Chereads / กลายเป็นเจ้าของกุญแจในโลกแห่งฝันร้าย / Chapter 10 - บทที่ 10 วัตถุศักดิ์สิทธิ์เทียม

Chapter 10 - บทที่ 10 วัตถุศักดิ์สิทธิ์เทียม

อะไร นั่นคืออะไร ประโยคนี้ดังขึ้นซ้ำๆ ภายในหัวชวนให้สับสนและมึนงง ความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนกำลังมีหนอนจำนวนมากไต่ไปตามร่างกายภายใต้ผิวหนังนี้แย่ซะยิ่งกว่าของราชินีคริมสันคราวน์เสียอีก

ครีบของสิ่งนั้นมีขนาดใหญ่มากจนน่าใจหายดูหยาบกระด้างเหมือนทำจากหินมากกว่าผิวหนังของสิ่งมีชีวิต ความรู้สึกชาตามร่างกายทำให้เผลอหน้ามืดไปชั่วขณะ แต่ดีที่ความแสบร้อนที่คุ้นชินคอยดึงสติของตนให้คงอยู่ไว้

"เตรียมต่อสู้!! ถ้าไม่อยากตายก็ขยับตัวซะ" เอ็ดวินตะโกนออกมาดึงสติของลูกเรือ ถึงเจ้าตัวจะหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดแค่ไหน แต่ถึงยังไงก็ต้องพาเรือลำนี้ไปให้ถึงฝั่งให้ได้

เสียงระฆังเตือนภัยดังไปทั่วเรือ ผู้คนต่างก็รีบวิ่งไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ผู้ถือหางเสือที่รับหน้าที่ควบคุมทิศทางจับพวงมาลัยเรือจนแน่น พยายามหลีกหนีจากสิ่งมีชีวิตปริศนานั้น เสียงแห่งความตื่นกลัวความสิ้นหวังดังไปทั่วอย่างโกลาหล

อัลเลย์จิกนิ้วไปตรงแผลที่พึ่งผ่านการเย็บมาไม่นานจนปริแตก ดึงสติที่เตลิดไปไกลให้กลับเข้าสู่ร่างอีกครั้ง

นั้นมันอะไร

นั้นมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตปกติแล้ว

โครม!!

สุดท้ายเรือลำนี้ก็ไม่อาจเร็วสู้สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ใต้น้ำนั้น ทุกคนบนเรือจับยึดสิ่งใกล้ตัวให้มั่น แรงกระแทกของมันสามารถทำให้เรือลำนี้หันหัวไปอีกฝั่งได้ เสียงรอยแตกของไม้แถวใต้ท้องเรือทำให้ทุกคนหวั่นวิตกกว่าเดิม

เรือแอสตราลิสมีขนาดไม่ต่ำกว่า40เมตรกว้างกว่า10เมตร แต่สิ่งนั้นกลับมีขนาดใหญ่จนเกือบเท่ากับเรือลำนี้

เลียมในฐานะช่างเรือค่อยๆ คลานเพื่อลงไปในชั้นล่าง เรือที่หมุนและส่ายอย่างน่าหวาดเสียวนี้ทำให้มีบางคนเกือบตกลงไปในทะเล ยังดีที่ด้วยความสามารถของแจ็คจึงทำให้ช่วยขึ้นมาได้ทัน

มันมีหน้าน่าเกลียดจนน่าหดหู่ในชีวิตของเขาไม่เคยเห็นอะไรที่น่าเกลียดได้เท่ามันอีกแล้ว หากต้องมองมันไปสักระยะก็อาจทำให้คนสมองระเบิดได้ ลูกตาจำนวนมากกลอกไปมาสำรวจอาหารบนเรือ เมื่อเคลื่อนผ่านก็มีเมือกเหนียวติดอยู่ไปตามกำแพง 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

