จินฟื้นสติจากที่ร่างกายเขาได้รับความเสียหายหนัก ทั้งตัวนั้นเละไม่เป็นชิ้นดี แต่ว่ายังขยับร่างกายไม่ได้มากนัก แถมตอนนี้บริเวณส่วนปากจะยังไม่สามารถฟื้นฟูจนพูดได้เลยด้วยซ้ำ และเหมือนว่าจะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวอยู่ในห้องนั้นอีกด้วย
"(อย่างน้อยก็ช่วยหาผ้าห่มให้หน่อยก็ดีนะ หนาวจะตายอยู่แล้ว)" เขาบ่นพึมพำในใจ
เนื่องจากที่ว่างไม่มีอะไรทำนอกจากจะรอให้ร่างกายฟื้นมาเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้จินนึกไปถึงตอนนั้นที่เข้าไปช่วยเซร่า
จะว่าตอนนั้นที่เข้าไปช่วยเซร่า มันเกิดอะไรขึ้นกัน ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริงไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามรถเคลื่อนไหวได้ขนาดนั้นแท้ๆ จะว่าไปที่ดีลเลอร์กับโลแกนก็มักจะพูดแบบเดียวกัน
"ถ้ามีความปรารถนาที่แรงกล้า หรือว่าความต้องการต่อบางสิ่งบางอย่างก็สามารถทำให้พลังนั้นตื่นขึ้นมาได้" ถ้าจำไม่ผิดจะพูดไว้อย่างนี้ แสดงว่านี่คือพลังของฉัน ในฐานะของ "นัมเบอร์" แต่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ...เอาเป็นชื่อเท่ๆ หรือจะเอาเป็นพวกดูชั่วร้ายๆดี
ในระหว่างที่จินกำลังคิดเพลินๆอยู่นั้นเองก็มีคนเดินเข้ามาในห้องโถงนั่น เสียงเดินตรงมายังที่จินที่กำลังฟื้นตัวอยู่ เสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้อง แล้วมาหยุดที่เขา
จินที่เห็นว่ามีคนเดินมายังที่เขาฟื้นตัวอยู่ก็หลับตาลงทำเป็นเหมือนคนไม่ได้สติ และก็สัมผัสถึงสิ่งที่นุ่มมาคลุมที่ตัวเขา นั่นเป็นผ้าห่มผืนหนึ่ง เมื่อรู้ดังนั้นแล้วเขาก็พยายามแง้มตามองดูว่าเป็นใคร? เห็นเป็นเซร่าที่เป็นคนเข้ามาเอาผ้าห่มมาคลุมที่ตัวของเขา เธอไม่ได้รังเกียจร่างกายที่กำลังฟื้นตัวของจิน ถึงแม้ว่ามันจะน่าสยดสยองก็ตาม แล้วเธอก็เดินไปเลื่อนเก้าอี้อันหนึ่งมาใกล้ร่างกายของจิน นั่งลงบ่นพึมพำกับเขา
"แปลกคนจัง? ทั้งที่ฉันทำร้ายนายตั้งสองครั้งสองครา อีกทั้งพูดจาดูถูกเหยียดหยามนายไปขนาดนั้นแท้ๆ....ตอนนั้นที่ลูกตุ้มพุ่งเข้ามาหาฉันที่ตกใจทำอะไรไม่ถูก คิดได้แต่เพียงว่า นี่คงเป็นจุดจบของตัวฉัน ในที่สุดก็จะได้ถูกปลดปล่อยจากความรู้สกผิดบาปในใจนี้สักที" เซร่าเอามือเข้ามาใกล้ร่างกายของจินที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่ม จับในส่วนหัวที่ถูกฟื้นฟูกลับมา "ดูสภาพนายตอนนี้สิ ขนาดฉันที่มีความเกลียดซังต่อนาย เมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารไม่ได้...นี่!แล้วเมื่อไหร่นายจะกลับมาหรอ?" คราวนี้เซร่าตบไปที่หัวของจินอย่างแรง จินที่เจ็บแต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ ก็รู้สึกแปลกใจบางอย่างเลยเหลือบตามองดูเห็นเธอถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กระดกอยู่ต่อหน้าต่อตา "(เดี๋ยวนะ! อย่าบอกนะว่าคุณเธอเมาอยู่นะ?)" จินคิดในใจ
