".....!"
เป็นเพียงชั่วอึดใจสั้น ๆ ที่ชิโนบุกำลังจะซัดยันต์ในมือออกไป แต่แล้วแสงสีแดงก็สว่างวาบขึ้นจากกำไลขนหางบนข้อมือข้างขวา ก่อนที่ไอพลังจะแผ่กระจายออกมา พร้อมแรงกดดันที่ทำให้โอบาจิที่อยู่ข้าง ๆ เผลอตัวสั่นอย่างหวาดกลัว จนชิโนบุต้องใช้อีกมือกอดร่างเล็ก ๆ นั่นไว้
ไอพลังสีแดงอัดแน่นกลายเป็นลูกพลังขนาดเท่ากำปั้น หากแต่อนุภาพการทำลายกลับมหาศาล เพราะทันทีที่มันสัมผัสร่างของภูตตนนั้น ก็เกิดแรงอัดส่งร่างขนาดใหญ่กระเด็นไปกระแทกเข้ากับเนินทรายใกล้ ๆ คล้ายกับร่างกายถูกระเบิดจากภายใน เลือดทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ก่อนที่ร่างของมันจะถูกฉีกกระชากด้วยกรงเล็บพลังสีแดงที่ถูกส่งมาจากเจ้าของกำไล ซึ่งตอนนี้ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัว
อัลฟ่าไม่ได้พูดอะไรสักคำ เจ้าตัวแค่สะบัดมือเล็กน้อยภูตงูตนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ก็กลายเป็นเพียงเศษซากกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น
ชิโนบุมองคนที่ดูท่าว่าตอนนี้อารมณ์จะไม่ค่อยคงที่สักเท่าไร ดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขาเหมือนอยากจะขอโทษที่เมื่อกี้เข้ามาช่วยไม่ทัน แต่ว่า...
ใครเขาโกรธกันล่ะเจ้าหมาบื้อ
ถึงตัวเองจะเข้ามาช่วยไม่ทันแต่กำไลก็ช่วยไว้แล้วนี่ไง แถมอานุภาพยังสมราคาคุยซะด้วย แล้วจะรู้สึกผิดไปทำไมกันเนี่ย
"ดึงหน่อย"
อัลฟ่าเผลอชะงักไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ดวงตาคู่คมฉายแววประหลาดใจขณะจ้องมองมือที่ส่งมาให้ เพราะไม่คิดว่าสิ่งแรกที่ได้รับหลังจากปล่อยให้เจ้าตัวต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจะเป็นการขอให้ช่วยดึงขึ้นจากพื้นแบบนี้
"เร็ว"
เสียงที่ย้ำมาอีก ทำให้อัลฟ่ารีบคว้ามือข้างนั้นแล้วดึงให้เจ้าตัวลุกขึ้นยืนดี ๆ ขณะที่ดวงตาก็กวาดมองอย่างสำรวจไปทั่วว่าเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บที่ตรงไหนหรือเปล่า
"กำไลนี่เจ๋งจริง ๆ ด้วย"
"หืม?"
"ไอ้ลูกกลม ๆ ที่ปล่อยออกมาแรงน่าดูเลย เมื่อกี้ต่อให้นายไม่ซ้ำไปอีกทีภูตตนนั้นก็ไม่รอดอยู่แล้ว ใช้พลังเปลืองโดยใช่เหตุนะเนี่ย"
เสียงพูดที่ปิดท้ายเหมือนจะบ่น หากแต่เจ้าตัวกลับส่งยิ้มขอบคุณมาให้ ทำให้อัลฟ่าได้แต่ยืนกระพริบตาปริบ ๆ อยู่ตรงนั้น ก่อนที่สุดท้ายจะเผลอยิ้มตามไปด้วย จนแรงกดดันที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สลายหายไปจนหมด
พอเห็นว่าสภาพอารมณ์ของอัลฟ่ากลับมาเป็นเหมือนเดิม ชิโนบุก็ชวนเจ้าตัวกับโอบาจิให้เดินตามไปสมทบกับแบล็ก และเร็นที่ตอนนี้จัดการกับคิวคิได้เรียบร้อยแล้ว
"โทษทีโนบุจัง เมื่อกี้ฉันเผลอก็เลยปล่อยพวกมันหนีไปได้"
"ไม่เป็นไร"
ชิโนบุรู้ดีว่าเมื่อกี้ทั้งอัลฟ่าทั้งแบล็กต่างก็ตกใจ องเมียวน้อยเดินเข้าไปตบไหล่แบล็กที่กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์เบา ๆ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับร่างของคิวคิ ที่ค่อย ๆ สลายกลายเป็นละอองน้ำซึมหายลงไปในพื้นทราย
"ทำไมเป็นน้ำ"
"ไม่ใช่คิวคิตัวจริงด้วย"
คำพูดของเร็นทำให้ชิโนบุยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น วันนี้เจอแต่อะไรแปลก ๆ ทั้งนั้นเลย ทั้งภูตที่สลายกลายเป็นน้ำไม่ใช่ละอองแสงตามปกติ ทั้งพวกองเมียวจิแปลกหน้าที่ใช้อาคมประหลาด ทั้งกระแสพลังประหลาดที่สัมผัสได้ ไหนจะภูตงูที่แยกร่างได้เวลาโดนฟันอีก
เอ๊ะ?
