Chereads / Miracle Violator / Chapter 5 - รถม้าหมายเลขสี่

Chapter 5 - รถม้าหมายเลขสี่

ชายซูบผอมคุกเข่าลงเหนือพื้นหิน ปลายนิ้วสัมผัสโลหิตตวัดวาดตัวอักษรมากมายที่ไร้ซึ่งความหมาย มันแปรเปลี่ยนพื้นหินให้สั่นสะเทือนและเปิดห้วงลึกขึ้นจากความมืด

ขณะยืนจ้องมองเหนือมันผ่านดวงตาสีเหลืองเปล่งประกายและหยิ่งผยอง ชุดคลุมสีขาวสะบัดพัดราวกับกระทบผ่านลมกรรโชก

เส้นผมยาวสีเหลืองทองยุ่งเหยิงสะบัดพัดเฉกเช่นเดียวกับชุดคลุม เหนือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉีกขาด

มันปล่อยให้ตนเองร่วงหล่น

"วิธีการยังมีอีกมากมายเพียงข้ายังสำรวจมันไม่ครบ..ณ บัดนี้!!..ข้าจะตามหามันเสียงที่หลอกหลอนข้ามานับพันปีและถอนรากต้นไม้ที่เป็นรากฐานของโลกใบนี้…!"

ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นจุดแสงมันเคลื่อนถี่ด้วยความเร็วดั่งคลื่นความถี่ที่สั่นไหว มันพุ่งตรงผ่านความมืดที่แหวกทางออกและส่งเสียงคำรามดั่งการเผาไหม้ของอากาศ

ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหมู่คนท่ามกลางความมืดอันไร้อาณาเขตที่ส่องสว่างไปด้วยคบเพลิงนับร้อย

ร่างนั้นแหลกเป็นแอ่งเลือดที่หยดนองไหลไปตามพื้นหญ้าสีเทาหม่นและประกอบร่างขึ้นมาใหม่จากประกายแสงนับแสนจุดที่ปรากฏขึ้นเหนือหยดน้ำโลหิต

"ยินดีที่ได้พบเหล่านักสำรวจแห่งองค์กรดันเจี้ยน..!"

เสียงที่เย็นยะเยือกและน่าสยดสยองทำให้คนนับร้อยต่างต้องหันอาวุธมาที่ชายซูบผอม

"แสงที่พวกแกค้นหาอาจจะเป็นข้าก็เป็นได้..!"

ป้ายหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือระยะสายตา บนมุมถนนสกปรกที่อับฉุนไปด้วยกองพะเนินของขยะมันคือป้ายถนนเรน์เกน ตามข้อมูลที่เขาจำได้มันถูกยกตัวอย่างสู่ถนนนิวฟานเริน

แต่ตามข้อสรุปมีการกล่าวถึงความไม่แตกต่างในถนนสายอื่นๆ มันเป็นเพียงการบังคับใช้ในรถม้าหมายเลขสี่ ซึ่งในตอนนี้เขาไม่ได้มีจุดหมายที่แน่ชัดในการเข้ามาในเมืองแห่งนี้

ในช่วงแรกของการรับรู้การเผชิญหน้าต่อโลกที่ตนไม่รู้จัก เขาต้องการทราบเพียงการกลับสู่ใต้ฟ้าสีครามหนึ่งเดียวบนอาณาเขตไร้ขอบเหนือบรรดามวลหมู่เมฆ

ทว่าในช่วงเวลานี้เป้าหมายของเขาถูกกำหนดให้ต้องระวังตัวจากดวงดาวและไขว่คว้า​หนทางในการกอบโกยความรู้และความสามารถในการตามหาความจริงทั้งหมด

การเริ่มต้นหาเงินประทังชีวิตอาจเป็นวิธีการเริ่มต้นที่สำคัญ สำหรับประสบการณ์การทำงานที่หนักหน่วง อายุของวิคเตอร์ไม่ได้อยู่ในระดับที่เป็นเด็กไร้ประสบการณ์แต่เป็นถึงชายที่มีอายุใกล้วัยกลางคนแต่ยังคงห่างไกล

