Chereads / ฺBangkok in a sense 2 ( Eleventh and the kingdom twins) / Chapter 16 - ท่าเรือ และ ลำธารหิน

Chapter 16 - ท่าเรือ และ ลำธารหิน

บริเวณท่าเรือชายฝั่งของอ่าวเปอร์เซียที่มีเรือรบฟริเกตจำนวน 10 ลำ เรือทำลายทุนระเบิดอีกจำนวน 6 ลำ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินขับไล่อีกหลายสิบลำกำลังจอดเป็นแถวเป็นแนวยาวตลอดชายฝั่ง และมีคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ และตึกกองบัญชาการทหารเคลื่อนที่ตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณท่าเทียบเรือ และอีกทั้งยานพาหนะของเหล่าเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวนหลายร้อยคันที่กำลังจอดเรียงรายตามแนวชายฝั่งของท่าเรือในกรุงมานามา และรถคาดิแลคจำนวนนับสิบที่กำลังเคลื่อนเข้ามาจอดอยู่ใกล้ๆ บริเวณตึกบัญชาการที่ทันสมัย

ตึกบัญชาการที่ใกล้ชายฝั่งยังเป็นตึกสูงทั้งหมด 16 ชั้น หลังคาทรงสามเหลี่ยมซ้อนกันถึงหกชั้นบริเวณท่าเทียบเรือ

และเมดิสันที่ออกมายืนรอขบวนรถพวกนั้นอย่างใจจดใจจ่อ แต่ว่าอิเลฟเวนท์ก็กำลังก้าวเท้าออกจากรถคันแรก และก็ฟิวส์ ลุกค์ที่กำลังเดินตามหลังกันลงมา

" อีเลฟเวนท์ " เมดิสันที่รีบเข้าไปต้อนรับ

" ฉันขอบใจที่เธออุตส่าห์... "

" พาเจ้าหน้าที่ของเรามาได้ตรงเวลา "

" ได้ซะที !! " และยังยืนยิ้มหน้าบานอยู่คนเดียว

แต่ว่าลุกค์ที่กำลังคอยมองไปรอบๆ แทน ในขณะที่อิเลฟเวนท์ก็แค่หันมาและก็ยิ้มๆ ให้กับพวกเขา

" ตอนนี้ท่านรัฐมนตรีกลาโหมกับหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของเรากำลังรออยู่ข้างใน " แต่ว่าเมดิสันที่ยังรีบหันมาชวนให้ทุกคนให้รีบตามพวกเขากลับเข้าไปข้างในภายในตึกกองบัญชาการ

แต่ในระหว่างที่เมดิสันพาทุกคนเดินกลับเข้าไปข้างในตึก ระหว่างทางลุกค์ที่ยังหันมาและอดที่จะถามเมดิสันไปพลางๆ ด้วยไม่ได้

" ขอบคุณมาก ๆ "

" สำหรับเครื่องบิน " เขาขอบคุณเมดิสันจริงๆ

" เครื่องบินอะไร !! " แต่อยู่ๆ เมดิสันที่ได้แต่หันมาและได้แต่ยืนจ้องเจ้าหน้าที่ของตัวเองสลับกับอิเลฟเวนท์ไปๆ มา ๆ

แต่ว่าลุกค์ก็เข้ามากระซิบว่า

" ก็เครื่องบินสุดหรูหรา..ลำที่ "

" นายอุตส่าห์ส่งไปรับพวกเราถึงที่ " เขาที่อยากจะขอบอกขอบใจเพื่อนร่วมงานอย่างเมดิสันจริงๆ

เมดิสันเลยได้แต่ฉีกยิ้มกว้างๆ และก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ

"หึๆ "

" นั่นมัน เครื่องบิน...เธอ ! " และเมดิสันก็เลยต้องบอกและสลับกับหันไปมองตามอิเลฟเวนท์อยู่บ่อยๆ ในขณะที่พวกเขายังต้องรีบเดินตามเธอกลับเข้าไปในตึก

ลุกค์ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ

"อ๋อ..... "

" งั้นเหรอ !!! " และเขาที่ก็แทบไม่มีอะไรจะพูดต่อ

ภายในห้องกระจกขนาดใหญ่ของตึกบัญชาที่ติดกับท่าเทียบเรือรบ และภายในห้องประชุมที่นี้ก็ยังที่จะประกอบไปด้วยโต๊ะทำงานที่เป็นเหมือนคล้ายๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ ที่ทุกๆ คนสามารถค้นหาข้อมูลตรงหน้าเมื่อเข้าประชุม

