"เมื่อกี้...มันคืออะไร?"
อลิซตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่ดูตื่นตระหนกกับอะไรบางอย่าง เธอมองไปรอบๆก็เริ่มนึกขึ้นมาได้ "ใช่แล้ว...เรามีสิ่งที่ต้องทำอยู่นิ" เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วจึงค่อยลุกขึ้นแล้วสับคัตเอาท์ขึ้นเพื่อทำการให้ระบบไฟฟ้านั้นกลับมาเป็นปกติ
ในตอนนั้นเองที่มือของเธอก็เกิดความรู้สึกแปลกขึ้นที่มือ เมื่อลองดูดีๆที่เธอจับนั้นไม่ใช่คัตเอาท์แต่อย่างใด แต่มันเป็นมือของคนที่ขาดอยู่...
หลังจากนั้นอลิซเริ่มทำการปัดมันทิ้งอย่างทันที "มือ!....ของใครกันนะ?" ขณที่ตัวของเธอจ้องไปที่มือนั้น เมื่อสังเกตดูอีกทีบริเวณโดยรอบของเธอนั้นก็เริ่มค่อยๆละลายคล้ายกับดินน้ำมันที่ตากแดด รูปร่างสิ่งของเริ่มบิดเบี้ยวไป-มา ผิดรูปร่างไปจากเดิม
"อะไร?...อะไร? เกิดอะไรขึ้น?" เธอเริ่มกระวนกระวายและพยายามที่จะหนีไปที่ทางออกตรงประตู
เธอวิ่งอย่างสุดแรงเท่าที่จะทำได้ เปิดประตูแล้วรีบกระโจนออกไปอย่างทันที แต่ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าไม่ได้มีอะไรที่จะสามารถยืนได้ เลยทำให้ตัวของเธอร่วงหล่นลงไปในที่ที่มืด....มืด....มืด....จนแม้กระทั่งตัวเองก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย จนเมื่อตัวเธอรู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้เสียแล้ว
ภาพทิวทัศน์ที่คุ้นเคย เสียงคนเดินเพ่นพ่านไป-มาดูวุ่นวาย พูดคุยกันเสียงดัง ภายภาคหน้าของเธอตอนนี้มีคอมพิวเตอร์เครื่องที่ดูคุ้นหูคุ้นตามาก พร้อมกับเสื้อผ้าที่ดูคุ้นเคยดีเป็นเสื้อผ้าที่ดูสุภาพเรียบร้อยที่เธอมักจะใส่ไปทำงานเสมอ...
"ที่นี่มัน...ที่ทำงานของเรานี่ ทำไม? ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ในเมื่อตะกี้นี้เรายัง...เราทำอะไรนะ? ใช่! เรากำลังทำงานอยู่...."
เธอเอามือแตะไปที่คีย์บอร์ดอย่างเบาๆ ทันใดนั้นก็สมีวิดีโอปรากฏอยู่บนจอของเธอ เป็นภาพที่ตัวของเธอนั้นกำลังโดนหัวหน้าของเธอด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบโลนและรุนแรงต่อหน้าของทุกคน เนื่องจากที่ตัวเธอทำงานผิดพลาดจนทำให้ทางบริษัทเสียหาย วิดีโอนั้นเล่นซ้ำแบบเดิมเรื่อยๆวนแล้ว...วนอีก ถึงแม้ว่าเธอพยายามจะปิดจออย่างไงหรือว่าจะชักปลั๊กออกแล้วก็ตามวิดีโอนั้นก็ไม่หยุด มันยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ
"พอสักที!... ขอร้องแหละ ให้ฉันออกไปจากที่นี่ที....!!!" เธอกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงแล้วก็ตามแต่วิดีโอนั้นก็ไม่ได้ดูเหมือนหยดลงเลยแม้แต่น้อย แต่ที่ต่างจากเดิมเสียงรอบข้างตัวของเธอก็เงียบหายไป ไม่มีเสียงพูดคุย หรือเสียงเท้าเดินแต่อย่างใด เมื่อเธอลองเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าทุกคนที่ตัวเธอได้ยินนั้น บนใบหน้าไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากปาก จ้องมาที่เธอเป็นทางเดียว ตอนนั้นเธอกลัวเป็นอย่างมากพยายามนั่งขดตัว กอดเข่าทั้งอย่างนั้นอยู่บนเก้าอี้
ในตอนนั้นเองที่จู่ก็มีเด็กสาวคนนั้นปรากฏตัวข้างเธอ พร้อมกับกำลังอุ้มบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนเด็กทารกที่กำลังห่อด้วยผ้าอยู่ในอ้อมแขน แล้วทันใดนั้นเด็กคนนั้นก็ค่อยปล่อยสิ่งที่อุ้มอยู่ มันตกลงพื้นแตกกระจายกลายเป็นเศษแก้วใสๆเล็กมากมาย
แล้วเธอก็พูดบางอย่างกับอลิซว่า "เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์" ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเธอเท่านั้นที่พูด แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เริ่มพูดแบบเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงกัน "เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์....."
