่งการถูกลบเลือน แต่ความรู้สึกมากมายในช่วงเวลานั้นยังคงอยู่เปรียบเสมือนการเผชิญความฝันหลังจากการตื่นนอน

เพียงไม่นานก่อนที่ความคิดของเขาเริ่มเตลิดไร้ทิศทาง

ภาพวาดหนึ่งถูกเผยขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

ภาพของแผ่นดินที่ยื่นออกมาจากแผ่นดินใหญ่ มันถูกตีแบ่งเป็นสองส่วนที่ชัดเจน ส่วนบนเป็นดินแดนราเวนนิสที่ประกอบไปด้วยเมืองสี่เมืองและมีพื้นที่ป่าคั่นกลางระหว่างส่วน โดยภูมิภาคทางทิศใต้เป็นเขตการปกครองของสาธารณรัฐขนาดเล็กที่มีชื่อว่า สาธารณรัฐเวน

ถัดมาสู่แผ่นดินใหญ่ที่ถูกปิดกั้นโดยพื้นที่ป่าอันไร้ซึ่งเจ้าของจากดินแดนใดๆ ซึ่งเป็นเขตกันชนระหว่างทางเหนือที่ปกครองโดยจักรวรรดิ อินฟีนีอัสและทางใต้ที่ปกครองโดยจักรวรรดิโลหิต

รวมถึงน่านน้ำของทั้งดินแดนราเวนนิสกับสาธารณรัฐเวนยังถูกรุกล้ำโดยทั้งสองจักรวรรดิขนาบข้างเข้ามาอย่างน่ายำเกรง

โดยชื่อรูปแบบการปกครองเป็นสิ่งที่ทำให้วิคเตอร์ต้องฉุกคิดถึงความแตกต่างที่ชัดเจนของมัน ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกสำคัญของความอันตรายในการมีชีวิตอยู่บนโลกแห่งนี้

ภาพจำสุดท้ายของเขาคือฟากฟ้าเหนือขึ้นไปและไม่สามารถหาเหตุผลจากสิ่งเหล่านั้น มันแตกต่างจากนวนิยายแฟนตาซีทั่วไปที่เขารู้จัก

แม้จะใช้ชีวิตด้วยปากและการโฆษณาชวนเชื่อเสมอมาแต่การใช้ภาษาอย่างมีอำนาจให้มากที่สุดจำเป็นต้องเริ่มต้นมาจากการอ่านที่เป็นหลักสำคัญ

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวประหลาดมักมีตัวเชื่อมที่อยู่เบื้องหลัง การมีตัวตนอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติหรือคำสาปพิธีกรรมที่นำพาสู่โลกที่แตกต่างและความตายที่ชักนำมาซึ่งโลกหลังความตาย

วิคเตอร์เริ่มส่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทั้งชีวิตเขาอ่านนิตยสารเรื่องราวของผู้คนนับร้อย เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้มากมายผ่านการสังเกตผู้คนและปรับใช้มันด้วยถ้อยคำ

ในตอนนี้ทุกสิ่งล้วนไร้ซึ่งเหตุผล ความเป็นไปไม่ได้ถูกแสดงขึ้นผ่านดวงตาของเขา มันถูกวาดขึ้นตั้งแต่ต้นเมื่อลืมตาและบางสิ่งถูกกำหนดขึ้นหลังจากที่เขาได้รับวัตถุโลหะ

ความคิดหนึ่งกู่ร้องขึ้นภายในจิตใจ..ถ้าเม็ดทรายถูกย้ายถิ่นฐานแม้ฉันจะไม่ทราบว่าตนเองมาจากทรายแถบอาหรับหรือทรายแถบจีนแต่ฉันก็ยังเป็นทรายที่สามารถผ่านความร้อน แม้ถูกไฟเผาฉันยังคงอดทน แม้ถูกไฟหลอมฉันยังสามารถดับสิ้นไม่ต่างจากทรายอื่น ไม่มีสิ่งใดกำหนดชีวิต ไม่มีสิ่งใดสามารถชี้นำ นั่นคือทิศทางของทัศนคติ

ความบ้าบิ่นทางความคิดหล่อหลอมเขาให้กลับมามีสติที่มั่นคงอีกครั้ง หลังจากการยอมรับในสิ่งที่ต้องเผชิญแม้จะไม่สามารถรับรู้

