ประกายแสงสว่างหยดนองดั่งหยาดฝนโลหิตลมหายใจที่ร้อนผ่าวแผ่กระจายออกเป็นไอเย็นหนา
เสื้อคลุมยาวสีขาวที่ขาดรุ่ยสยายขึ้นโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง
ดวงตาสีเหลืองสว่างกวาดสายตาไปโดยรอบบริเวณ กร่นเสียงหัวเราะดังพลางเผยมือขึ้นไขว่คว้าอากาศที่ว่างเปล่าราวกับคนเสียสติ ตามหาบางสิ่งจ้องมองมันและภูมิใจในการกระทำที่ไร้เหตุผล
ในช่วงเวลาที่ทุกสายตาบรรจบอยู่กับการกระทำประหลาดของชายซูบผอม เขากลับก้าวฝีเท้าทีละก้าวอย่างเชื่องช้าเหยียบสัมผัสพื้นหินเย็นยะเยือกและจ้องมองทุกสิ่งเปรียบเสมือนตนเองกำลังเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่ตอมไปด้วยฝูงผีเสื้อที่สวยงาม
แต่ทว่าผีเสื้อเหล่านั้นกลับเป็นประกายแสงสีเหลืองส่องสว่าง ที่ปรากฏขึ้นมากมายส่องประกายสร้างภาพอันน่าอัศจรรย์มันล่องลอยตามชายซูบผอมมันงอกงามขึ้นมาจากจุดแสงจนสยายออกเป็นผืนปีกกว้าง
บินตอมหยดแสงที่ไหลติงและงอกงามกลายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเสื้อคลุมยาวที่ขาดลุ่ย การซ่อมแซมเริ่มประกอบเป็นชายเสื้อคลุมและผีเสื้อตัวสุดท้ายบินตอมรูโหว่กว้างก่อนที่จะกลายเป็นส่วนประกอบสุดท้าย
หอกหนึ่งเล่มพุ่งตรงทะลุเข้ากลางอกของชายซูบผอมสร้างเสียงกู่ร้องบันดาลคมแหลมของลูกธนูนับหมื่นดอกแทงทะลุร่างที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง คมดาบที่ลุกไหม้พุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับอัศวินผู้ห้าวหาญแผดเผาอากาศจวบจนกระทั่งลุกไหม้จิตวิญญาณไปพร้อมกับร่างกายที่น่าเวทนาร่างที่ซูบผอมถูกพันธนาการโดยโซ่ตรวนนับแสนที่ไม่อาจหาที่มาของมัน คมดาบนับแสนที่ผูกติดไปด้วยคุณสมบัติมากมายและวงแหวนขอบเขตเหนือธรรมชาติจากพลังที่ยึดติดไปด้วยแบบแผนทางความคิดมารวมกันอยู่ที่ชายซูบผอม
เพียงไม่นานร่างส่องสว่างก็พุ่งกายผ่านพ้นทุกการโจมตี ฝ่ามือหนึ่งจับใบหน้าของชายซูบผอมไว้และกดมันลงสู่พื้น ร่างประหลาดของอสูรกายงูขนาดยักษ์พุ่งขึ้นมากลืนกินร่างของเขาไว้และอาบย้อมไปด้วยพิษอันตรายที่ผสมกันนาๆ ชนิด
ลมหายใจสร้างฟองอากาศภายใต้ทะเลน้ำสีเขียวหม่น โผล่พรวดขึ้นมาจากมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่ไร้ซึ่งแผ่นดินและขอบฟ้า ภาพฝันร้ายลวงตามากมายถูกสร้างขึ้นการโจมตีและควบคุมมากมายถาโถมเข้าสู่สติสัมปชัญญะ
ร่างกายถูกคายออกจากปากของอสูรงูร่วงหล่นลงสู่ดงการโจมตีที่ไม่รู้จบ ร่างกายที่ควรจะมีอยู่แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นของเหลวสีเหลืองที่ส่องสว่างเหลือเพียงใบหน้าครึ่งซีก สติที่เลือนรางพยายามก่อร่างของนิ้วมือขึ้นจ้องมองไปที่ตัวเลขสามหลักที่กำกับตัวอักษรภาษาอังกฤษไว้ท้าย
900k
เสียงหัวเราะเบาบางเริ่มต้นขึ้น ตัวเลขบนฝ่ามือค่อยๆ ลดจำนวนลงทีละหน่วยอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น 800k
สร้างกระแสแผ่นดินไหวขนาดใหญ่สาดแสงประกายไปโดยรอบอย่างเอิกเกริกเปลี่ยนพื้นที่ใต้ดินมืดมิดให้กลายเป็นท้องนภากว้างเหนือต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ครอบคลุมไปด้วยอาณาจักรขนาดใหญ่
