Chereads / Miracle Violator / Chapter 4 - ก้าวสู่สาธารณรัฐเวน

Chapter 4 - ก้าวสู่สาธารณรัฐเวน

เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งจบลง ดวงตาสีเหลืองเปล่งหยดน้ำสีเลือดปะปนบนหยดน้ำตาสีขุ่นบนใบหน้า

อาบลงสู่ลำคอปรากฏลวดลายที่สยดสยองลุกลามลงสู่ร่างกาย ร่วงหล่นลงสู่พื้นหินที่มืดมิดและกระจายตัวออกเป็นประแสงระยิบระยับเพียงช่วงเวลาหนึ่ง

ชายผอมแห้งผิวซีดก้าวเดินไปตามพื้นหินที่เย็นยะเยือก ผ่านความกว้างใหญ่อันไร้ขอบเขต มือของเขาเคลื่อนหาบางสิ่งจากความมืดรอบกาย

หยุดลงเบื้องหน้าเศษซากโลหะนับหมื่น เขาก้มลงหยิบบางสิ่งขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่เศร้าหมอง

สายตาสีเหลืองจ้องมองโดยรอบของวัตถุโลหะ มันพอดีฝ่ามือและมีปุ่มกดกลไกที่เบาบาง เมื่อเคลื่อนสัมผัสกดลงบนปุ่มเสียงหนึ่งจึงเริ่มขับเคลื่อน

'บันทึก..บันทึก ที่ 45 ในปีนักล่ามังกรปีที่ 1002 การทดลองของข้ากำลังเป็นไปตามทฤษฎีที่คาดไว้ ด้วยความร่วมมือของเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์และวิศวกรนับแสนคนจากการรวบรวมเบาะแสที่เป็นไปได้ทั้งร้อยแห่งทั่วทั้งทวีป สุดขอบทะเลตะวันตกจวบจนดินแดนหิมะที่ห่างไกล

พวกเราทราบวิธี…..ซ่า..ซ่า อึก! บางสิ่งผิดพลาดมีคนทำให้มันผิดพลาด ข้าถูกทรยศ! มีคนอยู่เบื้องหลัง! มันจะไม่มีวันสิ้นสุดทำไมสภาความร่วมมือที่ถูกจัดตั้งขึ้นจึงถูกประหารกันทั้งสิ้น

ผู้นำวิศวกรแห่งดินแดนหิมะถูกสังหาร จักรพรรดิทั้งห้าแห่งทวีปใหญ่ถูกสังหาร กษัตริย์แห่งดินแดนตะวันตกก็เช่นกัน…องค์กรผู้สรรเสริญไม่สามารถติดต่อ

วิทยุทั้งหมดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์กรดันเจี้ยนขาดการเชื่อมต่อจากภายนอกทั้งหมด ปีแห่งการเฉลิมฉลองกำลังจบลงด้วยความตายของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้

ข้าจะเป็นคนแก้ไขมัน! จบบันทึกหมายเลขที่ 45..ตื้ด'

ชายผิวซีดนำมือขึ้นกุมใบหน้า เสียงหายใจที่แผ่วเบาเป็นเสียงเดียวที่หลงเหลือหลังจากการฟังเสียงที่ถูกบันทึก

แสงไฟสีเหลืองถูกจุดขึ้นทั่วความมืดและสาดแสงไปโดยรอบจากจุดแสงสู่ดวงแสงนับร้อยบนอากาศ แสดงให้เห็นถึงห้องที่เต็มไปด้วยความหมกมุ่นและแผนที่หลากหลายรูปแบบทางภูมิศาสตร์

บนเพดานสูงประดับไปด้วยภาพของท้องฟ้าและดวงดาวที่ถูกขีดเขียนข้อมูลมากมายรวมไปถึงสูตรคำนวณแปลกประหลาดที่เหยียดยาว

