ชายร่างกำยำผู้เหนื่อยหอบหันคมดาบพุ่งตรงมาทางชายซูบผอม เพียงเสี้ยวความคิดที่โง่เขลาชุดเกราะโลหะหนาก็ไม่สามารถปกป้องชีวิตจากความตายที่ง่ายดาย
แสงสว่างสาดส่องลบเลือนความมืด แสงสว่างหนึ่งจุดสาดแสงออกผ่านอาณาเขตอันไร้ที่สิ้นสุดจากจุดหนึ่งสู่อีกฟากของส่วนโค้งโลก
ผ่านทะลุหมอกหนาทึบสีมืดนับล้านกลุ่มก้อนโดยรอบชั้นบรรยากาศที่ถูกปิดกั้นทุกทิศทาง
อัศวินบางคนจุดไฟขึ้นเหนือดาบ บางคนสร้างความทนทานต่อการโจมตีที่เหนือธรรมชาติ ทุกสิ่งที่แสดงออกมาล้วนไร้ค่า
แม้คนหนึ่งชี้ดาบมาที่ภัยร้ายโดยไม่หวาดกลัวสิ่งใดภาพสุดท้ายก็จบลงด้วยผลลัพธ์ที่แน่นอน
คนนับร้อยอาบแสงที่สว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ การจ้องมองสามารถเห็นกระทั่งกระดูกของตนก่อนที่จะตาบอดไปพร้อมกับสมองที่หยุดทำงาน
เส้นผมสีเหลืองทองสยายขึ้นเหนืออากาศ ร่างหนึ่งพุ่งลงสู่ความมืดหลายห้วงชั้น ภายใต้ความมืดที่ถูกรุกรานไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดชายซูบผอม
ดวงตาสีแดงนับหมื่นดวงจับจ้องผ่านความมืด บางสิ่งขนาดยักษ์พยายามสอดแทรกหนวดขนาดใหญ่ของมันผ่านหมอกมืด แต่การร่วงหล่นของชายซูบผอมนั้นรวดเร็วและพุ่งทะยานดั่งการร่วงหล่นของดวงดาว
แสงที่เปล่งประกายทำให้ทุกชีวิตตาบอด ในขณะที่แสงไฟจากคบเพลิงนับหมื่นจนถึงแสนโดยรอบตกอยู่ในความประหลาดใจบนเส้นทางบันไดทางเดินหินขอบเส้นทาง
ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นสร้างการเผาไหม้ไปทั่วอากาศ หนึ่งชั้นผ่านพ้น สิบชั้นผ่านพ้น ร้อยชั้นผ่านพ้น..
"ข้าได้ยินเสียงของมัน..! มันใกล้ขึ้นเรื่อยๆ!!"
จิตวิญญาณที่บ้าคลั่งนำพาแสงสว่างลงมาสู่พื้นหินเย็นยะเยือกหลายพันชั้นใต้พื้นโลก
ภายใต้ความมืดที่ไร้แววแสงส่อง รากต้นไม้มหึมาพันเกี่ยวไปทั่วอากาศรกร้างและไร้สรรพชีวิต
"นี่สินะจุดเริ่มต้นของมนุษย์.. มันต้องไม่ใช่ที่นี่สิ! มันจะต้องลึกกว่านี้และมีบางสิ่งส่องสว่าง ที่นี่ไม่ใช่ที่สิ้นสุด..ตามบันทึกของ นาธาน เฮอราจ.."
เพียงครู่หนึ่งเสียงของชายชราก็ดังขึ้น
"แกก็อ่านมันสินะ บันทึกโบราณ..ความใฝ่ฝันและความก้าวหน้า แกคงได้ยินเสียงเรียกร้องหนึ่งมาโดยตลอด…"
ชายซูบผอมหันไปตามเสียงนั้นด้วยใบหน้าถอดสี ร่างกายของเขาสั่นเทาและถูกจุดประกายไปด้วยแสงส่องสว่างที่กระจายออกเป็นประกายระยิบระยับ
"เจ้า! แสงแรกแห่งองค์กรดันเจี้ยน!!!!"
