ในระหว่างที่จินนั้นกำลังหลับพักผ่อนในห้อง หลังจากที่ฝึกเสร็จของวันนี้แล้ว ก็ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะว่าฝันร้าย มองไปยังรอบๆที่คุ้นตาเหมือนอย่างเคย แล้วลุกขึ้นออกจากเตียง
โครก--------- เสียงท้องร้องดังขนาดที่เขารู้สึกได้
เหมือนว่าหลังจากที่ฝึกเสร็จแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย ออกไปหาอะไรกินหน่อยดีกว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้นเลยรีบหาเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ เหมือนว่าจะมีแม่บ้านคอยมาทำความสะอาดให้ระหว่างที่ฉันอยู่ในสนามฝึก อีกทั้งห้องก็ดูสะอาดไม่ได้มีกลิ่นที่อับแต่อย่างใด หลังจากแต่งกายเสร็จแล้วฉันเดินออกไปที่ห้องโถงอย่างทันทีเพื่อที่จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน เนื่องจากสนามฝึกอยู่ที่ชั้นใต้ดิน
เมื่อเดินออกประตูไป เห็นโลแกนที่กำลังทำงานอยู่เหมือนอย่างเคย และเมื่อเขาสังเกตเห็นฉันเลยส่งเสียงทักมา
"ตื่นแล้วหรือครับ คุณจิน หลับสบายดีไหม?"
"โลแกนคุณนี่มักจะคอยทำงานโต้รุ่งแบบนี้อยู่เสมอเลยหรอ? พักบ้างก็ดีนะครับ อย่าหักโหมเกินไปจะดีกว่า" จินพูดด้วยความเป็นห่วง
"ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ว่านี่มันคืองานก็ช่วยไม่ได้นิ ว่าแต่คุณจะไปไหนหรอ? ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว?"
"ว่าจะออกไปหาอะไรกินหน่อยนะ หลังจากฝึกเสร็จผมยังไม่ได้กินอะไรเลย"
"ทำไมไม่ลองสั่งดูละครับ? ที่ในห้องนั้นมีโทรศัพท์สามารถสั่งทุกอย่างได้จากตรงนั้นเลย ไม่ต้องลำบากไปข้างนอก หรือถ้าไม่รังเกียจใช้ของผมก็ได้นะครับ พวกเขาจะคอยบริการ 24 ชั่วโมง"
"เห~ สะดวกสบายดีนะครับ ว่าแต่คงไม่มีเรียกเก็บบิลย้อนหลังนะ?"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ แค่ของกินเอง ไม่ได้มีค่าอะไรมากมายขอแค่คุณทำตามที่พวกเราหวังไว้ก็พอ" โลแกนเขายื่นโทรศัพท์ของเขามาเพื่อให้จินใช้สั่งอาหารจากแม่บ้าน
"งั้นก็ไม่เกรงใจกันละ!" เขาหยิบมาอย่างไม่ลังเลแล้วรีบสั่งอาหารทันที
เมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้ว เข่าก็คืนโทรศัพท์ที่ยืมมาจากโลแกนทันที ในระหว่างที่รอนั้น โลแกนก็ได้ถามบางอย่างมากับจิน "ผมขอถามอะไรที่มันเสียมารยาทหน่อยได้ไหม?"
จินพยักหน้าตอบกลับแล้วพูว่า... "ถ้าเรื่องราวในอดีตหละก็ คุณเองก็น่าจะรู้ดีแล้วไม่ใช่หรอ?"
"ความแตกแล้วหรอครับเนี่ย?"
"คุณเป็นคนบอกเองนะว่า...ไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ดูจากนิสัยคุณแล้วน่าจะเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็นเลยเดาออกได้ไม่ยาก"
"ก็นะ! ไปสืบมาเกือบหมดแล้วจริงแหละ งั้นก็ขอล่วงเกินหน่อยละกัน อดีตแชมป์ หอคอยบาเบล ที่มีความสามารถขนาดนั้น ทำไม? ถึงเลือกที่จะออกมาจากตรงนั้นละ ถ้านึกถึงสาเหตุที่ว่าต่อให้คุณจะฆ่าคนตายไปอย่างไรก็เถอะแต่มันไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย"
"ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่าตอนนั้นทำไมถึงทำแบบนั้น ฉันขาดสติยั้งคิดปล่อยให้อารมณ์มันนำความรู้สึก ในท้ายที่สุดก็ต้องมีคนมารับกรรมในตอนที่ฉันขาดสติ หลังจากนั้นฉันเลยตระหนักว่าสิ่งที่ฉันมีนั้นมันน่ารังเกียจ ก็เลยเลิกก็แค่นั้นแหละ"
"นั่นสินะเหตุผลของคุณ ที่จริงแล้วน่าจะภูมิใจมากกว่านี้นะครับ ทั้งที่หลายคนแสวงหาและต้องการมันแต่คุณเลือกที่จะทิ้งมันไปแทน"
"สิ่งที่ทำร้ายคนอื่นเพื่อตัวเองมันน่าถูมิใจตรงไหน?"
"ไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจหรอกครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้มันต่างหาก"
"วิธีที่ใช้หรอ?"
"ถ้าให้เทียบพลังเป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่ง มันมีทั้งดีและไม่ดี ถ้าถูกใช้โดยพ่อครัวมันจะกลายเป็นแค่มีดทำครัว ถ้าหากอยู่ในมือเด็กที่ไม่รู้ประสีประสามันจะทำร้ายคนรอบข้างและตัวเอง และสุดท้ายถ้ามันตกไปอยู่ในมือฆาตกรมันจะกลายเป็นเพียงแค่อาวุธสังหารที่ใช้ปลิดชีพคนอื่น"
"แล้วมันเกี่ยวอะไร?"
"ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมก็แค่อยากจะบ่นอะไรไปก็แค่นั้นเอง" พอพูดจบเขาก็หันกลับไปทำงานเหมือนเดิม
ในตอนนั้นเองเหมือนว่าอาหารที่ได้สั่งไว้จะมาถึงแล้ว
"นี่คุณจิน ทำไมคุณถึงเลือกที่จะไม่ขึ้นเป็นราชา?" โลแกนถามในขณะที่มือของเขายังทำงานไปด้วย
"อูลเป็นคนบอกสินะ?"
"ครับ! เพราะว่าผมกับเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว"
"สำหรับฉันแล้วมันไม่เหมาะ เพราะว่าฉันไม่ได้เรียนเก่งหรือว่าฉลาด เอาแต่ใช้กำลังแก้ไขปัญหาลูกเดียว เลยเลือกที่จะสนับสนุนเพื่อนของฉันแทน ถ้าเป็นหมอนั่นทำได้แน่ๆอาจจะเป็นราชาที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ได้"
"มันจะแน่หรอครับ คุณจินรู้ไหม? อำนาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คนดีเป็นคนชั่วได้ จากเทวดากลายเป็นมารร้ายเพียงแค่ได้ลิ้มรสแม้เพียงนิดเดียว สูญเสียแม้กระทั่งเหตุผลในการตัดสินใจเพียงแค่เพื่อสนองสิ่งที่ตนเองต้องการ"
"แล้วนายแน่ใจอย่างไรว่าคนอย่างฉันจะไม่คุ้มคลั่ง ในเมื่อใครหลายๆคนก็เป็นเหมือนกัน"
"ไม่รู้! แต่ว่าคนที่เคยลิ้มรสผลอันหอมหวานมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถกลับมากันได้ และคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ช่วยลองคิดใหม่อีกที ว่าคุณเองนั่นแหละที่เหมาะจะเป็นราชามากกว่าใคร"
สิ่งที่โลแกนพูดนั้นจินไม่ได้ตอบโต้อะไรมากเพียงแค่ตอบไปอย่างมั่นใจในเฮนรี่ว่า... "เพราะว่าฉันเชื่อในเพื่อนของฉัน หมอนั่นไม่มีทางเป็นทรราชหรอก"
หลังจากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไป จินไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมกลับโลแกนเพียงแต่ทำให้เขานึกไปถึงสิ่งที่ตัวเขาเองนั้นได้ฝัน
"ทำไมนายถึงทำแบบนี้? ทั้งที่ฉันเชื่อใจนายแล้วแท้ๆ ทำไม?" เสียงของชายคนหนึ่งที่ยังหลอนอยู่ในหูไม่จางหาย เขาถูดกชายอีกคนหนึ่งที่หน้าตานิ่งเฉยเย็นชาราวกับน้ำแข็งจ่อปืนมาที่หัวของเขา ถึงแม้จะพยายามถามถึงเหตุผลอย่างไรแต่มันก็ป่าวประโยชน์ ชายอีกคนไม่ลังเลที่จะลั่นไกแม้แต่น้อย กระสุนหนึ่งนัดพุ่งเข้ากลางกระบาลแล้วชายคนนั้นก็ได้แน่นิ่งไป
ที่ฉันเห็นมันคืออะไรกัน? มันใช่แค่ความฝันจริงๆอย่างนั้นหรอ?....