"อดีตนั้นน่ากลัว ข้าไม่สามารถกลับไปยุ่งกับสถานที่แห่งนั้นได้อีกในช่วงเวลาที่แสงจบลงอาจจะไม่มีอยู่จริงถ้าข้าไม่กระทำบางสิ่ง ข้าสูญเสียสติและสูญเสียตัวตนไปนานเท่าใดกัน.. นี่คือปีใด ยุคใด"

"ข้าไม่สามารถ..ไม่...ข้าไม่สามารถ!!" เสียงตะโกนดังลั่นสาดสะท้อนไปโดยรอบขณะมือทั้งสองข้างกุมศีรษะแน่นและหลับตาลงควบคุมเสียงหายใจที่ร้อนผ่าว เสียงสะท้อนจบลงพร้อมกับความมืดที่ปกคลุมทุกสิ่ง

หลังจากการนอนหลับที่หนาวเย็นแสงไฟเจือจางสาดส่องลงจากช่องอากาศริมเพดาน ทุกลมหายใจคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นละออง เส้นผมที่ยุ่งเหยิงถูกจัดทรงอย่างเป็นระเบียบด้วยฝ่ามือที่หนาและชายเสื้อถูกสอดลงสู่ภายใต้กางเกง

การยืดกายยามเช้าเริ่มต้นขึ้นผ่านแขนขวาที่ชี้ขึ้นพร้อมกับแขนซ้ายที่คล้อยตาม ดวงตาที่มืดมนกวาดสายตาไปโดยรอบห้องพลางกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง

ความกลัว ความสับสน ทุกความรู้สึกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวันนี้ เขาไม่สามารถลืมเลือนทุกความรู้สึกที่ย่ำแย่และจำเป็นต้องใช้มันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง

ดวงตาที่มืดครึ้มจ้องไปที่เบื้องหน้าอย่างแน่วแน่ ใบหน้าที่เรียบเฉยแสดงถึงความคิดที่ไม่สามารถหยุดยั้ง เขายังคงมองตัวเลขบนฝ่ามือและคลี่คลายความสับสนทางจิตใจ

แต่เมื่อทางออกของปัญหาไม่สามารถมองเห็นจากเบื้องหน้า วิคเตอร์จึงเริ่มค้นเอกสารบนโต๊ะไม้ มือของเขาควานไปโดยรอบและหยิบจับแผ่นกระดาษต่างๆ อย่างระมัดระวัง

หลายแผ่นเป็นการจัดทำบัญชีรายจ่ายและรายรับที่ไม่สามารถบอกแหล่งที่มาของจำนวนตัวเลข บางเอกสารเป็นเพียงข้อมูลการใช้จ่ายในการเดินทาง โดยหนึ่งเอกสารระบุไว้ 'การเดินทางจากถนนเรน์เกนไปสู่ย่านนิวฟานเรินมีค่าใช้จ่ายเพียงสองเหรียญเงินเมื่อนั่งรถม้าหมายเลข สี่ แต่จะใช้ค่าใช้จ่ายถึงสี่เหรียญเงินเมื่อเดินทางด้วยรถม้าหมายเลขอื่น ข้อแตกต่างถูกกำหนดขึ้นสำหรับผู้มีส่วนร่วม เครือข่ายรถม้าในแต่ละถนนถูกสงวนราคาเดิมไว้ที่สองเหรียญเงินในหมายเลขสี่สำหรับผู้มีส่วนร่วม'

บางเอกสารยังมีการวาดถึงจุดต่างๆ ของเมืองที่มีสัญลักษณ์พิเศษอยู่ตามร้านเหล้าหรือตรอกตันตามเขตเมืองทั้งยี่สิบสามเขตของสาธารณรัฐเวน

วิคเตอร์จดจำรายละเอียดเหล่านี้ไว้แต่ก็แอบฉีกกระดาษที่ว่างเปล่ามาบันทึกข้อความส่วนที่จำเป็น เขาคาดการณ์ถึงอาชีพของพี่ชายของโอฟีเลีย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจการขนส่งมวลชน

