นักล่า คืออาชีพสำคัญที่ทุกเมืองจำเป็นต้องมี เพราะด้านนอกเมืองมีเหล่าสัตว์ประหลาดที่ไม่ทราบที่มาหลั่งไหลเข้ามาทุกวัน สัตว์ประหลาดแต่ละตัวจะมีผลึกสีชมพูถูกฝังอยู่ในตัวของพวกมัน ผลึกเหล่านี้สามารถนำไปแปรสภาพเพื่อใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่เป็นแหล่งพลังงานไปจนถึงเร่งการเจริญเติบโตพืชหรือสัตว์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผลึกแต่ละก้อนจะให้ระดับพลังงานที่แตกต่างกันไป ยิ่งสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งเท่าไหร่ ผลึกในตัวของพวกมันก็ยิ่งมีระดับพลังงานที่สูงขึ้นเท่านั้น และพลังงานที่สูง ก็ย่อมจะมาพร้อมกับราคาที่สูงเช่นกัน
การขายอาวุธและชุดเกราะกลายเป็นการค้าที่เติบโตได้รวดเร็วที่สุดในยุคสมัยนี้ ยิ่งอาวุธมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อนักล่ามากขึ้นเท่านั้น แต่ก็แลกกับราคาที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน การที่เป็นธุรกิจที่เติบโตได้ง่ายนั้น ก็ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูง บริษัทค้าอาวุธหลายแห่งมักจะจ้างหรือให้การสนับสนุนนักล่าที่เก่งกาจ เพื่อใช้พวกเขาเหล่านั้นในการโฆษณาสินค้าของตนเอง นักล่าระดับสูงหลายคนจึงมักจะถูกซื้อตัวไปอย่างรวดเร็วโดยบริษัทค้าอาวุธเหล่านั้น โดยเฉพาะนักล่าที่มีความสามารถพิเศษที่เรียกว่าพลังจิต
สัตว์ประหลาดระดับสูงที่พวกเขาเรียกใหม่ว่าสัตว์อสูร พวกมันมีความสามารถพิเศษเหมือนกับหลุดมาจากเทพนิยาย ล่องหนหายตัว พ่นไฟ สะกดจิต ความสามารถอัศจรรย์ที่มีแต่ในโลกนิทาน ตอนนี้และในโลกใหม่แห่งนี้ มันกลับกลายเป็นจริง สัตว์อสูรเหล่านี้มีความสามารถที่ยากจะต่อกร แต่หากเป็นผู้ที่มีพลังจิต พวกเขาสามารถที่จะต่อกรกับสัตว์อสูรได้อย่างสูสี ด้วยอาวุธคุณภาพสูงและพลังจิตที่พวกเขามี
นอกตัวเมืองด้านทิศตะวันออก ชีฟเดินเตร็ดเตร่ไปตามตึกร้างต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองในยามเช้า เขาตระเวนหาสัตว์ประหลาดตัวเล็ก ๆ สำหรับฝึกซ้อมการต่อสู้ของเขา สุนัขหมาป่ากับแมงมุมขนาดเท่ารถเก๋ง พวกมันเคลื่อนไหวเร็วพอตัว แต่ก็ไม่เร็วไปกว่ากระสุนปืนของชีฟ บางตัวก็มีความสามารถอยู่บ้าง พวกมันกระโดดหลบไปซ้ายทีขวาที่ แต่นั่นก็แค่ทำให้ชีฟเปลืองกระสุนเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ชีฟมองผลึกในกระเป๋าที่หาได้ มันมีน้อยมาก อาจจะไม่คุ้มค่ากระสุนที่ใช้ไปด้วยซ้ำ นั่นทำให้ชีฟเกิดอาการท้อแท้ขึ้นมาเล็กน้อย ชีฟเดินเตะฝุ่นอย่างสุดเซ็งไปเรื่อย ๆ จนไปได้ยินการสนทนาบางอย่างของนักล่ากลุ่มหนึ่ง
"รอยเท้าเล็ก ๆ แบบนี้มีวานรล่องหนกลุ่มใหม่เข้ามาแถวนี้อีกแล้วใช่มั้ย"
