ตั้งแต่ที่ฮินะได้พูดขึ้นมานั้น ทำให้ทุกคนมองไปที่ทางเดียวกันนั่นก็คือดีลเลอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ เมื่อเขาที่เห็นสายตาของทุคนที่จ้องมาที่เขาเป็นคนเดียว แล้วก็ยิ้มออกมาจนเห็นฟัน ทันทีนั้นบรรยากาศในห้องนั้นก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนต่างก็พากันอึ้งกับการที่เขานิ่งและเงียบก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดออกมา...
"ต่อให้ทุกคนจะสงสัยยังไง? แต่ก็ไม่ใช่ผมแน่นอน!" เขาพูดมาพร้อมกับท่าทางไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ฟิชั่นที่เห็นดังนั้นเลยพูดสวนกลับไป "อย่ามาแหลหน่อยเลย! แกเองก็เล็งเก้าอี้ราชาไว้สินะที่แกใส่ถุงมือนั่นเองก็เป็นการที่จะปกปิดตัวเลขที่อยู่บนมือของแก ที่แท้ แกก็คือ "นัมเบอร์" คนสุดท้ายใช่ไหม?"
"ผมไม่ได้โกหกสักหน่อย...ถ้าอยากจะดูภายใต้มือนี้ล่ะก็ได้ครับ! เชิญดูให้เต็มตาเลย" เขาค่อยๆดึงถุงมืออกมาเพื่อแสดงความจริงใจ ปรากฏเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ เหมือนว่าถูกอะไรร้อนๆจี้เข้าไปที่จุดเดียวทั้งอย่างนั้น เขาไม่ใช่ "นัมเบอร์" คนสุดท้าย
"เห็นไหมครับ? นี่เป็นแผลของผมที่ได้ตอนเมื่อนานมาแล้ว รอยนี้ผมยังจำมันได้ขึ้นใจ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สึกแต่เมื่อนึกถึงมันภาพความทรงจำเก่าๆก็ค่อยๆย้อนกลับมา" เขาลูบแผลเป็นนั้นแล้วใส่ถุงมือกลับไปเหมือนเดิม
"ช่วยไม่ได้นี่หว่า—ก็แกมันน่าสงสัยที่สุด สงสัยก็เป็นเรื่องธรรมดานิ" ฟิชั่นไม่แม้แต่จะขอโทษอีกทั้งยังไม่สำนึกในการกระทำนั้นอีก
เลยทำให้อลิสที่นั่งๆอยู่ลุกขึ้นมาดุใส่เขา"อย่างน้อยแกก็ควรจะขอโทษเขานะ ไม่ใช่ทำตัวแบบนี้"
"พวกแกทุกคนก็สงสัยเหมือนกันไม่ใช่หรอ? แล้วจะให้ฉันมารับผิดชอบ! พวกแกทุกคนควรขอบคุณที่ฉันเป็นคนที่กล้าที่จะพูดมากกว่าสิ!" เขาตอบกลับมาอย่างดุดันทำให้อลิซพูดไม่ออกที่จริงเขาก็พูดถูกด้วยส่วนหนึ่ง
"ไม่เป็นไรครับ! ผมไม่ถือสาเรื่องนั้นหรอก จะสงสัยมันก็เป็นเรื่องธรรมดา" ดีลเลอร์พูดให้ทั้งสองคนต่างใจเย็นๆ
"ที่จริงคนที่สิบสามก็อยู่ในห้องนี้แล้วครับ...เพียงแต่เขาค่อนข้างเป็นคนขี้อายนิดหน่อย หลายท่านเลยอาจจะยังไม่เห็น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ พวกคุณจะได้เห็นเขาแน่นอนในงานคัดเลือก ถ้าไม่ตายก่อนอะนะ"
หลังจากที่ดีลเลอร์พูดจบหลายคนก็รู้เลยว่า เขาไม่ได้พูดเล่นๆ ไม่แน่ในทั้งหมดนี่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถชนะผู้เข้าคัดเลือกคนสุดท้ายเลยก็เป็นได้
"เอาล่ะครับ ทีนี้ก็สุดท้ายแล้ว ผมขอแนะนำให้พวกท่านได้รู้จักกับ 13 ตระกูลโซดิแอก ภายในหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดของ "นัมเบอร์" ทุกคน"
กลุ่มคนที่เข้ามาทีหลังนั้นค่อยก้าวมาข้างหน้าทีละคนตามลำดับ พร้อมกับดีลเลอร์ที่บรรยายประกอบไปด้วย
1.ตระกูลเอริส 2.ตระกูลทอรัส 3.ตระกูลเจมินี่ 4.ตระกูลแคนเซิล 5.ตระกูลเลโอ
