...ฉันก็แค่อยากจะสู้กับนายอย่างเอาจริงเอาจังเสียสักครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะดูไร้สาระก็ตาม ถึงแม้ว่าใครจะว่าโง่เง่าก็ตาม ฉันก็ยังยืนยันที่จะทำแบบนั้น ต่อให้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความปรารถนาของฉันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ณ เวลาปัจจุบัน
ไทพูดด้วยรอยยิ้ม "ตอนแรกก็แอบน้อยใจอยู่เหมือนกันนะ นึกว่านายจะลืมฉันแล้วเสียอีก"
"ขอโทษด้วยละกันตอนนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอกับ คู่แค้นเก่าของตัวเอง" จินเองก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมอยู่บนใบหน้าเช่นเดียวกัน
"ครั้งนี้แหละพวกเราทั้งสอง จะได้เวลามาสะสางเรื่องที่ค้างคากันในอดีตให้มันจบไปเสียที"
"ก็หวังไว้ตามนั้น"
ทั้งสองต่างวิ่งเข้าหากันพร้อมกับง้างหมัดออกอย่างสุดแรง....
....ในจังหวะนั้นเองที่จู่ๆก็มีของแหลมที่ยาวเสียบขึ้นมาจากพื้นปักเข้าที่เท้าของไท และลากเขาลงไปในพื้น ทุกคนที่เห็นถึงกับพูดไม่ออกต่างก็สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างกายที่ใหญ่โตขนาดนั้นกลับถูกลากหายไปที่ไหนก็ไม่มีใครทราบ
ขณะนั้นเองก็มีสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาหาพวกเขา ปรากฏเป็นไมร่าที่เดินออกมาจากตึก เอริสด้วยชุดที่รัดรูปสีดำ เธอเดินเข้ามาหาและโผเข้ากอดจินทันที
จินที่ทำตัวไม่ถูกและยังสับสนอยู่เลยพูดไปแค่เพียงว่า "พี่ไมร่าทำไม...พี่ทำอะไรลงไป?"
"ก็พวกเขาทำร้ายเธอนี่ ก็ช่วยไม่ได้ก็ให้ตัวเขานั้นไปสงบสติอารมณ์อยู่อีกที่ก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วตอนนี้จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีกแล้วนะ" เธอเริ่มค่อยดูทั่วทั้งร่างกายของจินแล้วก็เอ่ยน่าสงสารออกมา "ดูสิร่างกายสะบักสะบอมไปหมดเลย" เธอจับไปที่ทั่วทั้งตัวของจินก่อนจะเริ่มดมกลิ่นกายของเขาและเผลอครางออกมา "อาส์~~! เป็นกลิ่นที่ชวนคิดถึงเสียจริง" ไมร่ารีบทำการดึงหน้าของจินเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม
จนทางของจินนั้นทนไม่ไหวเลยรีบผลักตัวออกจากไมร่าอย่างทันที ส่วนทางของไมร่านั้นรู้สึกเสียดายเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างยั่วยวน "ช่างเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆนะ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน"
"ผมรู้สึกว่าพี่แปลกไปนะครับ ปกติพี่จะไม่เป็นแบบนี้นี่ นับตั้งแต่งานประชุมครั้งนั้นเกิดอะไรกับพี่กันแน่?"
"ถ้าเธออยากรู้จริงๆละก็ ไว้พวกเราค่อยมานั่งคุยกันเป็นการส่วนตัวจะดีกว่านะ"แล้วไมร่าก็ค่อยๆเดินจากจนไป เข้าไปในตึกของเอริส แต่ก่อนหน้านั้นเธอได้หันกลับมาบอกกับพวกของจินว่า "จำไว้นะ..เธอเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น ไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปเด็ดขาด!" พอพูดจบเธอก็เดินหายไปจากในตึกนั้นอย่างปริศนา
เกิดความสับสนกับพวกจินที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ ณ ตรงนั้น แล้วจู่เหตุการณ์ไม่ทันคาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เกิดเหตุการณ์ไฟดับทั่วทั้งเซนเตอร์อย่างไม่ทราบสาเหตุ
.....
.....
.....
....