"ดวงดาวย่อมตามหาดวงดาวบนอวกาศ แสงอาทิตย์ย่อมตามหาพระอาทิตย์ ทุกสิ่งต้องมีจุดจบการหยุดยั้งท้องฟ้าครามไม่มีวันเกิดขึ้นและมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรท้าทาย…"
ร่างของชายชราแตกสลายและกลายเป็นผุยผงเจือปนเหนืออากาศ ความตายของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่ทิ้งความค้างคาภายใต้ห้วงความคิดของชายซูบผอม
ทันใดนั้นร่างของชายสวมเกราะนับสิบนับร้อยก็โผล่ออกมาจากความมืด ใต้แสงไฟที่ส่องประกายมันสาดแสงกลบเลือนความมืดทั้งหมดในพริบตาและปรากฏให้เห็นร่างของอัศวินสวมเกราะและชายสวมเสื้อคลุมยาวนับล้านคนที่ห้อมล้อมชายซูบผอมไว้
แม้กระทั่งบันไดวนทอดยาวไปตามขอบของห้วงลึกยังเต็มไปด้วยแสงไฟจากคบเพลิง
"พวกมันรอข้ามาโดยตลอด..สถานการณ์ของข้ากลายเป็นไม่ต่างจากหิ่งห้อยบินเข้ากองไฟ…."
ชายซูบผอมกร่นเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มือซ้ายตวัดผ่านไปโดยรอบสร้างประกายแสง
…
ทางเดินอิฐกว้างกลายเป็นโล่งเปล่าและอ้างว้างภายใต้พระจันทร์ยามพลบค่ำที่แปรเปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีมืดกลมกลืนไปกับชั้นฟ้าสีม่วง
ร้านอาหารล้วนเงียบกริบและปกคลุมไปด้วยความมืด ทว่าเสียงหนึ่งยังคงดังขึ้นมันเป็นเสียงของเกวียนที่เคลื่อนตัวผ่านเป็นครั้งคราว ถูกคลุมด้วยผ้าหนาและแฝงด้วยความลึกลับ
ตรอกหมายเลขหกอยู่อีกไม่ไกล
ในช่วงเวลานี้เขายังไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการตามหาที่พักอาศัย แต่เมื่อห้องสมุดของมหาวิทยาลัยไม่มีใครคอยตรวจสอบจึงเหมาะสมที่จะเป็นที่พักชั่วคราว
ทุกก้าวที่เงียบสงบเขาเริ่มไตร่ตรองเรื่องราวที่ตนได้อ่าน มันเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่แต่ยังคงน่าประหลาด
การหายตัวไปของกษัตริย์ของทุกดินแดนแสดงถึงเบื้องหลังที่น่าหวาดกลัวของโลกใบนี้
เสียงฝีเท้าหยุดลงหน้าตรอกมืด วิคเตอร์ชายตามองไปเบื้องหลังและไม่ก้าวเดินตรงไปที่ตรอกหมายเลขหกแต่เบี่ยงเส้นทางกลายเป็นก้าวต่อไปสู่อีกฝั่งของถนนอิฐ
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นซ้อนอยู่เสมอ แต่มันหยุดลงในช่วงเวลาที่เท้าของเขาหยุดนิ่ง
มีเพียงแสงไฟจากโคมตะเกียงที่ส่องสลัวไปทั่วถนน ผู้คนที่เดินสวนทางเริ่มน้อยลงจนไม่เหลือผู้ใดบนเส้นทาง
ไอเย็นกระจายตัวออกมาผ่านริมฝีปาก บรรยากาศที่หนาวเย็นแฝงไปด้วยความน่าหวาดผวาเสียงหยดน้ำหยดติงและเสียงอีกาบินผ่านเป็นเสียงเดียวที่หลงเหลือยามค่ำคืน
แม้ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืดแต่เหนือชั้นขึ้นไปปรากฏท้องฟ้าสีม่วงกับท้องฟ้าสีครามซึ่งไม่พบเศษเสี้ยวของพระจันทร์ทำให้ไม่มีแสงสาดลงบนความมืดนอกจากโคมตะเกียงที่ส่องสลัวโดยรอบเส้นทาง