มือมนุษย์หลายข้างที่งอกบนผิวหนังอย่างผิดธรรมชาติพวกนั้นเคาะไปตามกำแพงเป็นจังหวะทำให้หลายคนเผลอหัวใจเต้นผิดจังหวะ 

ฉันควรทำยังไงต่อไป สัตว์ประหลาดตรงหน้าดูไม่เหมือนสิ่งที่มนุษย์จะสู้ได้ เราจะทำยังไงถึงจะรอดไปได้

"อัลเลย์!!" เสียงของมิลาด้าฉุดเขาขึ้นมาจากความสิ้นหวัง ตอนนี้ตัวของเธอเต็มไปด้วยเพลิงสีทองลูกท่วมทั่วร่างกายคล้ายก้อนลูกไฟขนาดยักษ์

"ใช้'กุญแจ'เปิดกล่องนั้นซะ!! เหรียญแห่งคธูลู!!" ใช่แล้ว ในเมื่อพวกเขาเป็นผู้วิเศษระดับสูงจะไม่มีพวกไม้ตายก้นหีบแบบนั้นได้ยังไง

"เข้าใจแล้ว!" ในฐานะ'กุญแจ'หนึ่งเดียวบนเรือลำนี้ อัลเลย์ตัดสินใจทำตามคำขอของพวกเขา แค่การกระแทกธรรมดาก็ทำให้เรือเสียหายได้ นี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดทั่วไปอีกต่อไป

ปุโรหิต? นักบุญ? เทพ?

ทุกคำตอบต่างก็น่าหวาดกลัวทั้งนั้น แทนที่จะมานั่งคาดเดาสู้รีบไปเอากุญแจดีกว่า เสียงของอาวุธเย็นที่ขูดไปตามผิวหนังชั้นนอกของมันและเสียงกรีดร้องโหยหวนของลูกเรือคนอื่นถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

กล่องใบนั้นถูกเก็บไว้อย่างดีในห้องของเอ็ดวิน กล่องสีน้ำตาลทำจากหนังสัตว์ชั้นดี และมีลวดลายอักขระแปลกประหลาดกระจายรอบๆ ชวนให้ดูน่าขนลุกและสงสัยในเวลาเดียวกัน เขาใช้มือคลำไปตามกล่องก่อนจะเจอรูกุญแจที่ต้องการ

โครม!!

ปัก

"เวรเอ๊ย" ความเจ็บปวดของแผลเก่าที่ชนกับผนังทำให้อดเผลอสบถคำหยาบออกมา เขาค่อยๆ ใช้มือพยุงตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองหากล่องที่กระเด็นไปไหนก็ไม่รู้ 

[แมรี่--]

ด้วยแรงกระแทกและการขยับที่เกิดขึ้นตลอดเวลาทำให้เขาเดินได้อย่างยากลำบาก จึงได้แต่ตัดสินคลายตามพื้นเพื่อไปหากล่องที่อยู่ตรงมุมห้อง ความเจ็บปวดตามร่างกายและสมองทำให้เขามึนเบลอไปหมด อาการคล้ายตอนที่ติดไข้หวัดใหญ่ในสมัยก่อน 

ใช้มือที่สั่นเทาสอดกุญแจเข้าไปแล้วจึงบิดไปทางขวาสุด

กึก คริก

เสียงกลไกตัวดีดดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ากล่องถูกปลดล๊อก ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นทำให้ตนหน้ามืดไปหมด ได้แต่พยายามปลอบใจตัวเองให้สงบก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดันเปิดฝากล่องขึ้นไป

[แมรี่? แมรี่?]

"นี้มันอะไรกันเนี่ย..."

เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าตาของสิ่งของที่ปล่อยน้ำสีดำออกมาตอนนั้น แทนที่จะตั้งชื่อว่าเหรียญแห่งคธูลูควรจะตั้งใหม่เป็นจานของอิลลูมินาติมากกว่า

มันเป็นแผ่นวงกลมสีทองเหลืองหน้า4ม.ม. เส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ20ซ.ม. ขอบมุมล้อมรอบไปด้วยอักษรแปลกประหลาดตรงกลางมีภาพนูนต่ำเป็นพีระมิดที่มีดวงตาอยู่ตรงกลาง

ดวงตานั้นเป็นสีดำชวนน่าขนลุก มันมืดมิดไม่มีอะไรเลยเหมือนกับเราจ้องลงไปในเหวลึกที่ไร้แสง

เมื่อเจ้าจ้องมองลงไปในเหวลึก เหวลึกนั้นจะจ้องมองกลับมาที่เจ้าเช่นกัน

[อัลเลย์]

เหมือนดวงตาของไกด์

ไม่รู้ตอนนี้เด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างแต่ตอนนี้ชะตาของเรือลำนี้ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว 

อัลเลย์ค่อยๆ ใช้มือยกเหรียญแห่งคธูลูขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันทำจากวัสดุอะไรถึงได้มีน้ำหนักเยอะขนาดนี้ เมื่อมั่นใจว่าจับแน่นพอก็ค่อยเดินออกไปข้างนอก

จะบอกว่าน่ากลัวอย่างน่าใจหายก็ได้ เขาไม่เคยเห็นศพมนุษย์มากขนาดนี้มาก่อน หนวดสีจำนวนมากเคลื่อนไหวเลื้อยไปตามพื้นไม้คล้ายของเหลวมากกว่ากล้ามเนื้อ สัตว์ประหลาดตัวนั้นแทบจะหลอมรวมเรือลำนี้ไปแล้ว ดวงตาจำนวนมากที่เกาะไปตามผนังเรือ เสา และพื้นพร้อมปล่อยหนวดสีดำให้คืบคลานไปทั่ว

มนุษย์จำนวนหนึ่งพยายามจะต่อต้านพวกมันแต่ก็เหมือนกับการเอาหมัดชกทะเลที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คุณไม่สามารถทำอะไรมันได้ ได้แต่รอความตายเท่านั้น กลุ่มคนที่หนีไม่รอดก็โดนพวกนั้นชอนไชเข้าไปในผิวหนังจนสุดท้ายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน

อัลเลย์หอบหายใจพลางกุมวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทียมในมือแน่น มิลาด้าที่สังเกตเห็นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เห็นอัลเลย์กลับมาพร้อมเหรียญแห่งคธูลูอย่างปลอดภัย

"มิลาด้าเราควรทำยังไงต่อ" เสียงของอัลเลย์เหมือนเด็กหลงทางที่ไม่รู้ควรทำอะไรต่อไป มิลาด้าปลดปล่อยเปลวไฟสีทองเพื่อลดการกลืนกินของสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ใบหน้าของหล่อนซีดเผือดแม้แต่ริมฝีปากก็เริ่มกลายเป็นสีเขียว

"เราต้องรอ...เอ็ดวินกำลังไปเอาของอีกชิ้นมา"

"ของอีกชิ้น?"

"อ๊าาา!!!" เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของฮาโมนี่ดังขึ้น ความรู้สึกไม่ดีในใจอัลเลย์ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง

"อัลเลย์!!" มิลาด้าที่รับเหรียญแห่งคธูลูต่อจากอัลเลย์พร้อมร้องเรียกห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นเด็กตรงหน้ารีบวิ่งไปยังชั้นล่างของเรือ

ความเจ็บปวด ความแสบร้อน ความรู้สึกอึดอัดพวกนั้นทำให้กระบวนการคิดของมนุษย์ถดถอย สัญชาตญาณที่ตนเชื่อมั่นมาตลอดบอกว่ามีบางอย่างที่เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น

อัลเลย์วิ่งไปยังห้องที่คุ้นเคย ห้องขังที่ตนกับฮาโมนี่เคยอยู่ด้วยกัน เมื่อลงไปถึงชั้น3ของเรือเขาก็ได้กลิ่นบางอย่าง มันคือกลิ่นคาวเลือดของคนหลายคนที่ผสมรวมกับคลุ้งไปทั่วห้องพร้อมส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง

ศพของลูกเรือ2คนที่มีสภาพไม่สมประกอบ คนหนึ่งมีแค่ครึ่งล่างที่เหลืออยู่ อีกคนโดนเสียบโดยลูกกรงที่หักงอจนบิดเบี้ยว เอ็ดวินกุมแขนข้างขวาที่ขาดไปด้วยความเจ็บปวด เลือดจำนวนมากกองและกระจายอยู่รอบๆ ห้อง

"อะ...อา..."

ส่วนฮาโมนี่...

เธอไม่ใช่ฮาโมนี่ที่อัลเลย์คุ้นเคย ครึ่งท่อนของหล่อนกลายเป็นก้อนเนื้อสีชมพูกระจายไปทั่วห้องเต้นตุบตับเหมือนกับมีหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ข้างใน มีแค่ครึ่งบนด้านขวาที่ยังมีหัวและแขนโผล่ออกมาให้เห็น

หล่อนก้มหน้าส่งเสียงด้วยความเจ็บปวดอย่างเหมือนลอย ก้อนเนื้อพวกนั้นที่มีทั้งเส้นผมฟันและกระดูกโบกไปมาจนชนหลายส่วนในเรือ น้ำสีดำซึมมาจากรอยแตกข้างๆ ทุกอย่างดูน่าหวาดกลัวแต่ในเวลานั้นกลับเงียบสงบจนน่าขนลุก

"...ฮาโมนี่?"

"เธอติดเชื้อปนเปื้อนแล้ว" เอ็ดวินพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ ถึงจะห้ามเลือดไว้ได้ทันแต่ก็ยังเสียเลือดมากเกินไป

"ทำไม?...เกิดอะไรขึ้น"

"วัตถุศักดิ์สิทธิ์เทียมเซเครัมดูอาลิส อัยตนะคู่แห่งสังสาระ มันทำตัวเป็นปรสิตที่ต้องอยู่ในร่างกายมนุษย์เพื่อใช้พลัง ส่งผลต่อความทรงจำจิตสำนึกและล่อลวงให้เจ้าของดูแลมัน" ไม่รู้เพราะความรู้สึกผิดเหรอด้วยเหตุผลอะไร เอ็ดวินค่อยๆ อธิบายสิ่งตรงหน้าให้อัลเลย์ฟังอย่างช้าๆ

"สิ่งนั้นมีหน้าที่ในการขยายพลังอำนาจของเหรียญแห่งคธูลู อัลเลย์ไปเอาวงแหวนมาซะเราต้องใช้มัน" เซเครัมดูอาลิสมีลักษณะเป็นวงแหวนสีเงินสองวงซ้อนกันและตอนนี้ก็จมอยู่ในกองเนื้อ แปร่งประกายแวววาวตัดกับเลือดสีแดงที่ติดอยู่บนนั้น

ไปเอามันมา?

นั้นคือลูกที่ฮาโมนี่คิดถึงใช่มั้ย?

คือมันที่อยู่ในท้องเธอมาตลอด

มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง โลกใบนี้ท้าทายจิตสำนึกความเป็นคนของตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงร่างกายจะสั่นเทาแต่จิตใจกลับไร้ซึ่งความโศกเศร้าหรือความสงสารใดๆ มีแค่ความว่างเปล่ากับความรู้สึกเจ็บหน่วงบางอย่างเท่านั้น

เกิดอะไรขึ้น

โลกนี้มันบ้าไปแล้ว

แต่ที่บ้ากว่าก็คือตัวเขาเอง

อัลเลย์ตระหนักรู้ได้ถึงปัญหาบางอย่าง ตั้งแต่มาโลกนี้ตนก็เหมือนกับหลงลืมความรู้สึกบางอย่างไป นิสัยและความคิดถูกครอบงำและชักจูงโดยบางสิ่ง