จึงเป็นสาเหตุสำคัญถึงความรู้ที่แสดงถึงการศึกษาที่ดีของโอฟีเลีย เขาเริ่มสงสัยมากขึ้นและค้นเครื่องแต่งกายต่างๆ รวมถึงการสอดส่องไปที่ใต้โครงเตียง พบเพียงชุดสุภาพที่มีความเก่าแตกต่างจากชุดปกติที่คนทั่วไปสวมใส่ในมุมมองของเขา

อาจกล่าวได้ว่ายุคสมัยของโลกใบนี้ยังคงมีความแตกต่างจากโลกปกติอย่างชัดเจน ผ่านเอกสารการเดินทางที่กล่าวถึงการเดินทางด้วยรถม้า

วิคเตอร์ยืนครุ่นคิดสักพักหนึ่งถึงโลกที่ล้าหลัง หมายความถึงความไม่ครอบคลุมของกฎหมายรวมถึงความปลอดภัยที่ต่ำ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการกระทำที่เขาต้องการ

เพื่อการค้นคว้าทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบนฟากฟ้าเหล่านั้น

เขาจำเป็นต้องไตร่ตรองตนเองและปรับปรุงแนวคิดเพื่อประยุกต์ใช้ให้ตรงตามความรู้ของคนไปตามยุคสมัย

วิคเตอร์เริ่มคาดการณ์ตามภาพบนเตาผิงและชื่อรูปแบบการปกครองทำให้เขาทราบถึงยุคสมัยที่ชัดเจนแต่ก็สามารถคลาดเคลื่อน ระหว่างยุควิคตอเรียกับยุคสงครามโลก

ความแตกต่างเหล่านี้จะมีผลในการสร้างรากฐานของตนเองและอนาคต ถ้าเขาสามารถใช้ความสามารถของตนในการดำเนินงานและเข้าถึงสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เขาก็จะสามารถหลับตาลงได้อีกครั้งภายใต้ฟากฟ้าสีฟ้าคราม

ดวงตาของวิคเตอร์ส่องประกายแห่งความหวัง ใบหน้าที่ตึงเครียดสามารถทำได้เพียงยกมุมปากขึ้น การค้นพบและศึกษามากขึ้นเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากการเริ่มอ่านหนังสือเพื่อประสบความสำเร็จในสิ่งนั้น

สิ้นสุดความคิด..เขาเก็บกระดาษที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ไว้ภายในกระเป๋าเสื้อและคว้าเสื้อโค้ตสีดำยาวที่ถูกแขวนไว้นานจนฝุ่นเกาะ

มันเปลี่ยนลักษณะของชายที่สับสนให้กลายเป็นสุขุมรวมทั้งยังพบถุงมือหนังสีดำขลับที่ช่วยปกปิดตัวเลขปริศนาบนฝ่ามือ

วิคเตอร์ก้าวเหยียบบันไดไม้ขึ้นทีละก้าวอย่างมั่นใจ เปิดประตูสู่ทางเดินสั้นๆ ของบ้านที่คับแคบ เตาผิงมอดดับลงและไร้ซึ่งผู้ใด รวมถึงห้องครัวที่ไม่มีสิ่งใดถูกเคลื่อน

แต่ยังคงมีหนึ่งห้องที่อยู่ตรงข้ามกับประตูห้องใต้ดิน เขาเคาะประตูเบาๆ อย่างมีมารยาทแต่เพียงหลังจากบิดลูกบิดเข้าไป ก็พบเพียงห้องนอนที่ว่างเปล่าที่ถูกประดับไปด้วยตุ๊กตาสัตว์กับหุ่นไม้ขนาดเล็กที่ถูกทำมือด้วยการแกะสลักที่ประณีต

นางไม่ได้อยู่ที่บ้านในยามเช้านั่นทำให้วิคเตอร์เริ่มออกค้นหานางด้วยความกังวล

หญิงสาวคนเดียวภายในป่าจึงเป็นเรื่องปกติถ้าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ภายในป่าโปร่งขนาดใหญ่ฝูงหมาป่าหรือหมีอาจเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ง่าย ยิ่งบนผืนหญ้าโล่งในละแวกใกล้เคียงที่เต็มไปด้วยฝูงแกะ