จากการกระทำที่โง่เขลาของตนเพื่อทดสอบสิ่งที่ได้อ่านมา เขารีบกระทำการเกินไปการรู้ในสิ่งที่ไม่ควรอาจเป็นจุดจบที่ไม่สวยงาม
ในเมื่อเป็นธุรกิจขนส่งมวลชนก็จำเป็นต้องมีคนประจำการอยู่โดยรอบสาธารณรัฐ แต่ถ้าการที่เขาเดินตรงเข้าไปในตรอกหมายเลขหกอาจเป็นวิธีการกำจัดคนนอกอย่างวิคเตอร์ที่ดีที่สุด
แต่กลับส่งคนออกมาเดินตาม นั่นไม่ใช่วิธีการที่ทำให้เขาออกนอกเส้นทางงั้นหรือ
วิคเตอร์ครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่งแต่ไม่สามารถออกอาการใดๆ ความนิ่งเงียบและมารยาทมาดเข้มผ่านการเดินตัวตรงแขนตึงคือตัวกำหนดไม่ให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นเร็ว
ในเมื่อการเดินหน้าต่อไปไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องและการเผชิญหน้าเป็นความผิดพลาด วิคเตอร์จึงเลี้ยวเข้าหน้าร้านแห่งหนึ่งที่ปิดอยู่และเคาะประตูเสียงดังพร้อมตะโกนโหวกเหวก
"คุณครับ! ช่วยเปิดร้านได้ไหมครับ!! ผมต้องการสูทหนึ่งชุดในเวลานี้จริงๆ ได้โปรดเปิดร้านให้ผมเถอะครับ!"
เสียงเปิดประตูดังขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด ชายผอมแห้งหนวดเคราสวยในชุดนอนแขนขายาวบ่นพึมพำเล็กน้อยขณะเปิดประตู
แต่เมื่อมองตรงมาที่วิคเตอร์และเงยหน้าขึ้นสบตาของเขาชายคนนั้นจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแย้มขณะมือสองข้างประกบกันพลางหัวเราะเบาๆ
"ท่านสุภาพบุรุษดึกดื่นป่านนี้ท่านต้องการสิ่งใดหรือขอรับ!"
"ผมต้องการชุดสูทพอดีตัวสีดำสำหรับออกงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้น่ะครับ มันค่อนข้างเร่งด่วน"
"เอ๊ะ! งานอะไรหรือครับ ผมไม่ทราบเรื่องงานเลี้ยงที่ใดเลย"
วิคเตอร์กระแอมในลำคอ
"คือว่ามันเป็นงานส่วนตัวของบริษัทที่ผมทำงานน่ะครับ"
"ขออภัยท่านสุภาพบุรุษที่ผมชอบสอดรู้สอดเห็น คงต้องวัดตัวกันก่อนอาจจะใช้เวลานานไม่แน่อาจจะไม่มีชุดที่ขนาดตัวเหมาะสมกับท่าน แต่กระผมมั่นใจว่าร้านของผมจะต้องมอบสิ่งที่ท่านต้องการได้เป็นแน่"
เจ้าของร้านเดินตรงนำวิคเตอร์เข้ามาด้านใน ภายในร้านคือร้านตัดชุดอย่างแท้จริงมันประดับไปด้วยหุ่นลองชุดที่สวมชุดสูทหลากหลายรูปแบบ รวมถึงเดรสงามของเหล่าสตรีที่ดูมีความละเมียดละไมทางการออกแบบ
วิคเตอร์เดินเข้ามาลึกขึ้นและเอ่ยถามบางสิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาจากภายนอก
"ขออนุญาตเข้าใช้ห้องน้ำที่นี่ได้ไหมครับ"
"ได้สิๆ ท่านสามารถเข้าไปใช้ห้องน้ำภายในชั้นสองที่เป็นที่พักของข้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจไปท่านสุภาพบุรุษ!"
