Chereads / ROYAL ONE บทชายผู้ตกต่ำ / Chapter 33 - Chapter 25 การปลดปล่อย

Chapter 33 - Chapter 25 การปลดปล่อย

...ไม่ว่าอะไรที่ตัวฉันต้องการก็ต้องได้ ถึงแม้จะแย่งชิงเอาจากอีกฝ่ายก็ตาม ใช่! เพราะว่าฉันสวย ทุกคนต่างก็ชื่นชมชมเชยปฏิบัติอย่างกับตัวฉันเป็นจักรพรรดินี เป็นหญิงสาวที่อยู่เหนือชายทั้งปวง ทั้งๆที่มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ทำไม? ทำไม? เขาถึงยัง...ปฏิเสธฉัน ฉันไม่เข้าใจ...!

นี่เองเป็นครั้งแรกที่เจอชายที่ทำแบบนั้นกับฉัน เขาไม่ได้มองฉันเหมือนดั่งสายตาคนทั่วไปมองกับ เพียงเพราะต้องการร่างกาย แต่เป็นสายตาที่ไม่ได้มีสิ่งเหล่านั้นเลย ทำไม? ทำไม? หรือเพราะว่าฉันไม่สวยในสายตาของเขา ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ชักชวนเขาอย่างไรก็มักจะพูดปฏิเสธแบบเดิมๆ

จนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ฉันนั้นได้หลงรักเขาขึ้นมา เขาเป็นแค่ชายหนุ่มที่เข้ามาทำงานได้ไม่นานนี้ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย ยังเป็นเด็กมหาวิทยาลัยที่ยังต้องทำงานส่งตัวเองเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทำไมเขาถึงทำให้หัวใจของฉันนั้นสั่นไหวได้กันนะ? ไม่เห็นเข้าใจเลย.....

วันหนึ่งฉันเห็นเขาคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งที่ตัวฉันนั้นอิจฉาเป็นอย่างมาก ความรู้สึกร้อนรุ่มในใจนี่มันคืออะไร ความโกรธที่เหมือนตัวเองโดนแย่งสิ่งที่เป็นของรักของตัวเองไป ฉันไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก ตอนนั้นเองในใจฉันก็มีคำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ก็แค่ทำให้เขามองมาที่ฉันคนเดียวเท่านั้นก็พอแล้วนี่

ดังนั้นฉันจึงทำทุวิถีทาง ถ้าฉันไม่ได้เป็นเจ้าของเธอ คนอื่นก้อย่าได้มาหวัง จะขัดขวางทำทุกอย่างจนกว่าเธอจะหันมามองฉันแต่เพียงผู้เดียว…

….ในที่สุดก็ถึงวันที่ฉันรอคอยเสียที

เวลาไม่นานก่อนหน้านี้....ณ โลกแห่งกระจก

"ถือว่าอืดดีนี่ที่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้ ฉันก็ไม่ได้เกลียดคนขี้ตื้อหรอกนะ แต่ว่าหัวใจนี้ฉันมีเพียงแค่เขาคนเดียว เพราะฉะนั้นแล้วนายมาได้แค่นี้แหละ" พอพูดจบไมร่ารีบแทงเข้าที่กระจกบานหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีปลายเรเปียร์พุ่งเข้าใส่เฮนรี่จากทางด้านข้าง แต่มันหมือนโดนอะไรเบี่ยงวิถีของมันไป เลยทำให้ไม่โดน

ไมร่านั้นแปลกใจเป็นอย่างมากจนเผลอแสดงสีหน้าออกมา และเมื่อทางเอนรี่เห็นแบบนั้นเลยพูดกลับไปว่า "ไหนบอกว่าจะรีบทำให้มันจบเร็วๆไงล่ะ? เอาสิ!" เขาอ้าแขนทั้งสองข้างออกกว้างพร้อมกับท้าทายไมร่า

"...อย่ามาทำเป็นเหลิง!" ทันทีที่พูดจบเธอรีบโจมตีด้วยความโกรธ แต่ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ทำไปนั้นจะถูกเบี่ยงวิถีทั้งหมดเลย "นี่แกทำอะไรลงไป?"

"นั่นสินะ..."

ในระหว่างนั้นเองที่ทางเฮนรี่นั้นก็มองไปที่กระจกที่ลอยอยู่ข้างหลังของไมร่า ก็เห็นว่าจากที่เป็นมืดๆตอนนี้ก็มีแสงไฟสว่างไปทั่วทั้งเมืองแล้ว

"อย่ามัวมองไปทางอื่น" ไมร่าพยายามโจมตีใส่เฮนรี่แต่ก็ถูกเบี่ยงวิถีอย่างทันที "ทำไม? ทำไม?"