"ไม่ได้เมาสักหน่อย...ตอนนี้ฉันกำลังบ่นกับนายอยู่นะ" ด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบทำให้เซร่าพูดมาเหมือนได้ยินที่จินสื่อสารออกไป
"(เมาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกแต่ว่าอย่างน้อยก็อย่าทำแบบที่ฉันคิดนะ อย่าเชียวนะ!)" ภายในใจของเขาตอนนี้เริ่มกระวนกระวาย
"นายไม่น่าเข้ามาช่วยฉันเลย!" เสียงพูดของเธอดังก้องไปทั้งห้อง "นายน่าจะปล่อยให้ฉันตายลงไปนะตรงนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นฉันก็รู้สึกผิดหนักกว่าเดิมสิ!" เสียงสั่นเครือราวกับร้องไห้ "ฉันเองก็แอบหวังไว้เหมือนกัน ถ้าหากไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นซะก่อน พวกเราคงจะสนิทกันอย่างแน่นอน แต่มันคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เพราะว่านายคงไม่มีทางให้อภัยกับฉันที่ทำแบบนั้นกับนาย...อย่างน้อยตอนนี้ฉันขอร้องสักเรื่องหนึ่ง ให้ฉันได้พูดขอบคุณนายจากใจสักครั้งหนึ่งเถอะ" เซร่าพูดพร้อมกับเอาหัวของเธอมาแนบชิดหัวของจินที่ถูกผ้าคุมอยู่
จะว่าไปหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น 1 เดือน ฉันที่ใช้ชีวิตรู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเอง ต่อจากนั้นชีวิตของฉันก็ตกต่ำลงเรื่อยๆเนื่องจากข่าวมันได้แพร่สะพัดไปเร็วมาก ทำให้ใครหลายคนต่างรู้ว่าชายหนุ่มที่ได้ลงมือฆ่า ชายอีกคนที่เขาจะมาทำร้ายจนเสียชีวิต ในมุมมองหลายคนแค่อาจจะป้องกันตนเองที่เกินกว่าเหตุ แต่อีกหลายคนต่างก็มองเห็นเป็นอีกอย่าง พวกเขาไม่ได้สรรเสริญการกระทำที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และนั่นเองก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดของฉัน...แม้แต่ในมหาลัยหลายคนมองฉันด้วยสายตาที่หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ พูดจาให้ร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นทางมหาลัยจึงบอกให้ฉันพักการเรียนไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
นอกจากการเรียนที่ต้องหยุดชะงักไป แต่ฉันก็ยังคงต้องหาเงินมาเลี้ยงชีพตนเอง พยายามเดินหางานอื่นที่ไม่ใช่นักสู้ใต้ดินอย่างเอาเป็นอาตาย เพราะไม่อยากจะกลับไปที่นั่นอีกแล้ว
แต่มันก็คว้าน้ำเหลว นายจ้างหลายคนที่ได้ยินเสียงเล่าอ้างที่เกี่ยวกับตัวฉัน เลยปฏิเสธที่จะรับเข้ามาทำงาน
ฉันที่ไม่มีทางเลือกเลยกลับไปยังที่ๆฉันจากมา สังเวียนใต้ดิน แต่ด้วยรายกายแรงใจไม่ค่อยสู้ดี ทำให้ตัวฉันเองนั้นได้พ่านแพ้ให้กับคู่ต่อสู้นักต่อนักจนเริ่มสูญเสียชื่อเสียงนั้นไป ตกต่ำลงในที่สุด และก็ได้ออกจากวงการในเวลาเพียงไม่นาน ฉันที่เริ่มไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียวเดินเร่ร่อนไปตามท้องถนนพร้อมกับกระเป๋าใบหนึ่ง
ตนเองไม่มีแม้แต่เงินจะจ่ายค่าเช่าห้อง เลยต้องเดินและนอนตามถนนไปเรื่อยๆ แต่ฉันก็ไม่คิดแม้แต่จะขโมยของคนอื่น อาจจะเป็นเพราะว่าถูกสอนมาโดยลุงที่ฉันเคารพมากที่สุดนี่บางทีคงจะเป็นผลกรรมที่ฉันได้ฝ่าฝืนคำสัญญาที่ให้ไว้ก็ได้...