"หุบปาก!!!!!!" เธอเริ่มกรีดร้องงออกมาพร้อมกับเอามือปิดที่หูทำท่าทางไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น "หุบปาก!!!!" หลังจากนั้นเธอก็หยิบเศษแก้วใสพวกนั้นแล้วขึ้นคร่อมเด็กสาวนั่น พร้อมกับเอาเศษแก้วนั่นจ่อไปที่คอ
อลิซมองเด็กสาวนั่นด้วยแววตาที่ดูโกรธแค้น พร้อมกับกัดฟันแน่น พร้อมกับตะโกนอัดหน้าของเธอไป " หุบปาก!!!" และเสียงพูดนั้นก็ได้หยุดลงทั้งหมด
ตอนนั้นเองที่จู่ๆเด็กสาวที่เธอขึ้นคร่อมนั้นก็ได้กลายเป็นหัวหน้าของเธอเอง ที่สภาพตอนนี้ก็ได้กลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณเสียแล้ว เศษแก้วที่อยู่ในมือเธอก็กลายเป็นก้อนลิ่มเลือดขนาดเล็กอยู่ในมือ เธอเริ่มค่อยกรีดร้องออกมาอีกครั้งอย่างคนเสียสติ
แล้วในจอภาพที่กำลังฉายวิดีโอของเธออยู่นั้นก็ได้เปลี่ยนสีกลายเป็นหน้าจอสีแดง พร้อมกับตัวของเธอที่ถือเลื่อยอยู่ในมือ ทำท่าทางเหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ท่ามกลางกองเลือด จนในที่สุดเธอก็หันหน้ามาพร้อมกับแสยะยิ้มกว้างก่อนหน้าจอนั้นจะดับไป.....
ภายในโลกกระจก....
หลังจากที่ไมร่าทำการแทงเรเปียร์ทะลุที่อกข้างซ้ายของเฮนรี่ไปแล้วก็รู้ได้ทันทีว่า ตัวเขานั้นยังไม่ตาย ต่างก็ตกใจเอ่ยปากพูดไปว่า "ฉันแน่ใจแล้วว่า การโจมตีครั้งนั้นน่าจะโดนหัวใจของแก แต่ทำไม...แกทำอะไรลงไป?" ไมร่าเริ่มหงุดหงิดแล้วกำลังจะแทงเรเปียร์ซ้ำลงที่ร่างกายของเฮนรี่อย่างทันที
ส่วนทางเฮนรี่นั้นรีบทำการกลิ้งตัวหลบไปข้างๆ พร้อมกับยิงกระสุนลมออกจากปลายนิ้วของเขาไปสวนกลับไป ทางไมร่ารีบเอาแขนข้างหนึ่งขึ้นกันอย่างรวดเร็ว แต่ลมที่อัดกันเป็นกระสุนนั้นก็สามารถสร้างบาดแผลให้แขนเธอได้เกิดเป็นรอยฟกช้ำสีม่วงและเขียว
ซึ่งหลังจากนั้นทางเฮนรี่ตอนนี้ก็เริ่มเจ็บที่หน้าอกข้างซ้ายที่พึ่งถูกแทงไป และเริ่มไออย่างถี่ๆราวกับหายใจไม่ทัน "....แค่กกๆ...!"