ภายใต้ท้องฟ้าสีม่วงที่นำพาชีวิตนับล้าน มันปรับเปลี่ยนท้องฟ้าม่วงให้กลายเป็นมหาสมุทรราวกับการต่อสู้ภายในทวีปกว้างอันไร้อาณาเขต แสงประกายมากมายร่วงหล่นลงสู่อาณาจักรเบื้องล่างขยายขนาดสู่ดาวตกไพศาลที่พร้อมลากชีวิตนับหลายสิบล้านลงสู่ห้วงเหวที่ว่างเปล่า
…
ความมืดคือส่วนประกอบที่แท้จริงของสรรพสิ่งแต่มันเพียงถูกปกคลุมด้วยแสงและองค์ประกอบอื่นที่เจือปนจนไร้ซึ่งพื้นที่สำหรับองค์ประกอบหลัก ทว่าท้ายที่สุดความมืดดันกลับครอบคลุมทุกสิ่งเปรียบเสมือนอวกาศที่ห้อมล้อมโลกแม้โลกจะไม่เหลือพื้นที่ใดสำหรับความมืด
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นความมืดจึงเป็นเพียงความว่างเปล่าและการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงทางการรับรู้
จึงเป็นเรื่องยากในการพิจารณาข้อเท็จจริงผ่านภาพที่วกวนและบิดเกลียวเป็นห้วงประหลาด รังควานจิตใจให้ออกก้าวและเผชิญหน้า
ความกล้าหาญกลายเป็นสิ่งผิดพลาดเมื่อต้องเผชิญหน้าอย่างไร้ข้อมูล เพ่งสายตามองไปตามความมืดเคลื่อนมือออกไปรอบด้านควานหาบางสิ่ง
ภาพแห่งการเคลื่อนย้ายแท้จริงอาจเป็นเพียงกรงขัง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีทางทราบ สาเหตุหลักของพื้นที่นี้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวเปลือยเปล่าที่น่าหวาดกลัว สิ่งประหลาดที่ปรากฏขึ้นแสดงถึงข้อเท็จจริงของพลังเหนือธรรมชาติหรืออาจจะเป็นเวทมนตร์
วิคเตอร์เผยรอยยิ้มเจื่อนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว การก้าวก่ายต่อองค์กรธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี การก้าวที่ผิดพลาดในเกมกระดานที่กว้างขวางแห่งนี้คือบทเรียนหนึ่งแต่ในขณะนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปหรือแก้ไขทุกสิ่ง
ในเมื่อการหลบหนีจะเป็นการสร้างสถานการณ์ตามล่าที่ยืดยาวเพียงเท่านั้น วิคเตอร์จึงตัดสินใจถอยหลังทีละก้าวแนบหลังชนเงามืดและจมเข้าไปในมัน ฝ่าพ้นออกมาสู่จุดเดิมที่สามารถมองเห็นแสงจวบจนปลายทางของท่อระบายน้ำ
เครื่องแต่งกายที่เปียกโชกเพิ่มสัมผัสที่หนาวเย็น เส้นผมสีดำเสยขึ้นเพิ่มทัศนวิสัยและฝ่ามือลูบลงตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายคาง
เงาเบื้องหน้าบิดเบี้ยวเลือนหายไปขณะร่างที่เปลือยเปล่าปรากฏขึ้นอีกครั้ง เส้นผมตรงสีดำยาวสยายออกไปด้านหลังขณะใบหน้าเผยผิวพรรณที่เปล่งปลั่งไปจนสุดปลายเท้า
นางกอดอกของตนอย่างไร้ยางอายและเริ่มกล่าวขึ้น
"ฉันจะให้โอกาสคุณในการตอบคำถามนะคะ เพื่อให้ทุกสิ่งจบลงอย่างรวดเร็วที่สุด! คุณทราบเรื่องของรถม้าหมายเลขสี่ได้อย่างไรกันคะ"
"ผมขออนุญาตถามกลับ ทำไมคุณถึงไม่สวมเครื่องแต่งกายใดๆ และสามารถครอบครองพลังเหนือธรรมชาติ"
"คุณกำลังท้าทายฉันอยู่นะคะ!!! ฉันไม่อยากจะทำร้ายคุณ…แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากทำให้คุณบาดเจ็บจากการไม่ตอบคำถามและคำพูดของคุณก็ทำให้ฉันรู้สึกอาย..!"