จนไปหยุดที่ตรอกซอยแห่งหนึ่ง ด้วยแรงกายไม่เหลือเพียงพอที่แบกร่างกายให้ลุกยืนขึ้นต่อไปได้ "ฉันคงต้องมาตายอยู่ที่นี่" แววตาขอองฉันสิ้นหวังในทุกสิ่งทุกอย่างแล้วก็ค่อยๆปิดลงไป...
"นี่ๆหนุ่มน้อยมานอนทำอะไรในที่แบบนี้? เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมตายหรอก!" เสียงของผู้หญิงที่ไม่คุ้นชินก็ดังขึ้นมา พอลองมองดูแล้วเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่เดินถือร่มเข้ามาก้มถามตัวฉันที่กำลังนั่งยอมรับความตายอยู่ตรงนั้น และนั่นก็คือจุดเปลี่ยนของชีวิตฉันหลังจากได้พบกับหัวหน้าเฟย
ทันใดนั้นเองก็มีสิ่งที่เหมือนของเหลวไหลมากระทบร่างกายของจินที่กำลังฟื้นตัวอยู่ พร้อมกับเสียงร้องทรมานของเซร่า
"โฮก~~! แหวะ!" เธออาเจียนออกมาเนื่องจากอาการเมา
"(อี๋~! ขยะแขยง! มันเข้ามาโดนฉันแล้วเห็นไหมนี่? เฮ้ย! คุณเธอ! ขยับสิร่างกายของฉัน! ขยับสิ! จะมาถึงแล้วมันกำลังไหลมาแล้ว~! อย่าน้า~!!)" เขากรีดร้องภายในใจ ท้ายที่สุดร่างกายของเขาก็เลอะไปด้วยอ้วกของเซร่า...และเธอก็ล้มสลบลงมานอนกองกับพื้น
หลายวันผ่านไป...เนื่องจากทางอูลและโลแกนได้ทราบความสามารถของจินในฐานะ "นัมเบอร์" แล้ว อูลเลยให้โลแกนเป็นคนจัดการเกี่ยวกับดารฝึกทั้งหมดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และจินก็ได้ทำตามอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ขัดขืนแต่เพียงอย่างใด จนเวลานั้นได้ผ่านไปหลายวัน....เหลือเพียง 7 วันก่อนการคัดเลือกจะเริ่ม
วันนี้จินถูกอูลเรียกให้มาหาที่ห้องทำงานของเขา
"ไม่เจอกันนานเลยนะครับคุณจิน" อูล กล่าวทักทาย
"เช่นกันครับอูล"
"ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาเริ่มกันเลยไหม? การเตรียมการขั้นสุดท้าย" อูลเชิญให้จินนั่งลงที่โซฟาที่อยู่ในห้องเขา "สิ่งที่คุณต้องการที่จะใช้ในการคัดเลือกในครั้งนี้ คุณต้องการสิ่งใดบ้าง?"
"ก่อนอื่นเลย...ผมขอน้ำกาแฟสักแก้วได้ไหม?"
สิ่งที่จินได้เอ่ยออกมาทำให้อูลก็อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนตอบกลับมา "ระ...รับทราบแล้วครับ" แล้วเขาก็ลุกเดินไปชงกาแฟมาให้จิน
"เอ่อ~ ขอแบบเป็นกาแฟดำเข้มๆเลยนะครับ"
จินนั่งจิบกาแฟไปพลางก็นึกถึงสิ่งที่จำเป็นในการต่อสู้ครั้งนี้ จุดประสงค์ครั้งนี้ก็เพื่อจะดันให้เฮนรี่ขึ้นเป็นราชา งั้นก็... "ผมขอของตามนี้ ได้ไหมครับ?" เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปให้อูลในนั้นเขียนของทั้งหมดที่จินต้องการไว้แล้ว
"แค่นี้จริงๆหรือครับ?" อูลถามด้วยความสงสัย
"ใช่! แต่มันมีของอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าอูลจะไปหามาให้ผมทันอยู่ไหม?"