และรอนสัน แมควอยที่กำลังนั่งร่วมประชุมอยู่ที่เก้าอี้หัวโต๊ะ และถัดมาก็เป็นคาเตอร์หัวหน้าหน่วยข่าวกรองพร้อมๆ กับนายทหารคนอื่นประมาณร่วม 20 ชีวิต และพวกเขาทุกคนกำลังหันไปสนอกสนใจผนังห้องที่เป็นกระจกขนาดใหญ่ที่กลายเป็นหน้าจอโปรเจคเตอร์แสดงรายละเอียดสภาพภูมิศาสตร์โดยรวมของประเทศที่มีภูเขาสลับซับซ้อน

เพราะฉะนั้นในระหว่างที่เมดิสันที่นำลุกค์กับอิเลฟเวนท์เข้ามาในที่ประชุม

" พวกเขามากันแล้วครับท่าน " และเมดิสันกล่าวรายงาน

" ตอนนี้...พวกเรากำลังช่วยกันดูแผนที่ที่คาดว่า " แต่ว่ารอนสันที่เริ่มประชุมต่อทันทีที่เห็นพวกเขาสองคนเดินหาที่นั่งในที่ประชุม

" พวกผู้ก่อการร้าย "

" อาจที่จะนำเอาหัวรบระเบิดพวกนั้นไปซ่อน " และรอนสันที่ยังหันไปถามหาความเห็นจากคนอื่นๆ ด้วย

และคาเตอร์ที่กำลังใช้มือช่วยขยายจุดสำคัญ ๆ บนหน้าจอ

" ตอนนี้...มีจุดที่น่าสงสัยอยู่ 3 จุด"

" ที่แรก...ช่องแคบฮอร์มุส ! "

" และที่ต่อมาก็คือ..บริเวณใกล้ๆ กับฐานทัพอากาศของอิหร่านที่อาบาเดห์ "

" ที่นี้ห่างจากโรงงานเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมไปแค่ 220 กิโลเมตร " คาเตอร์ช่วย ๆ ลากชี้นิ้วไปตามแผนที่

" และ "

" สถานีศูนย์อวกาศที่เมืองเซมนาน " คาเตอร์ตั้งหน้าตั้งตาอธิบายด้วยสีหน้าที่เครียดยิ่งกว่า และยังต้องชำเลืองมองไปที่อิเลฟเวนท์

อิเลฟเวนท์ที่กำลังหันไปหาลุกค์ และเขาก็พยักหน้ารับรู้และเดินตรงเข้าไปหาคาเตอร์และก็ช่วยอธิบายภาพส่วนขยายทั้งสามจุดที่คาเตอร์อธิบายค้างเอาไว้

" ที่ช่องแคบฮอร์มุสตรงนี้ "

" ไม่น่า..ที่จะเป็นไปได้ "

" เพราะว่า...ที่บริเวณนี้เป็นแหล่งขนส่งน้ำมันที่สำคัญ

" และส่วนที่ตรงนี้ !"

" ก็ไม่น่าที่จะเป็นไปได้เข้าไปใหญ่ "

" เพราะว่า...ตอนนี้ "

" พวกเขากำลังให้ความสำคัญกับการเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมอยู่ "และเขาที่กำลังสนใจบริเวณพื้นที่ราบระหว่างภูเขาหินแถวเขตตะวันออกเฉียงเหนือ

" ศูนย์อวกาศที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน "

" บริษัทของวอร์ริงตันได้เข้ามาเป็นผู้ที่ดำเนินโครงการทั้งหมดนั้นมาตั้งแต่ต้น" ลุกค์อธิบายไปพร้อมๆ กับมองหาความคิดเห็นจากทุกๆ คน

และเมดิสันที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงได้ช่วยเข้ามาด้วยอีกแรง

" ภายใต้การสนับสนุนเงินทุน ของเจ้าของบ่อน้ำมันในประเทศ " เมดิสันอธิบายเพิ่มเติม

แต่ทว่ารอนสันที่เอาแต่หันชำเลืองมองไปที่ ๆ เธอกำลังนั่งอยู่

" อีเลฟเวนท์ !! "

" แล้วเธอจะว่ายังไงกับเรื่องนี้ " เพราะว่ารอนสันก็อยากรู้ความเห็นจริงๆ ของเธอที่สุด

อิเลฟเวนท์ที่ยังคงยืนนิ่งๆ

" คืนนี้เวลาห้าทุ่มยี่สิบนาที " และเธอที่ช่วยยืนยันตามคำเห็นของลุกค์

แดดร่มลมตกแถวๆ ชายหาดบริเวณอ่าวเปอร์เซีย และบรรดาพวกเจ้าหน้าที่ทหารนับร้อยๆ ที่ทยอยกันออกมาหาความสำเริงสำราญไปจนทั่วชายหาดทั้งคาเฟ่ ร้านอาหารฟ้าสต์ฟู้ด บาร์ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดทางเดินเลียบชายหาด

เมดิสันที่กำลังเดินเล่นและอยู่ๆ ก็ดันหันไปจนเจอ ฟิวส์ ลุกค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ามาเสพกลิ่นกาแฟในค่าเฟ่ใกล้ตะวันจะตกดินของที่นี้ได้

" เวลานี้....แทนที่ " เพราะฉะนั้นเมดิสนที่ก็เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปทักทายกัน

"นายจะกลับเข้าไปนอนเอาแรงเข้าไว้ "

" แต่อยู่ๆ นึกยังไง "

" ถึงได้ออกมาจิบกาแฟตอนหัวค่ำแบบนี้ซะได้ " เมดิสันเพิ่งจะหย่อนก้นนั่งลงใกล้ๆ กัน

และลุกค์เพิ่งวางแก้วกาแฟกลับลงไปบนโต๊ะ

" ฉันนอนไม่หลับนะ " และก็บอกเมดิสันไปแบบนั้น

แต่ว่าเมดิสันที่พยายามจะหันไปมองทางอื่น

" ก็ถ้าหากนอนไม่หลับ "

" แทนที่ "

" นายจะหันไปพึ่งเตกีลา หรือไม่ก็เบียร์เย็นๆ ให้ชื่นใจ "

" ไม่ใช่มานั่งเหมือน คนที่หมดอาลัยตายยาก " และก็เมดิสันที่อยากช่วยกันเตือนสติ และก็มีบางครั้งที่คอบแอบชำเลืองมองท่าทีของเพื่อนร่วมงานไปด้วย

"หึๆ " เมดิสันที่กลับกลายเป็นว่าอดจะพูดไปและยิ้มไปด้วยไม่ได้

" อีเลฟเวนท์"

" ก็เหมือนนาย วันหนึ่งๆ เธอนอนไม่ถึง 5 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป "

" แต่ว่าตอนที่ฉันเจอกับเธอครั้งแรก " และพอนั่งนึกย้อน ๆ ไปในอดีตสำหรับเมดิสัน

" ตอนนั้นพวกเราทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรเหมือนกันกับนาย "

" ตอนนี้ " และเมดิสันที่ทำท่าทางคิดไม่ตก

ลุกค์ที่เพิ่งจะหันกลับมาและตั้งหน้าตาฟังอีกที

" เมดิสัน "

" นายกำลังจะบอกฉันว่า นาย ! "

" ก็เคยรู้สึกกลัวเธอ !!! " เพราะเขาก็อยากจะรู้ให้ได้

" เห้อ...." เมดิสันที่กำลังนั่งถอนหายใจทิ้งยาว ๆ และยอมรับในที่สุด

" ถูกต้อง "

" ตอนนั้นจู่ๆ ฉันก็รู้สึกกลัวเธอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก "

"ซึ่งเป็นเพราะอะไรนั่น "

" ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันละนะ ในตอนนั้น " และเมดิสันที่ยิ่งคิดก็ยิ่งแทบไม่อยากะเชื่อความคิดตัวเองตอนนั้นซะด้วยซ้ำไป

" อืมหึ " เขาพยักหน้าเห็นด้วยกับเมดิสันทันที

เพราะไม่ว่าจะเป็น แววตาหรือรอยยิ้มทั้งหมดทั้งมวลเหล่านั้นของเธอ อิเลฟเวนท์เหมือนจะมีอะไรแปลก ๆ ซ่อนเอาไว้อยู่ข้างในอยู่ตลอดเวลาแบบนนั้น !!!!

แต่ว่าเมดิสันที่พอหันออกไปมองแถวๆ ชายหาด และพวกเขาก็สังเกตเห็นคาเตอร์หัวหน้าของพวกเขากับท่านรัฐมนตรีกลาโหมอย่างรอนสันกำลังออกมาเดินเล่นอยู่กับอิเลฟเวนท์

" อีเลฟเวนท์ " ลุกค์ที่ได้แต่มองตามๆ กัน

" เธอดูเหมือนที่จะสนิทสนิมกับพวกเราทุกคนเลยซินะ " แต่ถึงยังไงเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

เมดิสันกลับพยักหน้า

" อีเลฟเวนท์ ! "

" เธอก็เป็นแบบนี้"

" เธอเก่งในเรื่องการเข้าใจคนอื่น " เมดิสันอธิบย

" เห้อ.... ! " เสียงถอนหายใจของเมดิสันยังคงดังตามมาติด ๆ

" เกือบๆ 6 ปี"

" ที่คนในเอ็มไอซิกส์ ! ได้พยายามที่จะทาบทามให้เธอ มาเป็นนักวิเคราะห์พิเศษให้ได้ " แต่ว่าคราวนี้เมดิสันกลับหันมาหลบตากันซะดื้อ ๆ