นางเริ่มก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น
"อย่าเข้ามาใกล้ผม!!!"
วิคเตอร์ส่งเสียงตะคอกดังจนนางแสดงอาการหลบสายตาและทำให้วิคเตอร์สังเกตเห็นถึงความเหนือกว่าทางด้านพลังของนางแต่กลับด้อยกว่าในด้านของจิตใจ
อาจเป็นเพราะว่านางอยู่ในสถานการณ์ที่เหนือกว่าเขาและสามารถทำได้ทุกสิ่งจึงเกิดความประมาทและใช้อารมณ์ร่วมในการดำเนินงานรวมถึงปัจจัยทางรูปลักษณ์ภายนอกระหว่างผู้หญิงคนหนึ่งกับชายร่างใหญ่ในสภาพที่ไม่น่าอภิรมย์ ซึ่งไม่ว่านางจะมองวิคเตอร์เป็นอย่างไรในสายตาแต่ในตอนนี้เขาจะแก้สถานการณ์ของตน
ปรับปรุงสีหน้าและลดน้ำเสียงลง
"ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ทราบเรื่องนี้เลยเพียงแต่ผมไม่มีเงินจ่ายค่ารถม้าเท่านั้นจึงออกอุบายที่จะทำให้ตนเองได้จ่ายน้อยลง…"
"ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นนะ!" เสียงของชายชราดังขึ้นและเดินโผล่ออกมาจากความมืด นั่นคือคนขับรถม้า
"คุณลุงเวลล์คะ..แต่ชายคนนี้เขาสารภาพแล้วนะคะ"
"ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น"
"ท่าทางของเขาดูน่าเห็นใจ..ค่ะ"
"เลิกปกป้องชายผู้นี้เสีย ข้าไม่ใช่คนแก่ความทรงจำสั้นและชายผู้นี้อันตราย เมื่อเจ้าแสดงท่าทางเช่นนั้นชายผู้นี้จะหลอกเจ้า เขาคือคนที่รอดจากเงื้อมมือของเจ้าบ้าพลังนั่นได้เจ้าต้องพิจารณาให้ดี!"
ชายชราพูดหนักแน่น
"ยอมจำนนเสียเถิดพ่อหนุ่ม เจ้าไม่รอดแล้วแค่สารภาพและเรื่องจะจบ!"
วิคเตอร์ถอยหลังทีละก้าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ ความแตกต่างของสถานการณ์ทำให้เกิดความคิดที่บ้าบิ่นและเขามั่นใจว่าตนจะไม่ตายอย่างแน่นอน ถึงตอบคำถามพวกเขาก็จะไม่ปล่อยไปความบังเอิญในการพบรถม้าหมายเลขสี่อาจแปรเปลี่ยนเป็นสถานการณ์ที่ถูกไตร่ตรอง
แต่จะมีค่าอันใดในเมื่อไม่ทราบที่มาของวิคเตอร์ หมายความว่านี่อาจเป็นเพียงความโชคร้ายของเขาที่ได้มาเกี่ยวข้องกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความลับบางอย่าง
ปลายส้นเท้ายกตัวขึ้นและค่อยๆ ถอยหลังเป็นจังหวะไม่ว่าจะเกิดการเจรจาขึ้นคำตอบของเขาจะกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำโกหก
สุดปลายส้นเท้าแตะสัมผัสขอบท่อระบายน้ำ สายตาของชายชรายังคมเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น
"พ่อหนุ่ม เจ้าไม่มีทางหนีแล้ว!"