6.ตระกูลเวอโก้ 7.ตระกูลไลบร้า 8.ตระกูลสกอปิโอ 9.ตระกูลซาจิทอรัส
10.ตระกูลแคปริคอน 11.ตระกูลอควาเรียส 12.ตระกูลพรีส 13.ตระกูลอูทูส
"พวกเขาเหล่านี้เป็นหัวหน้าประจำตระกูลในตอนนี้ ซึ่งแต่ละตระกูลรับผิดชอบหน้าที่ในประเทศนี้คนละอย่างกัน พวกเขาจะช่วยเหลือทุกท่านอย่างเท่าเทียมแต่จะเอนเองไปตามคนที่เขาสนับสนุน ถ้าอย่างนั้นเหล่า "นัมเบอร์" ทั้งลายเชิญเลือกได้เลยว่าอยากจะสังกัดอยู่ตระกูลไหน"
แจ็คเป็นคนที่เข้าไปเลือกเป็นคนแรก เขาชี้มือไปที่ตระกูลเอริสอย่างไม่ลังเลเลย
คนที่สองเป็นฟิชั่นเขาชี้ไปที่ ตระกูลเลโอเป็นอีกคนที่เลือกอย่างไม่ลังเล
คนที่สามเรด เขาเดินเข้าไปอย่าง เก้ๆกังๆ แล้วชี้ไปที่ตระกูลแคนเซิล
โรโบโต้เลือกเป็นคนที่สี่เขาคิดอยู่นานแล้วเลือกตระกูลอควาเรียส
ต่อมาเป็นไมร่าเธอเดินเข้าไปดูที่แววตาและสีหน้าของผู้น้ำเหล่านั้นก่อนแล้วค่อยเลือกตระกูลเวอโก้
ฮินะเธอเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัว ด้วยความเขินอายเธอเลยหลับตาแล้วชี้ไปที่ตระกูลไลบร้า
อลิซเธอเดินเข้าไปอย่างมั่นใจแล้วคิดอยู่สักคู่หนึ่งแล้วเลือกตระซาจิทอรัส
ฮันโชนั้นเป็นคนที่คิดค่อนข้างนานที่สุดและลังเลอยู่นานามากจนในที่สุดก็เลือกตระกูลสกอปิโอ
ตอนนี้เหลืออีเพียงแค่ 5 ตระกุลที่เหลือกับ นัมเบอร์ อีก 4คน ด้วยความสงสัยบางอย่างจินเลยถามกับดีลเลอร์ไปว่า...
"นี่ ยังเหลือ "นัมเบอร์" อีกหนึ่งคนที่ยังไม่ได้เลือกจะทำยังไง?"
"ถ้าคุณจิน หมายถึงคนสุดท้ายละก็ไม่ต้องห่วงไปครับ ตระกูลสุดท้ายที่เหลือจะเป็นของเขาเองและทางเขาก็ยินดีด้วย" จินสบายใจที่ได้ยินแบบนั้นเพราะว่าถ้าเกิดว่าเขาได้สิ่งที่ตนเองมีสิทธ์ได้เลือกอาจจะไม่พอใจก็เป็นได้
"ถ้าพวกแกไม่เลือก งั้นฉันขอก่อนแล้วกัน" บันเป็นคนต่อไปเขาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วชี้ไปที่ตระกูลแคปริคอน
ตอนนี้เหลือนัมเบอร์ อีก 3 คน ต่อไปเป็นไท เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เลือกอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาเลือกไปที่ตระกูลทอรัส
เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน ตอนนี้ทั้งทองคนก็เกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนเลือกก่อน
"เฮนรี่ นายเลือกก่อนเลย เดี๋ยวฉันเลือกทีหลังเอง"
"นายนั่นแหละไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไปเอง"
ทั้งสองคนต่างก็เกี่ยงกันไปกันมาจนสุดท้ายเลยเลือกที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นคนไปก่อน ด้วยการ เป่า ยิง ฉุบ คนที่ชนะจะเป็นคนเลือกก่อน
"เป่า!... ยิง!... ฉุบ!..."
สุดท้ายแล้วคนที่ชนะก็คือ...จินนั่นเองเลยต้องเป็นคนไปเลือกก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
(เอายังไงดี? สำหรับแผนการที่จะดันให้เฮนรี่ขึ้นเป็นราชาจำเป็นต้องใช้สิ่งนั้น แต่ว่าโอกาสที่จะโดนเลือกไปแล้วก็มีอยู่สูง ถ้าจะถามตรงก็จะดูน่ารังเกียจไป แล้วอีกอย่างยังเป็นการบอกแผนของตัวเองอีกด้วย....)