แต่ว่าเขาก็พยักหน้ารับรู้

" โครงสร้างของหน่วยงามความมั่นคงภายใน ของทุก ๆ ที่ล้วนแล้วแต่ที่จะประสบปัญหา " และอย่างน้อย ๆ เขาก็พอเข้าใจ

เมดิสันไม่คิดที่จะปฏิเสธอะไร

" แต่ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ "

" ฉันเองก็กลับเพิ่งจะเข้าใจจริงๆ จนได้ว่า สิ่งที่ "

" อีเลฟเวนท์ !! "

" ได้พยายามที่จะปฏิเสธพวกเรา ! "

" หรือแม้แต่ พวก FBI หรือว่า CIA "

" มันก็เป็นเรื่องจริง " และคราวนี้เมดิสันที่หันมายิ้มๆ

ลุกค์ที่มองตาก็เข้าใจ

" เพราะถ้าหากว่า... "

" อีเลฟเวนท์ "

" เธอยอมทำ "

" ก็อาจจะถูกตีตราจากพวกของตัวเองว่า...เป็น "

" กบฏละซินะ ! ใข่ไหม " เขาที่เข้าใจกันเป็นอย่างดี

และเมดิสันที่ยังจะฝืนพยักหน้ารัวๆ หลายครั้งต่อหลายครั้ง

" ตราบใดที่... ความสัมพันธ์ยังคงอ่อนแอ !! "

" หนทางเดินแห่งชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย !!!

" ก็คงจะใช้ไม่ได้ !!!! " เมดิสันที่คอยบอกกับเพื่อนร่วมงาน และมิหนำซ้ำเพื่อนร่วมงานของเขาเองก็ยังจะคอยแสแสร้างแกล้งทำเป็นยิ้มใส่

" เธอเป็นคนสอนนายมาอีก "

" ละซิท่า !! " ลุกค์ยิ้มให้กับคำคมของเมดิสันที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน

ยาเนะ หรือ กระเบื้องดินเผาสีแดงคร่ำคราที่นำมาก่อสร้างเป็นหลังคาของเรือนไม้หลังใหญ่ และเรือนไม้หลังใหญ่ที่โอบล้อมด้วยกำแพงดินเป็นแนวยาวที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า นุริคะเบะ แนวกำแพงดินนุริคะเบะปลูกขนานกันไปกับสวนของต้นไม้ประเภทสนที่คอยออบล้อมพื้นที่โดยรอบ

บ้านไม้หลังใหญ่กลางดงต้นสนขนาดกว้างขวางราวๆ ยี่สิบสี่ไร่ และมีสวนหย่อมญี่ปุ่นขนาดใหญ่สวยงามแทกรซึมอยู่ และยังมีสวนของต้นไผ่สี่เหลี่ยมญี่ปุ่นที่เห็นปล่องได้ชัดเจนขนาดใหญ่ปลูกขนานที่ริมรั้ว บริเวณสวนหย่อมที่มีลำธารก่อด้วยหินสายน้ำไหลเอื่อยๆ รอบบ้านมีปลาตะเพียนน้อยใหญ่พยายามที่จะแหวกว่ายไปทวนกระแสน้ำไปยังน้ำตกสี่ชั้นทางทิศเหนือติดขอบชิดรั้วกำแพงดิน

และแม้ว่ายามนี้บริเวณสวนหย่อมของของดอก Rising moon ดอกไม้มีสีขาวสว่าง ๆ เหมือนกับวงของพระจันทร์ที่กำลังบานสะพรั่งเต็มสวนแม้แต่ในยามดึกก็ยังคงขาวสว่างไสว ในขณะที่ใบไม้รูปหัวใจสีแดงสดของต้นเมเบิลต้นใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็เพิ่งจะถูกลมหนาวในเวลากลางคืนพัดคอยให้หล่นร่วงโรยปลิวลงมาสู่ทุ่งดอกพระจันทร์สีขาว

เสียงของสายลมหวิว ๆ ที่คอยพัดพามาแต่ไกล ๆ ผ่านสวนของต้นไผ่รอบรั้วบ้านจนกระทั่งลำต้นไผ่เอนลู่ลมมากระทบกับต้นสนสามใบต้นใหญ่อีกสามถึงสี่ต้นที่ปลูกเอาไว้ถัดๆ กัน และเสียงลมที่คอยพัดผ่านมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งพัดผ่านมาและกระทบเข้ากระถางของต้นบอนไซภูเขาที่ถูกดัดอย่างสลับซับซ้อนอยู่หลายต่อหลายต้นในกระถางดินเผาโบราณสีคร่ำคราตรงกลางสวน

แต่ว่าเสียงลมที่ผัดเข้ามาเรื่อยๆ จนลอดผ่านบานประตูเลื่อนฟุสุมะ ผ่านประตูเลื่อนกระดาษสีขาว ๆ สะอาดๆ อีกหลายต่อหลายชั้น

และเสียงลมที่ยังคอยพัดพาแสงไฟในตะเกียงหินรอบบ้านให้สว่างไสว แต่ทว่าจนบางครั้งก็อาจมองเห็นแสงสว่างของตะเกียงได้ดีแม้ว่าอยู่บนผิวน้ำ

ครืด.... !!!

