20 วันก่อนการคัดเลือกจะเริ่ม....
ภายในห้องที่มืดมีเพียงแค่แสงไฟจากหลอดไฟหลอดเดียวเท่านั้น เฮนรี่?ที่ถูกจับให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยท่าทีที่ต่างจากเดิม ดวงตาดูง่วงซึมคอตกหน้ามองไปที่พื้น นอกจากเขาแล้วภายในห้องยังมีเฟริสหญิงสาวผมยาวทรงหางม้า ใส่ชุดสูทสีดำ พร้อมกับผู้ชายใส่แว่น สวมชุดสีขาวที่อยู่ข้างๆเธอ ทั้งสองตอนนี้ต่างก็จ้องมองมาที่เฮนรี่
"จะให้พวกเราเรียกคุณว่าอะไรดี?" เฟริสพูดกับเฮนรี่?ที่กำลังนั่งคอตกอยู่ตรงเก้าอี้
"...."
บรรยากาศเงียบเชียบไม่มีการตอบรับใดๆออกมาจากทางเฮนรี่?ที่นั่งอยู่ จนกระทั่งทางเฟริสหันกลับไปถามกับคนที่อยู่ข้างเธอ ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะเป็นจิตแพทย์ "การสะกดจิตน่าจะเรียบร้อยดีใช่ไหม?"
"ถึงแม้ว่าการไปปลกจิตใต้สำนึกคนไข้โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมนักมันจะขัดกับหลักจรรยาบรรณก็ตาม แต่ว่าผมก็ทำเท่าที่ทำได้แล้ว"
"ฉันคาดหวังในผลลัพธ์ที่ได้เท่านั้น จะจ่ายเท่าไหร่ฉันไม่สน แต่ถ้าสิ่งที่ได้มาไม่ตรงกับที่ฉันหวังไว้รู้นะว่าผลมันจะเป็นอย่างไร?" เฟริสพูดจาขู่พร้อมกับกำไปที่ไหล่ของชายคนนั้นจนแน่น ซึ่งดูเหมือนว่าการขู่ของเธอนั้นจะได้ผลเสียด้วย ชายคนนั้นถึงกับเหงื่อตกและมีสีหน้าที่กังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"ทางนี้ก็ลำบากเช่นกัน ถ้าถูกจับได้ว่าไปขโมยข้อมูลคนไข้จากที่อื่นมามีหวังได้ติดคุกหัวโตแน่!"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง มันก็ขึ้นอยู่ว่าแกทำงานให้ใครต่างหาก"
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆที่ดูชั่วร้ายออกมาจากทางของเฮนรี่? "คิกคิกคิก...."
พอได้เห็นแบบนั้นทางเฟริสนั้นก็รีบถามออกไป "จะให้พวกเราเรียกคุณว่าอะไรดี?"
"เรื่องนั้นไม่สำคัญ จะเรียกอะไรมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกแกเอง"
เฟริสดีใจและยิ้มออกมาเดินเข้าไปใกล้เฮนรี่? และคุกเข่าลงต่อหน้าเขาทำความเคารพอย่างนอบน้อม "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านนัมเบอร์คนสุดท้าย "ท่านเจชัวร์"
เจชัวร์นั้นเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ทางชายที่เป็นหมอจิตแพทย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร พอทางจิตแพทย์คนนั้นรับรู้ถึงสายตานั้นได้เขาก็รีบทำการคุกเข่าและก้มหัวหมอบตัวลงแนบชิดกับพื้นตัวสั่นเทาราวกับตัวเองอยู่ในขั้วโลกเหนือ
"ฉันพอจะรู้พวกแกต้องการอะไร? แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่สมบูรณ์"
"ไม่สมบูรณ์?" เฟริสสงสัยในสิ่งที่เจชัวร์พูดขึ้นมา
"ใช่! ตอนนี้ฉันยังรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านที่อยู่ภายในตัวเอง แสดงถึงการที่ตัวตนของเขานั้นยังไม่ได้หายไปหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ "
"มีอะไรที่ทางเราพอจะช่วยท่านได้หรือไม่ ไม่ว่าอะไรพวกเราก็จะทำ ขอแค่ท่านสั่งเรามาแค่นั้นก็เพียงพอ"
"การที่จะทำลายตัวตนของเขานั้นจำเป็นต้องให้ตัวเขาเป็นคนลงมือเองสิ่งสำคัญ สิ่งที่รัก สิ่งที่หวัง ให้ทุกสิ่งทุกอย่างทรยศ สูญเสียซึ่งหลักการกการมีอยู่ของตัวตน นั่นแหละจะเป็นจุดกำเนิดที่สมบูรณ์ของฉัน" เจชัวร์ค่อยยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเฟริสที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าเขา "ตอนนี้สิ่งที่พวกเธอทำได้นั้นไม่มี จงหวังในปาฏิหาริย์ที่มีโอกาสเพียงแค่น้อยนิด บางทีโชคชะตานั่นอาจจะเข้าข้างตัวเธอก็เป็นได้"
เฟริสที่ได้ยินแบบนั้นก็พยายามจะดื้อดึงที่จะช่วยต่อแต่ทางเจชัวร์นั้นรีบเอามือปิดไปที่ปากก่อนที่เธอจะพูด "ไม่เอาน่า...! ฉันเกลียดพวกคนชอบตื้อ ถ้ามันไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากจะทำร้ายผู้หญิงเสียเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นรอดูอยู่เฉยๆจะได้ไหม?"