ในยุคสมัยที่แตกต่างการงานที่สามารถพบเห็นได้ง่ายล้วนเป็นงานใช้แรงงานในธุรกิจอุตสาหกรรมและงานประเภทการเกษตร แต่ในระหว่างการเดินเท้าสู่ย่านต่างๆ เขาสังเกตโดยรอบอยู่เสมอซึ่งนอกจากเหนือการแสดงความสามารถกลางแจ้งกับการสมัครงานภายในร้านอาหารหรือร้านที่มีงานบริการเป็นหลักอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับวิคเตอร์

การเริ่มต้นใหม่ทางการงานก็ไม่ต่างจากการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต เขาเผยรอยยิ้มหลังจบความคิดที่ผ่อนคลายในระหว่างการเดินไปตามเส้นถนนเรน์เกน

การเดินเท้าที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่แรกจากเขตเมืองใกล้กำแพงถึงเขตเมืองด้านในต่างมีสภาพทรุดโทรม ทั้งถนนและผู้คนแสดงถึงฉากหน้าที่น่าละอายของสาธารณรัฐแห่งนี้

เมื่อเปรียบถึงภาพที่จินตนาการไว้ตั้งแต่ต้น ในยุคสมัยที่มีขุนนางก็ต้องมีความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนดังปกติ แต่เมื่อการลักษณะการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐหมายความว่า ประชาชนจะมีสิทธิ์ในการเลือกผู้นำ นั่นจึงไม่ควรที่จะเกิดความเหลื่อมล้ำเพียงนี้

ยิ่งจ้องมองพื้นที่โดยรอบอยู่หลายหนเขาจึงต้องเริ่มคิดให้เร็วและกดดันตนเอง ช่วงเวลาหนึ่งที่วิคเตอร์หยุดนิ่งเกวียนหรูที่ชวนให้ชายตามองเคลื่อนมาหยุดอยู่ข้างกาย

แหวกทางของฝูงชนให้ต้องหลบเลี่ยง ชายชราร่างท้วมสวมเสื้อเชิ้ตสุภาพสีน้ำตาลทับด้วยเสื้อกั๊กสีเทา เส้นผมหงอกสั้นและมีใบหน้าเป็นมิตรส่งเสียงเรียกมาทางวิคเตอร์

"เจ้าหนุ่มเห็นหยุดรออะไรอยู่ สนใจเดินทางด้วยรถม้าไหม มันสะดวกสบายและมีค่าใช้จ่ายไม่แพงนัก"

วิคเตอร์ครุ่นคิดสักพักเป็นเพราะการยืนนิ่งแถวป้ายถนนเป็นระยะ จึงเป็นที่จับตามองของคนขับรถม้าเป็นธรรมดาดังในช่วงชีวิตที่เขายังคงจำได้ดีการหยุดนิ่งระหว่างยืนอยู่แถวฟุตบาทมักเป็นเหยื่อล่อสายตาของรถแท็กซี่อยู่เสมอ

แต่สำหรับเวลานี้วิคเตอร์ไม่ได้มีเป้าหมายในการเดินทางไปที่ใด แต่เมื่อเริ่มต้นคิดที่จะหาเงินประทังชีวิตในเมืองแห่งนี้แล้วเขาก็จำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ให้มาก การเดินทางไปที่ห้องสมุดและเริ่มต้นหาความรู้ที่จำเป็นก็เป็นก็เรื่องที่สมควร ประวัติศาสตร์ ศาสนา ยังมีหลายสิ่งที่ชวนให้ค้นหา

ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเป็นเวลาที่ยาวนานที่เขาจะต้องติดอยู่ใต้ฟากฟ้าสามสีแห่งนี้ อาจจะเป็นปีหรือนานกว่านั้นและเมื่อครุ่นคิดถึงความโชคร้ายที่ไร้เหตุผลของตนเขาก็อาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต

หลังจบเรื่องขบขันที่ไม่ชวนให้ปรากฏรอยยิ้ม วิคเตอร์จึงเริ่มดำเนินตามที่ตนคิด เดินตรงเข้าหาคนขับรถม้าด้วยท่าทางสุขุมและกล่าวทักตอบอย่างมีมารยาท

"ผมต้องการใช้บริการรถม้า บริเวณถนนนิวฟานเรินมีห้องสมุดไหมครับ"

ชายชรายกรอยยิ้มขึ้น

"โอ้..สายตาของเจ้าเฉียบแหลมนัก พ่อหนุ่มใบหน้าและเครื่องแต่งกายของเจ้าเนี่ยสังเกตได้ไม่ยากเลยถ้าต้องการห้องสมุดเจ้าคิดถูกแล้วที่ถามถึงถนนนิวฟานเริน ห่างจากถนนสายนั้นไม่กี่ก้าวจะมีห้องสมุดของมหาวิทยาลัยที่เปิดบริการฟรีสำหรับประชาชน ต่างจากห้องสมุดในละแวกอื่นพวกมันมักมีการเก็บเงินเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้มีความรู้มากพอในการอ่านและเขียน"

"หมายความว่าผมโชคดีมากสินะครับ ถึงประชาชนจะถูกขัดขวางแต่ผมว่า..ก็ไม่สำเร็จหรอกครับถ้าประชาชนยังทราบในเรื่องนี้"

วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับชายชรา

ชายชรายกหลังของตนยืดขึ้นด้วยความเจ็บปวดและหันกายคุมบังเหียน ขณะวิคเตอร์เดินเหยียบบันไดทางขึ้นขนาดเล็ก เปิดประตูไม้พร้อมกับหย่อนบั้นท้ายลงพิงพนักพิงที่อ่อนนุ่ม

ภายในถูกประดับตกแต่งอย่างมีหัวศิลป์ พรมขนสัตว์ขนาดใหญ่ปูโดยรอบพื้นขณะที่นั่งโดยสารมีความนุ่มเด้งและลวดลายที่เกินราคาไปมากสำหรับคนทั่วไป นั่นเริ่มทำให้เขาไม่มั่นใจในราคาที่ถูกตามคำกล่าวของชายชรา

แต่เมื่อขึ้นมาแล้ววิคเตอร์จึงปล่อยกายจ้องมองออกไปนอกรถม้าชันคางของตนและเริ่มไตร่ตรองถึงวิธีการเข้าถึงพลังเหนือธรรมชาติ

ชายปริศนาสามารถเคลื่อนย้ายเขาเข้าสู่อีกห้วงเวลาหนึ่งที่ไม่ชัดเจนหมายความว่าเขาก็ต้องสามารถกระทำสิ่งนั้นได้เช่นกัน

ตามปกติแล้วของโลกประเภทนี้มักต้องดำเนินด้วยศาสนาหรือสายเลือดเป็นสำคัญ ถ้าทุกสิ่งเป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้และบังคับให้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางสิ่ง

เขาก็จะสามารถครอบครองความเป็นธรรมของชีวิตตนเองไว้ภายใต้กำมือที่สามารถควบคุม

วิคเตอร์เริ่มกอดอกเขาเริ่มสร้างภาพแบบแผนหนึ่งขึ้นภายในความคิด หลังจากนี้เมื่อเขาสามารถมีการเงินที่ไม่ยากลำบากและใช้จ่ายเพียงอาหารประหยัด

ก็เหลือเพียงการหาที่พักที่เหมาะสมแต่หนึ่งในสถานที่ที่ถูกเพ่งเล็งไว้คือห้องพักขนาดเล็กในอพาร์ตเมนต์ราคาถูก แม้ว่าเงินติดตัวจะไม่เพียงพอในความเป็นจริง แต่ถ้าต้องต่อรองเพื่อมันเขาก็จำเป็นต้องกระทำ

หลังจากนี้เพียงหมั่นตามหาแหล่งที่เกี่ยวข้องกับพลังเหนือธรรมชาติ เขาจะสามารถหาคำตอบทุกสิ่งถึงแม้มันเป็นเพียงความคิดเบื้องต้น