"มันเจ็บนะเว้ย!!! ร่ากายของฉัน ร่างกายที่แสนสวยของฉัน กลับมาถูกไอ้เวรนี่ทำให้เป็นรอยเสียได้!!" ไมร่าเริ่มไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งและเธอเริ่มโกรธจัดจนแสดงสีหน้าออกมาเห็นได้ชัด
"ไม่เห็นจะเสียหายอะไร น่าตาแบบนั้นไม่ว่ายังไงหมอนั่นก็ไม่สนใจอยู่แล้ว.....แค่กกๆ.....!"
เฮนรี่ค่อยพยุงสังขารของตัวเองลุกอย่างทุลักทุเล ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ไมร่าก็ได้หายตัวไปอยู่ข้างหลังของเขา แต่ตอนนี้ตัวเขาเองรู้ทันใช้พลังดันตัวเองออกห่างจากเธออย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นพุ่งตัวออกห่างจากเธอ เมื่อเฮนรี่หันกลับไปมองนั้นก็กลับไม่พบเธออยู่แล้ว มาดูอีกทีเธอก็อยู่ข้างหน้าเขาพร้อมกับที่จะแทงเรเปียร์สวนทางกับร่างกายของเขาที่กำลังลอยไป เฮนรี่รีบทการหักเหทิศทางกลางอากาศอย่างทันทีโดยการผลักมือไปข้างหนึ่ง ทำให้รอดมาได้อย่างเฉียดฉิว
กระนั้นเฮนรี่ก็เริ่มหายใจถี่ๆขึ้น และไอบ่อยขึ้น เหมือนว่าการโจมตีครั้งนั้นถึงแม้จะไม่โดนหัวใจ แต่มันก็สร้างความเสียหายกับปอดเขาอยู่
"....แค่กกๆ....!"
"ถ้ายอมตายไปตั้งแต่แรกดีๆ ก็ไม่ต้องทรมานแล้วแท้ๆ ภายในโลกใบนี้ที่ฉันสร้างขึ้น ไม่ว่าแกจะพยายามเท่าไหร่ ผลก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง"
"สร้างขึ้น?....แค่กกๆ....!"
"ก็มันสามารถทำแบบนี้ได้ไง..." พอทันทีที่พูดจบไมร่าก็ทำการแทงเรเปียร์ในเศษกระจกที่ลอยกลางอากาศใกล้เคียง เกิดเป็นเรเปียร์มาแทงเข้าที่ไหล่ของเฮนรี่จนทะลุ ผ่านตัวกลางจากกระจกที่ลอยอยู่ข้างหลังเขา
"ดูเหมือนว่าโชคจะยังเข้าข้างแกนะ" แล้วเธอก็รีบดึงเรเปียร์กลับไปอย่างรวดเร็ว เกิดแรงกระชากไหล่ของเฮนรี่นั้นสะบัดจนแทบล้ม "ถ้ายังไม่รีบหนี ระวังจะหลบไม่พ้นเอานะ" พอพูดจบไมร่าก็ทำการแทงเรเปียร์ลงที่เศษกระจกที่ลอยอยู่บนพื้น
ทันทีที่เฮนรี่เห็นดังนั้นเลยรีบกระโจนออกหนีอย่างรวดเร็ว เลยทำให้รอดจากการถูกเสียบจากด้านล่างได้
"ยังไม่จบหรอกน่า..." ไมร่าทำการแทงเรเปียร์ไปที่เศษกระจกอย่างต่อเนื่องทำให้เฮนรี่ต้องหลบอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ถึงกระนั้นก็ยังโดนการโจมตีอยู่ดีถึงจะแค่ถากๆ แต่เนื่องจากเขาตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจเพราะบาดแผลยงไม่ฟื้นฟูมาเต็มที่
"เต้นรำเข้าไป จนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายของแก...."
ทางด้านของจิน....
เขาวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะเนื่องจากที่ไปทำให้ฮันโซโกรธจนอาละวาดพังข้าวของในสาธารณะอย่างบ้าคลั่ง
"ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฉันจะฆ่าแก!!!" น้ำเสียงที่ดูเครียดแค้นกำลังไล่หลังมาอย่างใกล้ชิด
ซึ่งทางของจินนั้นก็รู้ตัวดีว่าได้ไปยั่วโมโหฮันโซเข้าเลยไม่มีทางเลือกต้องหนีอย่างเดียวเนื่องด้วยเสียเปรียบในหลายๆด้าน ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในช่วงขณะนั้นเองที่กำลังวิ่งผ่านเสาไฟไปเรื่อยๆนั้นเองก็ได้มีของที่แหลมคมเข้ามาเสียบที่ซี่โครงข้างขวา นั่นเองก็เหมือนเป็นจุดบอกของตัวเขาเองในตอนนี้เพราะว่าได้สูญเสียตาไปแล้วข้างหนึ่งทำให้การมองเห็นนั้นตีวงแคบลง ในช่วงจังหวะก่อนที่มันจะแทงไปลึกกว่านั้นจินรีบใช้พลังของเขาเคลื่อนไหวออกห่างอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนั้นเองที่ตัวเขาเองคิดว่าหลบพ้นแล้ว ก็มีแบบเหมือนๆกันแทงเข้าที่ซี่โครง แต่คราวนี้เป็นข้างซ้ายจนทะลุปอดไปได้เล็กน้อย ทางจินก็ทำแบบเดิมใช้พลังเคลื่อนที่ออกอย่างรวดเร็ว
...แย่แล้วถ้าเกิดเคลื่อนไหวไปมากกว่านี้ได้เป็นลมเพราะเสียเลือดก่อนแน่ๆ
ในตอนที่กำลังใช้ความคิดนั้นจู่ก็มีดาบพุ่งแทงขึ้นจากใต้เท้า ซึ่งทางจินนั้นเองรีบกระโดดถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากมีบาดแผลที่ปอดจากการโจมตีของฮันโซเมื่อตะกี้นี้เลยทำให้ตัวของเขานั้นเริ่มหายใจติดๆขัด ไอออกมาเป็นเลือด ทรุดตัวลงกับพื้น
"แค่กก....! แค่กก....! แค่กก....!"
ฮันโซที่เห็นสภาพที่น่าอดสูของจินเลยอดพูดจาเยาะเย้ยใส่ไป"ทรมานใช่ไหมล่ะ? แต่มันพึ่งจะเริ่มต่างหาก!!!"
พอพูดจบแล้วก็มีดาบคาตานะพุ่งขึ้นมาเพื่อที่จะแทงเข้าที่หัวของจินจากทางด้านล่างพื้นที่ตัวเขาทรุดตัวลง แต่เหมือนว่ามันจะพลาดไปเพราะว่าทางของเขาใช้ปืนพกเบี่ยงวิถีการแทงของดาบคาตานะเฉียดปลายหูไปนิดเดียว ถึงกระนั้นมันก็ทำให้จินแน่ใจว่าพลังของฮันโซคืออะไร แต่นั่นเองก็แลกกับการที่ต้องสูญเสียอาวุธไปอีกหนึ่งชิ้น....
"หึ....! ฮะ....! ฮะฮ่าฮ่า.....! แค่กก.....! แค่กก....! แค่ก....!" จินพยายามที่จะหัวเราะดีใจออกมาแต่ยังเจ็บบาดแผลที่ซี่โครงทั้งสองข้างเลยทำให้ไอออกมาแทน
"ด้วยสภาพที่ใกล้ตายแบบนั้น แกจะไปทำอะไรได้? หลบก็ลำบาก แถมตอนนี้อาวุธที่จะใช้ต่อสู้ก็แทบจะไม่มีเหลือแล้วแท้ๆ" ฮันโซรีบดึงดาบคาตานะกลับเข้าในเงาทันทีที่ และโผล่ขึ้นจากข้างหลังของจินพร้อมกับกำลังแทงดาบลงที่กลางหลัง
ในช่วงนั้นเองจินรีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ควักตลับกระสุนปืนพกที่สำรองเอาไว้มาทำการเบี่ยงวิถีการแทงของดาบคาตานะ พอหลังจากนั้นจินก็ทำการถีบเสยเข้าที่ปลายคางของฮันโซจนทางนั้นล่นถอยออกไป จินรีบลุกอย่างทันที ใช้โอกาสนั้นใช้พลังเคลื่อนตัวเองเข้าหาฮันโซพยายามที่จะต่อยเข้าที่แขนเพื่อปลดอาวุธ แต่ทางนั้นเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวเช่นเดียวกันว่าทางจินเล็งจุดนี้ไว้เลยรีบมุดเข้าเงาไป
"กระจอกน่า....อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกจะทำอะไร?"