วิคเตอร์เอนหลังลงดำดิ่งลงสู่ความมืดที่เจือปนไปด้วยแสงจากเบื้องล่าง ความบ้าบิ่นก่อให้เกิดการกระทำที่บ้าคลั่งพลางส่งเสียงหัวเราะดังปานชีวิตกำลังจะดับสิ้น
หญิงสาวกระโดดตามมาด้วยความเร็วพาดผ่านความมืดแปรเปลี่ยนสภาพร่างออกเป็นเงาที่กำลังว่ายลงจากน้ำตกสีมืด ร่างของนางปรากฏขึ้นในสภาพที่เปลือยเปล่าและกอดรัดร่างของวิคเตอร์ไว้แน่น
เส้นผมของนางสยายขึ้นร่างกายแนบชิดกันจนไม่อาจขยับเขยื้อน หยดน้ำตาและเสียงร้องกรีดร้องของหญิงสาวเผยขึ้นเหนือใบหน้ามืดครึ้มของเขา
แขนของวิคเตอร์เริ่มต่อต้านอย่างรุนแรงพยายามดิ้นขัดขืนการกอดรัดของนางแต่ความรู้รอบกายกลับราวกับถูกโอบรัดด้วยมวลน้ำสีมืดที่แน่นหนา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอดจากการร่วงหล่นจากความสูงระดับนี้ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นเขาจะถูกจับกุม
การตัดสินใจเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การพบกับชายปริศนาในชุดคลุมสีขาว หลายๆ สิ่งนำมาซึ่งการตัดสินใจมากมายการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและการมีชีวิตตามจุดประสงค์หนึ่งในการตามหาความจริงทั้งหมด
เสียงของอากาศพัดผ่านใบหูก่อเสียงคำรามยืดยาวกระแสลมตีกระทบร่างของทั้งสอง แสงสว่างพาดผ่านดวงตาเป็นระยะและจบลงเมื่อเสียงหยดน้ำตกกระทบ
.
อึก!
ภาพฝันของดวงดาวก่อตัวเป็นงานศิลป์ที่ระบายไปด้วยโลหิต มันพัดโถมดั่งพายุและสงบลงเมื่อซี่โครงถูกผ่าเปิดเสียงกรีดร้องของชายหนุ่มดังขึ้นภายในความมืด
ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับลมหายใจที่หนักหน่วง ร่างกายถูกผูกมัดไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่งและแสงเทียนขนาดเล็กมอบความสงบภายในจิตใจ
เสียงของลมหายใจเริ่มผ่อนคลายลงดวงตาจับจ้องแสงสีเหลืองหนึ่งเดียวเบื้องหน้า ก่อนที่จะหัวเราะขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้งไปทั้งลำคอ
ทุกสิ่งเป็นไปตามคาดถ้าเขาสามารถมีชีวิตรอดการจับกุมคือวิธีการสุดท้ายของพวกมัน เมื่อถูกจับตามองและทดสอบศักยภาพพวกมันก็จะสามารถตีกรอบที่มาของวิคเตอร์
ในตอนนี้พวกมันจำเป็นต้องตัดสินใจว่าเขาคือคนนอกที่โชคร้ายหรือภัยคุกคามจากภายนอกจึงเป็นที่มาของการไล่ล่าแทนที่การสังหาร
ทว่านั่นอาจเป็นข้อดีในการทำให้เขามีโอกาสที่จะได้รับจุดยืนสำคัญที่จะทำให้เขาปลอดภัยในโลกใบนี้และได้รับรู้ถึงวิธีการครอบครองพลังเหนือธรรมชาติ
เพียงไม่นานแสงสว่างของเทียนไขก็ถูกกลบเลือนด้วยแสงสว่างจากตะเกียง ชายชราปรากฏขึ้นพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งในชุดสูทสุภาพสีดำ
"ทีนี้เจ้าพร้อมตอบคำถามหรือไม่ เจ้าทราบเกี่ยวกับรถม้าหมายเลขสี่จากแหล่งใด ใครขายข้อมูลให้เจ้าหรือเจ้าทำงานให้กับใคร!"
วิคเตอร์กลืนน้ำลายของตน
"ไม่!..ผมไม่ทราบจริงๆ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะผมเพียงออกอุบายเพื่อให้ตนเองได้จ่ายน้อยลง!"