28 วันก่อนการคัดเลือกจะเริ่ม
ฉันตื่นสายเพราะว่ามัวแต่คิดเรื่องเกี่ยวกับเมื่อคืนจนแทบจะไม่ได้นอน เมื่ออกมาจากห้องแล้วก็พบว่าทุกคนมารออยู่แล้ว เลยเลือกที่จะทำตัวเหมือนอย่างเคย บนโต๊ะในห้องโถงมีอาหารจานหนึ่งวางอยู่เหมือนว่าแม่บ้านจะนำมาให้ในตอนเช้า ฉันเดินเข้าไปกินอาหารเหมือนอย่างเคย แต่ที่มันไม่เหมือนเดิมคือสายตาของเซร่าที่มักจะมองฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดซัง ไม่ก็เข้ามาพูดกระแนะกระแหน หรือเข้ามาปัดจานอาหารเหมือนเมื่อวาน คราวนี้ต่างออกไปเธอเหมือนคนกล้าๆกลัวๆที่จะทำอะไรบางอย่าง ช่างเถอะ! อย่างนี้มันก็ดีกว่าที่เธอปฏิบัติกับฉันแบบปกติ ไม่งั้นมีหวังรสนิยมทางเพศฉันได้เปลี่ยนไปแน่ๆ
ฉันเริ่มการทดสอบแบบปกติ เป็นเหมือนดั่งเมื่อวานร่างกายและการตอบสนองของฉันมันปรับตัวได้แล้ว การทดสอบเป็นไปได้ด้วยดี แต่ว่าที่ระดับ 4 เหมือนว่าร่างกาของฉันจะยังตามความเร็วไม่ทันเลยโดนลูกตุ้มหนึ่งอันกระแทกออกมาจากเครื่องทดสอบนั้น อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อวานนิดหนึ่ง แต่ในสุดท้ายแล้วฉันเองก็ยังไม่สามารถใช้พลังของตัวเองออกมาได้ ที่พวกดีลเลอร์และโลแกนบอกมาว่า "ถ้ามีตัวกระตุ้นและแรงปรารถนาอันแรงกล้าก็สามารถใช้พลังได้" ถึงตอนนี้เองฉันก็ยังไม่เข้าใจ ว่ามันคืออะไร? ฉันใช้เวลาฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆถึงแม้ว่าจะอยู่บนเครื่องทดสอบระดับที่ 4 ได้นานขึ้นเพียงอย่างใดแต่ว่าฉันเองก็ยังไม่ผ่านเกิน 5 นาทีอยู่ดี เหมือนมันถูกจำกัดไว้ ที่อาการหนักที่สุดน่าจะเป็นโลแกนเขาแทบไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลย เขาพยายามหาถึงสาเหตุในส่วนนั้นว่าทำไมไม่สามารถใช้พลังฉันได้ ไหนจะลองใช้วิธีการทดสอบใหม่ หรือว่าเจาะเลือดฉันไปตรวจแต่อย่างไรมันก็มาถึงทางตัน แม้แต่อูลยังกังวลด้วยเหมือนกันที่ว่าการทดสอบยังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะว่าตอนนี้มี นัมเบอร์ หลายคนแล้วที่สามารถรับรู้พลังของตนเองได้ เหลือเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น....จนเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป....
20 วันก่อนการคัดเลือกจะเริ่ม...
อูลได้เรียกโลแกนเข้ามาพบที่ห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการทดสอบที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
"ก็ว่าอยู่แล้วว่านายจะเป็นคนเรียกฉันมาพบ" โลแกนพูด
"นี่มันก็ผ่านมาแล้วหลายวันเหมือนว่าตอนนี้การทดสอบจะยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย จากที่ได้อ่านรายงานที่ส่งมา"
"จะว่าไงดีละ? จะว่าไม่คืบหน้าก็ไม่ได้ เรียกว่า เหมือนไม่จำเป็นมากกว่า!"
