Chapter 25 - 9-1 愚蠢的女士 สตรีผู้โง่เขลา

อาเป้ยเพิ่งปลอบประโลมสัตว์อสูรให้กลับมาร่าเริงแจ่มใส ระหว่างที่นางกำลังเดินเล่นกับมัน ใช้เวลาส่วนใหญ่ของนางอยู่กับมัน โดยไม่แยแสอีกหนึ่งเทพแม้แต่น้อย

ในเมื่อเทพอู่เฉินไม่สนใจนางก่อนนางคงไม่ผิดอะไร นางแอบย่องไปดูท่าน เห็นเอาแต่นั่งหลับตาไม่ขยับเขยื้อนใต้ต้นไม้สูงตระหง่าน ตั้งใจบำเพ็ญเพียรตั้งสติอยู่กับตน ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องวิบากกรรมที่นางพูดหรือไม่ แต่นางคิดว่าใช่เพราะเทพอู่เฉินไม่มาหานาง ไม่ส่งของกำนัลมาให้นางอีก

นางไม่พบหน้าเทพอู่เฉินตั้งแต่ที่นางพูดเรื่องวิญญาณอาฆาตของสตรีทั้งสิบสองนาง

ก็ควรจะเป็นเรื่องดี... กับการกลับสู่ความอ้างว้างเงียบเหงา เมื่อเทพอู่เฉินไม่ใคร่ไยดีนางอีก ทั้งที่เอ่ยปากเองว่าจะมาชื่นชมสมบัติของท่านอย่างสม่ำเสมอ

一言既出,驷马难追

คำพูดที่พูดออกมา ยากจะเอากลับคืน

เทพอู่เฉินเพียงนำมันกลับคืนไปทั้งหมด! ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านแต่อย่างใด

ใบหน้างามสลดเศร้าก้มลงมองพื้น รองเท้าถักสานอย่างดีเหยียบย่างไปข้างหน้า เคียงข้างเปลวอัคคีซึ่งกลับมาเป็นสีทองอร่ามดังเดิม สภาพจิตใจของเจ้าอสูรพยัคฆ์กลับมาเป็นปรกติเพียงไม่กี่วันต่างจากนาง ผู้กำลังเงยหน้าขึ้นมองอาทิตย์อัสดงด้วยนัยน์ตาที่ฉายประกายทุกข์ตรม

ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นบนท้องนภากว้างในยามโหย่ว[1] ยังไม่มืดค่ำนัก เพียงมีแสงตะวันทอทอดรำไรใกล้อำลาไปในอีกไม่ช้า อาเป้ยย้อนกลับไปห้องนอนในชั้นใต้ดินของนาง จัดแจงผมดำขลับให้นุ่มหอมและไม่ยุ่งเหยิง กระทั่งอาภรณ์ของนางก็ตรวจตรามันให้งดงามอยู่เสมอ ด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่าเจ้าของสมบัติจะมาเหลียวแลนางบ้าง ก่อนที่นางจะแอบลอบมองสองบ่าวงูในครัว กำลังเตรียมสมุนไพรไว้ทำการใดสักอย่าง นางเดินอย่างระวังไม่ให้มีผู้ใดสังเกตเห็นนาง

เทพชั้นผู้น้อยในเรือนคงยุ่งวุ่นวายกับการทำงานจุกจิก ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนางทำด้อม ๆ มอง ๆ นางหยิบผ้าผืนเล็กสีขาวบนโต๊ะในห้องครัวคาดหน้าผากของนางเอาไว้ ตั้งใจว่าจะหนีเที่ยวเพื่อคลายเหงาเสียหน่อย

นางคงไม่ไปไหนไกลมากนัก เพราะนางเองก็ไม่อยากจะมีปัญหา

ร่างบางในอาภรณ์สีดำสนิทเดินเลียบกำแพงหินสีขาวซึ่งปกคลุมด้วยไอหมอกสีดำ ฝีมือของเทพอู่เฉินที่กางเขตอาคมเอาไว้ไม่ให้ใครผ่านเข้ามา นางสะบัดปลายเท้าอย่างผู้ช่ำชองวิทยายุทธ์ กระโดดข้ามต้นไม้ในป่าไผ่ ซ่อนเร้นกายอยู่บนยอดไม้อย่างเงียบเชียบ เพื่อหลบเซียวอี้หรู ซึ่งกำลังพูดคุยกับบ่าวงูคนน้องว่าตอนนี้ข่าวลือของเทพอู่เฉินไม่ค่อยดีนัก

นางแอบฟังเรื่องเทพอู่เฉินให้ความช่วยเหลืออสูรพยัคฆ์อัคคีเพราะนาง พังบ่อบัวของใต้เท้าจีกงเสียราบคาบก็เพราะนาง เทพชั้นผู้น้อยได้ส่งสารรายงานเบื้องบน ราชาแห่งสวรรค์ได้รับคำตอบจากเทพอู่เฉินอีกด้วย เมื่อท่านส่งสารผ่านปลาทองวิเศษผ่านทางน้ำไป ตอบด้วยเหตุผลเรื่องความเมตตาของเทพ