บรรยากาศโดยรอบที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟจากตัวอาคาร มีเพียงแค่แสงไฟจากเสาไฟที่อยู่ข้างทางที่ยังคงส่องสว่างสลัวๆอยู่ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเดินเข้ามาหาพวกของจินที่ยังคงสับสนอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงเท้านั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงใต้แสงไฟ ชายหนุ่มใส่ชุดสูทสีดำดูเรียบร้อย ในมือถือดาบคาตานะ เขาคือ"ฮันโซ"
"ช่างเป็นหญิงที่ไร้ประโยชน์จริงๆเลย กะอีผู้ชายคนเดียวจะหาเมื่อไหร่ก็ได้แท้ๆ" ฮันโซพูดบ่นเกี่ยวกับไมร่า
ในจังหวะนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา...
กริ๊งงงงงงงงงงงงง~~~! เขารีบรับสายนั้นอย่างทันที
"อะไรนะ!? หนีไปได้!?" เขาเริ่มอารมณ์เสียโวยวายออกมาเสียงดัง "ไม่ต้อง!....เอาเป็นว่าตอนนี้ไปประจำการที่ที่วางแผนกันไว้....เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง....ฉันไม่จัดการเขาหรอก.....ตราบใดที่เขาไม่ขัดขืน" ทันทีนั้นเขาก็รีบวางสายโยนโทรศัพท์ขึ้นบนฟ้าและฟันมันทิ้งด้วยดาบคาตานะที่อยู่ในมือ จนมันขาดเป็นสองท่อน
"ทำไมต้องฟันโทรศัพท์ทิ้งด้วยไม่เห็นเข้าใจ นายรู้จักความยากลำบากของการหาเงินบ้างไหม?" จินพูดกลับหลังจากเห็นสิ่งที่ฮันโซกระทำ
"ไม่เห็นจะเป็นไรเลย กะอีแค่เศษเงินเล็กๆน้อย ในเมื่ออีกไม่นานฉันก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องแบบนี้แล้ว" หลังจากที่พูดเสร็จเขาก็ทำการฟันเสาไฟทิ้งจนขาดเป็นสองท่อน เสาไฟค่อยๆหล่นลงกระทบกับพื้นดับลงอย่างทันตา
จินที่เห็นแบบนนั้นเข้าเลยพูดไปว่า..."ช่วยหยุด!...ทำลายข้าวของสาธารณะทีได้ไหม?"
"ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ในเมื่ออีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตกมาเป็นของฉัน"
พอเขาพูดจบ หลังจากนั้นได้ไม่นานฮันโซก็ไปโผล่ข้างหลังของเฮนรี่พร้อมฟาดดาบนั้นลงอย่างทันที ส่วนทางเฮนรี่นั้นรับมือโดยการใช้พลังของเขาปัดหักเหดาบนั้นลงพื้นได้อย่างฉิวเฉียด และใช้พลังผลักตัวของเขาและอลิซออกจากระยะการโจมตีนั้นอย่างรวดเร็ว
"ตอบสนองดีนี่ ไม่คิดว่ารับมือการโจมตีแบบนั้นได้ทัน"
"ขอบคุณที่ชม แต่การลอบกัดแบบนี้ไม่ดูขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?" เฮนรี่พูดจากวนประสาทกับฮันโซ
"ลอบกัด? ปากดีใช้ได้นี่ แต่ว่าแกจะหลบแบบนั้นได้นานอีกแค่ไหนกัน?"
ไม่ทันได้ขาดคำเขาก็โผล่มาจากด้านข้างของเฮนรี่ฟาดดาบลงไปที่มือของเขาอย่างรวดเร็ว จนมือที่จับตัวอลิซนั้นขาดออก
อลิซที่เห็นเลือดกับมือที่ขาดของเฮนรี่นั้นก็เริ่มกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เธอสูญเสียสติพยายามที่จะคลานหนีอย่างน่าอนาถา ร้องขอชีวิตอย่างสุดเสียง
ซึ่งตัวของฮันโซนั้นไม่รอช้าหลังจากที่ฟันมือของเฮนรี่จนขาดไปแล้ว เขารีบยกดาบขึ้นอีกรอบฟาดลงที่อลิซที่กำลังคลานหนีทันที แต่ในช่วงนั้นเองที่จินรีบใช้พลังพุ่งเข้ามาถีบเข้าที่กลางตัวของฮันโซจนทำให้อลิซนั้นรอดไปได้อย่างหวุดหวิด
"ฝากนายด้วยนะ!" จินตะโกนออกอย่างสุดเสียง
เฮนรี่ที่เข้าใจความหมายนั้นดีเลยรีบเข้าไปหาอลิซเรียกสติของเธอ แต่กระนั้นอลิซนั้นเพียงได้แต่พึมพำอยู่คนเดียวว่า ฉันไม่อยากตาย... ฉันไม่อยากตาย...