"นี่พวกคุณคิดว่าประเทศนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นต่างก็พากันเงียบไปเป็นแถบๆ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่พูดขึ้นมาว่า "ทั้งระบบการจราจรและระบบการประปา ได้ถูกวางไว้เป็นอย่างดี มีการแบ่งสถานที่อยู่อาศัยและย่านการค้าอย่างชัดเจน ไหนจะระบบขนส่งมวลชลที่ทำขึ้นเพื่อทุกคนในราคาที่ประหยัดอีก ฯลฯ"
"โอเคครับผมเลือกตระกูลนี้" เขาชี้ไปที่ตระกูลหนึ่ง
ชายหนุ่มทรงผมเฟดสีเทา ดูหล่อเหลา แต่งกายเรียบร้อย ก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมแล้วพูดขึ้นมาว่า "กระผมอูล หัวหน้าปัจจุบันแห่งตระกูลอูทูส เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับท่าน"
"แบบนี้ไม่ผิดกฎหรือไง?" โรโบโต้ลุกขึ้นถาม..
"ก็ไม่ได้มีระบุไว้นิครับ ว่าห้ามถามอะไรกับหัวหน้าตระกูล" ดีลเลอร์ตอบ
จินมองไปที่โรโบโต้และยิ้มอย่างคนที่ชนะ ทำให้เขาโกรธหนักยิ่งกว่าเดิมและปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะเอาคืนอย่างสาสม
คนสุดท้ายเป็นเฮนรี่เขาคิดอยู่สักพักแล้วเลือกที่ตระกูลพรีส
เมื่อทุกคนได้เลือกผู้สนับสนุนของตนเองจนครบหมดแล้วส่วนตระกูลเจมินี่จะเป็นของคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ดีลเลอร์ก็พูดขึ้นมาว่า...
"ในเมื่อครบกันหมดทุกคนแล้ว ก็ขอให้ทุกท่านโชคดี"
ในระหว่างที่กำลังเตรียมการเพื่อไปยังสถานที่ฝึกนั้นเอง ทุกคนต่างก็พากันรออยู่ในห้องนั้น
ฉันเลยเข้าไปคุยกับเฮนรี่ที่กำลังนั่งรอตระกูลพรีสเช่นกัน "คิดว่าไหวหรือเปล่า? ว่าที่ราชา"
เฮนรี่หันหน้ากลับมาตอบ "ก็พอไหวอยู่...น่าจะนะ?"
"มั่นใจกว่านี้หน่อยสิ อย่างนายทำได้แน่" จินตบไปที่หลังของเฮนรี่พร้อมกับให้กำลังใจ
ระหว่างนั้นเอง นัมเบอร์ หลายคนก็เริ่มพากันออกจากห้องกันไป เหลือเพียงกันแค่ไม่กี่คน
จินขึ้นไปนั่งบนโต๊ะตรงข้างหน้าเฮนรี่แล้วพูดว่า..."เอาจริงฉันก็แอบกลัวๆเหมือนกันนะ ไม่ได้อยากจะทำร้ายใครนักหรอก อย่างน้อยฉันก็อยากจะพานายขึ้นเป็นราชา โดยวิธีที่ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนอื่น ถึงมันจะยากก็เถอะแต่ว่าถ้าพวกเราสองคนร่วมมือกันแหละก็ทำได้แน่"
"อืม! เอาตามนั้นแล้วกัน ถ้านายตัดสินใจแบบนั้นฉันก็จะไม่ห้าม" เฮนรี่ตอบรับมาด้วยสีหน้าที่สดใส
แล้วในที่สุดอูลก็เข้ามาเรียกจิน เพราะว่าตอนนี้ได้เตรียมรถเสร็จแล้ว
"พวกเราได้ทำการเตรียมรถไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ เชิญทางนี้"
"ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง" พูดจบแล้วโบกมือลา
"เช่นกัน..." เฮนรี่พยักหน้าตอบ
ตอนอยู่บนรถตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างดูอึดอัด เพราะแทบไม่มีใครพูดออกมาเลย เมื่อเห็นได้ดังนั้นแล้วจินก็เป็นคนแรกที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้มันผ่อนคลายลงบ้าง
"ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันหรอครับ คุณอูล?" ถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
"ตอนนี้หรอครับ? เป็นสถานที่จะฝึกและยังเป็นสถานที่พวกเราทำงานกันอีกด้วย ต่อจากนี้หนึ่งเดือนคุณจิน คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น!"