"ฟังนะ..โดยปกติคนที่ทราบเกี่ยวกับเรื่องรถม้าหมายเลขสี่จะถูกกำจัด ไม่ว่าจะจากข่าวลือหรือคนจากภายในนำไปเผยแพร่แต่การสารภาพของเจ้าจะทำให้โทษของเจ้าลดลงเมื่อมันเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย"
"ถ้าข้อมูลที่ผมได้รับไม่ได้มาจากภายในคุณยังจะมอบอิสรภาพให้ผมอยู่หรือเปล่า"
คำกล่าวนี้จะเป็นสิ่งที่สามารถต่อระยะเวลาชีวิตของเขาในเมื่อคำสารภาพของวิคเตอร์ยังคงสามารถขยายคุณค่าของชีวิตตนเอง ถึงจะแลกมาด้วยการตกอยู่ในอันตรายแต่ในความเสี่ยงนี้ก็ย่อมต้องมีความคุ้มค่าตามมา
"แน่นอนถ้าเจ้าสามารถระบุแหล่งที่มา!"
ชายชราหยิบแผ่นกระดาษที่เปียกชื้นออกมานั่นคือเศษกระดาษที่วิคเตอร์นำมันมาจดบันทึกข้อมูลในจุดสัญลักษณ์ต่างๆ ภายในเมือง แต่ล่าสุดเมื่อตกลงมาในท่อระบายน้ำเขาก็โยนมันทิ้ง
"ข้อมูลของเจ้าค่อนข้างละเอียด ตำแหน่งทางเข้าต่างๆ ของเส้นทางใต้ดินมันเป็นข้อมูลที่ถูกแบ่งส่วนออกมาเป็นอย่างดีและการครอบครองข้อมูลทุกส่วนไว้จำเป็นต้องได้รับมาจากบุคคลระดับสูง"
นั่นทำให้วิคเตอร์ฉุกคิดขึ้นมาถึงวิธีการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ เพียงแค่เขาต้องแนบเนียน
"ผมยอมแล้ว..ผมจะยอมสารภาพ! แต่ต้องให้ผมสารภาพต่อท่านเดนการ์ทเท่านั้น!! ผมไม่สามารถอธิบายสิ่งใดหวังว่าคุณจะเข้าใจ"
วิคเตอร์ส่งเสียงพูดหนักแน่นเขาไม่ทราบชื่อพี่ชายของโอฟีเลียแต่ในเมื่อเป็นสกุลจึงไม่ยากที่จะคาดเดาถึงความเกี่ยวข้องที่ไม่ลึกซึ้งแต่ยังคงเกี่ยวข้องเมื่อคนเหล่านี้ได้ฟังจากปากของวิคเตอร์
การเอ่ยถึงบุคคลระดับสูงหรือผู้มีส่วนร่วมจึงแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องของวิคเตอร์ยิ่งการกระทำที่เขาแสดงออกมาก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็น สายลับภายนอกที่ถูกจ้างโดยพี่ชายของโอฟีเลีย แต่ความเสี่ยงในการกระทำครั้งนี้ก็มีโอกาสล่มสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ถ้าเป็นไปได้การนำเรื่องทั้งหมดไปสารภาพกับพี่ชายของโอฟีเลียก็ทำให้ได้รับความช่วยเหลือหรืออาจจะรวมถึงเรื่องของวัตถุภายในอกของเขา
ชายชรานิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะตรวจสอบเครื่องแต่งกายของวิคเตอร์จนไปถึงการปลดถุงมือของเขาออก แสดงให้เห็นหมายเลขหนึ่งหลักบนฝ่ามือ
ยิ่งทำให้สายตาของชายชราเปลี่ยนไปและเริ่มฉุกคิดสงสัยมากมาย ทำให้วิคเตอร์จำเป็นต้องสูดลมหายใจอย่างสงบเพื่อระงับอาการที่แสดงถึงความหวาดกลัวและการโกหก
เพียงไม่นานมีชายชุดสูทสุภาพเดินเข้ามาภายในห้องมืดสลัวแห่งนี้พลางซุบซิบบางสิ่งให้ชายชราทราบ
"ในเวลานี้เจ้าโชคดีข้อมูลทั้งหมดของเจ้าถูกส่งไปอยู่ในมือของท่านผู้มีส่วนร่วมแล้ว เซลิธจะพาเจ้าไป"
หลังจากจบคำกล่าวของชายชราภายในเงาปรากฏร่างที่เปล่งปลั่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า นางเดินโซเซลงมานั่งตักของวิคเตอร์ก่อนที่ความมืดจะบดบังทัศนวิสัยทั้งหมด
แปรเปลี่ยนเป็นโถงทางเดินแห่งหนึ่งที่ถูกปูพรมสวยงามประดับผนังไปด้วยรูปภาพงานศิลป์ทิวทัศน์ของเมืองยามราตรี ร่างของวิคเตอร์อยู่ในสภาพปกติไร้ซึ่งพันธนาการเมื่อรู้สึกกาย
หญิงสาวเบื้องหน้านั่งลงริมกำแพงพลางกอดอกปิดบังร่างกายและเอนศีรษะลงปานกำลังจะหลับ แต่ก่อนที่ดวงตาของนางจะปิดลงคำพูดที่เบาบางก็บอกกล่าวขึ้น
"ตรงไปเบื้องหน้าจะพบประตูห้องของท่านผู้มีส่วนร่วม ฉันไม่ไหวแล้วค่ะดูเหมือนว่าฉันจะหักโหมมากจนเกินไป.."