แต่เป็นเพราะดวงดาวที่ยังเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาผ่านคำกล่าวนั้นของชายปริศนา วิคเตอร์ยังคงตกอยู่ในอันตรายแต่เขาไม่หวาดกลัวเพราะเขาไม่สามารถต่อต้าน

เพียงเรียนรู้และเริ่มต้นใหม่ นั่นคือการเริ่มต้นของผู้มีสติดี

ในท่วงท่าที่ครุ่นคิดวิคเตอร์จดจำภาพวาดของโอฟีเลียไว้อย่างชัดเจนแม้ภาพที่ถูกวาดออกมาจะไม่ได้สวยงามหรือเป็นแบบแผนทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม แต่ทว่ามันกลับประกอบไปด้วยเขตแดนระหว่างประเทศที่รวมถึงเขตแดนทางทะเล

แสดงถึงการศึกษาที่เหมาะสมของประชาชนในสาธารณรัฐเวน

วิคเตอร์ส่งคืนสมุดบันทึกและจ้องมองภาพถ่ายบนเตาผิง

"ผมสามารถกล่าวนามของคุณได้ไหม"

โอฟีเลียพยักหน้าและเขียนด้วยความสงสัย' คุณสามารถกล่าวอย่างแน่นอน เพราะเหตุใดคุณถึงถามเช่นนี้กันคะ'

"โอฟีเลีย..ผมไม่ได้กล่าวชื่อคุณเพียงเพราะการพูดคุยที่เข้าใจ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งผมขอบคุณอย่างแท้จริงที่ช่วยผมไว้ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ผมอยากตอบแทนเมื่อมีโอกาส"

'ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเห็นคุณเดือดร้อนฉันจึงช่วยคุณเพียงเท่านั้นค่ะ'

"ช่างเป็นความรู้สึกที่มากไปด้วยความเห็นอกเห็นใจหรือเป็นเพราะผู้ชายในภาพ ไม่มีอายุที่มากเกินไปหรือห่างจากเด็กหญิงมากนักทางสรีระ เป็นพี่ชายของคุณอย่างงั้นหรือครับ"

'ใช่ค่ะ พี่ชายเป็นคนสอนฉันให้ช่วยเหลือผู้อื่นยามที่ตนสามารถค่ะ'

"เป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมมาก ในตอนนี้คุณจำเป็นต้องอาศัยอยู่คนเดียวงั้นหรือครับ"

'ท่านพี่จะเดินทางกลับในบางวันของสัปดาห์น่ะค่ะ'

"คุณไม่กลัวหรือที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียวท่ามกลางป่าและฝูงแกะ ทั้งยังรับคนแปลกหน้าเข้ามาในที่พักอาศัยด้วยจิตใจเมตตาเช่นนี้"

'....ฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับที่คุณคิดนะคะ ฉันเพียงทำในสิ่งที่ฉันเคยได้รับและเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง'

เมื่อวิคเตอร์อ่านทุกคำกล่าวของโอฟีเลียและจ้องตรงไปที่นาง ภาพทับซ้อนของชายคนนั้นก็เริ่มต้นขึ้นอยู่หลายครา

เจตนาของเขาในการซักถามมีเพื่อแสวงหาความรู้ที่จำเป็นและตัวตนที่แท้จริงของนาง ด้วยความหวาดกลัวในสิ่งประหลาดและความแตกต่างที่เหนือชั้นทางธรรมชาติที่ทำให้เขาเกิดความสับสน

เบื้องหน้าของวิคเตอร์อาจจะไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา ภายใต้ฟากฟ้าที่ถูกจัดแบ่งออกเป็นสามลำดับและภาพฝันที่แปลกประหลาดทำให้เขาสงสัยในทุกสิ่งเบื้องหน้า

ถ้าหญิงสาวเบื้องหน้าคือผู้ชายปริศนาภายใต้ภวังค์ที่ทับซ้อนเหนือความเป็นจริงนั้น การไขข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมาก็อาจเป็นการกระทำที่สร้างความเสี่ยงและเขาต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

แต่ทว่าความคิดของเขาก็ไม่สามารถเป็นเหตุผลในการกระทำ เพราะถ้าชายคนนั้นสามารถจำแลงกายเป็นหญิงสาวและพบกับเขาโดยตรงก็ไม่จำเป็นต้องมาเสแสร้งในจุดเดิม อีกทั้งด้วยช่วงเวลาที่เขาพบชายคนนั้นเปรียบดั่งการอยู่ในอีกช่วงเวลาจึงไม่ต่างจากความฝันในขณะที่นางอยู่ในความจริง