เสียงเลื่อนครืดคราดของบานประตูฟุสุมะที่ค่อย ๆ ทยอยเปิดออกด้วยน้ำมือสาวใช้วัยรุ่นชุดยูกะตะสีกรมท่า จนกระทั่งมองเห็นโซจิ หรือพนังกันห้องแบบโปร่งแสงทั้งสามด้านที่กำลังถูกตีกรอบไม้อย่างเรียบง่ายและคอใช้กระดาษสาพื้นเมืองสีขาวเป็นบานประตู ภายในของห้องที่ประดับประดาด้วยโต๊ะไม้เตี้ยๆ ที่เอาไว้ใช้สำหรับวางกระถางของต้นบอนไสภูเขา กระถางมีทั้งเล็ก กลาง และใหญ่วางเรียงถัด ๆ ทางด้านหลัง

และขวามือของสาวใช้ก็ยังมีชั้นวางของๆ ที่ทำมาจากไม้ของต้นสนทาทับด้วยสีแดง และยังวาดลวดลายของชั้นวางเป็นต้นและผลอย่างทับทิม และยังมีตู้โบราณสีแดง ๆ ที่มีลวดลายของดอกเบญจมาศสีเหลืองดอกใหญ่ แต่ก็ยังมีฉากกันห้องโซจิที่วาดลวดลายของต้นของดอกซากุระใกล้ๆ ติดๆ เพื่อเอาไว้คอยใช้กั้นกลางอีกห้อง ๆ หนึ่งเอาไว้

อาซามิสวมใส่ชุดกิโมโนสีชมพูและเพิ่งจะเดินตามสาวใช้กลับเข้าไปในห้องที่เปิดประตูรอ

ลวดลายชุดกิโมโนของอาซามิประดับด้วยดอกซึมากิที่ปักด้วยเส้นด้ายไหมญี่ปุ่นชั้นดี และเด่นชั้นด้วยกลีบของดอกสีชมพูห้ากลีบ ๆ ตรงกลางมีเกสรคล้ายหมวกทรงแหลม และพวกมันยังมีใบเป็นสีม่วงอ่อนๆ ปักอยู่เต็มเนื้อผ้า และมวยผมยาวขดเอาไว้เป็นก้นหอยของเธอ

จนกระทั่งพอผ่านพ้นประตูห้องรับแขก อาซามิหยุดเดินและหันไปทางทิศเหนือและค่อยๆ นั่งคุกเข่าลงต่อหน้าผู้ชายที่สวมชุดยูกะตะสีน้ำเงินเข็มนั่งอยู่บนเบาะบนเสื่อทาทามิ

ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าอาซามิยังคงคอยนั่งจดจ่ออยู่ที่อุปกรณ์อย่างถ้วยชา กาน้ำชาร้อนๆ บนเตาไฟเล็ก ๆ ตรงหน้าที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามบนโต๊ะสนสีแดงๆ

ผู้ชายคนนี้เป็นชาวญี่ปุ่นมีอายุราว ๆ น่าจะสักประมาณ 58 ปี รูปร่างสูงใหญ่ สันทัด ผิวสีขาวคล้ำ ตัดผมสั้นธรรมดาๆ ทั่วไปถึงแม้จะมีบ้างที่เส้นผมบนหัวจะมีหงอกขึ้นมาประปราย แต่ทว่าใบหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมของผู้ชายชาวญี่ปุ่นกลางคนๆ นั้นก็เหมือนว่า เขาจะไม่เคยผ่านการมีรอยยิ้มมาอย่างแสนยาวนาน

อาซามิที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของเขา แม้ว่าเขาจะหันไปหยิบกาน้ำชาสีดำมันเงาขึ้นมาและรินลงในจอกถ้วยชาที่มีสีเดียวกันอีกทั้งหมด 3 ถ้วย และยื่นให้

มุรามาสะถึงแม้จะเข้ามานั่งคุกก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ว่ามุรามาสะยังก็สวมชุดยูกะตะสีฟ้าอ่อนจนแทบจะอำพรางรูปร่างสูงโปร่งและผิวขาวซีดของเขาเอาไว้ และถ้าดูผิวเผินใบหน้ารูปไข่ที่ดูเคร่งขรึมกว่าของมุรามาซะ ดวงตาสีน้ำตาลที่แอบกังวลเล็กน้อย และปลายจมูกแหลมๆ พวกนั่นก็พอที่จะสังเกตการหายใจเข้าออกอย่างไม่เป็นจังหวะ และริมฝีปากเล็ก ๆ ที่สั่นเทาเล็กน้อยกับทรงผมที่คล้ายกับผู้ชายธรรมดาสามัญทั่วไป