ไร้ซึ่งความหวาดหวั่นต่อเรื่องลี้ลับ ไร้ซึ่งความกลัวต่อความเจ็บปวด ไม่มีแล้วความเศร้าจากการสูญเสีย

"ฮาโมนี่"

"อัล...เลย์...เอ็ดด...ลิลลี่---" ก้อนเนื้อพวกนั้นลามไปถึงบริเวณคอของเธอ ดังนั้นยิ่งหล่อนพูดก็ยิ่งห่างไกลเสียงมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น ดวงตาสีเขียวนั้นว่างเปล่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"ฮาโมนี่ หยุดพูดเถอะนะ" ชายหนุ่มก้าวขาไปข้างหน้าช้าๆ เข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้า เมื่อก้มลงไปหยิบวงแหวนขึ้นมาก็ลังเลไม่กี่วินาทีแล้วจึงเดินต่อไปหาเธอ เอ็ดวินจ้องมองภาพตรงหน้าเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร

หนวดพวกนั้นกระตุกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขยับอะไรหรือทำอะไรอีก น้ำตาสีใสค่อยๆ ไหลไปตามกรอบหน้าซีกขวาที่ยังคงเหลือความเป็นมนุษย์

"ฉันไม่เหลือแล้ว...ไม่เหลืออะไรเลย..." มันเป็นไม่ใช่เสียงของมนุษย์แต่เป็นเสียงของสัตว์ประหลาด ถึงดวงตาของเธอจะเริ่มโป่งพองแต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความรักความเศร้าและความสิ้นหวังในน้ำเสียงนั้น

ความอึดอัดเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกในอกจนพูดไม่ออก หญิงสาวสายที่มีสายเลือดยักษ์และกำลังกลายพันธุ์ตรงหน้ายังสามารถรู้ถึงความเศร้าและเสียใจได้ แต่ตนที่เป็นมนุษย์กลับไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้เลย

ความรู้สึกผิด ความรับผิดชอบ หรืออะไรสักอย่าง ทำให้อัลเลย์รู้สึกไม่สบายใจ ลังเลเล็กน้อยก่อนจะกางแขนโอบกอดหญิงสาวตรงหน้าที่กลายเป็นก้อนเนื้อโดยสมบูรณ์

"ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร ดูสิ เอ็ดเวิร์ดกับลิลลี่ยังอยู่ดี แถมแข็งแรงมากด้วย" เขาชูตวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทียมขึ้นมา วงแหวนทั้งสองของมันสั่นส่งเสียงดังตอบกลับ เหมือนมีความผูกพันบางอย่างที่มีต่อเธอ

หล่อนมองไปยังวงแหวนตรงหน้า ความสับสนมึนงงที่ปรากฏในดวงตาค่อยๆ หายไป ยื่นคอที่ยาวผิดปกติของตนลงมาเพื่อสังเกตดูลูกของตน

"ลูก...ของฉัน" หยดน้ำตาแล้วหยดเล่าไหลซึมออกมาจากร่องเนื้อที่เคยเป็นดวงตาของเธอ เสียงร้องไห้เหมือนเด็กๆ ดังขึ้นในพื้นที่ที่เงียบเหงานี้

เอ็ดวินมองภาพตรงหน้าเขม็ง จดจำทุกรายละเอียดอารมณ์ความโศกเศร้าและการสูญเสียตรงหน้าทุกอย่าง ความผิดบาปและเลือดทุกหยดที่ต้องสังเวยให้เรือลำนี้ถูกจดบันทึกลงไปในจิตวิญญาณของตน เป็นภาระหน้าที่ของผู้นำที่ต้องแบกรับ

เป็นสิ่งที่เอ็ดวิน รัชมอร์จะต้องรับผิดชอบและแบกรับมันไว้