"น่าจะใช่ ห้างข้างหน้านั่นมันมีชั้นใต้ดินอยู่ พวกมันคงจะเข้าไปหลบซ่อนในนั้น"
บทสนทนานี้น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับชีฟ เพราะวานรเหล่านี้จัดการง่ายมากสำหรับเขา ชีฟไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปยังห้างดังกล่าวทันที
เดินมาได้สักพักชีฟก็เจอเข้ากับตึกสูงสี่ชั้น ที่ด้านข้างมีทางลาดลงไปเหมือนกับทางเข้าลานจอดรถ ชีฟรู้ทันทีว่าจะหาวานรเหล่านั้นได้ที่ไหน ตรงทางเข้านั้นยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง แต่ยิ่งลึกเข้าไปแสงสว่างก็ยิ่งน้อยลง
ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบปรากฏขึ้นมาทันทีที่ชีฟเดินเข้ามาจนถึงสถานที่ที่แสงส่องไม่ถึง รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าภายใต้หมวกสีดำ
แค่เพียงชั่วโมงเดียว วานรล่องหนจำนวนมากก็โดนกวาดล้างจนหมด นั่นทำให้ครึ่งหนึ่งของกระเป๋าสะพายนั้นเต็มไปด้วยผลึกขนาดเล็กจำนวนมาก
ชีฟสะพายกระเป๋าเดินออกจากลานจอดรถอย่างสบายใจ และเมื่อเดินกลับมาในที่ที่มีแสงสว่าง ๆ อยู่ดีดีความรู้สึกเสียวสันหลังก็วาบขึ้นมาอีกครั้ง ชีฟตั้งปืนขึ้นก่อนจะหันไปยังทิศทางที่มาของความรู้สึก
ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นก่อนจะโวยวายเล็กน้อย
"เฮ้ ๆ เราเป็นนักล่าเหมือนกัน"
ชีฟแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะคิดว่าตัวเองนั้นคงคิดมากไป จากนั้นก็ลดปืนลงแล้วเดินต่อไปโดยทิ้งชายคนนั้นไว้ด้านหลัง
เมื่อสบโอกาสชายคนดังกล่าวยกปืนพกขึ้น แล้วยิงใส่กลางหลังศีรษะของชีฟ กระสุนพุ่งโดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง ร่างเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่ม ล้มหน้าทิ่มไปกับพื้น
ชายคนนั้นเดินมาดูผลงานของตัวเองก่อนจะพบว่าจุดที่ยิงมีเพียงแค่รอยบุบเล็กน้อยเท่านั้น แต่แรงกระแทกก็มากพอจะทำให้เด็กวัยสิบสามอย่างชีฟ มึนศีรษะจนลุกไม่ขึ้น
อีกหนึ่งชายและสองหญิงออกมาจากที่ซ่อน ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งจะเสนอความคิดเห็นอันแสนอุบาทว์
"ถอดหมวกมันออกแล้วระเบิดหัวมันเลย เกราะหนาขนาดนี้น่าจะแพงน่าดู"
ชายคนที่ใช้ปืนพกพยักหน้าเห็นด้วย
"ได้"
ชายเจ้าของปืนพกเดินเข้าไปหาชีฟอย่างช้า ๆ เมื่อชายคนนั้นถอดหมวกออก กระสุนจากไรเฟิลจู่โจมก็ทะลุศีรษะที่ไร้เครื่องป้องกันไปอย่างรวดเร็ว ชายเจ้าของปืนพกล้มหน้าทิ่มไปกับพื้นและสิ้นชีพไปในทันที
เจ้าของกระสุนนัดนี้คือฮิก เขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะเอาปืนจ่ออีกสามคนไว้
"วางอาวุธลง"