วิคเตอร์เดินตรงเข้าไปด้านในขึ้นบันไดมาสู่ชั้นสองของตัวอาคาร การตกแต่งที่พักอาศัยสวยงามและหรูหราราวกับอาชีพตัดชุดได้รับรายได้มหาศาล ไม่ว่าจะพรมหนังสัตว์ขนาดใหญ่หรือรูปภาพครอบครัวที่ทอดยาวออกเป็นรุ่น
เพียงไม่นานขณะสังเกตโดยรอบเสียงปืนก็ดังขึ้นสนั่นรอบบริเวณแต่แว่วเสียงเริ่มต้นมันดังขึ้นมาจากด้านล่าง
เขารีบวิ่งตรงหาหน้าต่างบานต่างๆ และพยายามปลดล็อกเปิดมันออก แต่เสียงฝีเท้าหนักก็ดังขึ้นมาจากบันไดทีละก้าว
ซึ่งในวินาทีที่สามารถเปิดหน้าต่างพื้นที่ภายนอกโดยรอบถนนตามตรอกต่างๆ กลับเต็มไปด้วยพวกมัน ทำให้วิคเตอร์ชะงักหยุดคิดขึ้น
ตั้งแต่ต้นมันสามารถจับเขาแต่พวกมันกลับไม่กระทำและเพียงส่งคนออกมาเดินตาม มันไม่ใช่เกมกระดานไล่จับและไม่ใช่การต้อนสัตว์ในเล้าแต่เปรียบเสมือนการทดสอบหรือสังเกตพฤติกรรม
เมื่อวิคเตอร์ตระหนักได้เช่นนั้นเขารีบหลบเข้าไปในห้องนอนของชายเจ้าของร้านและค้นทุกสิ่งอย่างกระจัดกระจายผ่านลิ้นชักสู่ตู้เสื้อผ้าจวบจนกระทั่งใต้โครงเตียงหรู
นอกจากอุปกรณ์ตัดชุดกับชุดสุภาพก็ไม่มีสิ่งใดอื่น เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นภายนอกห้องมันเริ่มจากเปิดประตูห้องอื่นจึงยังมีเวลาเหลืออีกมาก
เหงื่อหยดไหลจากใบหน้า ความร้อนภายในจิตใจส่งผลต่อร่างกายในทันทีแม้จะไม่เข้าใจในหลายๆ สิ่งแต่ถ้าเขาไม่รอดชีวิตจากที่นี่ก็ไม่มีทางได้ตามหาความจริงที่ตนเองต้องเผชิญทั้งหมด
มันไม่ยุติธรรม..
ไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสมในการใช้เป็นอาวุธอีกแล้วนอกจากกรรไกรแหลมสำหรับตัดชุด แนบหลังชนกำแพงกลั้นเสียงหายใจที่ร้อนรนและจ้องเขม็งไปที่ประตู
วิธีการมากมายในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้กลายเป็นศูนย์ เหงื่อที่ไหลนองอาบลำคอรวมถึงเสียงของหัวใจที่เต้นระรัวสั่นเทาไปตามฝ่ามือทำให้ความคิดของเขาตื้นเขิน
ประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาอย่างรุนแรง ชายสูงใหญ่รูปร่างคล้ายคลึงกับวิคเตอร์เดินถือปืนไรเฟิลยาวเข้ามาอย่างเชื่องช้าทุกก้าวที่สัมผัสทำให้พื้นไม้ต่างต้องสะเทือนสั่นไหว
เมื่อชายถือปืนกวาดสายตามองไปโดยรอบห้องมืด วิคเตอร์พุ่งกายนำมือขวาจับปลายกระบอกปืนเบี่ยงทิศทางและแทงกรรไกรเข้าที่กลางลำคอด้วยมือซ้าย
ร่างของวิคเตอร์ถูกศอกกระแทงร่วงล้มลงสู่พื้น กรรไกรขนาดเล็กไม่อาจแทงทะลุจนเกิดแผลลึกแต่มันเพียงสร้างความเจ็บปวดในบริเวณที่อ่อนไหว
แต่นั่นก็ทำให้ชายถือปืนเกิดอาการโซเซเล็กน้อย
วิคเตอร์ในสภาพที่มึนหัวรีบฝืนกายลุกขึ้นพุ่งเข้ายื้อแย่งปืนอย่างบ้าคลั่ง สัญชาตญาณสุดท้ายเป็นเพียงตัวกำหนดแรงกระทำที่มากขึ้นแต่เมื่อเสียงปืนดังขึ้นและเกิดแสงสว่างวาบอยู่หลายครั้ง