ในตอนนั้นเฟริสรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็นมันโพยพุ่งออกมาจากชายที่อยู่ตรงหน้า เธอพยักหน้าตอบไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
"ดีมาก....! ว่านอนสอนง่ายแบบนี้แหละฉันชอบ " พอเจชัวร์พุดจบเขาก็สลบลงที่เก้าอี้อย่างทันที ดูเหมือนว่าตอนนี้สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติแล้ว
ทางเฟริสรู้สึกสลายใจขึ้นเป็นอย่างมาก เธอค่อยพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างช้าๆ
"เข้ามาได้แล้ว และช่วยขนร่าเขาไปไว้ที่ห้องให้ที" เธอพยายามเรียกให้คน ที่อยู่ข้างนอกห้องเข้ามาเพื่อขนร่างของเฮนรี่กลับไปไว้ที่ห้อง แต่ถึงต่อให้เธอจะตะโกนเรียกอย่างไรก็ไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้เลยแม้แต่คนเดียว บรรยากาศเงียบเชียบราวกับบ้านร้าง ไม่มีเสียงเท้า หรือแมกระทั่งเสียงพูดคุย ราวกับตนเองอยู่คนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว
เสี้ยววินาทีนั้นเฟริสได้หันหลังกลับไป เธอก็ถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จิตแพทย์ที่อยู่กับเธอในห้องตอนนี้เขาได้เสียชีวิตลงเสียแล้ว ร่างกายเขาเหมือนถูกอะไรผูกติดที่คอแล้วแขวนกับเพดานที่ห้อง เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ เมื่อเห็นแบบนั้นเฟริสก็เร่งรีบเดินออกจากห้องเพื่อไปเรียกให้คนข้างนอกเข้ามา
ของเหลวเหนียวข้นสีแดงกระทบเข้าที่เท้า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นเป็นเพียงกองซากที่ไร้วิญญาณของคนนับหลายสิบคนนอนเรียงรายเกะกะขวางทางเต็มพื้นทางเดิน แขนขากระจัดกระจายเต็มไปหมด ภาพที่อยู่ตรงนั้นมันช่างชวนสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอ้วก แต่เธอก็พยายามกลั้นใจเดินผ่านซากศพเหล่านั้นออกไปเพื่อเรียกให้คนอื่นมาช่วย ในตอนนั้นเธอเองก็เริ่มคิดในใจขึ้นมาว่า ...ทำไมตัวเธอถึงรอดมาได้ ถ้าหากตอนนั้นยังยื้อแบบนั้นต่อไป สภาพของตัวเธอก็คงไม่ต่างจากพวกเขาเป็นแน่...
ในเวลาปัจจุบัน ด้านนอกของเซนเตอร์...
เฟรสที่กำลังจ้องดูการถ่ายทอดสดการคัดเลือกราชาอยู่ด้านนอกด้วยท่าทีที่ดูจดจ่อเป็นอย่างมาก แล้วทันใดนั้นชายผมทรงเฟดสีดำสั้น สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวดูเรียบร้อย ก็เดินเข้ามาข้างหลังพร้อมกับพูดว่า "ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องโกหกเสียอีก ตัวตนนัมเบอร์คนสุดท้ายที่ทางตระกูลของเราเจมินี่นั้นสนับสนุนนั้นกลับเป็นคนคนเดียวกับทางพรีสเสียได้"
"เจสันหรอ? ที่ฉันทราบก็เพราะว่าท่านดีลเลอร์ที่เป็นคนสนิทของท่านราชาคนก่อนบอกฉันมา"
"แลดูเธอจะเชื่อฟังคำพูดของหมอนั่นจังนะ"
"เชื่อฟัง? เปล่าเลย...แค่ขัดขืนไม่ได้ต่างหาก!"