"ไม่จำเป็น? โทษที่ถ้านายช่วยอธิบายจะดีมากเลย และก็หยุดใช้คำกำกวมที่เถอะขอร้องแหละ"
"ครับ! ครับ! ท่านประธาน นายดูจากรายงานแล้วใช่ไหม? พื้นฐานทางร่างกายของเขามันถือว่าสูงมากเลยถ้าเทียบกับ 2 คนที่น่าจะมีพื้นฐานพอๆกัน"
"อ๋อ! ถ้าเขาสองคนนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ? และถ้านายรู้จากประวัติบางส่วนของเขาแล้วมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยที่ความสามารถจะเทียบเท่าหรือพอๆกัน" อูลรู้เรื่องของจินแล้วส่วนหนึ่งรวมถึงเขาเคยทำอะไรมาก่อนจึงไม่แปลกใจที่เขาจะมีการเคลื่อนไหวแบบนั้น
"ถ้าเป็นเรื่องแค่นั้นฉันก็คงไม่เอามาเขียนรายงานหรอก แต่ว่า...." โลแกนเริ่มฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ฉันว่านายเวลาที่สนใจอะไรมักจะน่ากลัวกว่าดีลเลอร์อีกนะ แต่ว่าอะไร?"
"เขานั้นแทบ----"
กริ๊ง~~!!! ในตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันจู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องนั้นทำให้ทั้งสองคนต่างพากันตกใจกันเล็กน้อย
อูลเดินไปรับสายด้วยอารมณ์โกรธนิดหน่อย "มีอะไร?"
ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งพูดกลับด้วยความร้อนรน
"เกิดเรื่องแล้วครับ! ตอนนี้ในชั้นใต้ดินเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องเลยครับ เหมือนว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนถูกลูกตุ้มฟาดอย่างแรงจนร่างกายไปแปะติดกับผนังของห้องครับ"
"งั้นแกรีบตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดทันทีเลย เดี๋ยวฉันจะรีบลงไป!"
อุลรีบทำการเช็คกล้องวงจรปิดที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขา สอดส่องดูภายในห้องโถงชั้นใต้ดินทันทีเหมือนว่าที่ได้ยินมาจะเป็นความจริง เมื่อเห็นดังนั้นแล้วจึงรีบออกจากห้องไปทันทีโดยที่มีโลแกนเดินไปด้วย
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ? เห็นรีบเชียว!"
"อุบัติเหตุในห้องโถงชั้นใต้ดินนะ ดูเหมือนว่าจะมีคนได้รับบาดเจ็บหนึ่งคน ถูกลูกตุ้มฟาดจนร่างกายไปติดกับผนังห้อง" เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะที่กำลังเร่งฝีเท้า
"อย่าบอกนะว่าคนที่บาดเจ็บก็คือ?"
"อย่างที่นายคิดแหละ"
"แต่ว่าเครื่องนั่นมันเสถียรมากนะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าไม่ไปเปิดระดับสูงสุดของเครื่องนั้น และอีกอย่างเพื่อความปลอดภัยเลยจำเปิดต้องใช้รหัสในการเปิดใช้งานเท่านั้น ไม่น่าจะมีใครที่รู้รหัสได้นิ?"
"นายเป็นคนที่ฉลาดแต่ก็โง่ในเวลาเดียวกัน เพราะอะไรรู้ไหม? สิ่งที่นายไม่สนใจมักจะเอาไว้ท้ายสุดหรือบางทีนายก็แทบจะไม่สนใจเลย หมายความว่า! ไอ้รหัสที่นายบอกฉันเห็นมันแปะอยู่ข้างๆเครื่องอย่างไงละ!"
"ก็ว่าจะเอาไว้ตอนที่จัดการรายงานเสร็จแหละ แต่ว่ามันลืม ก็ช่วยไม่ได้นี่น่า"
"เอาเถอะ! อย่างไงตอนนี้ก็รีบไปที่เกิดเหตุก่อน" พอจบการสนทนาแล้วอูลก็รีบลงลิฟต์ไปที่ชั้นใต้ดิน
เมื่อทั้งสองมาถึงสถานที่เกิดเหตุก็ต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกตุ้มที่ทับร่างกายของจินเละไม่เป็นชิ้นดี กระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆบางชิ้นก็ผุดออกมาจากผิวหนัง เลือดแตกกระจายออกไปยังรอบข้าง กะโหลกยุบดวงตาถลน สภาพมันไม่ต่างอะไรกับก้อนเนื้อ ถ้าไม่บอกว่านี่เคยเป็นของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
อูลและโลแกนที่เห็นดังนั้นต่างก็พูดไม่ออก พยายามมองไปยังรอบเห็นผู้ช่วยของโลแกนที่ช็อกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาพยายามเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ทั้งสองพูดมามันกลับไม่เป็นภาษาเลยแม้แต่นิด
เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดโดยรวมแล้วเลยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปทั้งหมดเหลือเพียงแค่จำนวนคน เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แล้วให้พวกเซร่าไปพักสงบสติอารมณ์ก่อนถามถึงเหตุการณ์ โดยที่ปล่อยร่างที่เละเป็นก้อนเนื้อของจินไว้ตรงนั้นรอให้ฟื้นตัวเอง
หลังจากที่ทั้งสองเริ่มได้สติกลับมา โลแกนกับอูลที่รออยู่นั้นก็เข้ามาถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งสองพูดทั้งที่กุมมือกันแน่น
1 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ
หลังจากที่โลแกนขึ้นไปหาอูลข้างบน ขณะนั้นเองจินก็กำลังฝึกอยู่ โดยมีเซร่าและจิลสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ด้วยความเบื่อหน่ายที่การทดสอบไม่คืบหน้าสักที จิลที่เริ่มเบื่อๆก็พูดขึ้นมาว่า "น่าเบื่อ!"