เมื่อเขาได้ยินที่อูลพูดมาก็เริ่มลนลาน "เดี๋ยวนะ! แล้วเรื่องมหาวิทยาลัยล่ะ ไหนจะเรื่องที่ทำงานกับที่พักที่ผมอยู่ในตอนนี้ด้วย"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไป พวกเราได้จ่ายเงินส่วนหนึ่ง! กับทางอธิการโดยตรงให้เก็บรายชื่อของคุณเอาไว้จนกว่าทุอย่างจะเรียบร้อย ส่วนที่ทำงานพิเศษนั้นหัวหน้าที่นั่นค่อนข้างโวยวายอยู่บ้างแต่ก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร"
ได้ยินแล้วภาพในหัวของจินก็ลอยออกมา สภาพตอนที่หัวหน้าเฟยโวยวาย
"ส่วนสุดท้ายที่พัก พวกเราได้ทำการไปขนของใช้ในห้องคุณทั้งหมด
ที่จำเป็นมาไว้ให้แล้ว"
จนกระทั่งจินก็ถามเรื่องหนึ่งขึ้นมา "นี่คุณอูลรู้ใช่ไหม?... ว่าผมไม่ได้อยากที่จะขึ้นเป็นราชา"
"ดูห่างเหินจังนะครับ...เรียกผมว่าอูลก็ได้ นั่นสิครับ ถ้าพูดตามตรงแล้วมันก็มีส่วนที่เป็นประโยชน์กับพวกผมอยู่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ขึ้นเป็นราชา...แต่ถ้าหากเพื่อนของคุณชนะและได้ขึ้นเป็นราชา โดยที่มีคุณคอยสนับสนุนแหละก็ อย่างน้อยสิ่งที่ตระกูลผมได้อย่างแน่นอนคืออำนาจในการต่อรอง ก็นะ!โอกาสมันมากกว่าลงเดิมพันไปที่คุณคนเดียว เพราะฉะนั้นแล้วคุณจินเองก็ขยันทำผลงานให้ออกมาดีๆด้วยนะครับ"
"ตระกูลนี้ใช้คนเก่งเป็นบ้า!"
"แน่นอนครับถึงแม้จะเป็นหนึ่งใน โซดิแอก แต่ก็เป็นตระกูลที่เกิดขึ้นท้ายสุด เลยมักจะถูกกดดันให้ทำงานในสิ่งที่ พวกตระกูลอื่นไม่อยากทำ การก่อสร้าง ไม่ก็วางแผนผังเมือง หรือวางระบบต่างๆ พวกเขาเห็นว่ามันเป็นงานยุ่งยากเลยโดยมาให้ทางนี้หมดเลย"
ได้ยินแบบนั้นแล้วทำให้จินนั่งเงียบไปพักหนึ่ง เมื่ออูลเห็นดังนั้นเลยพยายามเบี่ยงไปยังเรื่องอื่น "ดูนั่นสิครับ! โบสถ์ที่พึ่งจะทำการบูรณะใหม่ จากตอนแรกที่เก่าจนแทบจะใช้งานไม่ได้ ตอนแรกก็ว่าจะทุบทิ้งไปสร้างอย่างอื่นแทน แต่เมื่อคิดดูใหม่อีกทีเลยพยายามสร้างให้เหมือนเก่ามากที่สุด และเพื่อหาอะไรใหม่มาเพื่อเป็นสิ่งที่คอยดึงดูดคนเลยหาระฆังอันใหญ่นั้นมาติดตั้งไว้บนยอดสุด เวลาตอนพิธีกรรมอะไรที่เกี่ยวกับทางศาสนา เสียงระฆังก็จะดังไปทั่วเซนเตอร์" เขาชี้ให้เห็นโบสถ์ขนาดใหญ่สีขาวสวยงาม และบนยอดสูงสุดนั้นมีระฆังขนาดใหญ่แขวนอยู่
"ยอดเลยนะครับ...ใหญ่สุดๆเลย" จินกล่าวชม
"ก็นะ! คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะได้สนใจศาสนาเท่าไหร่ พวกผมก็ทำได้เพียงแค่อนุรักษ์ไว้ก็เท่านั้นเอง"
แล้วจู่ๆอูลก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยถามบางอย่างกับจินไป "จะว่าไป ผมก็ยังไม่ได้ถามเรื่องนี้เลย ว่าทำไมคุณถึงเลือกผมให้เป็นผู้สนับสนุน"
"อูล คุณน่าจะมีสิ่งที่ผมจำเป็นที่จะต้องใช้ในการคัดเลือก ในการที่จะช่วยให้เฮนรี่ขึ้นเป็นราชา"
"ถ้าเป็นเรื่องแผนผังเมืองล่ะก็ ไม่ต้องห่วงครับ! เพราะว่ายังไง "นัมเบอร์" ทุกคนจะได้เหมือนๆกัน ดังนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์เลย"
"เรื่องนั้นก็คิดไว้แล้ว ที่ฉันต้องการให้ก็คือแผนผังอีกอันหนึ่งต่างหาก"
ถึงกระนั้นอูลก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้องการส่วนไหน "อีกอันหนึ่งหรอครับ? หรือว่าจะให้ผมทำแผนผังปลอมๆที่ไว้ใช้หลอกอีกฝั่ง ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีแต่ว่าอย่าเลยครับ พวกผมเกิดและโตมาในเซนเตอร์ ต่อให้จะปลอมแปลงอย่างไรก็รู้อยู่ดี"