"แค่กก....! แค่กก....! แค่กก....!"
"ฉันล่ะเกลียดคนนิสัยแบบแกตั้งแต่แรกครั้งที่เห็นแล้วรู้ไหม?"
"แค่กก....! ดีใจจังที่มี แค่กก....! แค่กก....! คนมาพูดแบบนี้กับฉัน...ตรงๆ แต่ก็นะฉันก็ไม่ได้จะให้คนทุกคนมาชอบฉันอยู่แล้ว" ตอนนี้บาดแผลของจินก้ค่อยเริ่มหายไปทีละนิด แต่ดวงตาตอนนี้ยังไม่สามารถมองเห็นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
"นิสัยตรงที่ไม่สนโลก มุ่งตรงแต่เป้าหมายชองตัวเอง คนแบบแกที่ทำอะไรก็มักจะได้รับความสนใจ เป็นที่รักของคนหลายคน ทุกคนล้วนต่างเข้าหาราวกับตัวแกเป็นจุดศูนย์กลาง ไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรมากมาย"
"ไม่ต้องพยายามอย่างนั้นหรอ? คนที่ยอมแพ้และหลีกหนีที่จะเผชิญกับอุปสรรคตรงนั้น เอาแต่หมกตัว โทษโน่นโทษนี่ นิสัยแบบนั้นนั่นแหละที่แสดงว่านายยังเป็นเด็กอยู่"
ทางจินพูดไม่ทันขาดคำฮันโซก็ทำการฟันเสาไฟทิ้งหนึ่งต้น แล้วเคลื่อนที่เข้าหาจินอย่างรวดเร็วโดยใช้เงาเสาเป็นตัวสื่อ ฟันดาบคาตานะลงอย่างทันควัน ซึ่งทางของจินเองก็รู้ทันเลยรีบกระโดดหลบไปข้างหลังได้ทัน
"ก็สมกับที่เป็นพลังของนายดีนี่ ไม่กล้าเผชิญกับความจริงมัวแต่นั่งโทษโน่นโทษนี่ จนท้ายที่สุดก็จมปลักอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว"
"หุบปาก....!!! ใช่....!ฉันไม่ผิด....! พวกมันต่างหากที่ผิด....! ใช่.....! แกเองก็ไม่ต่างจากพวกมัน" ไม่ทันขาดคำฮันโซก็พุ่งตัวผ่านเงาเข้ามาโจมตีด้วยดาบคาตานะอย่างรวดเร็ว ทางจินเองก็รีบใช้พลังหลบไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเป็นดังนั้นแล้วทางฮันโซรีบปักดาบลงในเงาใต้เท้าเขาเกิดเป็นใบมีดขึ้นมาแทงร่างกายของจินที่พึ่งจะหลบการโจมตีของเขาไป ใบมีดบปักเข้าที่เท้าจนทะลุทำให้เสียสมดุล
ไม่จบเพียงแค่นั้นฮันโซรีบเคลื่อนที่ไปอยู่ข้างหลังของจินและกำลังที่จะฟาดคาตานะลงที่หัวเพื่อจะปิดฉาก ในตอนนั้นเองที่จินรีบใช้พลังเคลื่อนที่ไปข้างหลังกระแทกเข้ากับฮันโซเพื่อที่จะหยุดการโจมตีของเขา และต่อจากนั้นเขาก็หยิบมีดขึ้นมา เสียบเข้าที่ข้อมือข้างที่ถือดาบของฮันโซ บิดใบมีดอย่างรวดเร็ว จนคาตานะหล่นจากมือของเขา
"แกไม่น่าจะมีอาวุธเหลืออยู่แล้วนี่ ทำไม?"