เฮนรี่ที่ไม่มีทางเลือกเลยตบเข้าไปที่หน้าของเธออย่างแรงเพื่อเรียกสติของเธอกลับคืนมา
เพียะ!!!!!
ความเจ็บปวดนั้นกับใบหน้าที่ชาทำให้สติของเธอนั้นกลับมาอีกครั้ง
"รีบได้สติเสียที!!!" เฮนรี่พยายามพูดตะโกนออกอย่างสุดเสียงใส่หน้าของเธอ
อลิซที่พึ่งได้สติกลับมาก็สวนคำพูดของเฮนรี่ไปอย่างทันที "ก็ฉันไม่อยากตายนี่ พอได้เห็นหลายๆคนที่ตายไปต่อหน้าต่อตาหลายครั้งเข้า มันก็ทำเอาคิดว่า สักวันตัวของฉันเองก็อาจจะมีจุดจบแบบนั้นเหมือนกัน .....จิตใจฉันไม่ได้แข็งแกร่งแบบพวกนายที่เห็นคนอื่นตายแล้วยังทำเป็นเฉยได้ เพราะว่าฉันมันอ่อนแอ!!!"
เฮนรี่เอามือข้างที่เหลือจับไปที่ไหล่ของเธอแล้วเขย่าอย่างแรง"....ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากตายทั้งนั้นแหละ ทั้งฉันและหมอนั่นเอง แต่ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ต่างก็เตรียมใจไว้กันหมดแล้ว"
ตอนนั้นเองที่อลิซเริ่มมองไปที่สีหน้าของเฮนรี่
"แต่ถ้าเธอไม่ยอมสู้มันเสียตอนนี้ สิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดมันจะสูญเปล่า...ยอมให้มันเป็นแบบนั้นได้หรือไง?" เฮนรี่พูดออกไปอย่างสุดเสียง
"....ฉัน..." ปากของอลิซจากที่กำลังสั่นอยู่ ก็ได้กัดริมฝีปากอย่างแรงจนเลือดออก แตในช่วงจังหวะนั้นเองที่ฮันโซก็เริ่มขัดพวกเขาด้วยเสียงปรบมือ
....(เสียงปรบมือ)....
"น่าประทับใจจริงๆ ช่างเป็นมิตรภาพที่ดูน้ำเน่าดีเสียจริง" เขาหยุดปรบมือแล้วพูดชักชวนไปที่อลิซว่า... "ถ้าตัวเธออยากรอดจากที่นี่ไปจริงๆละก็ ทำไมไม่ลองมาร่วมมือกับฉันดูละ? ฉันขอรับรองเลยว่าถ้าเกิดตัวฉันนั้นได้เป็นราชา จะดูแลเธออย่างดี..."
อลิซลุกขึ้นอย่างช้าๆและหันหลังกลับไปตอบฮันโซ "โทษที...ฉันไม่มีรสนิยมชอบเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม รีบกลับบ้านไปนอนหนุนตักแม่ได้แล้วไป!!"
ฮันโซโกรธมากและหายตัวไปโผล่ที่ข้างๆตัวของอลิซและกำลังจะฟาดดาบนั้นลง แต่ในจังหวะนั้นเองที่ตัวของจินรีบพุ่งเข้ามารับไว้ด้วยมีดสั้นที่เอามาจากแจ็ค
"อย่ามาทำเป็นลืมกันสิ!!"
"พวกแกมันน่าหงุดหงิดชะมัด...."
จินเริ่มทำการอธิบายแผนการไปพร้อมกับรับมือกับฮันโซไปด้วยให้พวกเฮนรี่กับอลิซฟัง
"ฟังนะ! นายรับเอามือนั่นต่อเข้าที่กับแขนที่ขาดไปเร็ว พวกเราสมานแผลเร็วกว่าการงอกใหม่อยู่แล้ว" ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นอลิซเลยรีบส่งมือที่ขาดของเฮนรี่ให้อย่างทันที
"อย่ามัวแต่เอาเวลาไปสนใจทางอื่นสิ!!" ฮันโซรีบดันตัวของจินออกอย่างแรงจนมีดสั้นที่อยู่ในมือพังขาดเป็นสองส่วน ต่อจากนั้นเขาก็ทำการฟาดดาบไปตามแนวขวางเพื่อฟันหัวของจิน แต่กระนั้นทางจินเองก็รีบย่อตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ แล้วทำการต่อยหมัดเสยเข้าที่ปลายคางของฮันโซจนเดินเซถอยหลังไป หลังจากนั้นตัวของฮันโซก็ค่อยๆหายไปในที่มืด ในระหว่างที่ทางจินระวังรอบด้านก็พูดกับพวกเฮนรี่ต่ออีกว่า "ไฟดับทั่วทั้งเซนเตอร์แบบนี้มันผิดปกติ พอดิบพอดีกับที่หมอนี่โผล่มาพอดีเกินไป ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่"
เฮนรี่ทำท่าทางคิดสักครู่ ก่อนจะถามกับทางจินไปว่า "อย่างนี้นี่เอง...แต่ว่าแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไงล่ะ?"