"มันมีสิ่งที่ซับซ้อนกว่าแผนผังในเซนเตอร์นะ เป็นที่ที่พวกคุณไม่อยากแม้แต่จะก้าวขาเข้าไปเลย" จินยิ้มอย่างมิเลศนัย
ตอนนั้นเองที่อูลเข้าใจสิ่งที่จินได้คิด "รับทราบแล้วครับ ทางเราจะรีบจัดการให้อย่างเร็วที่สุด"
ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงที่หมาย เป็นตึกสูง 80 ชั้น ตั้งตระง่าน ภายในนั้นมีพนักงานที่เดินป้วนเปี้ยนไป-มา อูลพาเดินนำเข้าไปในตึก ผู้คนในนั้นที่ได้เห็นอูลต่างก็พากันต้อนรับเป็นอย่างดี แต่เขากลับไม่ได้ถือตัวอะไรกลับบอกให้ทุกคนกลับไปทำงานของตนให้เสร็จมากกว่าที่จะให้คนมาต้อนรับตัวเขา
"เราต้องลงไปยังชั้นใต้ดิน ที่นั้นเหมาะที่จะเป็นสถานที่ฝึกมากว่าข้างบนนี่" ทั้งสองลงลิฟต์เพื่อไปยังชั้นใต้ดิน ในระหว่างนั้นจินก็ได้ถามบางอย่างกับอูล
"นี่อูล! ราชาคนก่อนเขาตายได้อย่างไร ในเมื่อในราชวังทั้งแน่นหนา แล้วอีกอย่างคนที่สามารถทำได้มันไม่น่าจะมีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?"
"นั่นสินะครับ ตอนที่ผมรู้ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน พวกเราถูกห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทางสิบสามสภากลางกำชับมาอย่างนั้น"
"แล้วราชาคนก่อนเป็นคนอย่างไร? อูลพอจะรู้บ้างไหม?"
"ผมเองก็เคยเห็นหน้าอยู่ไม่กี่ครั้งเอง ถึงกระนั้นก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกกันเลย คงจะบอกอะไรมากไม่ได้ ขออภัยด้วยครับ" อูลก้มหัวขอโทษที่ตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้
"ไม่หรอกครับ! แค่นี้ก็มากพอแล้ว...แต่ว่าแล้วใครจะเป็นคนเข้ามาช่วยผมฝึกล่ะ? หรือว่าจะเป็นอูล?"
"ไม่ใช่ผมหรอก! ไว้ถึงเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองล่ะ?"
พักหนึ่งแล้วลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ที่ที่หนึ่ง ประตูค่อยๆเปิดออกเห็นห้องโถงกว้างสีขาวขนาดใหญ่ ในนั้นมีคนสามคนมายืนต้อนรับการมาถึงของพวกเขา
"ถึงแล้วครับ ตั้งแต่นี้ที่นี่จะเป็นสถานที่ฝึกและยังเป็นที่คุณต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้อีก 1 เดือน"
สามคนในนั้นมีหนึ่งคนที่เป็นผู้ชายสวมแว่นตาท่าทางใจดีเดินเข้ามาแนะนำตัวอย่างสุภาพ "ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณจิน ผมชื่อ "โลแกน" จะมาเป็นคนที่คอยช่วยในการฝึกในครั้งนี้ครับ" พอพูดจบแล้วก็จับมือเพื่อทักทาย
และเริ่มแนะนำผู้ช่วยทั้งสองคนหนึ่งเป็นหญิงสาวลักษณะดูห้าวๆผมยาวจนแทบถึงกลางหลัง แต่อีกคนที่เป็นสาวผมสั้นหน้าตาดูคุ้นเคยเหมิอนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
"ส่วนนี่คือผู้ช่วยผมอีกสองคน พวกเธอจะคอยช่วย---" ยังไม่ทันที่โลแกนจะพูดจบผู้ช่วยที่ผมสั้นคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้วตบไปที่หน้าของจิน จนทุกคนต่างก็ทึ่งในสิ่งที่เธอกระทำลงไป
"ไง! ไม่เจอกันนาน ยังจำได้ไหมล่ะความรู้สึกเจ็บนี้ นึกมันออกได้บ้างหรือยัง?" ตัวเล็ก ผมซอยสั้นกุด เธอคนนั้นที่เดินเข้ามามองด้วยสายตาที่เหยียดหยามดูแคน
"เดี๋ยวเถอะ! "เซร่า" นี่เธอทำอะไรลงไปนะ?" ผู้หญิงที่เป็นผู้ช่วยอีกคนเข้ามาห้าม
"เป็นอะไรไหม? ต้องขอโทษจริงนะครับ ที่ผู้ช่วยของผมนั้นเสียมารยาท ปกติแล้วเธอจะไม่ทำกิริยาแบบนี้" โลแกนกล่าวขอโทษแทนผู้ช่วย...