หนึ่งชายสองหญิงทิ้งปืนพกและปืนกลเบาของตัวเองอย่างไม่เต็มใจ ฮิกค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มก่อนจะพลิกตัวให้นอนหงาย เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก
"ไอ้หนู"
ฮิกตบหน้าชีฟไปหลายทีเพื่อเรียกสติ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วใช้มือซ้ายที่ไม่ได้ถือปืนหยิบหมวกมาใส่หัวของชีฟเหมือนเดิม
"ชีฟ ตื่น"
ชีฟที่ได้สติค่อย ๆ ลุกขึ้นมาด้วยความมึนงง ก่อนจะเอามือกุมศีรษะของตัวเองด้วยความเจ็บปวด ฮิกเมื่อเห็นว่าชีฟได้สติแล้วก็ใช้ให้ชีฟไปเอาเชือกที่หลังรถ ก่อนจะเอามามัดตัวสามคนที่เหลือเอาไว้
ฮิกนั่งคุยอยู่กับชีฟสักพัก เพื่อรอพ่อค้าทาสมาซื้อคนทั้งสามไป ในยุคสมัยนี้ การเข่นฆ่ากันเกิดขึ้นได้ง่ายมาก หากอยู่ในเมืองคุณอาจจะได้รับความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ของเมือง แต่เมื่อออกมานอกเมือง ด้วยยุคสมัยที่แค่ดูแลคนในกำแพงยังจะไม่ไหว คนนอกกำแพงเลยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใครที่คิดออกมานอกกำแพงคุณจะต้องปกป้องตัวเอง
และด้วยความโหดร้ายของโลกนอกกำแพง ที่แค่สัตว์ประหลาดก็อันตรายอยู่แล้ว ยังต้องมาระมัดระวังคนด้วยกันอีก ด้วยเหตุผลข้อนี้ทางเมืองและเหล่านักล่าจึงร่วมกันตั้งกฎขึ้นมา หากนักล่าคนไหนเข่นฆ่าผู้อื่นโดยไร้เหตุผล ทางเมืองจะไม่ยอมให้บุคคลนั้นเข้าไปอาศัยในเมืองเด็ดขาด หรือหากใครลักลอบเข้าไปก็จะต้องถูกจับ และถูกส่งตัวให้กับคู่กรณีในการดำเนินการต่าง ๆ ตามใจชอบ ส่วนองค์กรนักล่าหลายองค์กรก็จะปฏิเสธรับคนพวกนี้เข้าเป็นพวก นั่นทำให้คนเหล่านี้พัฒนาตัวเองได้ยากขึ้น การล่าเป็นกลุ่มนั้นย่อมดีกว่าการล่าด้วยตัวคนเดียว นั่นทำให้นักล่าทั้งหลายจึงพยายามรักษากฎและไม่เข่นฆ่ากันเองโดยไร้เหตุผล
การคิดฆ่าผู้อื่นยังมีข้อเสียอีกอย่างคือ เมื่อคุณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ก็สามารถถูกจับเป็นทาสได้ตามกฎหมายของเมือง บุคคลเหล่านี้จะถูกใช้งานเยี่ยงทาสจนกว่าจะชดใช้โทษที่ตัวเองได้ก่อไว้จนหมด
ไม่นานพ่อค้าทาสก็มาถึง ทั้งสามคนมีรายชื่ออยู่ในใบประกาศจับ หนึ่งในสามเป็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี นั่นจึงทำให้ฮิกได้เงินล้านมาอีกครั้ง แต่หญิงสาวอีกคนมีรูปร่างที่ไม่สามารถยั่วยวนใจชายได้เลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เธอมีราคาถูกเป็นอย่างมาก และพวกนี้ก็เป็นเพียงแค่โจรกระจอกที่แทบจะไร้ราคา ฮิกจึงตัดสินใจไม่ขายพวกเขา