"เธอพูดอะไรออกมานะ" เซร่าพูดขึ้นหลังจากได้ยินที่เธอนั้นบ่น
"ก็บอกว่าน่าเบื่อไง? ไม่มีอะไรคืบหน้าอย่างนี้มันจะไปใช้พลังได้อย่างไร? ในเมื่อมัวแต่ทำอะไรเดิมๆแบบนี้" จิลเริ่มที่จะโวยวายเหมือนเด็ก
"ก็ช่วยไม่ได้นิ ในเมื่อหัวหน้าสั่งมาแบบนี้ก็ต้องทำตาม"
"ไอ้หัวหน้าบัดซบ! มัวแต่ทำอะไรอืดอาดอยู่ได้ และไหนจะยังกำซับนะอีกว่าห้ามไปยุ่งอะไรกับเครื่องนี้เด็ดขาด มันจะอะไรกันนักกันหนา?" จิลเดินไปที่เครื่องนั้นแล้วพยายามส่องหาอะไรบางอย่าง
"จะทำอะไรนะ หยุดเลยนะ หัวหน้าก็กำชับอย่างแน่นหนาแล้วนี่ว่าอย่าไปยุ่ง" เซร่าพยายามตะโกนห้าม
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าเกิดมันใช้ได้ขึ้นมาพวกเราเองอาจจะได้รับคำชมหรือไม่ก็เลื่อนขั้นเป็นค่าตอบแทนก็ได้นะ"
ตอนนี้จิลไม่ฟังเซร่าเกี่ยวกับคำเตือนแล้ว เธอไปเห็นปุ่มเพิ่มระดับของเครื่องแล้วทำการกดปุ่มทันที แต่ว่ามันต้องใช้รหัสในการยืนยันในการใช้งาน
"รหัส? อะไรหว่า?" เธอเหลือบไปยังข้างของเครื่องเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ ในนั้นเขียนตัวเลขไว้ 1025 "นี่ไง!"
-ยืนยันเรียบร้อย
-รหัสถูกต้อง ทำการเปิดใช้งานระดับสูงสุด
เครื่องเริ่มทำงานทันทีที่ป้อนรหัสเสร็จ จินที่ปรับตัวไม่ทันเลยกระเด็นหลุดออกมาจากเครื่องทันทีในสภาพล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
"ไงล่ะ นี่แหละระดับสูงสุดที่นายฝึกอยู่ราวกับเป็นแค่เครื่องเล่นเด็กไปเลย" จิลพูดเยาะเย้ยใส่จินพร้อมชี้หน้าด้วยท่าทางอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
"พอได้แล้วจิลหยุดเครื่องได้แล้ว!" เซร่าตะโกนใส่จิล
ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครคาดคิดก็มีลูกตุ้มอันหนึ่งหลุดออกมาจากเครื่อง ด้วยแรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้มันพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วใส่เซร่าที่ยืนอยู่
ในช่วงนั้นราวกับนานหลายนาทีภาพหลากหลายทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ได้หลั่งไหลเข้ามาที่หัวด้วยความเร็วแสงเธอคิดได้แต่เพียงว่า "นี่สินะ จุดจบของตัวฉัน" เธอหลับตาลงพร้อมกับยอมรับชะตากรรม และไม่คิดว่าจะรอดจากสถานการณ์ตรงนี้ได้
จู่ๆก็มีมือๆนึ่งเข้ามาผลักเธอออกไป เมื่อลืมตามองออกมาเห็นจินที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ผลักเธอออกจากระยะของลูกตุ้ม ตอนนั้นเองเธอนึกคำพูดคำหนึ่งของจิลที่ได้เคยพูดไว้กับเธอ "เธอไม่คิดว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นหรอ?" ร่างกายของจินเองนั้นถูกลูกตุ้มชนจนไปติดกับผนัง