ใช่แล้ว! ฉันจำมันได้ขึ้นใจเลย ความรู้สึกแบบนี้ เมื่อสามปีที่แล้ว น้องสาวของชายคนแรกที่ฉันได้พลั้งมือฆ่าไป...เด็กผู้หญิงผมเปียคนนั้น ตอนนี้อยู่ตรงหน้าฉันด้วยอารมณ์ที่ยังคงเคียดแค้นอยู่ดังเดิม
จินเอามือจับไปที่หน้าข้างที่โดนตบ ความทรงจำที่ไม่อยากที่จะจำก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปหาแล้วพูดกลับเซร่าไป...
"ไม่เจอกันนานเลยนะครับ คุณเซร่า สบายดีไหมครับ?" จินพูดกลับพร้อมกับรอยยิ้มพร้อมเอามือจับไปที่แก้มข้างที่โดนตบ
เหมือนว่ามันจะไม่ได้ทุเลาอาการโกรธและเกลียดเธอลงเลยกลับกันเธอพุ่งเข้ามาต่อยไปที่หน้าของเขาจนล้มลง แล้วขึ้นค่อมต่อยซ้ำไปที่เดิม จนเป็นแผลรอยซ้ำเห็นได้อย่างชัดเจน
"คนอย่างแกยังมีหน้ามา...ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก! ทั้งๆที่เขาควรจะได้ใช้ชีวิตที่แสนสุขกับครอบครัวและลูกสาวของเขาแท้ๆ ถ้าไม่มีคนอย่างแก! พี่สะใภ้ของฉันก็คงไม่เป็นหม้าย ทำไม! คนอย่างแกไม่รีบๆตายไปซะ! สวะอย่างแกเท่านั้นที่ฉัน...ฉันจะ" น้ำตาของเธอก็ค่อยๆไหลออกมา ทั้งที่ยังค่อมจินอยู่ แต่กระนั้นจินก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป
กลับกันเขายิ้มตอบรับกลับมาแล้วพูดว่า "ค่อยยังชั่ว! เหมือนว่าคุณและคุณแมรี่ยังสบายดีนะครับ ฝากทักทายพวกเขาแทนผมทีนะ"
เหมือนกับทำให้เซร่าโกรธยิ่งกว่าเดิม "คนอย่างแกนี่มัน! ไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อพี่สะใภ้ฉัน" ตอนที่เธอกำลังจะทำร้ายจิน เหมือนว่าเพื่อนของเธอกับโลแกนจะเข้ามาห้าม และดึงตัวของเธอออกจากจินไว้ทัน
"หยุดเดี๋ยวนี้เลย! เซร่า สงบสติอารมณ์ก่อน" เพื่อนของเธอพยายามกล่อมให้เธอสงบลง จนโลแกนหยิบเข็มที่มียาสลบเข้ามาฉีดเพื่อเข้าระงับเหตุการณ์ทันที แล้วเพื่อนของเธอก็พาตัวไปชั้นของบนเพื่อที่จะพักผ่อน
ผ่านไปสักพักจนแผลของจินเริ่มค่อยหายจนหมด เหมือนที่ดีลเลอร์พูดมาจะจริงที่ว่า ร่างกายของ นัมเบอร์ ทุกคนนั้นจะสามรถฟื้นฟูร่างกายส่วนที่บาดแผลที่ตนได้รับจนไม่มีแม้แต่ร่อยรอยอะไรเหลือเลย...แล้วจู่ๆโลแกนก็พูดขึ้นมา..
"คุณนี่โชคดีชะมัด! มีสาวสวยที่พึ่งเจอกันเข้ามาขึ้นค่อมแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับเนี่ย!"
"ถ้าอิจฉาผมถึงขนาดนั้น ทำไมไม่ลองให้เธอทำกับคุณดูบ้างล่ะ โลแกน?"
"ไม่ไหวๆ ผมไม่ได้สามารถรักษาบาดแผลได้แบบพวกคุณ แต่ถึงจะทำได้ผมก็ไม่เอาด้วยหรอก แต่ว่านะคุณจิน ในอดีตคุณไปทำอะไรให้เธอโกรธและเกลียดคุณได้ขนาดนั้น?"
"........"จินนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่อยากเล่าผมก็จะไม่ชักไซร้อะไรเพิ่มแล้ว"
อูลที่อยู่ด้วยกันกับทั้งสองนั้นถามกับจินเพื่อความแน่ใจ... "เอาไงดีครับ ให้ปลดเธออกไหม?"