"ทีนี้ตาผมบ้างแหละ..." เฮนรี่ทำการยิงกระสุนลมกลับไป ทางไมร่านั้นรับกระสุนทุกนัดด้วยแขนที่เรียวบางของเธอ ซึ่งก็ดูเหมือนจะมีบางอันที่หลุดรอดไป เข้าโดนที่ท้องของเธอจนกระอักเลือดออกมา แต่หลังจากนั้นตัวเธอกลับยิ้มออกมา มารู้ตัวอีกทีเฮนรี่ได้โดนเธอเสียบเรเปียร์เข้าที่ซี่โครงจนเกือบสุดปลาย

"อย่างนี้นี่เอง...แกจำเป็นต้องใช้พลังสมาธิอย่างมากในการควบคุมการไหลเวียนของลมสินะ การที่จะทั้งโจมตีและตั้งรับไปพร้อมกับคงทำได้ยาก"

ทางของเฮนรี่ที่โดนแทงเข้าซี่โครงไป เหมือนว่าบาดแผลครั้งนี่จะสาหัสกว่าที่ตัวเขาคิด เลือดค่อยไหลมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้สติของเขาตอนนี้เริ่มจะเลือนรางลงแล้ว "เป็นไปได้ก็ไม่ได้อยากจะใช้มันเท่าไหร่" เขาพูดพร้อมกับยิ้มออกมา "เสียงนั้นมันเคยเตือนฉันอยู่ในใจเสมอว่า ถ้าหากเคยได้ลิ้มรสน้ำผึ้งนั้นเพียงน้อยนิด มันก็จะยิ่งต้องการมากขึ้นอีกเรื่อยๆ"

"พูดเรื่องอะไรของแก?"

"แพนโดร่า!!" ทันทีที่เฮนรี่พูดคำคำนั้นขึ้นมาบาดแผลทั้งร่างกายของเขาก็เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแรงดันลมมหาศาลถูกปล่อยออกมาจากรอบๆตัว

...หลังจากการใช้รอบที่แล้วก็ได้เข้าใจว่า ถ้าหากเปิดใช้มันล่ะก็ ต้องจัดการอีกฝ่ายให้ได้เร็วที่สุด มิฉะนั้นทางนี้จะได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ชั่วคราว

เฮนรี่ทำการยกมือข้างขวาขึ้น ทันใดนั้นก็มีลมแรงเกิดขั้นรอบๆตัวของเขา สายลมค่อยๆไหลเข้ามารวมตัวกลายเป็นดาบขนาดใหญ่

"ในเมื่อมีทางเข้าก็ต้องมีทางออก หากถูกสร้างแสดงว่าก็สามารถที่จะทำลายมันได้"

สายลมที่หมุนนั้นได้ทำลายกระจกที่ลอยอยู่รอบตัวของเฮนรี่จนหมด ไม่ว่าทางไมร่าจะพยายามเอากระจกที่ลอยเข้าไปใกล้อย่างไร มันก็จะแตกสลายจนหมดสิ้น

"ถ้าอย่างนั้น" ไมร่าตัดสินใจวิ่งเข้าไปใช้เรเปียร์พยายามแทงเข้าที่หัวใจ แต่ดูเหมือนว่าทางเฮนรี่นั้นก็จะรู้ได้ถึงจุดอ่อนนี้เลยใช้มืออีกข้างรับเอาไว้ หยุดไว้ได้ทันก่อนที่มันจะทิ่มทะลุเข้าที่หัวใจ

"ถูกต้องการที่จะเข้ามาโจมตีโดยตรงนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ว่าทางนี้ก็เตรียมใจมาตั้งแต่แรกแล้ว" เฮนรี่จับที่เรเปียร์ไว้แน่นไม่ให้ทางไมร่าดึงออกไป

ไมร่าที่เห็นแบบนั้นเองเธอก็รีบเตะเข้าที่ขาก็เฮนรี่หลายต่อหลายครั้ง แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล

เมื่อดาบคงรูปได้สมบูรณ์ เฮนรี่ไม่รีรอรีบฟาดมันลงที่พื้นอย่างทันที แรงลมมหาศาลฟาดตัดผ่าครึ่งโลกกระจก มันแตกสลายกระจายออกเป็นเสี่ยงๆไม่มีชิ้นดี เกิดเป็นสะเก็ดกระจกค่อยๆแตกกระจายลงบนพื้น

ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนก็มาอยู่กลางห้องโถง ณ ที่โรงไฟฟ้า ชั้นแรกสุด สภาพของทั้งสองต่างก็ดูไม่จืด เฮนรี่ถูกแทงเข้าที่มืออีกทั้งมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย ส่วนทางของไมร่าก็ไม่ต่างกันนอกจากจะโดนแรงลมผลักกระเด็น ยังมีรอยฟกช้ำแล้วยังรอยเหมือนถูกอะไรที่คมมากบาดเข้าตามเสื้อผ้า และผิวหนัง

"เอาล่ะ! ยกที่สองเริ่มได้"

"แกนี่มันขี้ตื้อจริงๆ"

"...จะถือว่านั่นเองก็เป็นคำชมแล้วกัน" พอพูดจบเฮนรี่ก็ทำการผลักตัวเองให้ลอยปาไม่ร่า พร้อมกับในช่วงเวลานั้นเองก็ยกมือข้างขวาให้คล้ายกับดาบที่มีสายลมห่อหุ้มเพื่อใช้ในการโจมตี "กระจกที่คุณใช้มีอยู่สองชนิด" ทันทีนั้นเขาก็ฟันมันลงที่ไมร่า แต่ทางนั้นก็สามารถมุดตัวเข้าไปในเศษกระจกที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นได้ทัน "ชนิดแรกคือกระจกปกติที่คุณเชื่อมโลกทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน ส่วนอีกอันจะเป็นกระจกที่เอาไว้ใช้ในโลกที่คุณสร้างและใช้ควบคู่ไปกับการโจมตี" พอพูดจบเฮนรี่ก็ทำการกระทืบพื้นลงเกิดเป็นลมพัดกระจายโดยรอบพัดเศษกระจกที่อยู่รอบๆตัวเขาจนไม่มีเหลือ "ซึ่งตอนนี้คุณเหลืออาวุธที่จะใช้กับตัวผมเพียงแค่อย่างเดียว คือกระจกอย่างแรกเท่านั้น!"

"...ใช่แล้ว อย่างที่นายพูดเลย เพราะการที่จะลากนายเข้าไปในนั้นเองมันค่อนข้าใช้เวลานานในการเตรียมการ ฉะนั้นแล้วในตอนที่ทำการเริ่มการคัดเลือกตัวฉันถึงไม่ได้ลงมือล่าใครเลย"

พอเห็นว่าทางไมร่าออกมาจากกระจกนั้นแล้ว เฮนรี่ก็ทำการตวัดมือขึ้นเกิดเป็นลมแรงพัดเหล่าเศษกระจกและไมร่าขึ้นไปบนอากาศ

"จะบ้าหรือเปล่า การที่ตัวแกทำแบบนี้ก็มีแต่จะฆ่าตัวของแกเองเท่านั้น!"

ในตอนที่ไมร่ากำลังได้ใจนั้น วินาทีนั้นเธอก็ได้สังเกตเห็นสิ่งที่เหมือนจะเป็นถังดับเพลิงที่จู่ๆก็โผล่มาอยู่ข้างหลังทั้งที่ไม่น่าจะมีอยู่แท้ๆ ทันใดนั้นเองเฮนรี่ก็ทำการยิงกระสุนลมออกไปหลายนัดจนถังนั้นระเบิดออกเสียงดัง ตู้มมมมมมม!!!!...

"ต้องขอบคุณอลิซจริงๆ ถ้าไม่ได้เธอมีหวังไม่รอดแน่" เฮนรี่ล้มลงก้นกระแทกกับพื้นด้วยสีหน้าที่ดูโล่งใจ "อลิซออกมาได้แล้วครับ!!.... ฮัลโหล~~!" เขาพยายามเรียกอลิซ แต่ในตอนนั้นเองก็เริ่มเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับร่างกาย เขาเริ่มปวดหัวอย่างรุนแรงเหมือนจะระเบิดออกมา ร่างกายเริ่มร้อนขึ้นจากภายในราวกับคนเป็นไข้แต่มันร้อนกว่านั้นมาก เขาเริ่มดิ้นทุรนทุรายไป-มา ซึ่งความเจ็บปวดนี้มันต่างจากรอบที่แล้ว ผิวหนังก็เริ่มจะซีดลงเรื่อยๆจนแทบจะกลายเป็นสีขาวเหมือนกระดาษ

ในช่วงนั้นเองที่ไมร่าเหมือนจะยังรอดมาได้ เธอออกมาจากกระจกครึ่งตัวที่ข้างหลังของเฮนรี่ด้วยสภาพที่แขนข้างหนึ่งกระจุย ใบหน้าที่เคยสวยงามก็เละไม่มีเค้าโครงเดิม และด้วยความโกรธเธอจึงง้างเรเปียร์แทงไปที่หัวของเฮนรี่อย่างสุดแรง....แล้วเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นมา.....