"เสียใจด้วย...ถ้าเป็นฉันตอนนี้ไม่รู้หรอก"
พอได้ยินที่จินพูดแบบนั้นแล้วเฮนรี่ก็หันหน้าไปทางอลิซแล้วพูดกับเธอ "ฝากด้วยนะ!"
อลิซพยักหน้าแล้วทำการใช้พลังทำให้ตัวของเธอกับเฮนรี่นั้นล่องหนหายไป
"ขอให้โชคดี" จินพูดออกมาเบาๆ
"ดูเหมือนว่าแกจะถูกเพื่อนทิ้งแล้วสิ น่าสงสารเป็นบ้าเลย" ฮันโซพูดขึ้นมา
"ทิ้ง? อย่าเข้าใจอะไรผิดไปสิ...แค่ออยกทางกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้นเอง เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเป็นเพื่อนเล่นให้กับน้องหนูที่เพื่อไม่คบให้เอง"
"อย่างนั้นเองหรอ? เข้าใจแล้ว ฉันไม่สนแล้วยัยผู้หญิงนั่นจะว่าอะไร ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ...ใช่! ช่วยไม่ได้ ถ้าจะทำการฆ่าเสียตรงนี้ หลังจากนั้นก็เป็นพรรคพวกของแก ฉันจะฆ่าให้หมดแล้วตัวฉันนี่แหละจะขึ้นเป็นราชาเอง"
"ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตจริงๆนะ..."
ณ ทางด้านของทางฝั่งเฮนรี่กับอลิซ หลังจากที่ทั้งสองแยกทางออกจากจิน ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในท่อระบายน้ำ
"เจอแล้ว" เฮนรี่เอานิ้วชี้ไปยังจุดๆหนึ่งในแผนที่ทางท่อระบายน้ำที่จินให้กับอลิซ "อย่างที่หมอนั่นพูดจริงด้วย ไฟมันดับตรงเวลาเกินไป แสดงว่าต้องมีคนไปยุ่งกับไฟฟ้าหลักของเมืองนี้แน่นอน"
"แต่ถ้าเป็นอย่างที่หมอนั่นพูดจริงๆก็...."
"ใช่มันเป็นกับดักด้วยเช่นกัน ที่หมอนั่นทำตอนนี้ทำได้แค่เพียงถ่วงเวลาจนกว่าเราจะไปเปิดไฟทางนั้นได้..."
แล้วจู่ๆเฮนรี่ก็เงียบไปอลิซที่เป็นห่วงเลยถามด้วยความเป็นห่วง "นายเป็นอะไรหรือเปล่า?"
"เปล่า! ...ไม่มีอะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตัวฉันกังวลอยู่เรื่องสองเรื่อง หมอนั่นน่าจะเดาพลังของคนที่สู้ด้วยอย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่อีกคนนี่สิปัญหาใหญ่เลย เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย จากที่เขาพูดไว้ว่าเธอเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานเฉยไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งอะไร..."
"...บางที่นะ ถ้าให้ฉันพูดเพื่อนของนายอาจจะไปทำอะไรที่เป็นเหมือนการกดสวิตซ์ของเธอก็ได้ แต่เพื่อนของนายมันซื่อที่ไม่น่าจะรู้ เรื่องนั้นมันก็เลยเป็นแบบนี้"
"....สัญชาติญาณผู้หญิงสินะ เอาเป็นว่าเรารีบไปทำให้ไฟกลับมาติดทั่วเมืองเถอะ!"
อลิซรีบพยักหน้าตอบแล้วทั้งสองก็รีบมุ่งหน้าไปยังที่จุดหมายอย่างทันที
ทางด้านของพวกอูลที่กำลังนั่งดูการคัดเลือกอย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้นเอง โลแกนก็ถามกับเซร่าขึ้นมาว่า... "ใช่เธอคนนั้นหรือป่าวที่เข้ามาทำร้ายในตอนนั้น..."