"แค่นี้เอง ไม่เห็นเป็นจำต้องไล่เธอออกเลย แผลก็หายแล้วด้วย" เขาพูดพร้อมแสดงว่าบาดแผลหายแล้ว
"ป่าวครับ! แค่จะให้เธอไปทำที่หน่วยอื่นแทน แต่ว่าจะดีแล้วหรอครับ? ที่จะหวังให้เธอร่วมมือด้วย" อูลถามด้วยความเป็นห่วง
"ยังไงผมก็ไม่ตายด้วยมือเธอหรอกวางใจได้ ถึงแม้จะยังเจ็บก็เถอะ" จินตอบอย่างมั่นใจ
"ถ้าคุณจินยืนยันอย่างนั้นผมก็จะทำตาม ว่าแต่แล้วเรื่องที่จะทำให้เขาใช้พลังของ "นัมเบอร์" นายจะทำยังไงโลแกน?"
ทันทีนั้นโลแกนก็เปิดวิดีโอการทดลองที่ถูกบันทึกไว้เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วออกมา
"เหมือนว่ามันจะยังไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็ใช้ในการอ้างอิงได้ ฉันได้ลองเปรียบเทียบกับหลายวีดิโอที่ได้มา เห็นตรงกันไปในทิศทางเดียวกัน นัมเบอร์ ทั้งหมดที่ได้รับสารกระตุ้นแล้วเรียบร้อย หากมีความปรารถนาที่แรงกล้าเพียงพอ หรือไม่ก็ประสบการณ์ที่เฉียดตาย ก็สามารถทำให้ใช้พลังในส่วนนั้นได้ แต่มันก็มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญ"
"ถ้าจะฉันพูดง่ายๆ ก็คือ ตัดความปรารถนาอันแรงกล้าออกไปเลย บังเอิญหวังแค่โชคเท่านั้นคงไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องสถานการณ์ที่เฉียดตายเท่านั้นสินะ" เมื่อพูดเสร็จแล้วทั้งสองคนก็หัน
มาเป็นทางเดียวกัน
"อย่าลืมสิ!ตอนนี้ผมไม่มีทางตายนะ ดังนั้นแล้ววิธีนี้ไม่น่าจะได้ผล" จินพยายามที่จะเบี่ยงประเด็น
"ไม่ต้องห่วงครับ! เพียงทำให้คุณเจ็บจนเจียนตายก็พอแล้ว" โลแกนเขาพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มดีใจเหมือนมีเลศนัยบางอย่าง
"คงไม่จับผมไปถ่วงน้ำกับนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าหรอกนะ...หรือว่าจะจับผมขึงพรืดบนโต๊ะทดลองแล้วผชำแหละร่างกายที่ล่ะส่วน"
โลแกนขยับแว่นและแสนะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"ผมละเกลียดจริง...พวกคนเซนส์ดีเหลือเกิน แต่ไม่ต้องห่วงไปครับ! ผมมีความเป็นมนุษย์มากพอ รู้เรื่องที่จะทำในตอนนี้ดี"
โลแกน เลยเดินเข้าไปเปิดผ้าที่คลุมเครื่องที่จะให้จินฝึกในครั้งนี้เพื่อใช้ในการปลุกพลัง นัมเบอร์ ให้ตื่นขึ้นให้เร็วที่สุด เครื่องเป็นสายลู่วิ่ง 3 สายขนาดใหญ่ มีลูกตุ้มเหล็กแขวนเป็นอุปสรรค และช่องระหว่างลู่นั้นมีหุ่นไม้จำนวนมากคอยขัดขวางการวิ่ง ไม่เพียงแค่ต้องเร่งฝีเท้าแต่ยังต้องระวังข้างบนกับข้างล่างอีกด้วย แถมอีกอย่างยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ความเร็วของมันจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย "ขอเรียกว่า หมายเลข 01"
ตอนนั้นเองในใจของจินและอูลก็คิดเป็นแบบเดียวกันว่า "(นายนี่มันไม่มีรสนิยมในการตั้งชื่อจริงๆ)"
"ยิ่งทำให้มันตื่นเร็วมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้มีเวลาฝึกใช้มันอีกนานขึ้น"
"มันจะใช้ได้จริงหรือเปล่าไอ้เครื่องนี้?" จินถามอย่างลังเลไม่คิดว่ามันจะช่วยได้
"คุณจิน ช่วยไปเปลี่ยนชุดที่พวกเราได้เตรียมให้เอาไว้ในห้องด้วยครับ...ถ้าห่วงเรื่องที่ว่าใครจะแอบมองละก็ ในห้องนี้มีกล้องคอยสอดส่องก็จริงแต่ในห้องที่พวกเราได้เตรียมไว้ให้นั้นไม่มี วางใจได้"
"ขอบคุณที่อธิบาย ช่วยได้มากเลย!"