แต่ว่าทั้งมุรามาสะและก็อาซามิก็ยังคงต้องนั่งฟังเสียงซดน้ำชาในจอกถ้วยชาใบเก่าๆ ของผู้ชายอาวุโสของเจ้าของบ้าน

"กลับกันมาแล้วเหรอ " เสียงทุ่มต่ำ ๆ ของผู้ชายในวัยราวใกล้ๆ 60 ที่กำลังคนถ้วยชา

อาซามิยังได้แต่คุกเข่าและก้มหน้าอย่างสำรวม

"ขอบคุณ "

" คุณพ่อมากค่ะ ที่เป็นห่วง " เธอพยายามพูดจาอย่างสำรวมเข้าไว้ แต่ผู้ชายคนที่อาซามิกำลังคุยด้วยกลับถือจอกถ้วยชาไว้และคอยกลิ้งน้ำชาในมือ

ผู้ชายคนเดิมพูดพลางก็ก้มมองดูน้ำชาในจอกไปพลางๆ

" เธอ..คนนั้น "

" ก็เหมือน ๆ กับ ผู้นำทัพ "

" ถ้า...เธอคิดที่จะลงมือก่อสงคราม ! "

" ทุกครั้งๆ เธอก็เลือกที่จะสวมเสื้อเกราะและถืออาวุธออกหน้าทหารทั้งปวง และหาที่จะอาลัยแก่คนที่รออยู่ข้างหลังไม่ ! "

"คุณพ่อคะ !! " อาซามิที่เผลอร้อนใจจนพูดแทรกขึ้นมา

" คือว่า...เธอ "

" ได้ฝากมาบอกกับคุณพ่อด้วยว่า..."

"เธอจะกลับมาเยี่ยมพวกเราในไม่ช้า " เพราะว่าอาซามิก็แค่อยากจะสารภาพให้พ้นความผิด

ผู้ชายคนที่เธอเรียกว่าพ่อที่ดูจะกังวลมากกว่าจนต้องหันมอง

" มุรามาสะ !!

" ไม่เคยมีใคร ! "

" ไม่อยากที่จะพิสูจน์ความจริง " และจนต้องยอมรับเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องจริง

มุรามาสะที่ยังคงคุกเข่าและพยายามตั้งใจฟัง

"แต่ก่อนที่ กระผม ! "

" จะเอาของสิ่งนี้ไปคืนให้กับเธอ "

" คุณพ่อ..!!! "

" จงได้โปรดบอกความจริงพวกเรามาเถอะนะครับ ! " แต่ว่าเขาก็ไม่เคยย่อท้อที่จะถามหาความจริงเรื่องของคนๆ นั้น

"หืม... !!! " เสียงปลดปล่อยลมหายใจที่ดูก็รู้ว่าแสนจะเหนื่อยหน่ายของผู้ชายวัยอาวุโสตรงหน้า ระหว่างอาซามิกับมุรามาสะ และในขณะที่เงยหน้ามองด้วยความความเอ็นดู

"มุรามาสะ ! "

"อาซามิ !!

" ในโลกนี้นะ !! "

" มัน ! ไม่เคยมีความลับอะไรที่ไม่เคยถูกเปิดเผย !!! "

" และมันก็ไม่เคยมีความเคียดแค้น ! พยาบาท ! ที่ก็ไม่อาจถูกปล่อยวางลงได้อย่างฉับพลัน !! "

"คนเราไม่ได้เกิดและตายแค่หนเดียว "

" ดังนั้น !! "

" เราควรเลือกที่จะเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต !! "

" ให้มากกว่า..."

"การตั้งคำถามให้แก่ผู้อื่น " และยังคงเป็นคนที่พร่ำสอน

และแม้ว่าทั้งมุรามาสะกับอาซามิยังคงคอยนั่งคุกเข่าและตั้งใจฟัง แต่ลึกๆ แล้วพวกเขาสองคนยังคงมีแต่ประโยคคำถามคอยเคลือบแคลงอยู่ภายในอกอยู่เต็มไปหมด

" อาซามิ !! " ผู้เป็นพ่อที่ยังคอยจ้องมองไปที่บุตรสองคนตรงหน้าอยู่เรื่อย ๆ

" ระหว่างนี้ให้ไปคอยดูแลสำนักงานใหญ่ของเราที่โตเกียว "

" แทนที่.. มุรามาสะไปก่อนสักระยะหนึ่ง ! "

" และก็..มุรามาสะ "

" เดือนหน้า ! "

" ทางผู้บริหารของสกีรีสอร์ทของเกาหลีใต้ "

" The Empire Group !!!! "

" พวกเขาจะส่งทายาทรุ่นต่อไปให้มาเป็นคนที่ ! "

" เซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินที่เกาะโอกินาวะ ! "

" การลงทุนสร้างโรงแรงของพวกเขาในครั้งนี้ "

" สำคัญที่สุด !!! " เขาที่ยังคงคอยช่วยกันย้ำ ๆ ไปที่บุตรตรี !