"ขอบคุณจริงๆ นะครับ ผมคงกล่าวมากเกินไป..ผมเกรงว่าการพักผ่อนอาจจะเป็นคำตอบสำหรับความสับสนของผม ช่วยพาผมไปที่ห้องพักได้ไหมครับ"

นางเผยรอยยิ้มและวางสมุดบันทึกลง ทันใดนั้นวิคเตอร์กระชากแขนของนางและเข้าประชิด สัมผัสลูบขึ้นไปตามแขนที่เรียบเนียนมือหนึ่งบรรจบลงที่ใบหูที่ซ่อนอยู่ภายใต้เส้นผม

ดวงตาของวิคเตอร์เบิกกว้างหลังจากพบว่าร่างกายของนางยังคงไว้ด้วยความอบอุ่น การสัมผัสไร้ซึ่งความแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป นางยังคงเป็นหญิงสาวธรรมดาที่ได้ช่วยเขาไว้จากภายในผืนป่าที่หนาวเย็น

โอฟีเลียผลักร่างของวิคเตอร์ ใบหน้าของนางเผยความหวาดกลัวต่อการกระทำคุกคามของเขา

มุมปากกระตุกและความมั่นใจถูกฉีกกระชาก วิคเตอร์มองฝ่ามือของตนเองด้วยจิตวิญญาณที่สิ้นหวัง

ความเป็นจริงแล้วเขาไม่สามารถเก็บซ่อนความหวาดกลัวต่อความสับสนมากมายจนเมื่อการกระทำที่สิ้นคิดได้เริ่มต้นขึ้น ความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขก็คือผลลัพธ์ที่จิตใจต้องแบกรับ

รอยยิ้มเจื่อนปรากฎขึ้นบนใบหน้าของโอฟีเลีย นางเขียนบางสิ่งขึ้นอีกครั้ง' ฉันจะพาคุณไปที่ห้องพัก ฉันเข้าใจคุณกำลังสับสน ที่ค่ายพักผู้อพยพที่ฉันเคยอาศัยก็พบคนที่สับสนมากมายเช่นกันค่ะ'

นางจูงมือของวิคเตอร์เดินไปตามทางเดินที่มืดสลัว แผ่นไม้ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามเป็นแผ่นผืนขนานกัน ทว่าด้วยความเก่าและผุพังมันจึงส่งเสียงร้องเอี๊ยดอ๊าดเมื่อสัมผัสปลายเท้าลง

เปิดประตูลงสู่ห้องใต้ดิน ฝุ่นหนาคละคลุ้งกระจายตัวผ่านร่างของทั้งสอง แสงไฟจากตะเกียงของห้องถูกจุดขึ้นและเผยเตียงเก่ากับโต๊ะเขียนหนังสือที่เด่นชัด

เสื้อผ้าผู้ชายต่างถูกแขวนอยู่ภายในห้องนี้รวมถึงของใช้ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ รวมถึงเศษโลหะที่ถูกประกอบกันเป็นสิ่งประดิษฐ์ขนาดเล็ก

เอกสารกับหนังสือมากมายถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบ ทุกก้าวที่เดินเข้ามาภายในห้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของหนังสือเก่า

หลังจากโอฟีเลียเดินจากไปด้วยความสงบ วิคเตอร์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ผ่านประสบการณ์มามากมายออกและเปลี่ยนมาสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลที่ถูกแขวนไว้

ยืดแขนตึงพลางส่งเสียงหาวดัง นั่งลงบนเตียงขณะมือประสาน ความคิดของเขายังคงดำเนิน ความจริงที่ต้องเผชิญมีหลากหลายและไม่สามารถแยกแยะแต่หนึ่งสิ่งที่เขาควรระวังจากความรู้ทั้งหมด นั่นก็คือ ดวงดาว

ก่อนที่จะเอนหลังลงเขาพยายามคิดหาความหมายจากการหายไปจากดวงดาว ซึ่งเขาอาจจะต้องพึงระวังการอยู่ที่แจ้งยามราตรีหรือการพยายามสัมผัสผิวน้ำทะเลสีม่วงกับทุกสิ่งที่มีความสามารถในการส่องประกายดั่งดวงดาวภายในโลกแห่งนี้

เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น เสียงของตะเกียงเริ่มเจือจางลงไปตามเชื้อเพลิงที่หมดลง