"ไม่ว่าอะไรพวกเราก็จะหาให้ครับ เพราะผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยคุณจิน" อูลแสดงความมั่นใจ "แล้วมันคืออะไรครับ สิ่งที่ผมต้องไปหา?"
"จะเรียกว่าหาก็ไม่ได้ แต่เป็นสืบมาแทนได้ไหม?"
"สืบ? หรือครับ?"
"ข้อมูลทั้งหมดของ "นัมเบอร์" ไม่ว่าจะเป็นประวัติ อาชีพ สถานะปัจจุบัน และครอบครัวที่มีอยู่ ช่วยหาให้ผมหน่อยได้ไหม?"
อูลทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง "ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ว่าหาข้อมูลของนัมเบอร์ อีก 10 คน ก็น่าจะทันเวลาอยู่นะครับ"
"10 คนหรอ? ไม่ใช่ 11 คนอย่างนั้นหรอ?"
"ครับ! เพราะว่าถ้าไม่รวมคุณกับเพื่อน ที่เหลือก็ "นัมเบอร์" คนสุดท้าย แต่ว่าทางเราก็ไม่ทราบว่าเขาคือใครเช่นกัน จะเรียกว่าถูกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ก็ไม่ใช่ แต่เหมือนไม่ได้ปิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ้า 10 คนไม่มีปัญหาครับ"
"ตกลงตามนั้น แล้วเรื่องแรกที่ผมไหว้วานไปละ ได้หรือยังครับ?"
"ถ้าสิ่งนั้นพวกเราได้ทำการเตรียมการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว"
หลังจากที่ทั้งสองสนทนากันเสร็จ จินเดินออกมาจากห้องของอูล พบกับโลแกนที่มายืนอยู่หน้าห้องพอดี เลยเอ่ยถามไป.. "คุณเองก็ถูกเรียกตัวมาอย่างนั้นหรอ? ยุ่งหน่อยนะครับ เห็นว่าไม่ค่อยได้นอนพักผ่อนด้วยนิ?"
"ก็นะ! แต่อย่างน้อยถ้าจบงานนี้ผมว่าจะได้พักงานนี้ยาวๆแล้วละ"
"จะลาออกหรอครับ? หรือว่าจะเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพ?"
"อาจจะ! แต่มันก็ไม่ทั้งหมด ที่จริงผมเริ่มจะหมดไฟกับการวิจัยแล้วนะ ความรู้ทั้งหมดที่ได้ศึกษาไว้ก็ว่าจะส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป พวกเขาน่าจะสามารถต่อยอดสิ่งเหล่านั้นได้ เพราะพวกผมไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหายไปแต่ก็ไม่อยากจะให้ความรู้ที่มีหายไปเหมือนตัวตนของผม"
"ไปเป็นอาจารย์ก็ดีนะครับ อย่างน้อยคนที่มีความรู้อย่างคุณน่าจะสอนคนได้ดี"
"คนที่มีความรู้ไม่ใช่ว่าจะสามารถสอนใครก็ได้นะครับคุณจิน เพราะสามัญสำนึกของพวกเรามันต่างกันเกินไป อีกอย่างคนอย่างผมไม่มีสิทธิ์ไปสอนใครหรอก..."
"ถ้าอย่างนั้นไว้จบการคัดเลือกนี้พวกเราไปฉลองกัน" จินกำหมัดพร้อมกับยื่นมือไปทางโลแกน
"คุณต่างหากที่ต้องรอดด้วยไม่อย่างนั้น ก็ฉลองไม่ได้กันพอดี" เขายื่นกำปั้นมาชนกับกำปั้นของจิน
แล้วก็มีเสียงอูลเรียกมาจากข้างในห้องให้โลแกนเข้าไปพบ "ดูเหมือนว่าอูลจะเรียกผมแล้ว ถ้าคุณจินไม่ชนะผมก็ไม่สามารถทำงานของผมต่อไป โปรดจำไว้ด้วยนะครับ!"
"อย่ามากดดันผมอย่างนี้สิ ครับ! ผมจะทำสุดความสามารถเอาให้พวกคุณตกใจจนตาถลนเลย"
แล้วทั้งสองก็เดินแยกออกมาคนละทาง....