" จงจำใส่ใจกันเอาไว้ให้ดี ๆ "

แต่ว่าพอคำสั่งพวกนั้นจบลงไป ระหว่างอาซามิกับมุรามาสะที่ยังคงต้องนั่งทนฟังเสียงน้ำร้อนปุดๆ ในกาน้ำชานั้นต่อไปเรื่อยๆ

ลุกค์กำลังขึ้นไปนั่งๆ นอนๆ อยู่บนฝากระโปรงรถฮัมเมอร์ที่ๆ จอดอยู่บนชายหาดตั้งแต่หัวค่ำ

และถึงแม้ว่าเขาอยากจะออกมานั่งๆ นอนๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่ก็ยังจะได้ยินเสียงฮัมเพลงและดีดกีตาร์ลอยมาอยู่เนืองๆ จากที่พักของพวกบรรดาทหาร

" ขอขึ้นไปนอนบนนั้น "

"ด้วยคน ได้หรือเปล่า " เสียงของอิเลฟเวนท์ก็ดังขึ้นมาใกล้ๆ

แต่ว่าลุกค์ที่รีบหันไปและเห็นอิเลฟเวนท์กำลังเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหาเขาที่รถ

" ไม่ยักรู้นะว่า เธอเล่นดนตรีก็ได้ด้วย "

" อิเลฟเวนท์ " ลุกค์ในขณะที่เอื้อมมือไปช่วยพยุงอิเลฟเวนท์กลับขึ้นมานั่งบนฝากระโปรงด้วยกัน และเขาก็มีแต่จะคอยตั้งคำถาม

อิเลฟเวนท์ที่พอขึ้นไปนั่งบนฝากระโปรงรถได้ และเธอก็อดที่จะหันมาและก็ยิ้ม ๆ ไปด้วยกันกับเขาไม่ได้

" ไม่อยากจะคุย " เธอแกล้งคุยโว

" ขนาดนั้นเชียว.. !! " ลุกค์ทำหน้าไม่เชื่อถือกันสักเท่าไหร่

" เชื่อเธอเลย !! "

" เธอนี่มัน ! จริง ๆ เลยนะ " เขาย้อน

เธอยิ้มๆ

" แล้วคุณละ !

" ลุกค์ ! "

" เวลาว่างคุณชอบทำอะไรบ้าง " " แต่เธอก็อยากจะรู้เรื่องของเขาอีก

ลุกค์ที่พยายามจะแหงนหน้าและมองดูท้องฟ้า และก็แค่ต้องนึกให้ออก

" เวลาว่าง..งั้นเหรอ !! "

"หึๆ " จนสุดท้าย...เขาก็แค่หัวเราะในลำคอ

"ถ้าหากว่ามีเวลาว่างจริงๆ ก็ดีนะซี้... !! " เขาที่ยังไงๆ ก็ยังจะคิดไม่ออกกันอยู่ดี

แต่เธอที่พอจัดท่าจัดทางนอนอยู่ที่ฝากระโปรงรถจนได้แล้ว มิหนำซ้ำเธอยังคอยตั้งหน้าตั้งตาแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

" เวลาว่างจริง ๆ "

" ถ้ามัวแต่หา ! ชาตินี้ ! "

" คุณก็อย่าหวังว่าจะเจอ " และเธอยังจะคอยช่วยเขา

" อีเลฟเวนท์ !! " และเขาก็พยักหน้าตาม

" แล้ว...เวลาที่เธอว่าง "

" เธอชอบทำอะไร " และเขาที่ก็อยากจะรู้เรื่องส่วนตัวของเธอเหมือนกัน

อิเลฟเวนท์ที่ค่อยๆ หลับตาลง

" พวกเราชอบไปนั่งล้อมวงกินหมูกระทะกัน !" แต่ว่าเธอก็เล่าให้ฟังอย่างมีความสุข

ลุกค์ที่ได้แต่แปลกใจจนต้องแอบหันไปมอง

" หมูกระทะ ! "

"งั้นเหรอ !! " เพราะเอาเข้าจริงๆ เขาก็ไม่ได้เข้าใจเรื่องที่เธอพูดจริงๆ นักหรอก

"อืมหึ ! " แล้วเธอก็พยักหน้า

" แล้วก็ท่านผู้การสันติภาพ "

" ก็ชอบย้อนอดีตให้พวกเราฟังจนเบื่อ "

" และเพื่อนที่ ! เป็นนักบิน "