แต่ก็ไม่มีวิธีการใดที่น่าสนใจไปมากกว่านี้ สถานที่นี้แตกต่างจากนวนิยายแฟนตาซีเรื่องปกติ มันคือความเป็นจริงในอีกรูปแบบ การที่สามารถเรียนรู้พลังและก้าวขึ้นสู่ฐานะผู้ปกครองเปรียบดั่งฝันของเด็กที่ไร้ซึ่งการศึกษา

เกวียนหยุดลงพร้อมกับความคิดที่เงียบลง ป้ายด้านข้างถนนถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน นิวฟานเริน

กระจกตรงข้ามที่นั่งถูกเคลื่อนเปิดออก ชายชราจัดระเบียบกระดูกหลังของตนก่อนที่จะกล่าวเรียกวิคเตอร์

"เจ้าหนุ่ม! ถึงแล้วล่ะขอบคุณที่ใช้บริการรถม้าหมายเลขสี่นะ ไม่ค่อยมีคนมานั่งสักเท่าไหร่ฝุ่นอาจจะเยอะไปเสียหน่อยแต่ราคาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ราคาเพียงสี่เหรียญเงินเท่านั้น"

วิคเตอร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเขาไม่คาดคิดว่าตนจะโชคดีนั่งอยู่บนรถม้าหมายเลขสี่อย่างบังเอิญ ราคาสี่เหรียญนั่นแตกต่างจากบันทึกที่กล่าว ราคาสองเหรียญถูกสงวนสำหรับรถม้าหมายเลขสี่แม้มันจะสงวนไว้สำหรับผู้มีส่วนร่วม คาดเดาได้ไม่ยากมันเป็นหมายเลขส่วนตัวของผู้ร่วมแบ่งส่วนทางธุรกิจ

ทั้งชายชรายังกล่าวดักก่อนหน้า นั่นทำให้การต่อรองไม่อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าวิคเตอร์ไม่ยอมทำตามข้อตกลงทั่วไป

ถึงกระนั้นเมื่อคนขับรถม้าเป็นเพียงชายชรา การพูดคุยย่อมต้องสามารถเกิดขึ้นเมื่อผู้มีวุฒิภาวะเผชิญหน้าทางวาจา

"ผมเกรงว่าการตีราคาของท่านจะผิดพลาด ผมสามารถจ่ายในราคาสองเหรียญเงินถ้าคุณเลิกโก่งราคาและรับเงินของผมไป"

ชายชราทำหน้าบูดบึ้งการถูกหักหน้าต่อหน้าชายแปลกหน้าย่อมน่าหวาดกลัว แม้วิคเตอร์จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนร่วมแต่ด้วยคำกล่าวที่มั่นใจทำให้ชายชราคาดเดาถึงความเกี่ยวข้องนั้น

ปากของชายชราสั่นเทา ลูบศีรษะของตนก่อนที่จะเริ่มกล่าวแย้ง

"ข้าไม่ได้โก่งราคา..เจ้าไม่สามารถกล่าวหา! ข้าให้บริการในราคานี้มาโดยตลอดไม่เว้นแม้แต่เด็กไร้ฐานะ!"

วิคเตอร์ไม่กล่าวสิ่งใดเขายังคงนั่งเงียบและจ้องไปที่ชายชรา

"ข้าเข้าใจแล้ว ข้าไม่อยากจะถกเถียงจนตัวเองตกเป็นฝ่ายน่าเกลียด ในวันหลังควรมีข่าวติดมาด้วยไม่งั้นข้าจะเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นลูกค้าทั่วไป ที่ตรอกหมายเลขหกของเขตนิวฟานเรินอย่าลืมเสียล่ะประชุมสำคัญในเย็นนี้"

วิคเตอร์โค้งศีรษะลงคำนับและวางเหรียญเงินสองเหรียญอย่างสงบ

ก้าวลงจากรถม้าเผชิญแสงแดดยามกลางวันที่ตลบอบอวลไปด้วยความอุ่นกายภายใต้ความหนาวเย็นของอากาศที่ขัดแย้ง