วิคเตอร์ถอดเสื้อที่แห้งเหือดของตนและนำมันไปคลุมที่ร่างของนาง
เขาจัดแต่งเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย ออกก้าวอย่างมั่นใจไปที่ประตูบางใหญ่และออกแรงดันมันเปิดเข้าไป
เหยียบลงบนพรมสีแดงกุหลาบตัดแต่งลวดลายช่อดอกไม้แต่ถูกบดบังด้วยโต๊ะกว้างที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับการเขียน แสงสว่างของแดดยามเช้าต่างสาดโถมลงอาบร่างของวิคเตอร์ มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ต่อหน้าเขาด้วยชุดสูทสุภาพสีเทาเนกไทดำและสวมทับด้วยเสื้อโค้ตสีดำยาว
ใบหน้าสูงวัยแต่ไม่ถึงขั้นชัดเจนทางด้านอายุ ต้นคอหนาอกแผ่กว้างร่างกายแข็งแรง ทรงผมสั้นปัดซ้ายอย่างหล่อเหลาเหนือสิ่งอื่นใดคือความสุขุมทางกิริยาที่มั่นคง
"วิคเตอร์ เวเบอร์ หนึ่งในรายชื่อพิเศษหรือผู้อพยพจากดินแดนราเวนนิส ร่างกายสูงใหญ่กำยำมีทักษะการเอาตัวรอดที่บ้าบิ่นและความสามารถด้านจิตใจที่แกร่งซึ่งอาจรวมไปถึงทัศนคติ มีรายงานหนึ่งปรากฏว่าคุณครอบครองข้อมูลช่องทางทั้งหมดที่เผยถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ไปทั่วสาธารณรัฐเวน"
คำกล่าวที่สงบของชายเบื้องหน้าอธิบายถึงวิคเตอร์อย่างชัดเจน
"ผมต้องการให้คุณช่วยเหลือผม! แท้จริงแล้วผมได้รับความช่วยเหลือจาก โอฟีเลีย เดนการ์ทและผมได้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดผ่านบันทึกของคุณที่อยู่ในห้องใต้ดิน"
สายตาของชายเบื้องหน้านิ่งสงบและไม่สั่นคลอน ไม่มีอารมณ์ร่วมใดเกิดขึ้นในการฟังคำสารภาพของวิคเตอร์ แต่ก็ไม่มีข้อสังเกตในส่วนของที่เก็บซ่อนอาวุธใดๆ
"ช่างน่าเสียดายที่คุณเป็นเพียงคนที่โชคร้าย แต่ผมคงจะไม่สามารถปล่อยคุณไปจากที่นี่ได้ หนึ่งในรายงานสำคัญระบุถึงการสอบสวนของคนขับรถม้า มีการเตรียมพร้อมบุคลากรที่มีพลังในการตรวจสอบคำโกหกแฝงปะปนเข้าไปด้วย แต่ปรากฏว่าคำพูดของคุณกลับไม่สามารถตรวจสอบ ไม่สามารถคาดการณ์ ไม่สามารถหยั่งลึก"
"หมายความว่าอย่างไรกันครับ!"
วิคเตอร์จ้องเขม็งสบสายตาของชายเบื้องหน้าพร้อมกับไตร่ตรองคำกล่าวนั้น มันแปลกประหลาดราวกับเขามีพลังวิเศษหรือแปลกแยกจากความเป็นไปได้ในการส่งผลของพลังเหนือธรรมชาติมาสู่ตัวเขา
"ความสามารถของคุณเป็นภัยคุกคามถ้าคุณไม่ยอมสารภาพมาโดยดีการพิจารณาจุดยืนของคุณอาจไร้ซึ่งความมั่นคง"
"ผมไม่ทราบสิ่งใดเกี่ยวกับความสามารถนี้!"