" ดิ แองเจโล่ !! " ลุกค์พูดแทรกก็เพราะรู้

" นักบินจ่าฝูงกริพเพนที่เก่งที่สุด " เพราะว่าก็รู้จักเพื่อนของเธอคนนี้ดี

เธอพยักหน้าเบา ๆ

" และฉันก็มีเพื่อนเป็นหมอ "

" ถ้าเป็นเมื่อก่อน "

" เขาก็ชอบบ่นๆ เรื่องการแต่งตัวของฉันให้ฟังอยู่เรื่อย " เธอเองที่พอถึงตอนนี้ก็แทบไม่อยากจะเล่าต่อ

" เขา ! เคยหลงรักแม่สาวทรงเสน่ห์แห่งวงการแฟชั่นชื่อดังอย่างที่คุณรู้นั่นแหละ "

" แต่เดี๋ยวนี้เนี้ย.. !!! "

เขาเปลี่ยนมาชอบบ่นถึงเรื่อง.. ! "

" การลงทุนสร้างโรงพยาบาลที่โซลมากกว่า...!! "

" เป็นงั้นไป ! " และยิ่งเล่าเธอก็ยิ่งมีแต่คิดถึง

" ลีโอนิคส์ ! "

" คนที่โทรหาฉันเมื่อคืนก่อนและคุณก็แกล้งรับสายเขานั่นนะ "

" เขาก็เป็นนักดื่มตัวยงเหมือนคุณไง "

" แล้วก็....."

" ตัวจี๋ดของหน่วยเราอีกคน ! " มิหนำซ้ำที่เผลอ ๆ เธอแอบนึกถึงหน้าของลูกชายของอดีตสายลับชาวญี่ปุ่นที่ได้คนไทยเชื้อสายจีนลูกครึ่งอเมริกาเป็นศรีภรรยา

"หัวหน้าแผนกเทคโนโลยีของพวกเรา " เธอเล่าไปยิ้มไปขำไป

และเขาต้องยิ้มตาม

" ซุปเปอร์เจท !!! "

" ไม่เคยไม่มีหน่วยงานลับที่ไหนในโลกไม่รู้จักเขาหรอก ว่าไหม ! " เขาบอกกันตรงๆ

และเธอก็พยักหน้ารัวๆ ตอบ

" แล้วก็..ลูกชายของดีลาโน่ ! "

" เป็นคนที่ชอบเอาเครื่องมือไฮเทคของตัวเองที่ไม่เอาไหนมาขาย " เธอยิ่งเล่าก็ยิ่งจะสนุกขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่าเขาที่พยักหน้ารัวๆ ให้กันดู

" ผมกับเขา "

" เราเคยมีเรื่องทะเลาะกันอยู่ครั้งหนึ่งที่เบอร์ลิน ! " เขาเอาแต่คิดและอดกลั้นขำไม่ได้

" ไม่บอก " และเธอก็รู้เรื่องนี้ดี

"ฉันก็รู้นะว่าพวกคุณสองคนมีเรื่องอะไรกัน " เธอรู้ดี

"เห้อ.... !! " เสียงถอนหายใจทิ้งๆ ขว้างๆ ของลุกค์ที่ดังตามกันมาติด ๆ

" พวกเราทั้งคู่ !! "

" มีเรื่องชกต่อยกันแพราะโสเภณีคนเดียวกันที่นั่น !!! "

" ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ให้ตาย !! " และเขายิ่งเล่าก็ยิ่งอายและรู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ และพอหันไปมองอีกทีก็แอบสังเกตว่าอิเลฟเวนท์ยังคงนอนหลับตาอยู่ตลอด

และแม้ว่าบางทีเธอก็เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากบ้าง แต่ว่าเขาก็ยังจะอดหันไปถามเรื่องๆ หนึ่งให้ได้

" แล้ว...! "

" เจ้าหน้าที่ที่เป็นเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนนั้น !! " เพราะเขากำลังคิดว่า เจ้าหน้าที่ของเธอดูท่าทางจะสนใจเธอเกินหน้าที่

และเสียงหายใจที่เข้าๆ ออกๆ ของอิเลฟเวนท์ที่เหมือนจะหนักหน่วงในเวลาเดียวกัน

" มาซายูกิ ! นะเหรอ "

" ไว้เดี๋ยวคุณกับเขาก็ได้เจอกันอีกนั่นแหละ " เธอปฏิเสธที่จะไม่พูดเรื่องของมาซายูกิในตอนนี้

แต่ว่าลุกค์ที่ถึงกับหน้าถอดสีเพราะเรื่องที่เพิ่งจะได้ยิน และจนกระทั่งเขาต้องหันกลับมาและใช้ความพยายามที่จะเข้าใจอิเลฟเวนท์ซะใหม่อีกครั้ง