เขาพุ่งกายวิ่งตรงออกมาจากบ้านไม้หลังเล็ก สายตากวาดมองไปโดยรอบโดยเริ่มต้นจากการสำรวจสวนหลังบ้านที่อุดมไปด้วยต้นองุ่น

เหงื่อหยดหนึ่งไหลลงสัมผัสดวงตา ขณะแสงสว่างจากยามเช้าสาดสะท้อนหยดน้ำที่ร่วงหล่นไหลติงลงสู่พื้นหญ้า

หญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้าครามปลายขอบสีขาวประดับเนื้อผ้า กลีบกระโปรงที่นุ่มนวลซ้อนกันหลายชั้น บริเวณจุดหนึ่งเหนือสะโพกผูกยึดด้วยโบสีชมพูอ่อนยืนถือตะกร้าใบหนึ่งและกำลังเก็บผลผลิตด้วยหน้าตาระรื่น

โอฟีเลียหันใบหน้าจ้องมองมาที่วิคเตอร์ด้วยรอยยิ้ม นางยื่นองุ่นหนึ่งลูกมาที่วิคเตอร์และเขารับมันไว้โดยไม่กล่าวสิ่งใดเช่นเดิม

ความคิดก่อนหน้าสงบลงฝ่ามือหนึ่งเคลื่อนขึ้นกุมดวงตา เขากร่นเสียงเย้ยหยันความคิดของตนพักใหญ่และเคี้ยวลูกองุ่นรสหวานโดยไม่กล่าวถึงการกระทำก่อนหน้าของตน

เขาเพียงมองนางและชื่นชมรสชาติขององุ่น

หลังจากโอฟีเลียจัดเก็บผลผลิตหนึ่งตะกร้าใหญ่ นางเปลี่ยนชุดและพร้อมจะนำทางวิคเตอร์ไปสู่เมืองใกล้เคียง

โอฟีเลียนำสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่ว่างเปล่ามอบให้วิคเตอร์พร้อมกับปากกาขนนกกับน้ำหมึกหนึ่งขวดใส่ลงในกระเป๋าหนังที่สามารถคาดเหนือเข็มขัด นางเริ่มบรรจงเขียนบางสิ่งขึ้นจากสมุดบันทึกของตนเอง

'ฉันขอมอบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งสำหรับคุณ ฉันหวังว่าคุณจะสามารถเขียนความรู้สึกของคุณลงไปในยามที่คุณอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันสามารถช่วยคุณได้และฉันก็ทำเช่นนี้มาโดยตลอดค่ะ'

วิคเตอร์รับมันไว้อย่างเงียบขรึม สมุดบันทึกเล่มนี้เป็นตัวแทนแห่งความรู้สึก เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดถึงความสำคัญในการระบายความรู้สึกของตนเอง

'สิ่งสุดท้ายคุณจำเป็นต้องมีเงินเคียงกาย สิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับคุณหลังจากนี้ ฉันขอโทษที่ก้าวก่ายคุณมากเกินไปนะคะแต่ฉันต้องการช่วยคุณเท่าที่สามารถ ที่สาธารณรัฐเวนจะใช้เงินตามรูปแบบดังนี้ โดยเรียกสกุลว่าเวน ซึ่งแบ่งเป็นเหรียญเงินเวนกับเหรียญทองเวนและธนบัตรเงินแต่ธนบัตรเงินจะแบ่งเป็น ธนบัตรเงินหนึ่งเวน ธนบัตรเงินสิบเวนและธนบัตรเงินสี่สิบเวน โดยสิบเหรียญเงินเวนมีค่าเท่ากับหนึ่งเหรียญทองเวน สิบเหรียญทองเวนจะมีค่าเท่ากับหนึ่งธนบัตรเงิน แต่จะมีธนบัตรพิเศษที่ฉันไม่ได้กล่าวแต่ก็ยังไม่จำเป็นในระยะเวลานี้เพราะคนที่สามารถครอบครองมีเพียงขุนนางหรือข้าราชการที่มียศค่ะ'