ภูตงู...
ฟ่อ ~
กว่าจะรู้ตัวว่ายังเหลือภูตงูอยู่อีกหนึ่งตน มันก็มาส่งเสียงขู่ฟ่ออยู่ข้างหลังซะแล้ว ชิโนบุกำลังจะส่งชิคิงามิออกไป แต่ก็ยังช้ากว่าสายลมคมกริบจากเร็นที่ตรงเข้าสะบั้นจนร่างมันขาดเป็นสองท่อน ก่อนจะถูกฉีกกระชากเป็นเศษเล็กเศษน้อยจนจำสภาพเก่าแทบไม่ได้ จากกระแสพลังในรูปกรงเล็บแหลมคมสีดำและสีแดงจากแบล็กและอัลฟ่า
เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่สามคนนั้นจัดการกับภูตงูนั่นลงได้ ปล่อยให้ชิโนบุได้แต่เบะปากอย่างนึกหมั่นไส้พวกเก่งเกินหน้าเกินตา ที่ตอนนี้พากันกลับไปให้ความสนใจกับเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
พอรู้ว่าต้องจัดการยังไงก็ลงมือกันซะเหมือนเป็นเรื่องง่ายเลยนะ!
"งูนี่ประหลาดมาก ถ้าไม่จัดการให้เละไปเลยก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้เรื่อย ๆ"
"อาคมที่พวกนั้นใช้ก็แปลกมากเหมือนกัน ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนจริง ๆ"
"ลองดูซากงูนั่นสิ มันสลายเป็นละอองน้ำเหมือนกับคิวคิด้วย"
ประโยคเคร่งเครียดจากอัลฟ่า แบล็ก และเร็น ทำให้ชิโนบุได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ความคิดหลาย ๆ อย่างตีกันอยู่ในหัวจนเผลอยกมือขึ้นมากุมขมับเพราะความเครียด
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
อัลฟ่าที่หันกลับมาเห็นรีบถามขึ้นอย่างเป็นห่วง ทางแบล็กและเร็นเองก็มองมาอย่างเป็นห่วงไม่แพ้กัน
"ฉันแค่นึกอะไรขึ้นได้"
"อะไร"
ชิโนบุยังไม่ได้ตอบทันที เจ้าตัวก้มลงไปอุ้มสุนาคาเคะที่เกาะขาตัวเองขึ้นมาส่งให้แบล็กที่ยื่นมือมารับไปวางแปะไว้ที่หลังอย่างรู้งาน
"ตอนแรกฉันรู้สึกว่ากระแสพลังที่สัมผัสได้มันแปลก ๆ แต่พอลองนึกดูดี ๆ ก็เริ่มจะคุ้นขึ้นมา ยิ่งเห็นคิวคิตัวปลอมกับภูตงูแยกร่างนั้นสลายกลายเป็นละอองน้ำก็เลยยิ่งมั่นใจ"
"โนบุจังรู้แล้วเหรอว่ามันคือพลังอะไร"
การพยักหน้ารับขององเมียวน้อย ทำให้ภูตระดับสูงทั้งสามเผลอขยับตัวเข้ามาฟังใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้ แต่พอเห็นสีหน้าลำบากใจของเจ้าตัวก็ได้แต่นึกสงสัย ก่อนจะพากันขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
"แต่ฉันกำลังภาวนาไม่ให้มันใช่อย่างที่ฉันคิด"
"แล้วโนบุจังกำลังคิดถึงอะไร"
"จำได้ไหมว่าตอนผนึกสามหาง เพราะพลังวิญญาณของมันมีมากเกินไปจึงถูกแยกออกมาผนึกไว้คนละที่กับร่างต้น"
ชิโนบุไม่ได้ตอบที่โดนถาม แต่กลับเลือกจะพูดไปถึงอีกเรื่องที่ทำให้คนฟังทั้งสามรวมถึงสุนาคาเคะยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ก่อนที่ทั้งหมดจะมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กันเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
"การแยกพลังวิญญาณออกจากสัตว์หางไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การทำลายผนึกเพื่อเอาพลังวิญญาณของสัตว์หางที่ถูกแยกไว้มาใช้มันไม่ใช่เรื่องยาก"
"....."
"ฉันกลัวว่าตอนนี้ผนึกจะไม่ได้ถูกทำลายแค่สามแต่เป็นห้า ในเมื่อสัตว์หางอีกสองตนอยู่ในอาณาเขตที่เราตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย"
tbc...