"มันหมายความว่ายังไง?" เจสันแสดงความสงสัยออกมา
เฟริสเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อยๆสั่นเครือ "ก็ตามที่พูดนั่นแหละขัดขืนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าที่เขาพูดมาแค่อยากให้ฉันรู้เท่านั้น แต่มันเป็นสิ่งที่พูดออกมาให้ฉันทำต่าง เรื่องการที่รู้ว่าเฮนรี่นั้นมีอีกบุคลิกหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้นั้น เขาเป็นคนพูดมันก็จริง ซึ่งเขาไม่ได้บังคับให้ฉันไปยุ่งกับมันเลยแม้แต่นิดเดียวเพียงแค่พูดออกมาเฉยๆ แต่ถึงอย่างนั้นสัญชาตญาณของฉันมันก็บอกในใจว่าให้ทำสิ่งนั้นซะ ราวกับตัวฉันนั้นถูกบงการอยู่ห่างให้เดินไปตามเกมที่เขาเป็นคนตั้งกระดานเอาไว้ก่อนแล้ว"
เจสันที่ได้ยินถึงเหงื่อตกออกมา เพราะสีหน้าที่เฟริสแสดงออกมานั้นมันบ่งบอกถึงความกลัวที่อยู่ในจิตใจ "แต่...ว่า ไม่ว่ายังไงก็ยังได้ผลประโยชน์อยู่ไม่ใช่หรอ? มันก็ดูคุ้มค่าอยู่นี่" เจสันพยายามพูดถึงข้อดีที่ถ้าเฮนรี่ชนะการคัดเลือกนี้ ถึงแม้ว่าพวกตนเองจะถูกใช้ก็ตาม
เฟริสส่ายหน้าไปมาพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้ม "ใจจริงของฉันตอนนี้คือความกังวล ความกังวลที่ถ้าพวกเราชนะแล้วมันจะเป็นอย่างไร?"
05.30 น. ณ ที่ใจกลางของเซนเตอร์
จินและไทเดินมาจนถึงโดยที่มีเจชัวร์ยืนรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
เจชัวร์เป็นคนเริ่มบทสนทนาทักทายพวกเขาทั้งสองก่อน "นี่สู้ไม่ได้จนถึงขนาดต้องหมาหมู่กันเลยหรอครับเนี่ย!? น่าสมเพช"
"หมาหมู่หรอ? พูดได้น่าสนใจดีนี่ แต่เขาเรียกว่าพลังมิตรภาพต่างหากถึงจะดูดีกว่า" ไทพูดสวนกลับไป
"ฉันละผิดหวังในตัวนายจริงๆ จิน! คนเก่งอย่างนายไม่น่าจะเป็นคนที่เลือกใช้วิธีที่ขี้ขลาดแบบนี้ไม่ใช่หรอ?" เจชัวร์พยายามพูดยั่วยุให้จินโกรธ
"ก็จริง แต่ว่าเพื่อหยุดนายต่อให้หาว่าขี้ขลาด ฉันก็ยอม"
ไทเดินเข้ามาตบที่ไหล่ของจินเบาๆ "เข้าใจนะ! ว่าจุดมุ่งหมายเราตอนนี้คืออะไร?" ซึ่งทางจินก็เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไป "ถ้าอย่างนั้นก็ดี! อย่าเพิ่งก่อนตายล่ะ!" ไทแบมืออกและยื่นออกไปที่จิน
"เข้าใจแล้ว!" จินตบไปที่มือของไทอย่างแรง แล้วทั้งสองก็เดินมุ่งตรงไปหาเจชัวร์ที่กำลังยืนรอพวกเขาด้วยท่าทีที่เริ่มเบื่อหน่ายเต็มทน
"พูดปลุกแรงใจกันเป็นครั้งสุดท้ายเสร็จแล้วหรอ?"
ในระหว่างที่จินเดินเข้าไปหาเจชัวร์พร้อมกับกำดาบในมือจนแน่น เขาก็ได้พูดคำถามเดิมที่ถามในตอนนั้น "ฉันขอถามว่านายเป็นใคร?"
"เรื่องนั้น...จะเป็นอย่างไรก็ช่าง!!!"
หลังจากพอเจชัวร์พูดจบ ทันทีก็มีฝาท่อระบายน้ำพุ่งเข้าไปที่ตัวของเขาในขณะที่ยืนอยู่ ซึ่งนั่นเป็นการโจมตีจากไทที่ขว้างฝาท่อไปอย่างสุดแรง
"ถูกอย่างที่นายพูดจริงนั่นแหละ เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง!"
แต่ทางเจชัวร์ก็ใช้เส้นด้ายที่คมกริบกางเขตแดนเอาไว้ก่อนแล้วเลยทำให้ฝ่าท่อนั้นขาดกระเด็นออกเป็นชิ้นๆ
"ชิ! พลาดหรือนี่"
"ผมไม่คิดจริงๆว่าตัวคุณจะโจมตีแบบไร้สมองแบบนี้ น่าผิดหวังจริงๆ"
"ขอโทษละกัน! ที่ทำให้ผิดหวัง แต่ว่า...ฉันก็ไม่ได้หวังจากการโจมตีนั้นตั้งแต่แรกเหมือนกัน"
ทันใดนั้นเจชัวรมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จินกำลังลอยลงมาพร้อมกับทิ่มดาบลงพื้น เขารีบกระโดดตัวถอยหลังไปเพื่อหลบการโจมตีนั้นทำให้รอดได้อย่างหวุดหวิด
"ฉันจะเป็นคนหยุดนายเอง!!!"
"ถ้าทำได้ก็ลองดู!!!"
เหลือนัมเบอร์ทั้งหมด 4 คน....