นางคว้ามือของวิคเตอร์และวางเหรียญสี่เหรียญทองกับสิบเหรียญเงินลงสู่ฝ่ามือของเขา โดยไม่มีโอกาสให้วิคเตอร์ได้กล่าวปฏิเสธเพราะมันถูกวางลงบนมือของเขาโดยทันที

มูลค่าที่เขาได้รับมากถึง ครึ่งธนบัตรหนึ่งเวน ถึงในตอนนี้เขาจะยังไม่ทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงของมันแต่การกระทำของนางก็มากไปด้วยความรู้สึกที่ชวนให้บรรยากาศที่หนาวเย็นกลายเป็นไออุ่นคลุกฟุ้งไปทั่วอากาศ

เขาเก็บเงินส่วนนี้ลงบนกระเป๋าเสื้อและเดินตามโอฟีเลียเข้าไปในป่าโปร่งที่สวยงาม ในยามเช้าขณะที่ไอเย็นแผ่กระจายออกมาจากริมฝีปากของทั้งสอง

เส้นทางผืนดินขรุขระที่ชัดเจนนำพวกเราทั้งสองลงจากเนินหนึ่งไปสู่พื้นที่ราบที่กว้างใหญ่อันประกอบไปด้วยหมู่บ้านจากละแวกต่างๆ ที่ตั้งถิ่นฐานไปตามแม่น้ำสายต่างๆ ที่เชื่อมตรงมาจากเมืองอันยิ่งใหญ่

ห่างไกลสายตาผ่านหมู่หมอกเบาบาง ภาพของอาคารสูงใหญ่มากมายตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้ามันถูกถอดแบบออกมาจากลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับภาพเขียนของเมืองลอนดอน หลังคาที่แหลมสูงและหอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ถูกห้อมล้อมด้วยกำแพงสูง

สายตาของเขานิ่งค้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเดินทางเข้ามาใกล้กับกำแพงสูงใหญ่ กำแพงอิฐที่ผูกติดไปด้วยธงแห่งนกปีกยักษ์สีฟ้าครามมันสยายปีกที่แหลมคมออกและห้อมล้อมโลกสีขาวที่แผ่ซ่านเส้นแสงออกไปโดยรอบ

โดยรอบประตูโลหะขนาดใหญ่ทหารในชุดแน่นกระชับกายสีฟ้าปนขาวดั่งชุดของทหารฝรั่งเศส ต่างวิ่งว่อนสะพายปืนไปโดยรอบบนกำแพงและต่างยืนคุมเข้มต่อหน้าขบวนเกวียนสินค้านับสิบ

วิคเตอร์กับโอฟีเลียเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าทหารนายหนึ่งที่มีใบหน้าตึงเครียด เบ้าตาลึกนัยน์ตาฟ้าจ้องตรงมาที่ดวงตาที่มืดมนของวิคเตอร์

หลังจากนั้นทหารสองนายที่ยืนอยู่โดยรอบก็เดินเข้ามาคลำสำรวจรอบกายของทั้งสอง

นายทหารนัยน์ตาฟ้ากล่าวขึ้นขณะกำลังเคี้ยวบางสิ่ง

"หืมม..อุบอิบๆ หืม! ชายคนนั้นเป็นใครกัน ข้าจำนางได้แต่ชายคนนี้ข้าไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน..จับตัวมันไว้!"

วิคเตอร์ถอยหลังหนึ่งก้าวเขาพยายามไม่ขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้ตนเองต้องถูกจับกุมโดยไม่กล่าวสิ่งใด

"ผม..!" ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยสิ่งใด โอฟีเลียยื่นสมุดบันทึกของนางให้ทหารนายนั้นได้อ่าน

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงต้องเชื่อเจ้า! เชอะ! บอกชื่อของแกมาซิเจ้าหนุ่ม ชื่อของแกจะถูกบันทึกลงไปในทะเบียนผู้อพยพ ระวังตัวให้ดีบ้านที่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายและการปฏิบัติตนจะต้องเป็นไปตามกฎหมายถ้าแกไม่ทราบ นั่นก็คือปัญหาของแก! ปล่อยตัว!!"