รถม้าเคลื่อนตัวออกทำให้วิคเตอร์สามารถหายใจอย่างสงบอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ใบหน้าของเขาถูกแขวนไว้เหนือความโง่เขลาของตน

จากคำกล่าวสุดท้ายที่ยังคงค้างคา วิคเตอร์หยิบใบกระดาษที่เขาจดบันทึกเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ปรากฎไปตามแผนที่เมืองทั้งยี่สิบสามเขตออกมา

เนื่องด้วยขนาดของกระดาษที่เป็นอุปสรรคในการจดบันทึก เขาจึงจดทุกสิ่งไว้ตามที่ตนเองเข้าใจยกตัวอย่างหนึ่งเขตเขาจะจดบันทึกถึงทิศทางของตรอกนั้นตามลักษณะของเขต เช่น เขตถนนนิวฟานเรินมีรูปร่างเป็นครึ่งสามเหลี่ยมโดยจะมีตรอกที่มีสัญลักษณ์อยู่สองแห่งคือทางเหนือสุดของเขตและใต้สุดของเขต

โดยการที่เขาจะทราบถึงหมายเลขตรอกเหล่านั้นก็ต้องเดินเท้าหลายก้าวโดยเสียเวลาเปล่า ผ่านพ้นผู้คนมากมายโดยรอบเส้นทางถูกห้อมล้อมไปด้วยรั้วทางเดินขนาดเล็กและตัดเข้าสู่ทางเข้ามหาวิทยาลัยทางซ้ายมือ

มันเปรียบเป็นวังขนาดใหญ่เพียงติดป้ายชื่อมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน มหาวิทยาลัยนิวฟานเริน ซึ่งชื่อเขตและถนนก็ไม่ต่างกันมากนักจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจดจำชื่อสถานที่แห่งนี้เพิ่มเข้าไปอีกในความทรงจำ

ลานใหญ่เบื้องหน้าเต็มไปด้วยแผงการค้าที่ครึกครื้นแยกเส้นทางที่กว้างใหญ่ปรากฏป้ายชี้ไปยังทิศทางต่างๆ ทางซ้ายเป็นห้องสมุด,ศูนย์การค้าขนาดเล็ก,โรงละคร,ห้องน้ำภายนอก,อาคารสำนักงานจัดหางาน ทางขวาเป็นอาคารเรียนทั่วไป 1,อาคารเรียนทั่วไป 2,โรงอาหาร,ห้องน้ำภายใน,อาคารวิจัย,อาคารวิทยาการทหาร,อาคารสำนักพิมพ์เอกสารข่าว,ศูนย์ควบคุมพลังงาน

บิดกายไปทางซ้ายก้าวเดินผ่านนักศึกษามากมาย พวกเขาแต่งกายแตกต่างโดยสวมชุดสุภาพสีหม่นตามด้วยเนกไทแดงปิดท้าย

แต่มหาลัยแห่งนี้ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยนักศึกษาเพียงเท่านั้นประชาชนธรรมดาก็ยังสามารถเดินเตร่ที่นี่อย่างชุกชุม สิ้นสุดทางเดินภายในพื้นที่ลานการค้า

มีอาคารแห่งหนึ่งตั้งอยู่ระหว่างช่องถนนกว้างที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ และโรงละครกลางแจ้งขนาดใหญ่ตัวอาคารเชื่อมกับเบื้องหลังของอาคารหลักของมหาวิทยาลัยหรือวังขนาดใหญ่ มันตั้งอยู่อย่างทรุดโทรมโดยประตูบานใหญ่ถูกปิดไว้โดยไม่มีป้ายแสดงถึงระยะเวลากำหนดสำหรับเข้าใช้งาน

แต่ก็ยังสามารถผลักและเปิดเข้าไปฝุ่นคลุ้งกระจายขึ้นไปโดยรอบ แสงไฟจากภายนอกส่องลอดผ่านสะท้อนฝุ่นหนาทึบเหนืออากาศราวกับไม่มีใครเข้าไปใช้มันเป็นระยะเวลานาน