หูของเขาไม่สามารับรู้เสียงใดๆ ภาพทั้งหมดสั่นไหวไปพร้อมกับสติที่เริ่มเวิ่นเว้อ ชายคนนั้นกระชากกระบอกปืนได้สำเร็จและฟาดมันเข้าที่หน้าของวิคเตอร์ตามด้วยส่งแรงถีบร่างของเขาให้ร่วงลงหน้าปลายเตียง
ไร้ซึ่งคำกล่าวชายคนนั้นพาดปืนไว้บนบ่าและดึงกรรไกรออกจากลำคอพลางหยิบขวดยาขนาดเล็กออกมาพลางดื่มมัน
บาดแผลที่เกิดขึ้นค่อยๆ แปรสภาพอย่างน่าประหลาดและกลับกลายเป็นปกติ
การฟื้นฟูอย่างน่าประหลาดทำให้วิคเตอร์ตกอยู่ในอาการตกใจ ภาพตรงหน้าราวกับหยุดค้างเป็นระยะเวลานานแม้จะพยายามคิดหาวิธีต่อกรเพียงใด
ความประหลาดเบื้องหน้าก็เป็นสิ่งกำหนดผลลัพธ์
ขณะที่สติของเขายังคงอยู่วิคเตอร์รีบพยุงกายของตนลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยรอยยิ้มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของตนที่ไหล่เอ่อออกมาจากช่องปาก
"เจ้าไม่คิดที่จะเจรจากันก่อนหรือครับ ผมไม่มีสิ่งใดให้คุณและผมเกรงว่าไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กัน"
ชายถือปืนเอ่ยปากขึ้น
"การพูดคุยคือวิธีการแก้ปัญหาของปัญญาชน"
"ถูกต้อง หมายความว่าพวกเราตกลงกันได้ถึงที่มาของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น"
วิคเตอร์พยายามกดน้ำเสียงของตนลงและเริ่มเจรจาอย่างประนีประนอมเพื่อให้ตนเองไม่ได้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
"แต่ข้าไม่ได้เป็นปัญญาชน!! ฮ่าๆ!"
เสียงหัวเราะปรับเปลี่ยนสถานการณ์ไม่มีทางวิคเตอร์จะกลายเป็นฝ่ายเหนือกว่าทางความคิดเพราะมันเป็นสิ่งที่แน่นอน หมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกกำหนดไว้แล้วด้วยแผนการ
มันไม่ใช่การปล้นหรือการทำร้ายร่างกายโดยคนวิกลจริต แต่เป็นการไล่ล่าจากกลุ่มคนที่มีรูปแบบแผนและครอบคลุมไปทั่วทุกที่
การใช้ความคิดโดยปกติไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีสำหรับเรื่องนี้ วิคเตอร์เริ่มพยายามเข้าใจสถานการณ์ของตนเองและถอยร่นไปที่หัวเตียง
ชายถือปืนเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ ทีละก้าวอย่างเชื่องช้าจนเหลือเพียงไม่กี่ก้าว วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจเขาควบคุมสติของตนอย่างสงบและรอคอยทุกฝีก้าว พยายามแสดงท่าทางตัวสั่นราวกับนกน้อยที่กำลังเผชิญหน้ากับอินทรีย์
ทันใดนั้นในห้วงวินาทีที่แสนสั้นวิคเตอร์คว้าผ้าห่มบนเตียงเขวี้ยงมันขึ้นเหนืออากาศบดบังทัศนวิสัยในระยะเวลาสั้นๆ เขาพุ่งตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าใกล้มือและออกแรงดันจนมันเอนลงมาทับชายถือปืน
แม้การกระทำนั้นจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ชายถือปืนก็อยู่ในสภาพคลานอยู่กับพื้นโดยเผยรอยยิ้มอย่างไม่หวาดหวั่น ตู้เสื้อผ้าที่ล้มลงส่วนหนึ่งยังคงถูกยับยั้งโดยส่วนหนึ่งของเตียง
ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ วิคเตอร์ก็แอบคาดหวังให้ตู้เสื้อผ้ากระแทกเข้ากับศีรษะแต่เขาคาดการณ์ความสามารถของชายคนนั้นต่ำไป