เมื่อพ่อค้าทาสจ่ายเงินและจากไป ฮิกก็หันมามองชีฟ เขารู้ว่าเจ้าหนูนี่จะถูกฝึกให้กลายเป็นนักล่าเต็มตัวโดยบริษัทพัฒนาชุดเกราะบริษัทหนึ่ง แต่เหมือนบริษัทแห่งนี้จะมีงบประมาณไม่มากนัก นั่นทำให้พวกเขาทำได้แค่เพียงสนับสนุนชีฟแค่เพียงสิ่งของเท่านั้น แต่การฝึกกลับปล่อยให้เด็กคนนี้ออกมาฝึกด้วยตัวเอง สำหรับเด็กซื่อ ๆ อย่างชีฟนั้นมันอันตรายเป็นอย่างมาก
ฮิกบอกให้ชีฟถือปืนและลุกขึ้นยืน ก่อนจะให้เล็งไปทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วประคองมือชีฟจากด้านหลัง เหมือนชีฟจะรู้ว่าฮิกจะให้ทำอะไร แต่ชีฟก็ยังถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
"จะให้ผมทำอะไรเหรอ"
มือของชีฟสั่นเทา เพราะเขากำลังจะได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
เมื่อฮิกเห็นอาการของชีฟ ก็พูดขึ้นว่า
"ไม่ฆ่าเขาเขาก็ฆ่าเรา เคยได้ยินมั้ย คนพวกนี้มันเป็นเพียงแค่เศษเดน แค่เหนี่ยวไก ทุกอย่างก็จบ โลกจะสะอาดขึ้นเยอะ"
ปืนในมือของชีฟนั้นสั่นหนักกว่าเดิมชีฟเอาปืนไปจี้ใส่หน้าผากของหญิงสาวอย่างจำใจ เพราะเสียงของฮิกในตอนนี้น่ากลัวมาก ชีฟเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อหญิงสาวร้องขอชีวิต
"อย่าฆ่าฉันเลย ฉันมีลูกที่ต้องดูแล"
เธอขอร้องทั้งน้ำตา แต่คำพูดส่วนหนึ่งของเธอเป็นเพียงแค่การโกหกเท่านั้น แต่ถึงเธอจะมีลูกจริง มันก็ไม่ใช่เหตุผลอะไรที่เธอจะเอามาอ้างสิทธิ์เพื่อปล้นฆ่าผู้อื่นได้
ฮิกจับหัวของชีฟให้หันไปมองเหยื่อตรงหน้า ก่อนจะถอดหมวกออกเพื่อดูว่าชีฟแอบหลับตาหรือเปล่า และก็เป็นดังคาด ชีฟหลับตาเอาไว้จริง ๆ ฮิกอารมณ์เสียเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุและกดดันหนักกว่าเดิม
"ลืมตาเดี๋ยวนี้ชีฟ"
ฮิกใช้วิธีเรียกชื่อมากกว่าจะเรียกไอ้หนูเฉย ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายฟังเขามากขึ้น เขาตีแก้มชีฟไปหลายทีเพื่อบังคับให้ชีฟลืมตา
พอเห็นว่าชีฟลืมตาและมองเหยื่อ ฮิกก็บังคับให้นิ้วของชีฟเหนี่ยวไกทันทีโดยไม่ให้ทันตั้งตัว กระสุนเจาะศีรษะหญิงสาวตรงหน้าจนเป็นรูต่อหน้าต่อตาของชีฟ น้ำหยดใส ๆ ไหลอาบเต็มสองข้างแก้ม ฮิกกอดชีฟเอาไว้ ก่อนจะพยายามปลอบให้เด็กในอ้อมกอดของเขาหยุดร้องไห้
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ทำดีแล้ว"
แม้จะยังมีน้ำตาอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าชีฟหยุดร้องแล้ว ฮิกก็ให้ชีฟเล็งปืนไปที่ชายอีกคนที่เหลืออยู่ ชายคนนั้นน้ำตาไหลพราก แต่ก็เหมือนจะทำใจได้ เพราะเขาไม่ร้องออกมาเลย และยังหล้บตาลงรอรับความตายอีกต่างหาก
ฮิกออกคำสั่งกับชีฟให้ยิง
"ชีฟ ยิงได้แล้ว"
ฮิกมองชีฟที่แม้จะเล็งปืนไปที่อีกฝ่ายแต่ก็ยังลังเลที่จะยิง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะคอกด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
"ยิง!"