เซร่าพยักหน้าก่อนจะตอบไปเพียงว่า "แต่กระนั้นฉันก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพลังของเธอคืออะไร อยู่ๆก็โผล่มาและก็หายไป"
โลแกนทำท่าครุ่นคิดสักครู่ "แย่เลยนะครับ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป....ไม่เพียงโอกาสที่ชนะจะน้อยลงเท่านั้น คุณจินเองตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาเท่านั้น!"
"เกมแข่งกับเวลาอย่างนั้นสินะ แต่ว่าฝั่งที่ไปนั้นมีตั้งสองคนเชียวนะ ถ้าเกิดให้อีกคนพอถ่วงเวลไว้ได้ น่าจะสำเร็จได้ไม่ใช่หรอ?" อูลตอบกลับ
"ถ้าเธอยอมให้ทำได้ก็ดี"
ในขณะที่ทุกคนในห้องกำลังตึงเครียดกันอยู่นั้นจิลก็เข้ามาข้างหลังขงเซร่าอย่าฃงทันควัน แล้วพูดขึ้นมา "ใช่! ใช่! จะดีแล้วอย่างนั้นหรอ อีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยนะ ขืนชักช้าแบบนี้ มีหวังโดนแย่งไปแน่ๆ"
"พอเลยนะ...ตอนนี้ทุกคนกำลังเครียดอยู่นะ"
โลแกนเลยพูดขึ้นมาเสริมว่า..."นั่นสินะ แบบนี้มีหวังโดนแย่งไปแน่"
".....หัวหน้าก็ด้วยหรอ?"
ทางด้านของดีลเลอร์นั้นตอนนี้ก็กำลังนั่นคุยอยู่ในห้องจอมอนิเตอร์ กับผู้มีอำนาจหลากหลายคน
-การคัดเลือกเข้าถึงโค้งสุดท้ายแล้วสินะ เร็วกว่ารอบที่แล้วมากเลยนะเนี่ย
-นั่นสินะ ถ้ามีแบบนี้ทุกๆปีมันก็ดีเหมือนกัน
-อย่าดีกว่า...ขืนทำแบบนั้นมีหวังประเทศนั้นได้ล่มสลายเป็นแน่
-ช่วยไม่ได้นี่น่า...ก็เงินมันเยอะเสียจนไม่รู้จะเอาทำอะไรแล้ว เอามาใช้แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน
-คนหลายคนพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตที่อยากจะดีขึ้น แต่ดูพวกเราสิมีทั้งอำนาจและเงินทองมากมายเสียจนทั้งชีวิตนี้ไม่รู้จะใช้หมดหรือเปล่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...
-ก็ทำไมไม่ลองบริจาคให้พวกคนที่ยากไร้ดูล่ะ? คนพวกนั้นสำนึกบุญคุณจะตายทำความดีใส่นิดๆหน่อยพวกนั้นก็นับถือพวกเราราวกับพระเจ้าแล้ว ในสักวันคนเหล่านั้นแหละก็จะกลายมาเป็นโล่ชั้นดีเลยล่ะ
-พอการเสวนาแค่นี้จะดีกว่า พวกเรามาดูการคัดเลือกต่อจะดีกว่า ....ได้โปรดอย่าสนใจเลยนะท่านผู้จัดงาน พวกเราก็แค่พูดเล่นสนุกๆก็แค่นั้นเอง อย่าได้ใส่ใจ
ดีลเลอร์นั้นเพียงแค่มองกลับไปด้วยรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าว่า "มันก็เป็นเรื่องปกตินะครับ ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ตัดสินชีวิตคนที่อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว เรื่องนี้มันเป็นมาตั้งแต่สมัยก่อนๆแล้ว"
-ฉันชักชอบแกแล้วสิ! สนใจมาเป็นผู้ช่วยฉันไหม? แน่นอนตัวของแกจะสบายไปจนตายเลยล่ะ
"ขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ แต่คงต้องขอปฏิเสธคำเชิญนั้น เพราะว่าผมนั้นยังมีเรื่องอีกหลายอย่างต้องทำ"
-น่าเสียดายเป็นบ้า ไว้เปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกฉันได้เสมอเลยนะ
"ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ท่านเข้าใจ....เอาล่ะใกล้จะถึงจุดจบของปลายทางของเรื่องนี้แล้วเชิญทุกท่านสนุกสนานกันจนท้ายที่สุด...."
เหลือเหล่านัมเบอร์อีก 8 คน....