เหลืออีกเพียง 3 วันก่อนการคัดเลือกจะเริ่ม...
วันนี้ไม่มีการฝึกแต่อย่างใด โลแกนให้จินไปพักผ่อนร่างกายเพื่อเตรียมตัวต่อการคัดเลือกที่กำลังจะจัดขึ้นใน "เซนเตอร์" ขณะนี้เองจินก็กำลังนอนพักในห้องอย่างสายใจเฉิบ แต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากอีกฝั่ง
ก๊อกๆๆ~~
เมือ่เขาเดินไปส่องตาแมวนั้นเองก็เห็นเป็นจิลกับเซร่ายืนอยู่ที่หน้าห้อง เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจแล้วกลับไปนอนต่อ
ก๊อกๆๆๆ~~~
ไม่เป็นไรถ้าทำเป็นไม่สนใจเดี๋ยวก็หยุด ไม่มีอะไรที่ต้องมาเป็นห่วง
คราวนี้ไม่ใช่เสียงเคาะประตูแต่อย่างใดแต่เป็นเสียงเหมือนไขกลไกบางอย่างอยู่
แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออกเห็นเป็นจิลเดินเข้ามาดึงคอเสื้อของจินที่นอนอยู่บนเตียง "กล้าดีนะคุณชาย ทำไมถึงไม่ยอมเปิดประตูละ? ไหนลองอธิบายตุผลมาหน่อยสิ?" เธอกำหมักพร้อมที่จะซัดหน้าของจินด้วยความโกรธที่ทำให้พวกเธอยืนโดยไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด
"ใจเย็นสิครับ ผมอธิบายได้นะ" จินยกมือยอมแพ้
"พอเถอะจิล! ไม่ต้องไปรบกวนเขาแล้ว อย่างไงวันนี้หัวหน้าก็บอกให้เขาพักผ่อนเพื่อที่จะเตรียมพร้อมในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี่" เซร่าพูดขึ้นมาแล้วพยายามดึงจิลออกจากตัวของจิน
"แต่ว่า!"
"ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่อยากทำให้เขาเกลียดฉันไปมากกว่านี้แล้ว" เธอแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกมาจนจินเองต่างรู้สึกได้ ว่าจากที่เจอในครั้งแรก เมื่อเห็นดังนั้นแล้วจินก็พูดขึ้นมา...
"ก็ได้ๆ มีเรื่องอะไรถึงมาเรียกฉันที่ห้อง"
จิลปล่อยคอเสื้อของจินลงแล้วขอร้องเรื่องหนึ่ง "พอดีเพื่อนนิสัยปากไม่ตรงกับใจของฉันมีที่ๆหนึ่งที่อยากจะไป ช่วยไปเป็นเพื่อนหล่อนหน่อยสิ?"
"เธอก็ไปแทนได้ไม่ใช่หรอ?"
"วันนี้ฉันไม่ว่างนี่สิ! พอดีหัวหน้าเรียกเข้าให้ไปพบทั้งที่ว่าจะไปด้วยกันแท้ๆ ไอ้หัวหน้าเวร!!!"
แสดงว่าคุณโลแกนน่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับที่ตนเองจะลาออกในเวลาไม่นานนี้ เลยอยากจะฝากฝังบางอย่างให้อย่างนั้นหรอ? "ก็ได้! เวลาละ?"
เซร่าดีใจจนออกนอกหน้าเก็บอาการไม่อยู่ และเมื่อเห็นทั้งสองจ้องมาที่ทางเดียวกันเลยพยายามทำท่าทางกลบเกลื่อน "ถ้างั้น อีก 30 นาทีเจอกันที่หน้าบริษัท โอเค!"
จินพยักหน้าตอบกลับไป แล้วจิลกับเซร่าก็เดินออกไปที่ห้องของเขา....
"(ว่าแต่ แล้วพวกเธอเข้ามากันได้อย่างไร?)" ได้นึกสงสัยอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
หลังจากนั้นไม่นานจินก็ได้แต่งตัวเสร็จด้วยชุดธรรมดา เสื้อยืดคอวีสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อคลุมแขนยาวสีขาว เดินออกไปที่ห้องโถงแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังที่ล๊อบบี้ ระหว่างที่เดินออกไปนั้นเห็นอูลอยู่ตรงนั้นพอดี เขาถามขึ้นมาว่า "จะออกไปเที่ยวเล่นหรอครับ?"