ชีฟสะดุ้งโหยงแล้วเผลอลั่นไกออกไป ชายตรงหน้าสิ้นชีพทันทีโดยไม่ต้องสงสัย ชีฟปล่อยปืนให้ล่วงลงพื้นพร้อมกับอาการช็อก แม้จะมาจากความตกใจ แต่คนที่เหนี่ยวไกคราวนี้คือเขาเอง ฮิกไม่ได้บังคับมือของชีฟเลยแม้แต่น้อย
ฮิกเก็บปืน S223 ขึ้นมาให้ ก่อนจะเอาชีฟเข้ามากอดไว้เพื่อปลอบประโลม
"ทำดีแล้วไอ้หนู"
จากนั้นฮิกตัดสินใจเอาชีฟไปส่งคืนครอบครัว เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ
ระหว่างทางฮิกยังเอาผลึกที่ชีฟได้มาไปขายให้กับผู้รับซื้อและเอาเงินทั้งหมดโอนให้ชีฟโดยไม่คิดค่าบริการ และเมื่อมาถึงที่พัก ฮิกก็เรียกชิซูกะออกมา ชีฟเดินเข้าไปกอดชิซูกะไว้แน่น คราบน้ำตาที่เปรอะบนเสื้อของเธอทำให้เธอรู้ว่าชีฟกำลังร้องไห้ ชิซูกะถลึงตามองฮิกทันที
"นายทำอะไรชีฟน่ะ"
ฮิกยื่นปืนกับหมวกของชีฟส่งให้กับชิซูกะแล้วตอบกลับไปว่า
"ฉันช่วยไอ้หนูนี่เอาไว้ต่างหาก"
จากนั้นฮิกก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป ชิซูกะที่ยังไม่ได้คำตอบพยายามจะโวยวาย
"นี่เดี๋ยว"
แต่ฮิกก็ไปไกลแล้ว ชิซูกะทำได้แค่เพียงพาชีฟเข้าไปในห้องของเธอก่อนจะให้ชีฟนอนกอดเธอจนกระทั่งหลับไป
เมื่อชีฟหลับ ชิซูกะก็โทรหาคนบางคนแล้วโวยวายชุดใหญ่ทันที
ในร้านอาหารของเหล่านักล่า คริสเดินเข้ามาในร้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง เพราะเขาพึ่งจะถูกหญิงสาวคนหนึ่งโทรมาโวยวายเป็นชุด ก่อนจะกวาดสายตามองหาเพื่อนซี้ของตนที่กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาวที่มีร่างกายที่สุดแสนจะเย้ายวน
คริสเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลงแรง ๆ ก่อนจะถามคนตรงหน้า
"ไปทำอะไรมา ยัยหัวแดงโทรมาโวยฉันใหญ่เลย"
"ก็แค่สอนเด็กมันนิดหน่อย"
คริสทวนคำ
"สอน! สอนอะไร"
จากนั้นฮิกก็เล่าให้ฟังว่าชีฟเกือบถูกฆ่า เขาเลยสอนให้ชีฟหัดฆ่าคนเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเอง
เมื่อคริสได้ฟังก็ตบโต๊ะเสียงดันลั่นร้าน แล้วตะคอกออกมาอย่างมีน้ำโห
"จะบ้ารึไง เด็กนั่นมันแค่สิบสาม แต่สอนให้ฆ่าคนเนี่ยนะ"
"แล้วไง คิดว่าไอ้หนูนั่นจะมีชีวิตรอดเพราะร่างกายที่แข็งแรงจากการฝึกให้แบกของหนักของนายว่างั้น โลกนักล่านะโว้ยไม่ใช่โลกจอมยุทธในทีวี"
"แต่นายพึ่งจะให้เด็กอายุสิบสามยิงกระบาลคน นายมัน"
ฮิกเริ่มมีน้ำโหบ้างและตะคอกกลับ
"ไอ้พวกนั้นมันจอปืนยิงกระบาลเด็กจากด้านหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะหมวกราคาแพงนั่น ไอ้หนูมันตายไปนานแล้ว"
หลังจากฮิกพูดจบ ทั้งสองก็เงียบใส่กัน ฮิกหันไปเสพสุขกับสาวบนตักต่อโดยไม่สนใจเพื่อน
คริสถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
"แล้วไอ้หนูนั่นเป็นไงบ้างตอนนี้"
เมื่อเห็นเพื่อนใจเย็น ฮิกก็ตอบกลับอย่างใจเย็น
"ช็อกนิดหน่อย เดี๋ยวก็คงหาย"
ที่คริสไม่เถียงเพื่อนไปมากกว่านี้เพราะเขาก็โกรธเหมือนกันที่รู้ว่าชีฟโดนยิงจากด้านหลังแบบนั้น คริสได้แต่นั่นถอนหายใจและกระดกเบียร์เข้าปากเพื่อผ่อนคลาย