....

....

ณ เวลาที่ไล่เลี่ยกัน...

หลังจากที่จินและฮันโซได้พบเจอกับหญิงสาวปริศนา ที่จู่ๆก็ปรากฏตรงหน้าอย่างไม่มีใครคาดถึง ว่าเธอเป็นใคร? แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกตัวได้เองตามสัญชาตญาณว่าอันตราย ซึ่งทางของจินนั้นไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่ปลายนิ้ว หญิงสาวปริศนานั่นจ้องมองที่ใบหน้าของจินด้วยท่าทีที่สงสัยก่อนจะหันไปมองทางของฮันโซที่กำลังสั่นดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว

เธอจึงเอื้อมมือไปสัมผัสที่ใบหน้าของเขาอย่างเบาๆ หลังจากนั้นฮันโซก็เริ่มเปลี่ยนไปร่างกายเริ่มแข้งทื่อไม่ขยับ ดวงตาที่คล้ายกับปลาที่ตายแล้ว น้ำลายค่อยฟูมปากออกมา พร้อมกับเริ่มที่จะกรีดร้องออกมาอย่างทรมาน เขาพยายามเอาหัวทุบกับพื้นถนนแรงๆนับหลายครั้งจนหัวแตกเลือดไหลเต็มไปทั่วทั้งหน้า พยายามใช้เล็บของตัวเองจิกไปที่ใบหน้าข่วนอย่างรุนแรงจนผิวหนังถลอกออกเห็นนั้นผิวหนัง ไม่พอแค่นั้นเขาเริ่มที่จะกัดนิ้วตัวเองทุกนิ้วอย่างพร้อมกัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนกระดูกนิ้วหักงอผิดรูป หัวเราะและร้องไห้ออกมาเสียงดังราวกับคนเป็นบ้าเสียสติ เขาค่อยคลานเข่าเข้ามาหาจินด้วยสภาพแบบนั้น พร้อมกับพูดขอร้องว่า

"ฆ่า...ฉัน...ที...ขะ...ขอ...ร้อง...ล่ะ"

จินทำได้เพียงได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธคำขอร้องของฮันโซ ไม่ทันไรฮันโซก็เอามือจับไปที่ใบดาบที่อยู่ในมือจิน ค่อยๆเอาคอของตัวเองทาบลงนั้น กดมันลงอย่างช้าๆใบดาบค่อยบาดลึกขึ้นทีละนิด ทีละนิด อย่างช้าๆ แต่สีหน้าของฮันโซนั้นกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใดกลับดูเหมือนโล่งเลยด้วยซ้ำ

จินที่เห็นแบบนั้นเลยยกดาบหนี แต่ถึงกระนั้นทางฮันโซเองก็พยายามที่จะคลานตามจิน เข้ากอดที่ขาขอร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตา

"ขะ...ขอ...ร้อง...แหละ"

จินรีบสะบัดขาเพื่อให้ตัวของฮันโซกระเด็นออกไป แต่ถึงกระนั้นองถึงแม้ว่าจะถูกสะบัดออกจนกระเด็นอย่างไร เขาก็พยายามคลานมาขอร้องแบบเดิม

"มันเจ็บปวดนะการที่ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีใครเห็นค่าเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ฆ่า...ฉัน...เถอะ ฉันไม่โกรธไม่แค้นนายหรอก ขอ...ร้อง...ล่ะ"

ในเมื่อไม่มีทางเลือกจินกัดฟันทำการฟันดาบเข้าที่คอของฮันโซจนขาดกระเด็นออกจากกัน ในเสี้ยววินาทีนั้นเองเขาก็ได้เห็นสีหน้าของฮันโซที่ยิ้มออกมาราวกับตนเองได้รับการปลดปล่อยจากความทุกข์ทรมานที่ตนเองดำรงอยู่มาเป็นเวลานาน

เสียงที่เหมือนกับลูกมะพร้าวหล่นลงพื้น แต่กลับกันสิ่งนั้นไม่ใช่ลูกมะพร้าวแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงชายที่อยากจะหนีจากความจริงบนโลกที่ไม่มีใครเห็นค่าเขา แม้ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ตัวเขาต้องการคือการถูกจากปลดปล่อย

หมายเลข 09 เท็นมะ ฮันโซ ถูกกำจัดแล้ว....

เหลือนัมเบอร์อีก 7 คน...