"ถ้าบอกว่าถูกบังคับให้ไปด้วยอูลจะเชื่อผมไหม?"
อูลหัวเราะเบาๆ "ก็ดีไม่ใช่หรือไงครับ ไปทำความรู้จักพื้นที่สักหน่อยก็ดีเหมือนกัน" แล้วอูลก็หยิบบัตรสีดำใบหนึ่งมาให้เขา "นี่ไว้ใช้สำหรับในการใช้จ่ายใน "เซนเตอร์" ครับ เชิญใช้ได้ตามสะดวกเลย"
"นี่มัน!อำนาจเงินของคนรวย ใช้เท่าไหร่ก็ได้หรอ?"
"ตามสะดวกเลยครับ เงินแค่นิดหน่อยไม่ได้ลำบากอะไรมาก" เขาพูดมาอย่างสบายใจ
"ถ้างั้น...ก็ไม่เกรงใจกันละ" จินเก็บบัตรใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอการมาถึงของเซร่า
ไม่นานนัก...เซร่าก็เดินทางมาถึงเธอใส่ชุดง่าย เสื้อยืดสีน้ำตาล กางเกงยีนส์รัดรูป สะพายกระเป๋าเล็กๆ และดูเหมือนว่าจะทำผมมาอีกด้วย
"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลยไหม?" เซร่าพูด...
จินพยักหน้าตอบไป "อา~..."
เซนเตอร์ เป็นเมืองหลวงของใจกลางประเทศนี้ มีแหล่งให้จับจ่ายซื้อ-ขายกันอย่างหนาแน่น ถ้าเป็นช่วงวันหยุดจะเห็นผู้คนพลุกพล่านมากว่านี้ แต่วันนี้คือวันปกติเลยทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก จุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวที่ดูสวยงามถูกตกแต่งอย่างประณีต ทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ก็ถูกกดูแลเป็นอย่างดี แต่นึกๆในใจก็แอบเสียดายที่ที่นี่ต้องมากลายเป็นสนามรบของพวกฉัน
จินหันกลับไปถามกับเซร่าที่กำลังยืนอยู่เพื่อรอข้ามถนน"แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันล่ะ?"
"นั่นสินะ แล้วนายอยากจะไปที่ไหนก่อน?"
เซร่าถามกลับมาทำให้จินถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก "เดี๋ยวสิ! เธอเป็นคนชวนฉันออกมาบอกว่ามีธุระไม่ใช่หรอ? แล้วไงเป็นฉันเป็นคนที่ต้องตัดสินใจ"
"มันก็แน่อยู่แล้วสิ ไหนๆมีโอกาสทั้งที เพราะครั้งต่อไปอาจจะไม่มีโอกาสอย่างนี้อีกแล้วนะ" เธอพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่เฉยชา
ตอนนั้นทำให้จินตระหนักได้ว่า...นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายของตนเองได้ที่จะได้มาเที่ยวเล่นแบบนี้ ที่เธอชวนมาข้างนอกอาจจะเพราะเหตุนี้
จินนึกคิดอยู่สักระยะหนึ่ง และพูดขึ้นมา ..."ฉันอยากจะเห็นทุกมุมมองของเซนเตอร์ เธอพอจะช่วยเดินเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?"
"ด้วยความยินดี" เธอตอบรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ทั้งสองพากันเดินไปทั่วทั้งเมือง แนะนำร้านอาหารที่เซร่ามักจะมาทานบ่อยๆ สถานที่ชอบมานั่งเล่นยามเบื่อ สวนสาธารณะที่มักจะมาวิ่งออกกำลังกาย ห้างสรรพสิ้นค้าที่มาเดินซื้อของกับจิลบ่อยๆ โรงหนังที่มักจะดูในวันหยุด มุมจากที่สูงที่สุดภายในเมืองนี้ ห้องสมุดที่เก็บรวบรวมหนังสือมากมายที่สุดในประเทศนี้และเวลาก็ได้ล่วงเลยไปจนบ่าย...