"วิคเตอร์..วิคเตอร์ เวเบอร์!"

เพียงไม่นานทหารนายนั้นเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษอยู่สักหนึ่งถึงสองนาทีและปล่อยให้เขาก้าวเข้าสู่เมือง

ความคิดหนึ่งแล่นขึ้นด้วยความงุนงง ความง่ายในการเข้าสู่เมืองแห่งนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ ชื่อของเขาถูกใส่ลงไปในทะเบียนผู้อพยพทันทีโดยไม่มีการซักถามรายละเอียดส่วนตัวหรือข้อมูลที่มาอื่นๆ แสดงถึงความปลอดภัยที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ของสาธารณรัฐเวน

เขาเริ่มเย้ยหยันระบบของสาธารณรัฐเวนอยู่ภายในใจ แต่หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็มาจากโอฟีเลีย

"ทำไมการเข้าเมืองถึงง่ายเพียงนี้กันครับ"

'เมื่อสองปีก่อนมีผู้อพยพจากดินแดนราเวนนิสจำนวนมากและยังมีคนอีกมากที่ต้องการหนีมาสู่สาธารณรัฐเวน นั่นจึงเป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับคนที่นี่และถ้าผู้ใดที่ได้รับคำยืนยันจากผู้ที่สามารถเชื่อถือก็จะเป็นเรื่องง่ายค่ะ'

"ขอบคุณมากนะครับ..ผมยังไม่มีโอกาสได้แนะนำชื่อโดยเต็มของผมเลย ผม วิคเตอร์ เวเบอร์"

'ดิฉัน โอฟีเลีย เดนการ์ท ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ'

ขณะรอยยิ้มของนางยกตัวขึ้นวิคเตอร์จึงเคลื่อนกายเข้ากอดนางในช่วงเวลาอันแสนสั้นอ้อมแขนที่อบอุ่นของเขาจบลงและเปลี่ยนเป็นการโบกมือ

ฝ่ามือทั้งห้าที่ผายออกของเขากลายเป็นกำแน่น ความมั่นใจมากมายหลั่งไหลผ่านจิตใจ ใบหน้าของเขาแหงนมองขึ้นสู่ฟากฟ้าที่ถูกแบ่งเป็นสามลำดับชั้น

เส้นผมสีดำตีพัดขึ้นเหนือลมเย็นผ่านฝูงชนในชุดสุภาพและถนนอิฐที่เรียงรายทอดยาวไปด้วยแผงสินค้าและอาคารระนาบข้างสองฟากฝั่งสูงตระหง่านห้อมล้อมย่านต่างๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้สำหรับลานกว้างหรือพื้นที่กิจกรรมใดๆ

อาคารต่างๆ ล้วนเป็นร้านที่มีการตกแต่งหน้าร้านที่มากจนเกินพอดีและแสดงไปด้วยเอกลักษณ์สำคัญของร้านนั้นๆ บ้างเป็นกระถางต้นไม้นับสิบซึ่งแสดงถึงธรรมชาติที่เหมาะสมสำหรับกาแฟหรือบ้างเป็นหุ่นสวมชุดสุภาพที่สวยงามเพื่อแสดงถึงความงดงามของเครื่องแต่งกายที่ชวนให้ผู้คนต้องชายตามอง

ทุกหัวมุมถนนสามารถพบทหารหนึ่งนายและการสังเกตเกิดขึ้นอยู่ทุกที่ ทั้งในตรอกจากสายตาปริศนาและทหารลาดตระเวนนั่นทำให้ความคิดเย้ยหยันก่อนหน้าของวิคเตอร์เปลี่ยนไป

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดสงสัยถึงสถานการณ์ความหวาดระแวงที่แปลกประหลาดของสาธารณรัฐเวน

ถึงกระนั้นครั้งแรกในการเดินชมเมืองในสาธารณรัฐเวนก็ต้องดำเนินอย่างสงบ สงวนท่าทีและเดินอย่างสุภาพบุรุษ