ขณะยืนจ้องมองภายในและคิดที่จะเดินตรงออกมา ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบังทางออกไว้ การแต่งกายแสดงถึงสถานะนักศึกษา รูปร่างผอมแห้งสวมแว่นกลมโตจ้องมองมาทางวิคเตอร์อย่างประหลาดใจ

"เอ่อ…! คือ ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนเข้ามาใช้บริการห้องสมุดที่นี่ ถึงว่าทำไมประตูถึงเปิดอยู่เชิญได้เลยครับ!!"

ชายหนุ่มนักศึกษาเดินเข้ามาเปิดโคมตะเกียงต่างๆ มอบแสงสว่างที่ควรจะเป็นกลับมาสู่ห้องสมุดขนาดใหญ่ ห้องสมุดความสูงสองชั้นที่มีชั้นหนังสือสูงยันเพดานมีระเบียงชั้นสองระนาบข้างอย่างสวยงามขณะบริเวณกลางห้องเป็นโต๊ะขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันดั่งโต๊ะอาหารพระราชวัง

"แบบว่าที่นี่อาจจะมีฝุ่นเยอะไปเสียหน่อย ผมเป็นนักศึกษาที่ถูกเลือกให้ดูแลที่นี่ ฮ่าๆ เป็นบางครั้งที่คู่รักชอบมากระทำเสียๆ หายๆ ทำให้ไม่ค่อยมีใครชายตามองที่จะรักษามันเสียเท่าไหร่น่ะครับ ฮ่าๆ"

"ผมเข้าใจแล้ว ผมแค่ต้องการศึกษาหลายๆ สิ่ง คุณทราบไหมว่าตรอกหมายเลขหกอยู่ทางทิศเหนือหรือทิศใต้"

"อ้อ..ทะทิศเหนือครับ! ทำไมหรือครับ"

"ขอบคุณมากผมต้องการถามเพียงเท่านั้นแหละ ผมจะหาหนังสืออ่านเสียหน่อยที่นี่มีเวลาปิดทำการไหมครับ"

"ไม่ครับ สามารถใช้งานได้ตามความพึงพอใจเลยครับ!!"

วิคเตอร์เดินตามแผนกหนังสือต่างๆ ในแต่ละชั้นหนังสือมีป้ายประเภทมากมายถูกประดับเขียนไว้ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนังสือประเภท คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภาษาศาสตร์ รวมไปถึงประวัติศาสตร์และศาสนา

เขาพิจารณาหนังสือต่างๆ ผ่านหัวข้อสำคัญของมัน จนนิ้วหนึ่งของวิคเตอร์มาหยุดลงที่หนังสือปกแข็งเล่มหนาในหัวข้อประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐเวนและทวีปศูนย์กลาง

หนังสือเล่มหนาถูกวางลงกลางโต๊ะ ปลายนิ้วแข็งเคลื่อนจับมันอย่างเบาบางและเปิดหน้าหนังสืออย่างละเมียดละไม

เนื้อหาหลักที่เผยออกมาเริ่มจากการกล่าวถึงประวัติศาสตร์หลักของดินแดนส่วนนี้ มันเป็นดินแดนที่อยู่แถบตะวันตกสุดของทวีปศูนย์กลางโดยเริ่มต้นจากอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่ปกครองไปทั่วทั้งดินแดน นั่นคือ 'อาณาจักรราเวนนิส'

ในประวัติศาสตร์ยุคนักล่ามังกรที่เริ่มต้นมานับพันปีตั้งแต่ปีที่1-1002 อาณาจักรที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในการร่วมโต๊ะกับภาคีอาณาจักรทั้งห้า แม้เป็นเพียงอาณาจักรขนาดเล็กที่ล้าหลังแต่เพราะการนำของกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทำให้ ราเวนนิส กลายเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวย มีชื่อเสียง และหยิ่งผยอง ไม่มีผู้ใดสามารถประชันดาบกับกษัตริย์แห่งดินแดนนี้ได้นอกจากผู้นำแห่งองค์กรดันเจี้ยน นาธาน เฮอราจ