วิคเตอร์สารภาพไปตามตรงและไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่จนตรอกของตน ทุกสิ่งที่เขาต้องเผชิญมันแปลกประหลาดเกินกว่าที่จะหาข้อมูลด้วยตนเอง
"ในเมื่อคุณไม่ยอมสารภาพและยังต่อต้านผม คุณจำเป็นต้องเข้าร่วมและมาทำงานภายใต้การควบคุมของผม"
วิคเตอร์ไม่กล่าวสิ่งใดเขาเพียงจ้องมองด้วยความเคลือบแคลงใจในเมื่อไม่เชื่อในคำสารภาพแต่กลับเบี่ยงประเด็นไปเป็นทางออกของการสนทนา
"ไม่ต้องขบคิดให้มากผมไม่คิดจะสังหารคุณ ผมคือผู้มีส่วนร่วมของคณะปฏิวัติราเวนนิสความลับในเรื่องของสถานที่จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปลดปล่อยดินแดนราเวนนิสสู่เอกราชจึงจำเป็นเข้มงวดต่อทุกผลร้ายที่อาจส่งผลกระทบ ในตอนนี้มีผู้อพยพจากดินแดนราเวนนิสราวสี่หมื่นคนและทุกคนร่วมมือกับผม..โดยผมหวังว่าคุณจะเชื่อใจ"
ชายเบื้องหน้าลุกขึ้นยืนและยื่นมือขวามาทางวิคเตอร์การทักทายที่สุภาพอันแฝงไปด้วยความไม่ไว้วางใจเริ่มต้นขึ้น
"คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ ผมทราบว่าคุณเชื่อผมและกำลังหาทางออกที่ดีที่มอบประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย"
"ช่างน่ายินดียิ่งนักที่คุณมีศักยภาพทางความคิดที่ดี แต่การที่คุณแสดงความตรงไปตรงมาเช่นนี้ก็หมายความว่าคุณสนใจในสิ่งที่ผมกล่าวเช่นกัน ในเมื่อคุณไม่ยอมที่จะให้ความร่วมมือ ผมจึงจำเป็นต้องบังคับให้คุณเข้าร่วมและสามารถแลกกับความต้องการส่วนตัวของคุณหนึ่งสิ่งโดยไม่รวมที่พักอาศัยหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เท่าที่คุณสามารถเสนอเพื่อให้คุ้มค่าต่อตัวคุณเอง..ลองเสนอมาสิครับ"
"ผมต้องการทราบถึงการครอบครองพลังเหนือธรรมชาติและทุกสิ่งที่เกี่ยวกับมัน"
"ย่อมได้ เป็นการตัดสินใจที่ดีผมจะมอบหมายหน้าที่ให้กับบุคคลที่จะตอบสนองความต้องการของคุณนางจะเป็นคนกำกับงานและหน้าที่ของคุณเพื่อแลกกับข้อมูล"
"การดำเนินงานและชีวิตประจำวันของคุณจะถูกจับตามองโดยเซลิธอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงจนกว่าคุณจะสามารถรายงานถึงความสามารถของคุณได้และการกระทำนี้ก็นับเป็นการช่วยเหลือคุณ หวังว่าคุณคงไม่อยากเตร็ดเตร่ไปตามเมืองโดยไร้จุดหมาย"
หลังจากจบคำกล่าวเซลิธโผล่พรวดออกมาจากเงาของวิคเตอร์ นางแสดงตัวพยักหน้ารับทราบต่อหน้าพี่ชายของโอฟีเลียและหายไปภายในเงามืด
ชวนให้วิคเตอร์ต้องตกตะลึงอีกครั้งถึงความสามารถที่ราวกับหลุดออกมาจากนวนิยายแฟนตาซี
ในเมื่อการเจรจาส่งผลให้ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายวิคเตอร์จึงไม่โต้แย้งและรับรู้สถานการณ์ของตนเป็นอย่างดีถึงความอ่อนแอที่ไม่อาจแม้แต่ปกป้องชีวิตของตนเอง
การเริ่มต้นใหม่ภายใต้เงามืดก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อต้านดวงดาวในอนาคตของเขา เพื่อตามหาความจริงทั้งหมดเพื่อกลับสู่โลกที่คุ้นเคย..