ความเชื่องช้าที่ถูกแสดงออกมาเป็นเพียงการแสดงตบตาที่เสริมความน่ากลัวประกอบฉาก
แต่ถึงกระนั้นกว่าชายคนนั้นจะลุกขึ้นก็จำเป็นต้องใช้เวลา วิคเตอร์รีบวิ่งตรงออกจากห้องนอนลงบันไดไม้และเปิดประตูด้านหลังของร้านออกมา
มันเชื่อมต่อกับตรอกมืดที่เต็มไปด้วยท่อน้ำกับถังขยะ แอ่งน้ำมากมายสะท้อนแสงเจือจางภายนอกตรอกที่เชื่อมต่อกัน
บรรยากาศที่หนาวเย็นกลับมาอีกครั้ง
เสยเส้นผมขึ้นประคองลมหายใจที่เหนื่อยหอบและออกวิ่งไปตามทิศทางที่ตนจากมา เพื่อหลอกพวกมันตามความคิดของเขาการหลบหนีของคนทั่วไปจำเป็นต้องเป็นการเปลี่ยนสู่ทิศทางใหม่หรือทิศทางอื่นที่ทำให้ขอบเขตการตามล่าไกลยิ่งขึ้น
ขณะออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตภาพตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความมืด พื้นหินที่เย็นยะเยือกเปิดออกเป็นหลุมขนาดใหญ่นำพาร่างของวิคเตอร์ให้ร่วงหล่นลงไป
แสงไฟมากมายส่องสว่างเป็นระยะและจบลงด้วยร่างกายของเขาที่นอนอยู่ในน้ำเน่าเหม็นภายในท่อระบายที่สาดส่องไปด้วยคบเพลิงทอดยาวออกเป็นเส้นทางมากมาย
"ที่นี่มันที่ไหนกัน!!"
วิคเตอร์ลุกขึ้นแหงนมองเพดานแต่กลับไม่เห็นถึงรูหรือช่องทางที่เขาร่วงหล่นลงมา เรื่องประหลาดเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งเขารีบจัดระเบียบเครื่องแต่งกายของตนสำรวจของที่พกติดตัว
ในตอนนี้สมุดบันทึกต่างเปียกโชกรวมถึงกระดาษที่เขาจดถึงตรอกต่างๆ ของเขตเมือง ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจที่จะทิ้งสิ่งของเหล่านั้นไว้ที่นี่
การสำรวจเริ่มต้นขึ้นชายผมดำร่างกายใหญ่ในสภาพเปียกโชกคว้าคบเพลิงเดินไปตามเส้นทางของท่อระบายน้ำ
แสงไฟจากคบเพลิงสั่นไหวราวกับมันไม่สามารถประคองแสงสว่างแม้จะไร้ซึ่งลมพัด
มันเริ่มดับลงและส่องสว่างขึ้นตัดสลับไปมา
สุดปลายเส้นทางของท่อระบายน้ำ น้ำถูกระบายลงสู่พื้นที่เบื้องล่างที่กว้างใหญ่ท่อมากมายพันเกี่ยวกันเหนือสถานที่แห่งหนึ่ง แสงไฟสว่างขนาดเล็กมากมายเบื้องล่างแสดงถึงการรวมตัวของคนมากมาย
ลมแรงกรรโชกจนแทบจะพัดพาให้วิคเตอร์ร่วงลงมาจากท่อระบายน้ำไปตามกระแสน้ำเจือจางที่ไร้จุดสิ้นสุด
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่จ้องมองภาพเบื้องล่างนิ้วบางนิ้วหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำที่มืดมัวปรากฏร่างของหญิงสาวที่บิดเบี้ยวจนก่อรูปกลายเป็นเรือนร่างผ่องใสภายใต้เส้นผมตรงยาวสีดำ
วิคเตอร์พยายามถอยหลังด้วยความหวาดกลัวแต่เมื่อหันกลับไปแสงไฟจึงดับลงและภาพโดยรอบกลายเป็นขีดความมืดที่พุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกันเปรียบเสมือนการผลัดเปลี่ยนสถานที่สู่การเคลื่อนย้ายจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง
….