"นั่นสินะ...พอดีคนร่ายอยู่ไกลเวทมนต์ก็เลยคลายซะได้"
ฮันโซเองก็รู้ได้อย่างทันที ในตอนที่เขาโจมตีใส่พวกเฮนรี่นั้นอลิซน่าจะทำสิ่งของบางอย่างตกเอาไว้ ซึ่งตัวของเธอเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่รู้ตัวด้วย
หลังจากที่แยกออกจากกันพลังที่ใช้ก็เลยคลายกำให้ทางจินนั้นเห็นอาวุธที่อยู่บนพื้น ประจวบเหมาะกับที่เขาพยายามลดอาวุธของตัวเองลงเรื่อยๆเพื่อให้ทางฮันโซลดการป้องกันและประมาทว่าไม่น่าจะมีอาวุธหลงเหลืออยู่ เข้าใกล้จิน
"ชิบ...." เสียงอุทานของฮันโซดังขึ้น พร้อมกับคาบคาตานะหล่นลงพื้นเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว และแสงไฟที่เริ่มติดกลับมาเหมือนดั่งปกติ ฮันโซทราบได้ดีเลยว่าไม่มีทางเอาชนะจินในตอนนี้ได้ เขารีบกลายเป็นเงาและพยายามหนีอย่างสุดชีวิต
"เห็นชัดเลยล่ะทีนี้" จินวิ่งตามพร้อมกับหยิบดาบคาตานะที่หล่นพื้นไว้ในมือ พอเข้าใกล้ระยะ เขารีบปามันไปแทงเข้าที่เงาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ เพื่อเป็นการตรึงฮันโซเอาไว้ พอดาบคาตานะเสียบเข้าที่เงาส่วนที่ขาของฮันโซทำให้หนีไม่ได้ และพยายามที่จะดึงมันออก แต่ทางจินก็เคลื่อนที่มาจับที่ดาบ จินจับไปที่ดาบพร้อมกับกดมันลงที่เงานั้นอย่างเต็มแรงจนทางฮันโซนั้นผุดขึ้นมาจากเงา เขาเริ่มร้องด้วยความเจ็บปวดน้ำตาก็ค่อยๆอาบแก้มทั้งสองข้าง ขี้มูกก็ไหลออกมาจนเลอะทั่วทั้งหน้า พยายามที่จะก้มหัวขอร้องให้จินไว้ชีวิตของตนเอง
"ขอร้องแหละครับ....ผมขอยอมแพ้ ได้โปรดอย่าฆ่า...ผมเลย ขอร้อง!!!!"
เสียงสะอื้นราวกับจะขาดใจ ณ ตรงนั้น เสียงร้องไห้โวยวายเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งเมืองที่เงียบสงัด ชายคนหนึ่งที่พยายามขอร้องชายอีกคนที่กุมชีวิตเขาไวในกำมือ
"ขอร้อง!!!! อย่า....ฆ่าผมเลย....!!!"
จินเอามือจับไปที่ดาบคาตานะแน่น พร้อมกับตัวของฮันโซที่สะดุ้งตื่นกลัวอย่างสุดขีด หลังจ่ากนั้นจินก็ทำการดึงดาบออกจากขาของฮันโซเพื่อที่จะปล่อยให้มีชีวิตต่อตามที่เจ้าตัวได้อ้อนวอนขอร้องไว้...
แต่...ในช่วงนั้นเพียงแค่ชั่วกระพริบตาเท่านั้น ตรงหน้าของทั้งสองก็ปรากฏหญิงสาวผมสั้นสีดำปกปิดดวงตา หญิงสาวที่สูงยาวผิวสีขาวสวมชุดเดรสสีดำยาว เอนตัวลงยิ้มไปที่ฮันโซที่กำลังสั่นกลัว รอยยิ้มที่กว้างราวกับจะฉีกถึงใบหูบนใบหน้าหญิงสาว ภาพตรงหน้ามันชวนสยองมากกว่าสิ่งอื่นใด.....