ณ เวลาปัจจุบัน
ทั้งสองได้เล่าเรื่องทั้งหมดกับอูลและโลแกนแล้ว จิลก็กล่าวขอโทษมา "ขอโทษนะคะ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้"
"มันเป็นไปได้ด้วยหรอ? ที่ว่าเขามาผลักเธอออกไป ระยะขนาดนั้นฉันว่าไม่น่าจะทัน" อูลสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น "เซร่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?" เขาถามเพื่อความแน่ใจ
"ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่เหมือนกัน บางทีฉันอาจจะตาฟาดไป?" เซร่าพูดในขณะที่มือข้างหนึ่งจับแขนอีกข้างหนึ่งไว้แน่น
"จะคิดอย่างไรก็แทบจะเป็นไปไม่ได้"
ทันใดนั้นโลแกนก็พูดขึ้นมาพร้อมกับโชว์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องอีกมุมหนึ่งให้ดู "แต่มันเป็นไปแล้วสำหรับในตอนนี้"
สิ่งที่อูลนั้นได้เห็นในวิดีโอนั้นทำเอาเขาต่างก็อึ้งไปเหมือนกัน ขาและแขนก็เริ่มที่จะสั่นไม่ใช่เพราะกลัวแต่อย่างไรแต่ดีใจด่างหาก พลางฉีกยิ้มออกจนปากแทบจะฉีกถึงหู ในที่สุดแล้วจินก็สามารถใช้พลังของ "นัมเบอร์"ได้สักที ....
ณ แถบเขตชานเมืองชาร์ (ตอนกลางวัน) ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เลโอได้แอบแฝงตัวเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อทำการสืบค้นข้อมูลบางอย่างที่ดีลเลอร์ไหว้วานให้เขาช่วย เพราะว่าตนเองนั้นติดธุระที่อื่นมาไม่ได้
เขาปลอมตัวเหมือนคนเข้าไปใช้บริการตามปกติ แล้วค่อยเดินไปทั่วๆทั้งโรงพยาบาลเพื่อดูลาดเลา เหมือนว่าที่เขาต้องการจะเป็นข้อมูลของผู้ที่เสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยที่ดีลเลอร์ได้ทำการจดรายชื่อมาให้แล้วเรียบร้อย การแฝงตัวนั้นเป็นไปอย่างเรียบเนียนไม่มีใครจับได้เพราะว่าคนไข้มากมายก็ต่างเข้ามาใช้บริการอย่างล้นหลาม ทั้งคนแก่ เด็ก วัยรุ่น หรือคุณแม่ที่มาฝากครรภ์ ทำให้ไม่น่าจะมีใครที่สงสัยในตัวฉัน
(เจอแล้วห้องเป้าหมาย แต่ว่ามีคนคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องจะทำอย่างไรดี? ถ้าขืนบุกเข้าไปมีหวังแผนแตกแน่ๆ) ในตอนที่กำลังคิดอยู่นั้นเองก็มีเด็กน้อยผมสั้นคนหนึ่งที่เข้ามาดึงที่กางเกงของเลโอแล้วก็พูดขึ้นว่า "นี่ลุงมาทำอะไรแถวนี้หรอ? ดูน่าสงสัย อย่าบอกนะว่า..." ในตอนนั้นเลโอคิดได้แต่เพียงว่า "แย่แล้ว ไม่ทันได้ระวังตัวไม่คิดว่าจะมีเด็กอยู่แถวๆนี้ แผนแตกแน่เลย"
"แอบหนีคุณพี่สาวพยาบาลมาใช่ไหม? ถึงดูท่าทางเลิกลั่กอย่างนี้" ในตอนที่หัวใจตกไปอยุ่ที่ตาตุ่มก็ค่อยชื้นใจขึ้นมาหน่อย เหมือนว่าเด็กนี่จะยังไม่รู้ โอเค ถ้าอย่างนั้น...