จินนั้นรีบเดินเข้าไปที่ห้องทันทีแล้วเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็ว
"เห---ว่าไปแล้วห้องนี้ค่อนข้างใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย! สมกับเป็นพวกคนรวย นี่สินะของที่พวกเขาไปเอามาจากหอพัก?" จินเปิดกระเป๋าที่อยู่กลางห้องพบในนั้นมีของมากมายที่ถูกเอามาจากหอพัก "กางเกงตัวนี้ยังไม่ได้ซักเลยแฮะ ไว้จบการฝึกวันนี้แล้วค่อยมาวักแล้วกัน" จินปิดกระเป๋าแล้วรีบออกไปที่ห้องโถงทันที เหมือนว่าอูลจะขึ้นไปข้างบนแล้วเหลือเพียงแค่เขากับโลแกนที่ยังอยู่ข้างล่าง
"มาแล้วหรอครับ ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปบนเครื่องเชือด เอ้ย!ทดสอบได้เลยครับ เริ่มทำงานเครื่อง หมายเลข 01ได้ " สิ้นสุดเสียงนั้นโลแกนก็กดปุ่มทำงานทันที แล้วเครื่องก็ค่อยๆเริ่มจากช้าพอเดินได้
"จะว่าไป นี่มันเครื่องหมายเลข 01 แล้วไม่มีเครื่องที่ใช้ในการทดลองก่อนเลยหรอ โลแกน?"
โลแกนหันหน้าหนีทันทีที่ จินถามเขา
"ลองดูเดี๋ยวก็รู้ครับ ทดลองใช้จริงไปเลยแล้วกัน!" เขาหลบตาตอบและกดปุ่มเพิ่มความเร็ว
จินผงะในสิ่งที่โลแกนพูดออกมา "เดี๋ยวนะ! อย่าบอกนะว่าเครื่องนี้ยังไม่เคยได้รับการทดสอบเลย"
"ยังไงก็ไม่ตายอยู่แล้วนิ เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็คงไม่เป็นไร"
"เฮ้ย!!โลแกน!!!!"
เมื่อเครื่องทำงาน ไม่ถึงหนึ่งนาที จินก็โดนลูกตุ้มขนาดใหญ่พาดจนตกลู่วิ่งทันที เพราะว่ามัวแต่หลบหุ่นไม้จนไม่ได้สังเกตข้างบนหัว โลแกนเมื่อเห็นดังนั้นเลยหยุดเครื่องแล้วเข้ามาดูอาการ "ไหวไหมครับ?"
"เครื่อง...นี้มันจะใช้...ได้ผลจริงๆหรอ?" จินถามในขณะที่ร่างกายของเขานอนราบกับพื้นด้วยอาการจุกหลังจากที่โดนลูกตุ้มพาด
"นั่นสินะ! ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะข้อมูลที่ได้มามันค่อนข้างน้อยมากและยังไม่มีตัวแปรที่แน่นอนอีกต่างหาก"
"ความหวังผมฝากอยู่กับความไม่แน่นอนนี่อย่างนั้นหรอ?"
"ขึ้นชื่อว่าความหวังมันก็ไม่แน่นอนอยู่แล้วครับ ถ้าในเมื่อระดับนี้ไม่ไหว งั้นผมลองลดระดับดูก่อนเป็นอย่างไร? เพื่อที่ให้คุณได้ชินก่อนเดี๋ยวค่อยเพิ่มระดับขึ้นที่หลัง" โลแกนถามจินที่นอนราบกับพื้น
"แล้วที่ผมทำไปเมื่อกี้ระดับไหนกัน?"
"ระดับ 3 ครับ ในตอนนี้ เกินไปมากกว่านี้จะอันตรายเกินไป"
"แล้วทำไม...ไม่ทำแบบนั้น...ตั้งแต่แรก" จิน พูดทั้งที่ตนเองยังเจ็บอยู่
โลแกนเข้ามานั่งยองๆข้างพร้อมกับอธิบายไป"ก็คุณและผมต่างก็อยากจะให้ได้ทราบเกี่ยวกับความสามารถพลังของ "นัมเบอร์" ที่คุณได้รับมาเหมือนกัน อย่างน้อยก็ถือว่าหยวนๆ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะก็เพื่อตัวคุณเอง"
จินเห็นถึงความหวังดีในส่วนนี้ เขาจึงรีบลุกขึ้นอย่างแข็งขัน "ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันใหม่"
จนท้ายที่สุดต่อ....ถึงแม้ว่าโลแกนจะลดระดับของเครื่องลงมาเหลือแค่ 1 แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถอยู่ได้นานเกิน 2 นาทีอยู่ดี