การกระทำของเทพอู่เฉินไม่ใช่ความผิด และถ้าหากว่าเทพจะช่วยเหลือปีศาจหรืออสูรตัวเล็ก ๆ เพราะความสงสาร ในอดีตก็เคยมีมา บรรดาปีศาจอสูรจึงชอบใช้บุตรเป็นข้ออ้างในการหลอกลวงเทพ บางตนถึงกับจำแลงกายเป็นเด็กน้อย ทารก เป็นสัตว์ในวัยแบเบาะ ทำให้ตนดูน่าสงสารเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

ท่านราชาแห่งสวรรค์เพียงตักเตือนให้เหล่าเทพระวังตัว ใช้สติปัญญาตรึกตรองในการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตว่าสมควรหรือไม่ก็เท่านั้น

การที่เทพอู่เฉินเคยเก็บไข่งูสองใบมาชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ นางก็เพิ่งรู้

เซียวอี้หรู ซื่อหยูอี้เป็นปีศาจงู ตระกูลใกล้เคียงอสรพิษทว่าคงไม่แข็งแกร่งเทียบเท่า ทั้งสองฝักใฝ่กับฝ่ายเทพ ไม่ระรานผู้ใด แม้แต่การแต่งตัวของพวกเขา วาจากิริยาดูอย่างไรก็เป็นเทพมากเสียกว่าปีศาจหรืออสูร

เทพชั้นผู้น้อยในเรือนนี้มีหกถึงเจ็ด บางคราก็โผล่มาจากไหนไม่รู้นับได้สิบกว่า

นี่มันเรื่องอะไรกัน? นางชักจะเริ่มงง สองบุรุษเทพผู้นี้เป็นปีศาจด้วยหรือ? แล้วเทพชั้นผู้น้อยตกลงเป็นผู้สอดแนมหรือเป็นพวกเดียวกัน อยู่ด้วยกันแท้ ๆ ทำไมส่งสารไปบอกท่านราชาแห่งสวรรค์ซะอย่างนั้น

"ท่านพี่อย่าได้ละวางตาจากนางเป็นอันขาด ข้าว่านางร้ายกาจไม่เบา ถึงนางชอบประพฤติตนเป็นบุรุษ ข้าว่านางรู้จักวางตนให้มีจริตมารยาเยี่ยงสตรี เทพอู่เฉินถึงได้หวงแหนนางนัก"

"ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนล่ะ?"

"นางนอนอยู่ในห้องนอนของนาง นางคงไม่กล้าไปไหน เทพอู่เฉินใช้ตรีเนตรจับตาดูนางอยู่ตลอด"

"เอ๊ะ... ข้าว่าแปลกนัก โดยปรกติแล้วท่านไม่เคยสนใจธิดาบนสวรรค์ สตรีรูปงามเท่าไรท่านไม่เคยแม้จะชำเลืองมองพวกนางด้วยซ้ำไป..."

พวกท่านเองก็ร้ายกาจใช่ย่อย ชื่นชอบการนินทาผู้อื่นลับหลัง ทำนิสัยเช่นสตรี ข้าเป็นสมบัติแสนสวยงามของท่านต่างหากเล่า!

อาเป้ยกัดฟันเข่นเขี้ยวอยู่บนต้นไม้ ต่อว่าพวกเขาอยู่ในใจ แต่พอสองปีศาจอสรพิษเดินไปในอีกทางหนึ่ง นางรีบอุ้มพยัคฆ์อัคคี กระโดดลงมาแล้ววิ่งออกไปอย่างว่องไว ค่อยปล่อยเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ เจ้าเหลียนเหลียนก็คอยเดินตามหลังนางอยู่ไม่ห่าง

ถัดจากป่าไผ่ไปเป็นพงไพรอันอุดมสมบูรณ์ พฤกษานานาพรรณชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม เหล่ามวลบุปผาบนผืนหญ้าออกดอกอย่างงดงามหลากสีสัน ไม่ไกลนักเป็นแหล่งน้ำสีมรกตซึ่งมีหินมากมายวางเรียงกันอยู่ข้างใต้ เป็นรูปทรงอย่างพอดี

ด้วยความที่นางนึกสงสัยตั้งแต่ตอนอยู่กับสองเทพแห่งสายน้ำแล้วแต่ลืมเลือนมันไปเสีย เมื่อคืนนี้นางนึกขึ้นได้ จึงตั้งใจว่าจะกลับมาดูมัน นางคงได้แต่หวังว่าเทพปีศาจผู้เกรี้ยวกราดจะไม่มาเห็นนางเข้า

"ข้าว่าหินใต้น้ำบริเวณนี้ช่างแปลกประหลาด เทพแห่งสายน้ำบอกกับข้าว่าพวกมันเรียงตัวกันได้เป็นแผนผังของเรือนใต้เท้าจีกง โดยบังเอิญหรือไม่ ข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องโดยบังเอิญบนเทวโลกนี่บ่อยนัก แม้แต่โลกมนุษย์ก็ตาม"

[1] ยามโหย่ว (酉:yǒu) เท่ากับเวลาสากล 17.00 - 18.59 น.