ทว่าการกล่าวถึงกษัตริย์แห่งราเวนนิสนั้นมีการบันทึกไว้เพียงกษัตริย์ช่วงสงครามนักล่ามังกรที่สร้างหายนะไปทั่วทั้งโลก กษัตริย์ผู้ชูดาบเหนือหุบเขาทั้งสิบ เอ็มเมอราช ผู้หยิ่งผยอง หลังจากการเสียชีวิตอย่างปริศนาของกษัตริย์ทั่วทั้งทวีปเอ็มเมอราชก็สิ้นชื่อไปในช่วงเวลานั้น หลังจากยุคนักล่ามังกรปีที่ 1002 เข้าสู่ยุคใหม่หรือ ยุคฟื้นฟูที่มีการนับปีต่อเนื่องมาจากยุคเดิมเป็นปี 1003 หลังจากนั้นอาณาจักรราเวนนิสก็เผชิญกับความเสื่อมถอยทางการเมืองและทรัพยากรจากการถูกรุกรานอย่างหนักโดยอาณาจักรราเวนนิสถูกอาณาจักรทั้งห้าทอดทิ้งหลังการสิ้นสุดของกษัตริย์ เอ็มเมอราช

ในยุคฟื้นฟูปี 1498 การล่มสลายของอาณาจักรวาเวนนิสก็มาถึงจากการรุกรานของจักรวรรดิอินฟีนีอัสทางตอนเหนือและจักรวรรดิโลหิตจากตอนใต้ จนอาณาจักรราเวนนิสสิ้นชื่อและกลายเป็นเพียงดินแดนราเวนนิส ภายใต้จักรวรรดิอินฟีนีอัส

แต่ก็ยังมีการอพยพของประชาชนลงมาสู่ทางใต้ของดินแดนและประกาศสาธารณรัฐเวนขึ้นมาโดยแยกเมืองใหญ่ทางตอนใต้เพื่อต่อต้านการรุกรานที่หนักหน่วงจากทางฝั่งเหนือ โดยปัจจุบันแม้จะถูกกล่าวเป็นสาธารณรัฐแต่ก็ถูกปกครองโดยชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ….บางส่วนของกระดาษถูกฉีกขาด มันไม่ใช่การฉีกขาดจากความเก่าทรุดโทรมและเป็นการฉีกทั้งหน้าออกไปอย่างไร้ยางอาย

สิ้นสุดการอ่านหนังสือที่ยาวนาน โคมตะเกียงภายในห้องสมุดกลายเป็นวูบวาบ บรรยากาศที่หนาวเย็นแผ่ซ่านเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เป็นผลมาจากช่วงเวลาที่ผ่านเลยอย่างรวดเร็ว เพียงการอ่านประมาณสี่ร้อยหน้า ในตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มและเข้าสู่ช่วงเวลาพลบค่ำ ชายนักศึกษาหายไปเขาจึงจำเป็นต้องปิดโคมตะเกียงทั้งหมดด้วยตนเอง

หลังจากการอ่านจบลงระหว่างเดินเตร่ภายในมหาวิทยาลัยที่ยังคงครึกครื้น เขายังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่อ่านประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้มีความยาวนานและมีการกล่าวถึงสิ่งมีชีวิตสุดแฟนตาซีอย่างมังกร ถึงขั้นเป็นชื่อยุคที่แสดงถึงการล่ามันโดยเฉพาะ

หมายความว่าผ่านมาห้าร้อยปีที่มนุษย์สามารถถือครองชัยชนะเหนือมังกร ทำให้เขาโล่งใจลงเป็นอย่างมากถ้าตนเองต้องไปโผล่ในยุคนั้นก็อาจไม่ได้เดินอย่างสะดวกสบายดังตอนนี้

ทว่าเขาก็ยังคงเหลือการประชุมสำคัญที่น่าสงสัยรอคอยอยู่ในตรอกหมายเลขหก

….