"นี่ๆคุณพี่ยาม เมื่อกี้ผมเห็นคนที่ดูน่าสงสัยเขาด้อมๆมองๆ อยู่ตรงนั้นนะ" แล้วก็ชี้มือไปตรงที่เลโออยู่
เมื่อยามที่เฝ้าเห็นดังนั้นแล้วก็มองไปที่เด็กน้อยชี้ ตอนแรกก็นึกว่าเด็กคนนี้ล้อเล่น แต่ขณะเองก็เริ่มมีเสียงเท้าดังขึ้นแล้วกำลังวิ่งออกไป ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นยามทั้งสองเลยรีบวิ่งตามไปทันที แล้วก็ดันวิ่งไปชนคนที่เดินผ่านมาล้มลงก้นจ้ำเบ้า
"ขอโทษครับ ผมไม่ได้มองทางให้ดีเอง" ยามคนหนึ่งกล่าวขอโทษพร้อมยื่นมือออกไป
ชายคนนั้นที่สวมหมวกจับมือยามแล้วลุกขึ้น "ไม่เป็นไรครับ ทางนี้เองก็ไม่ดูทางให้ดีเหมือนกัน"
"เฮ้ยรีบไปกันเถอะ จะปล่อยให้พวกหน้าสงสัยหนีไปไม่ได้" ยามอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทีที่รีบร้อน
"เข้าใจแล้ว!" แล้วหันไปถามชายที่เดินชนนั้นว่า "ไม่ทราบว่าเห็นใครวิ่งผ่านไปหรือป่าวครับ?"
"เห็นครับ! เขาดูทีท่ารีบเหมือนหนีอะไรสักอย่างอยู่ ไปทางนั้นครับ" แล้วชี้ไปที่ทางเดินที่มีเลี้ยวหักซอก
"ขอบคุณมากครับ" หลังจากนั้นยามทั้งสองก็รีบไปยังทางที่ชายคนนั้นบอกอย่างเร่งรีบ
ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มนั้นพร้อมกับลูปที่หัวอย่างอ่อนโยน "ขอบใจมากหนูน้อย" จริงแล้วชายคนนั้นคือเลโอที่ใช้พลังของ "นัมเบอร์" ดึงความสนใจยามทั้งสอง
"ไหนล่ะ!...ของตอบแทน?" เด็กน้อยนั้นทำหน้ามุ่ยมองบน
"เข้าใจแล้ว...งั้นนี่!" เลโอหยิบลูกอมในกระเป๋าจำนวนหนึ่งออกมาให้เด็กคนนั้น "แล้วอีกอย่างนะ หนูรีบกลับไปหาคุณแม่ได้แล้ว ท่านจะเป็นห่วงเอา"
เด็กน้อยคนนั้นวิ่งจากไปด้วยรอยยิ้มแล้วหันหลังกลับมาพูดกับเลโอ "ขอบใจนะคุณลุง นี่ผมจะเอาไปให้น้องของผมที่กำลังจะเกิดในอีกไม่นานนี้"
"อย่างน้อยก็ควรรอให้น้องนายโตก่อนสิ!"
หลังจากนั้นเด็กคนนั้นก็รีบเดินกลับไปหาแม่ของตนเองโดยที่หอบลูกอมวิ่งไปอย่างร่าเริง....
"เอาละ! อย่างที่หมอนั่นบอกมาที่นี่จำเป็นต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้า แล้วก็ยื่นไอ้นี่มาให้" เขาหยิบบัตรหนึ่งไปออกมาจากกระเป๋าเสื้อ "ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าบัตรใบนี้จะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีโอกาสแก้ตัว" แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่กล้องวงจรปิด แล้วก็นึกคำพูดของดีลเลอร์ขึ้นมา ตอนที่เขามาไหว้วาน
"จะให้ฉันลอบเข้าไปเพื่อเอาข้อมูลคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล?!"
"ครับ! ถ้าเป็นท่านเลโอต้องทำได้แน่ ถ้าใช้พลังนั้นละก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ"
"พลังของฉันไม่ได้สามารถตบตากล้องวงจรปิดได้นะเว้ย!"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปครับ ถ้าเฉพาะในรายชื่อนี้เท่านั้นไม่เป็นไรหรอก ได้โปรดไว้ใจในตัวผม"
"คนอย่างแกมันไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่เลย" แล้วเขาก็เปิดประตูนั้นออกเพื่อเข้าในห้อง
รู้สึกว่าที่หมอนั่นบอกมาจะมีทั้งหมด 6 คน แต่ว่าเหมือนจะคนละปีกัน สองรายแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เจอแล้ว! ส่วนอีกสี่คนที่เหลือจะคนปีแตกต่างกัน
รายที่สาม เมื่อ 7ปีที่แล้ว...เจอแล้ว!
รายที่สี่ เมื่อ 10ปีที่แล้ว.....เจอแล้ว!
รายที่ห้าเมื่อ 15 ปีที่แล้ว....เจอแล้ว! ทีนี้ก็เหลืออีกแค่คนเดียวเท่านั้น
รายสุดท้ายที่หก เมื่อ 30 ปีที่แล้ว.....เอกสารเยอะชะมัด หวังว่าพวกยามจะไม่กลับมาก่อนนะ.......เจอแล้ว! แต่ว่าค่อนข้างเก่าน่าดูเลยแฮะ! เอาล่ะที่นี่จะกลับออกไปอย่างไร? ถ้าในเมื่อตอนนี้ยามทั้งสองก็น่าจะมาอยู่ที่ตรงหน้าประตูแล้ว
ทันใดนั้นเองก็มีสียงโทรศัพท์ของเลโอดังขึ้น
กริ๊ง~ เป็นสายที่โทรมาจากดีลเลอร์
"สบายดีไหมครับ?"
"เอ่อ สบายสุดๆเลย เมื่อตอนนี้ก็ได้ข้อมูลมาแล้ว แต่ฉันออกไปไม่ได้นายทำอะไรสักอย่างไม่ได้หรอ?" เขาพูดพร้อมกัดฟันกรอดๆไปด้วย
"ถ้าผมให้สัญญาณเมื่อไหร่ก็ออกไปได้เลยนะครับ"
"เฮ้ย! นี่ฉันเข้ามามันก็เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ป่านนี้ยามคงกลับมาประจำที่แล้วมั้ง?"
"3....2...." ตอนนี้เสียงนับถอยหลังของดีลเลอร์ดังขึ้นโดยที่เลโอไม่ทันได้ตั้งตัว
"เดี๋ยวสิ!"
"1...ออกมาได้แล้วครับ!" ทันทีที่เลโอเปิดประตูออกก็พบกับดีลเลอร์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาส่งยิ้มพร้อมพุดทักทายกลับมา "ยินดีด้วยครับท่านเลโอ"
"แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ ไหนว่าติดธุระที่อื่นไง?"
"เมื่อผมทำธุระเสร็จแล้วก็รีบมายังที่นี่ไงละครับ เอาละพวกเราก็รีบไปกันเถอะ"
เลโอที่เห็นบางอย่างผิดปกติจึงถามไปว่า..."พวกคนไข้ที่มาใช้บริการหายไปไหนกันหมดแล้ว?"
"เรื่องนั้นไว้ค่อยตอบทีหลัง เอาเป็นว่าตามผมมาทีครับ พวกเราต้องรีบแล้ว"
เลโอที่ได้ดีลเลอร์เข้ามาช่วยเอาไว้เลยทำให้หนีออกมาจากโรงพยาบาลด้วยทางที่ได้จัดเตรียมไว้ให้อย่างราบรื่น จนพ้นเขตของโรงพยาบาลมาที่ตรอกซอยแห่งหนึ่ง
"แล้วของที่ได้ไหว้วานให้ไปหามาได้หรือเปล่าครับ?"
"นี่หรอ? เอาไปสิ! แต่ว่าทำไมถึงต้องการข้อมูลของคนที่ตายแล้วด้วยละ" เลโอยื่นเอกสารให้กับดีลเลอร์ และเกิดสงสัยว่าทำไมวันนี้ถึงมีเสียงไซเรนของรถตำรวจดังอยู่หลายคัน ไหนอีกทั้งจะมีเฮลิคอปเตอร์อีก "ทำไมวันนี้ถึงเสียงดังกันจัง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?"
"ไม่ต้องไปสนใจเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอกครับ พวกเขาก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น" ตอนนี้ดีล-เลอร์กำลังตรวจสอบเอกสารที่เลโอนำมาให้
"ไม่ใช่ว่ามาจับพวกเราหรอกนะ บุกเข้าไปในห้องเก็บเอกสารของโรงพยาบาลโดนประกาศจับก็ไม่แปลก" เขาพูดอย่างสบายใจ
"เรื่องนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกครับ" ดีลเลอร์พูดอย่างหนักแน่น "เรียบร้อย ตรวจสอบทั้งหมดแล้วที่เหลือก็แค่นำไปเปรียบเทียบกับเอกสารที่ผมมีอยู่งานก็จบ"
"งั้นไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม? แต่นายเป็นคนจ่ายนะ! ถือซะว่าเป็นค่าจ้างของฉันในคราวนี้ละกัน" เลโอเดินออกจากซอยนั้นอย่างสบายใจเฉิบพร้อมผิวปาก
"ครับ!ถือว่าก็คุ้มอยู่" แล้วดีลเลอร์ก็เดินตามไป....